แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 712 เอากับดักเชือกไปกิน
หลิงม่อทิ้งเสียงคำรามด้วยความแค้นของเจ้าหัวโตไว้เบื้องหลัง แล้ววิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต
เขากลัวว่าเจ้านั่นจะเลิกไล่ตามกลางคัน จึงวิ่งไปพลาง ตะโกนเย้ยหยันไปพลาง “ความจริงแกก็แค่ดื่มสารเมลามีนมากเกินไปใช่ไหมล่ะ? แล้วหลังจากเมลามีนไปรวมตัวกับเชื้อไวรัสเลยเกิดผลข้างเคียงจนมีสภาพอย่างนี้ แต่เพื่อทำให้ตัวเองดูแตกต่างจากคนอื่น เลยหาเหตุผลดูดีมาพูด…”
“เหลวไหล!” เจ้าหัวโตโกรธขึ้งทันที ในฐานะซอมบี้ที่ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกมาก ที่ผ่านมาทันทุ่มเทแรงกายแรงใจกับเรื่องทิศทางวิวัฒนาการและกลายพันธุ์ไปตั้งเท่าไหร่! กว่าจะได้หัวโตๆ แบบนี้มาลำบากแทบตาย แต่เจ้ามนุษย์น่าตายนี่กลับมาบอกว่าเป็นผลข้างเคียงจากสารเมลามีน!
“รอให้ฉันจับแกได้ก่อนเถอะ จะหักแขนหักขาแกออกมากินซะ!” เจ้าหัวโตตะคอกเสียงเหว
“แกนี่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์เอาซะเลย…”
ตอนนี้หลิงม่อทำเต็มที่แล้ว ความจริงเขายังสามารถใช้หนวดสัมผัสอีก 1 – 2 เส้น ทว่าเขากลับไม่สามารถใช้สุ่มสี่สุ่มห้าได้ หากเทียบกันเรื่องความเร็ว เขาไม่มีทางชนะซอมบี้ราชาตัวนี้ได้แน่นอน แม้ว่ามันจะเป็นซอมบี้ราชาที่มีข้อได้เปรียบเรื่องสติปัญญาก็ตาม
เกิดถ้ามันไล่ตามมาทัน เขายังสามารถใช้หนวดสัมผัสถ่วงเวลาได้ซักเดี๋ยว
นอกจากนี้ ซอมบี้ตัวนี้ยังมีความสามารถในการกล่อมประสาทด้วย เขาต้องระวังตัวให้ดี
หลิงม่อเดาว่าเจ้าหัวโตน่าจะเหมือนกับเจ้า “วิกผม” ที่ใช้ความสามารถชนิดนี้ผ่านการคายเชื้อไวรัสออกมา
จะเปิดโอกาสให้มันไม่ได้!
เจ้าหัวโตหงุดหงิด มันไม่เคยถูกมนุษย์ด่าอย่างนี้มาก่อน!
มนุษย์พวกนั้นแค่เห็นมันก็พากันติดอ่างไปหมดแล้ว ไม่มีใครหน้าไหนกล้าเยาะเย้ยมันอย่างนี้…
อีกอย่าง…ทั้งที่ดูอ่อนแรงขนาดนั้น แต่ทำไมถึงได้วิ่งเก่งนักล่ะ!
เจ้าหัวโตไม่รู้ว่าตอนนี้หลิงม่อกำลังอ่อนแอแค่ด้านพลังจิตเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับด้านร่างกาย
ร่างกายเขาแทบไม่ได้ใช้แรงอะไรเลย เพียงแต่สภาพจิตเหนื่อยล้ามากไป ส่งผลให้ควบคุมร่างกายไม่ไหวเท่านั้น
แต่หลังจากที่พลังจิตฟื้นกลับมาได้บางส่วน เขาก็ถือว่าฟื้นตัวเต็มที่แล้ว…
แต่ว่า เจ้ามนุษย์นั่นไม่มีทางวิ่งได้เร็วกว่ามันแน่!
เจ้าหัวโตคิดอย่างแค้นเคือง แต่มันไม่คิดเลยว่าในเสี้ยววินาทีที่วิ่งเลี้ยว จู่ๆ ขาของมันจะสะดุดเข้ากับบางอย่างจนล้มหน้าคะมำไปข้างหน้า
หลิงม่อหน้าซีดเผือด แต่เขาก็ยังฝืนหัวเราะลั่น “เจ้างั่ง นั่นเขาเรียกว่ากับดักเชือกไงล่ะ!”
