แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 732 “S” อีกแล้ว
หลิงม่อคาดหวังกับกลุ่มวิจัยไว้สูงมาก เพราะพวกเขาสร้างผลการทดลองที่น่าขนลุกขึ้นมามากมาย
สามารถเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวอย่างซอมบี้ให้น่าสะพรึงยิ่งกว่าเดิมได้ เท่านี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว
ความจริง รายงานวิจัยตั้งนั้นอยู่ไม่ห่างจากหุ่นซอมบี้มากนัก แต่จะยื่นแขนออกไปหยิบก็ไม่ได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าหลิงม่อจะยืนมองเฉยๆ
เขาจ้องผู้หญิงคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ เลื่อนสายตาไปมองแท่นพาเลทตรงนั้น
ทันใดนั้น รายงานวิจัยตั้งนั้นก็สั่นเบาๆ แล้วขอบของกระดาษแผ่นที่อยู่บนสุดก็ถูกยกขึ้น
เหมือนมีใครใช้นิ้วหนีบกระดาษแผ่นนั้นไว้ จู่ๆ กระดาษแผ่นนั้นก็ถูกหยิบขึ้นอย่างน่าพิศวง โดยที่เจ้าหน้าที่วิจัยคนนั้นไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
“สายตาของซอมบี้นี่สุดยอดตามคาดจริงๆ…” หลิงม่อเริ่มอ่านทันที
ความรู้สึกตอนนี้หวาดเสียวเหมือนเขากำลังเดินบนเส้นลวด ด้านหนึ่งเขาต้องจดจำเนื้อหาในเอกสารให้เร็วที่สุด อีกด้านเขาต้องระวังเจ้าหน้าที่วิจัยคนนั้นไปด้วย เมื่อใดที่เธอหันมาทางขวา เธออาจช็อกจนปากอ้าตาค้างไปเลยก็ได้ ลองนึกภาพดูสิ จู่ๆ ก็มองเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศในห้องที่ไม่มีใครอยู่ ไม่ว่าใครก็ต้องช็อกกันทั้งนั้น
หลิงม่อเพิ่งเคยใช้วิธีนี้เป็นครั้งแรก ถึงแม้ระดับการเผาผลาญพลังจิตจะเพิ่มขึ้น แต่ผลที่ได้ก็น่าพึงพอใจอย่างเห็นได้ชัด
นี่ถือเป็นวิธีใหม่ที่หลิงม่อค้นพบ การใช้ประโยชน์จากเจ้าแมงกะพรุน ทำให้แผนการแฝงตัวของเขาราบรื่นขึ้นมา
“ข้อมูลสถิติที่ถูกเขียนไว้นั่น อ่านไม่รู้เรื่องเลยแฮะ แต่โชคดีที่เขียนสรุปไว้ด้วย…” หลิงม่อเกาหัวแกรกๆ “เอกสารแยกแยะระดับความเข้มข้นของเชื้อไวรัสที่อยู่ในเลือดซอมบี้ในแต่ละระดับ? แล้วยังเป็นฉบับแก้ไขครั้งที่เจ็ดอีกต่างหาก? โคตรยาว โคตรเป็นทางการ”
หลิงม่อตะลึง
ความจริง ทฤษฎีพื้นฐานพวกนี้เขาก็เข้าใจเหมือนกัน และไม่แน่ว่าเขาอาจรู้ก่อนสมาชิกนิพพานพวกนี้ด้วยซ้ำ แต่เขามีเพียงแนวความคิดคร่าวๆ ไม่อาจวิเคราะห์แยกแยะออกมาเป็นข้อมูลสถิติละเอียดได้อย่างนี้
ให้เขาเคาะแป้นพิมพ์ยังพอได้ แต่ตรวจเลือด…ขอผ่านดีกว่า เพราะประสบการณ์ที่เขามีในเรื่องพวกนี้ก็มีแค่เคยเป็นฝ่ายถูกตรวจเลือดเท่านั้น…
แค่เห็นหัวข้อของรายงานฉบับนี้ หลิงม่อก็เริ่มรู้สึกสนใจแล้ว เห็นชัดว่าข้อมูลที่เป็นตัวเลขเหล่านั้นถูกสรุปขึ้นมาใหม่หลังจากทำการเปรียบเทียบมาแล้วเจ็ดครั้ง และมันก็แม่นยำกว่าอีกหกฉบับก่อนหน้ามาก ถึงการตรวจเลือดไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก แต่เมื่ออีกฝ่ายเป็นซอมบี้ เรื่องมันก็จะต่างออกไปมาก ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ยังทำการตรวจเลือดซอมบี้ที่ระดับต่างกันอีกด้วย!