เจ้าหัวไม่ได้ล้มลงกับพื้น แต่เพราะไม่ได้เตรียมตัวมันเลยพุ่งชนกำแพงตรงหน้าเข้าอย่างจัง เสียงเจ้าหัวโตกระแทกเข้ากับกำแพงดัง “โครม” ไปทั่วบริเวณ
ผงปูนมากมายร่วงลงมาอาบศีรษะของเจ้าหัวโตดัง “ซ่า”
“ว๊ากกกก!”
เจ้าหัวโตระเบิดโทสะ เจ้ามนุษย์คนนี้น่าชังที่สุด!
ไม่ว่าจะสู้กับมนุษย์หรือพวกเดียวกัน มันก็ไม่เคยถูกปั่นหัวขนาดนี้มาก่อน!
ตอนนี้มันยังมีเวลาคายสารกล่อมประสาทออกมา…
เมื่อรู้สึกได้ว่าเจ้าหัวโตกำลังวิ่งพุ่งเข้ามาอย่างเดือดดาล หลิงม่อก็เตรียมพร้อมรับมืออย่างระมัดระวัง
ซอมบี้ตัวนี้สติปัญญาสูง แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่มนุษย์ ดังนั้นคำพูดดูถูกของหลิงม่อจึงใช้ได้ผลกับมันขนาดนี้
ทว่าความแตกต่างเรื่องพลังความสามารถกลับไม่สามารถทดแทนกันได้ สิ่งที่หลิงม่อเก่งที่สุดคือพลังจิต แต่ตอนนี้พลังจิตของเขากลับอยู่ในสภาวะแห้งเหือด
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่แข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา…
“มนุษย์!” เจ้าหัวโตอยู่ห่างจากหลิงม่อไม่ถึง 10 เมตรแล้ว ระยะห่างเพียงเท่านี้เพียงพริบตาเดียวก็ตามทันแล้ว
“ระวังหัว!” หลิงม่อตะโกน
เจ้าหัวโตมัวแต่ระวังเท้าตลอด จู่ๆ พอได้ยินหลิงม่อตะโกนอย่างนี้ มันจึงเงยหน้ามองเพดานโดยอัตโนมัติ
“พลั่ก!”
คราวนี้มันล้มคว่ำลงไปกับพื้นจริงๆ เพราะขณะเดียวกับที่เงยหน้า ขาของมันก็สะดุดเข้าจังๆ อีกครั้ง ไม่ล้มก็แปลกแล้ว
หลิงม่อสีหน้าซีดเผือด เขาหัวเราะร่วนและวิ่งทิ้งระยะห่างไปอีกช่วง
เสี้ยววินาทีที่เจ้าหัวโตล้มมันใช้ฝ่ามือยันตัวขึ้นทันที มันรู้สึกว่าตัวเองถูกยั่วโมโหจนสัญชาตญาณในตัวแทบจะปลุกตื่นอยู่แล้ว
เหมือนที่หลิงม่อคิดไม่มีผิด ยิ่งเป็นซอมบี้ที่ฉลาดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งถูกยั่วโมโหได้ง่ายเท่านั้น
ความจริงซอมบี้ทั่วไปไม่ได้คิดเยอะเหมือนเจ้าหัวโต และยิ่งไม่มีทางรู้สึกว่าตัวเองถูกมองเป็นคนโง่
เพราะพวกมันโง่อยู่แล้ว…
“ฉันจะกินแกซะ! ฉันจะกินแกกก! ว๊ากกกก!”
ลูกตาของเจ้าหัวโตแทบจะถลนออกมานอกเบ้าแล้ว มันจ้องไปที่ห้องบันไดเบื้องหน้า แล้วสายตาก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นคลุ้มคลั่งขึ้นมาทันที
เจ้ามนุษย์คนนี้ยังคิดจะขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมสายพันธุ์พวกนั้นอีก มันไม่มีทางเปิดโอกาสให้เขาแน่
ขอเพียงจับเจ้ามนุษย์นี้ไว้ได้ เพื่อนร่วมสายพันธุ์พวกนั้นก็จะวิ่งมาให้มันจับเอง
ดังนั้นมันจึงได้คิดว่า แผนการของตัวเองดีกว่าวิธีการล่าอย่างตรงไปตรงมาของเจ้าซอมบี้นกมาก และประหยัดแรงกว่ามากด้วย
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้ามนุษย์นี่จะจัดการยากขนาดนี้!
รู้อย่างนี้ไม่น่าคุยกับเขาตั้งแต่แรก!
ตอนนี้เจ้าหัวโตทั้งโกรธแค้นทั้งเสียใจ มนุษย์เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว!
“ยอมแพ้ซะเถอะ! ฉันไม่มีทาง…”
เจ้าหัวโตยังพูดไม่ทันจบ แต่ทันใดนั้นเงาร่างของหลิงม่อก็ไหววูบ และหายไป!
มันวิ่งมาถึงตำแหน่งที่หลิงม่ออยู่เมื่อกี้ แต่กลับมองเห็นประตูเหล็กบานหนึ่งกำลังล้มมาตัวเองพอดี
“โครม!”
เป้าหมายของหลิงม่อไม่ใช่ห้องบันได แต่กลับเป็นห้องเก็บของห้องนี้
ประตูนิรภัยแบบนี้ไม่สามารถขวางเจ้าหัวโตได้อยู่แล้ว มันยกเท้าถีบประตูปลิวออกไปทันที
ทว่าในเวลาเพียง 1 วินาที หลิงม่อกลับหนีออกไปจากห้องนี้แล้ว
เจ้าหัวโตเหลือบเห็นหน้าต่างบานนั้นตั้งแต่แวบแรก มันหรี่ตาเล็ก
“คิดว่าจะหนีพ้นหรอ? ฉันจำกลิ่นของแกได้แล้ว…เมื่อกี้แกทิ้งกลิ่นไว้ในที่เกิดเหตุ…”
“ทางนี้!” ทันใดนั้นเสียงตะโกนก็ดังมาจากนอกหน้าต่าง
“เกลียดนัก! ฉันรู้แล้วโว้ย!” เจ้าหัวโตโกรธจัด เจ้ามนุษย์นี่ชักจะอวดเก่งเกินไปแล้ว!
มันกระโดดขึ้นไปบนหน้าต่างด้วยความโกรธแค้น แต่ในเสี้ยววินาทีนั้น มันกลับรู้สึกได้ถึงอันตราย
เหมือน…มีบางอย่างกำลังเล็งเป้ามาทางมัน!
แต่ตอนนี้มันไม่มีที่ให้หลบ เจ้าหัวโตเพิ่งจะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ทันใดนั้น มันก็รู้สึกได้ถึงแรงโจมตีตรงหน้าท้อง
“โครม!”
มันกระเด็นถอยหลัง แล้วกระแทกกับพื้นอย่างแรงทันที
พอยกมือลูบท้องดู กลับพบว่าหน้าท้องเป็นแผลเหวะหวะ และมีรอยไหม้เกรียมสีดำ
หลิงม่อเงยหน้ามองไปยังจุดที่มีประกายไฟ แล้วกระดกยิ้มมุมปาก
เมื่อกี้ที่เขาตะโกนว่า “ทางนี้” เขาไม่ได้ตะโกนเรียกเจ้าหัวโตอย่างเดียว แต่ตะโกนเพื่อส่งสัญญาณให้เย่เลี่ยนด้วย
เมื่อเย่เลี่ยนใช้ดวงตาทั้งสองข้างที่กลายพันธุ์จนเกิดความสามารถพิเศษเหมือน “กล้องสลับลาย” กับการยิงปืน ผลที่ได้จึงน่าทึ่งมาก แม้จะเป็นซอมบี้ราชา แต่พอตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ทันตั้งตัว และติดอยู่กับช่องหน้าต่าง ก็ทำได้เพียงต้านรับกระสุนลูกนี้เท่านั้น
“อ๊ากกก!”
ถึงแม้กระสุนลูกนี้จะมีอานุภาพโจมตีแรง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นอันตรายถึงชีวิต
เจ้าหัวโตคำรามเดือด แต่กลับไม่ได้ผลีผลามพุ่งออกมานอกหน้าต่าง
ตอนนี้มันนึกถึงความสามารถในการกล่อมประสาทขึ้นมาได้แล้ว แต่ใช้ที่นี่ไปแล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะ?
ระหว่างที่เจ้ามนุษย์คนนี้วิ่งหนี เพื่อนร่วมสายพันธุ์พวกนั้นได้แอบย่องหนีไปอย่างเงียบเชียบแล้ว
มันนึกว่าเจ้ามนุษย์คนนี้จะวิ่งไปรวมตัวกับพวกนั้น ถึงได้พุ่งเป้าความสนใจทั้งหมดไปที่เจ้ามนุษย์!
เจ้าเล่ห์นัก! ร้ายกาจนักนะ!
เจ้าหัวโตหมายจะลุกขึ้นยืน แต่ทันใดนั้นกลิ่นอายแห่งอันตรายก็ได้แผ่ปกคลุมศีรษะของมันอีกครั้ง
มันหดตัวลงข้างล่างโดยอัตโนมัติ แล้วเสียง “โครม” ก็ดังมาจากด้านหลังของมันทันที
เจ้าหัวโตหดหัวมองไปข้างหลัง บนผนังถูกระเบิดจนเป็นรูใหญ่ เศษปูนมากมายกำลังร่วงลงมาพร้อมกับเศษฝุ่นผงสีขาวที่คลุ้งไปทั่ว
“เกลียดนัก!”