หลิงม่ออยากรู้จริงๆ ว่าพวกเขาตรวจเลือดไปถึงซอมบี้ระดับไหนแล้ว…
เขากวาดตาผ่านข้อมูลที่เป็นตัวเลขเร็วๆ จากนั้นก็ก็เพ่งสายตาไปยังส่วนท้ายของรายงานฉบับนี้โดยตรง
“ซอมบี้ที่เพิ่งถือกำเนิดจากการกลายพันธุ์…ระดับความเข้มข้นของเชื้อไวรัสที่อยู่ในเลือด…อะไรนะ 5%?!”
ตัวหนังสือบรรทัดนั้นทำเอาหลิงม่ออึ้งค้างไปสนิท แค่ 5% เนี่ยนะ?!
แน่นอนว่าหลังจากนั้นยังมีตัวเลขอีกหลายชุดที่ถูกหลิงม่อมองข้ามไป ตัวเลขที่แม่นยำเหล่านั้นมีประโยชน์กับพวกเจ้าหน้าที่วิจัย แต่สำหรับหลิงม่ออ่านไปก็เปลืองเนื้อที่สมองเปล่าๆ
ระดับความเข้มข้นอยู่ที่ 5% โดยประมาณ ตัวเลขนี้ทำเอาหลิงม่อตะลึงมากจริงๆ
นี่ไม่ได้หมายความว่ามีเพียงคนที่เชื้อไวรัสในเลือดสูง 5% เท่านั้นที่จะติดเชื้อได้ แต่มันหมายความว่าหลังจากที่กลายร่างโดยสมบูรณ์แล้ว ความเข้มข้นของเชื้อไวรัสที่อยู่ในร่างกายซอมบี้ที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ อยู่ที่เพียง 5% เท่านั้น!
กระบวนการที่เชื้อไวรัสทำให้ผู้คนติดเชื้อ แล้วเริ่มแพร่กระจายไปทั่วร่างกายในภายหลัง เรียกว่าการกลายร่าง แม้เลือดหยดเดียวของซอมบี้ ก็สามารถทำให้เกิดกระบวนการเหล่านี้กับร่างกายมนุษย์ได้ ดังนั้นเชื้อไวรัสตัวแรกสุดที่ทำให้ผู้คนติดเชื้อ จึงเป็นเพียงเล็ดพันธุ์เท่านั้น…ทว่าถ้าหากแค่เมล็ดพันธุ์ยังมีระดับความเข้มข้นมากกว่า 5% ร่างกายของมนุษย์ก็คงไม่อาจต้านรับการแพร่กระจายของเชื่อไวรัส ส่งผลให้เซลล์ในร่างกายพากันล้มตายหมด
“แค่ 5%…ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าในร่างกายของเรามีเชื้อไวรัสไม่ถึง 5% ด้วยซ้ำสินะ…ส่วนสวี่ซูหานน่าจะอยู่ที่ 3% หรือ 4% โดยประมาณ ทว่านี่เป็นเพียงเพราะว่าเชื้อไวรัสในร่างกายยังคงต่อสู้กันเอง ความจริงปริมาณโดยรวมน่าจะถึง 5% แล้ว…”
หลังจากได้สติ หลิงม่อก็เลื่อนสายตาอ่านลงมาด้านล่าง ตอนนี้เรื่องที่เขาอยากรู้มากที่สุดก็คือระดับความเข้มข้นชองเชื้อไวรัสในร่างกายพวกเย่เลี่ยน
ซอมบี้ที่มีวิวัฒนาการขั้นที่ 1 ความเข้มข้นของเชื้อไวรัสในเลือดอยู่ที่ 5% – 9%…”
“หมายถึงซอมบี้ธรรมดาสินะ…อืม ตามคาด หลังก้าวข้าม 10% ก็จะกลายเป็นซอมบี้กลายพันธุ์ ซอมบี้วิวัฒนาการห่างชั้นมาก ระดับความเข้มข้นสูงถึง 20% ไปแล้ว ซอมบี้ชนชั้นสูงก็เหมือนกัน ระดับความเข้มข้นสูงถึง 30% แล้ว…เอ๊ะ จู่ๆ ความเร็วในการเพิ่มจำนวนก็ลดลง”
หลิงม่อไม่แปลกใจที่นิพพานสำนักงานใหญ่มีข้อมูลสถิติของซอมบี้เจ้าเมือง แต่สิ่งที่เขาแปลกใจคือเส้นโค้งที่แสดงสถิติการเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัสนี้
หลังจากที่ก้าวข้ามระดับซอมบี้เจ้าเมือง ความเข้มข้นของเชื้อไวรัสสูงแค่ 40-45% เท่านั้น แต่ข้างๆ ยังมีหมายเหตุถูกเขียนไว้ด้วย : เริ่มปรากฏลักษณะพิเศษในการกลายพันธุ์