เจ้าหัวโตสบถดังลั่น แต่กลับพบว่า ข้างนอกดูเหมือนจะเงียบไปแล้ว…
มันลังเลไปชั่วขณะ จากนั้นก็ค่อยๆ ยื่นหัวออกไปดู
เอ๋ ไม่มีใครโจมตีมันแล้ว…
“กลิ่นยังอยู่แถวๆ นี้อยู่เลย…”
เจ้าหัวโตงุนงง มันถูกหลอกติดต่อกันหลายครั้ง ตอนนี้วิธีที่ดีที่สุดก็คืออยู่นิ่งๆ แล้วสร้างภาพหลอนขึ้นมา…
แต่เจ้ามนุษย์นั่นจะจุดไฟเผามันรึเปล่า?
มันเห็นสภาพน่าอนาถของซอมบี้นกที่ถูกเผากับตาตัวเอง แล้วยังเห็นเจ้า “วิกผม” ถูกเผาไปด้วยอีกตัว ซ้ำตัวเองก็เกือบถูกเผาแล้วด้วย…ตอนนี้เรื่องไฟจึงกลายเป็นปมในใจของมันไปแล้ว
ทว่ามันไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ของมันกับซอมบี้นกนั้นต่างกัน เพราะที่นี่ไม่เหมาะกับการจุดไฟเลยแม้แต่น้อย
ท่ามกลางความลังเล เจ้าหัวโตเดินช้าๆ ไปที่ด้านล่างของหน้าต่าง
มันสูดดม 2 – 3 ที และมั่นใจว่าหลิงม่ออยู่ข้างนอกนั่นแน่นอน
แต่มันไม่กล้าโผล่หัวออกไปอีก หลังครุ่นคิด มันก็ตัดสินใจว่าจะแอบออกไปจากที่นี่เงียบๆ ก่อน แล้วค่อยไปตามหาเจ้ามนุษย์ข้างนอก
วิธีนี้ถือเป็นวิธีที่ชาญฉลาดมาก แต่มันลืมไปแล้ว ว่าเป็นตัวมันเองที่เปิดเผยแผนการและสติปัญญาของตัวเองให้หลิงม่อรู้ทั้งหมด…
มันเพิ่งจะค่อมเอวแล้ววิ่งออกนอกห้องกลับไปยังทางเดิน ทันใดนั้น เสียง “โครม” ก็ดังขึ้นที่ด้านบนหัวของมัน
ชิ้นส่วนวัสดุก่อสร้างมากมายกำลังตกลงมา เจ้าหัวโตรีบกระโดดหลบไปอีกทาง
แต่มันกลับไม่ทันสังเกตเห็นว่าพอกระโดดหลบ มันก็กลับไปยืนอยู่หน้าห้องอีกครั้ง…
“ฉึบ!”
แรงโจมตีปะทะเข้ากับแผ่นหลังของมันอีกครั้ง ครั้งนี้เจ้าหัวโตกระเด็นไปติดกำแพงเลยทีเดียว
ทั้งข้างหน้าและข้างหลังมีแต่แผลเหวอะหวะ บวกกับแรงกระแทก เจ้าหัวโตบาดเจ็บจนแทบจะกระอักเลือดออกมา
ถึงแม้ว่าพลังป้องกันของซอมบี้ราชาจะแข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่อาจต้านทานการโจมตีอย่างต่อเนื่องอย่างนี้ได้!
และตั้งแต่ที่หลิงม่อกระโดดออกไปนอกหน้าต่าง มันก็ไม่เห็นเงาศัตรูอีกเลย!
เจ้ามนุษย์คนนี้ เหมือนไม่ได้คิดจะให้เพื่อนร่วมสายพันธุ์กลุ่มนั้นต่อสู้ระยะประชิดกับมันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว กระทั่งไม่เข้าใกล้จุดประสงค์ของมันเลยแม้แต่น้อย!
คนที่ระเบิดเพดานอยู่ในอาณาเขตที่มันสามารถใช้ความสามารถกล่อมประสาทได้ แต่การจะคายเชื้อไวรัสออกมาก็ต้องใช้เวลาเหมือนกันนะ!
แล้วพอถูกยิงครั้งนี้ เชื้อไวรัสกล่อมประสาทที่เพิ่งจะไหลขึ้นมาถึงคอก็ถูกกลืนลงท้องไปอีกครั้ง…
—————————————————————————–