หลิงม่อครุ่นคิด แล้วเขาก็นึกออกทันที
ไม่ว่าจะเป็นระดับวิวัฒนาการหรือชนชั้นสูง สำหรับซอมบี้มันล้วนเป็นพัฒนาการที่ก้าวกระโดด หลังก้าวข้ามมาถึงระดับวิวัฒนาการ ซอมบี้ก็จะเริ่มฟื้นความจำกลับมาได้ระดับหนึ่ง สติปัญญาก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก่อนเข้าสู่ระดับวิวัฒนาการ ซอมบี้ถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตเดรัจฉาน แต่ทันทีที่ก้าวข้าม พวกมันก็จะเริ่มพัฒนาไปเป็นสัตว์ประหลาดที่มีความรู้
ชนชั้นสูงยิ่งไม่ต้องพูดถึง ก้อนเหนียวหนืดวิวัฒนาการเป็นนางพญา นี่คือการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ที่เห็นชัดที่สุด
แต่การเปลี่ยนแปลงมี่สำคัญที่สุดของเจ้าเมือง คือการที่เริ่มมีแนวโน้มของการกลายพันธุ์ปรากฏขึ้น ด้านอื่นๆ กลับไม่ค่อยเด่นชัดเหมือนการอัพเกรดที่ผ่านมา
ในเอกสารฉบับนี้ไม่มีข้อมูลของซอมบี้ราชา หลิงม่อเองก็ไม่สามารถวิเคราะห์เองได้ การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของซอมบี้ราชาอยู่ที่ทิศทางการกลายพันธุ์ที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง แต่ไม่รู้ว่าระดับความเข้มข้นของเชื้อไวรัสในเลือดจะอยู่ที่กี่เปอร์เซ็นต์
หลังจากอ่านข้อมูลสถิติแผ่นนี้ ความรู้ที่หลิงม่อมีเกี่ยวกับซอมบี้ถือว่าพัฒนาขึ้นหนึ่งระดับ เขาเคยชินกับสัญชาตญาณและความเคยชินต่างๆ ของซอมบี้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อเทียบกับคนอื่นเขาจึงอ่านเอกสารฉบับนี้ได้เข้าใจเร็วกว่ามาก
“คนยิ่งมากพลังยิ่งเยอะจริงๆ นิพพานรวบรวมผู้รอดชีวิตมากมายขนาดนี้ แล้วยังยึดครองมหาลัยแพทย์ฯ กับโรงพยาบาลใกล้เคียงไว้อีก บวกกับเหล่าผู้มีความสามารถพิเศษได้ออกไปค้นหาสิ่งที่จำเป็นต่อการทดลองและจับซอมบี้ พวกเขาถึงได้ประสบความสำเร็จอย่างนี้ ข้อมูลสถิติอย่างนี้ ไม่อาจวิจัยได้ด้วยคนคนเดียว เพราะคนที่มีพลังอาจไม่มีเข้าใจความรู้พวกนี้ แต่ถึงจะเข้าใจก็ไม่มีเวลาและเงื่อนไขมาทำเรื่องนี้ได้อย่างเต็มที่…”
เหมือนกับผู้หญิงที่อยู่ในห้องนี้ หากอยู่ข้างนอก แค่เอาชีวิตรอดก็ต้องทุ่มแรงกายแรงใจทั้งหมดที่มีอย่างสุดความสามารถแล้ว จะมีเวลามาสังเกตการณ์การทดลองอย่างใจเย็นได้อย่างไร…
หลิงม่อเดาว่าพวกเขาก็ต้องใช้ระดับผลงานด้วยเช่นกัน เพื่อเป็นหลักรับประกันว่าพวกเขาจะตั้งใจทำงานเต็มที่ เพราะดูจากระบบต่างๆ ในนิพพานแล้ว ผู้บริหารระดับสูงของที่นี่คงไม่คิดทำธุรกิจที่ขาดทุนแน่นอน
หนวดสัมผัสหยิบกระดาษอีกหลายแผ่นขึ้นมา หลังจากพลิกหาอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เจอข้อมูลที่น่าสนใจแผ่นหนึ่ง
“หืม? ทดสอบพลังชีวิต?”
หลิงม่อค่อนข้างสนใจหัวข้อนี้ พลังชีวิตของซอมบี้แกร่งมาก เรื่องนี้ไม่ว่าใครก็รู้ดี ไม่คิดเลยว่าข้อมูลอย่างนี้ก็ยังถูกจัดอยู่ในขอบเขตการวิจัยด้วย ดูเหมือนนิพพานจะทำการวิจัยซอมบี้ทุกด้าน ไม่ปล่อยผ่านแม้แต่รายละเอียดเล็กๆ…
ทว่าเมื่อเลื่อนอ่านลงไป หลิงม่อก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
ถ้าไม่ใช่ว่าหัวข้อถูกเขียนไว้อย่างชัดเจน หลิงม่อคงคิดว่าตัวเองกำลังอ่านคู่มือฆาตกรรมไปแล้ว…
การทดลองความหิวโหยถือเป็นหัวข้อมี่ถูกมองข้ามมากที่สุด การฉีดเชื้อไวรัสชนิดต่างๆ ก็มีข้อมูลไม่มากเช่นกัน แต่หัวข้อประเภทการตัดแขนขาหรือปล่อยเลือด หลิงม่อแค่คิดก็ส่ายหัวแล้ว
ฆ่าซอมบี้ตายระหว่างการต่อสู้ก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่หากต้องมานั่งมองซอมบี้ถูกทรมานจนตาย แล้วคอยดูว่ามันจะอดทนได้นานแค่ไหนทุกวันอย่างนี้ คงเป็นเรื่องที่ยากจะรับได้เกินไป
“นี่อะไรน่ะ?”
หลิงม่อก็สังเกตเห็นเอกสารแผ่นสุดท้ายเข้า เอกสารแผ่นนี้ถูกเขียนด้วยปากกาสีที่ต่างออกไป ดูแวบแรกก็รู้แล้วว่าสำคัญมาก
โดยเฉพาะเมื่อเนื้อที่ว่างในกระดาษถูกเขียนด้วยปากกาสีแดงเป็นอักษร “S” ตัวใหญ่ๆ…
“ภารกิจระดับ S งั้นหรอ? ยังไม่ได้ประกาศออกไป?” หลิงม่อเหลือบมองผู้หญิงคนนั้นอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ค่อยๆ ดึงเอกสารแผ่นนี้ออกมาเบาๆ
ภารกิจระดับ S : ภารกิจจับเป็นซอมบี้ที่มีวิวัฒนาการขั้นสี่หรือสูงกว่า
รายละเอียดภารกิจ : จับเป็นซอมบี้ที่มีระดับวิวัฒนาการขั้นสี่ (รวมถึงระดับที่สูงกว่า) ระดับผลงานที่จะได้รับขึ้นอยู่กับการตัดสินจากระดับวิวัฒนาการที่ชัดเจนรวมถึงสภาพความสมบูรณ์ของร่างกายซอมบี้
“วิวัฒนาการขั้นสี่…ซอมบี้ชนชั้นสูงไม่ใช่หรอ? ยังคิดจะจับซอมบี้ที่ระดับสูงกว่าชนชั้นสูงอีก?”
หลิงม่อพยายามหันหน้าไปด้านข้าง แล้วเขาก็พบว่าซอมบี้ที่ถูกขังอยู่ทางขวามือและซ้ายมือเหมือนเจ้าหุ่นซอมบี้ตัวนี้ที่เป็นซอมบี้กลายพันธุ์เหมือนกัน มีตัวหนึ่งใกล้จะถึงระดับซอมบี้วิวัฒนาการแล้ว
เขาเพิ่งจะสังเกตเห็นในตอนนี้ว่านอกกรงขังมีป้ายเล็กๆ ถูกแขวนไว้ด้วย พอใช้หนวดสัมผัสให้พลิกกลับมา เขาก็ค้นพบว่ามันเป็นป้ายบ่งบอกระดับของซอมบี้พวกนี้
สิ่งที่ทำให้หลิงม่อตะลึงก็คือ ซอมบี้ที่ยังไม่ถึงระดับวิวัฒนาการตัวนั้น กลับถูกระบุความเข้มข้นของเชื้อไวรัสในร่างกายไว้อย่างละเอียดแล้ว และวิธีการแยกแยะอย่างนี้ก็แม่นยำที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย…
“กลุ่มวิจัยนี่ร้ายกาจกว่าที่คิดไว้อีกนะเนี่ย แต่ยิ่งพวกเขาร้ายกาจ ข้อมูลที่เราจะได้ก็ยิ่งมากขึ้น”
ที่หลิงม่อแฝงตัวเข้ามาครั้งนี้ก็เพื่อเด็ดลูกท้อ (ขโมยความสำเร็จของผู้อื่น) ยิ่งลูกท้อของที่นี่ลูกใหญ่เท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งได้ประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น
ทว่าเรื่องที่พวกเขาสามารถจับซอมบี้ชนชั้นสูงได้ กระทั่งจับซอมบี้เจ้าเมืองได้ ทำให้หลิงม่อประหลาดใจเล็กน้อย ซอมบี้ชนชั้นสูงนั้นยังพอรับมือได้ง่ายหน่อย แต่เมื่อถึงระดับเจ้าเมือง หลังจากที่ซอมบี้มีสติปัญญาสูงขึ้น ถึงแม้หลิงม่อและเหล่าซอมบี้สาวจะร่วมมือกันสังหาร ก็ยังต้องลงแรงกายแรงใจไม่น้อย สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ พวกเขาคิดจะจับเป็นด้วย…
ระดับความยากนี้มัน…สูงเกินไปแล้ว!
“ทีมเล็กๆ อย่างพวกเหอหงเยี่ยนทำภารกิจนี้ไม่ได้แน่…”
หลิงม่อครุ่นคิด แล้วทันใดนั้นสายตาเขาก็เป็นประกายขึ้นมา
หมายเหตุ : รางวัลของภารกิจนี้คือเหยื่อล่อ รวมถึงอุปกรณ์และกับดักที่เอาไว้ใช้กับซอมบี้ที่มีระดับวิวัฒนาการขั้นสามขึ้นไปโดยเฉพาะ
“สิ่งที่เอามาใช้ต่อกรกับซอมบี้ชนชั้นสูงขึ้นไป? จะเป็นอะไรนะ?”
สายตาของหลิงม่อพลันประกายเร่าร้อนขึ้นมาทันที
ก้อนเหนียวหนืด? ไวรัสนางพญา? ไม่สิ ของสองสิ่งนี้ดึงดูดซอมบี้ทุกระดับเข้ามาโดยไม่มีแบ่งแยกเหมือนกัน…
แต่ในหมายเหตุที่เขียนทิ้งท้ายไว้นี้ บอกว่าเฉพาะ!
วิวัฒนาการของพวกเย่เลี่ยนต้องอาศัยไวรัสนางพญาของซอมบี้ระดับสูงจำนวนมาก โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าพวกเธอยังห่างไกลจากการวิวัฒนาการโดยสมบูรณ์อีกมาก หลิงม่อก็เริ่มร้อนใจขึ้นมา แต่ซอมบี้ระดับสูงไม่ใช้ผักกาดขาวที่จะเดินไปไหนก็เจอ และหากจะให้พวกเย่เลี่ยนเผชิญหน้ากับซอมบี้หลายล้านตัวทั่วเมือง พวกเธอก็ไม่สามารถทำได้ถึงขั้นนั้น ดังนั้นการฆ่าฟันไปเรื่อยๆ จึงไม่ใช่วิธีที่มีความเป็นไปได้!
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในอำเภอซินหลาน ซอมบี้ที่พวกเธอสังหารไปก็เป็นเพียงซอมบี้ในพื้นที่หนึ่งเท่านั้น
และการดึงดูดซอมบี้ระดับสูงในระหว่างที่ต้องเผาผลาญพลังกายอย่างนี้ ก็เป็นเรื่องที่อันตรายมากอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ถ้าหากมีอุบายล่อซอมบี้ระดับสูงเข้ามาโดยเฉพาะ แล้วยังสามารถหลีกเลี่ยงซอมบี้ธรรมดาได้ ความเสี่ยงก็จะลดฮวบลง ในขณะที่ประสิทธิภาพในการสังหารกลับเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว!
—————————————————————————–