แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 748 “ใบหน้า” ที่กำลังกรีดร้อง
ก่อนจะเคลื่อนไหว หลิงม่อก็ถามอย่างสงสัยว่า “แขนของซอมบี้แขนยาว เอามาจากไหน?”
เขาพอจะเดาได้ว่ามันคือแขนของเจ้าซอมบี้ร่างแม่ 101 แต่ก็ต้องยืนยันก่อน ถึงจะมั่นใจได้
หลันหลันเองก็ไม่ได้สงสัยอะไรมาก ซอมบี้เป็นเผ่าพันธุ์ที่ขี้สงสัยอยู่แล้ว อย่างมากซอมบี้ตัวนี้ก็แค่สงสัยในเรื่องที่ต่างออกไปก็เท่านั้น
เธอเรียบเรียงคำพูดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็อธิบายเป็นคำพูดที่คิดว่าซอมบี้น่าจะเข้าใจ “ตัดมาจากซอมบี้อีกตัวหนึ่ง จากนั้นก็ต่อเข้ากับร่างกายของซอมบี้ตัวนี้ในตอนที่มันยังสดๆ อยู่…แต่ว่า ทำสำเร็จได้ยังไง ฉันก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดหรอก”
ตอนที่เธอพูดถึงประโยคสุดท้าย น้ำเสียงของเธอดูไม่เป็นตัวเองเล็กน้อย
ปกติเรื่องแบบนี้เธอจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว แต่เวลาเอามาพูดให้ซอมบี้ฟัง ทำไมถึงได้รู้สึกไม่ค่อยดีเลยล่ะ….
เขาขงไม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้วจากนั้นก็คิดจะแก้แค้นให้เพื่อนร่วมสายพันธุ์หรอกนะ? หลันหลันร้อนรนขึ้นมาทันที…
หลิงม่อนิ่งเงียบไปหลายวินาที แต่ไม่นานเขากลับบอกว่า “ไปกันเถอะ”
“หา? อ้อ ได้สิ…” หลันหลันรีบพยักหน้า…
ในทางเดินอันมืดมิด หลันหลันเดินนำอยู่ข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ด้านหลังมีซอมบี้ดวงตาสีแดงก่ำเดินตามอยู่หนึ่งตัว
หลันหลันลอบกลอกตาไปด้านข้าง แล้วเหลือบมองไปด้านหลังเป็นพักๆ
แต่นอกจากชายเสื้อกาวน์สีขาวแล้ว เธอก็มองไม่เห็นอะไรเลย
พวกเขาเข้าใกล้ประตูบานนั้นเข้าไปเรื่อยๆ หลันหลันเห็นอย่างนั้นจึงพูดเสนอเสียงเบาขึ้นมากะทันหัน “คือว่า…นายช่วยจับแขนหรือส่วนอื่นของฉันแทนได้ไหม? เอาแต่จับคอฉันไว้แบบนี้ ฉันเดินไม่ถนัด นายเองก็ไม่สะดวกใช่ไหมล่ะ?”
“ฉันสะดวกดีมาก” เสียงพูดอย่างไร้เยื่อใยของหลิงม่อดังมาจากข้างหลัง
“สะดวกตรงไหนกัน…” หลันหลันเบะปากทำหน้าบึ้งอย่างไม่พอใจ แต่น้ำเสียงก็ยังเต็มไปด้วยความเว้าวอน ฟังแวบแรกเหมือนว่าเธอกำลังคิดเผื่อหลิงม่ออย่างจริงใจจริงๆ
“เพราะเธอเตี้ย” หลิงม่อตอบอย่างตรงไปตรงมา
คิดจะเล่นลูกไม้? เจอฉันตัดไฟตั้งแต่ต้นลมด้วยคำพูดเดียวเลยเป็นไง
และสิ่งที่เขาพูดก็เป็นความจริง หลันหลันรูปร่างเล็กและเตี้ย เขาใช้มือจับคอเธอไว้อย่างนี้ ความรู้สึกไม่ได้ต่างอะไรจากจับลูกแมวตัวน้อยไว้ในมือเลย
“…” หลันหลันพูดไม่ออก ไม่คิดเลยว่าเธอจะถูกซอมบี้โจมตีด้วยคำพูด!
เข้าใจคำว่าคนล้มไม่ข้ามไหมหา!
พูดตรงเกินไปแล้ว ไม่น่าล่ะถึงเป็นได้แค่ซอมบี้!
“ขอแช่งให้แกเป็นซอมบี้โสดไม่มีใครเอาไปตลอดชีวิต!” หลันหลันลอบด่าในใจ
ไม่ว่าเจ้าซอมบี้ตัวนี้จะตอบอย่างตรงไปตรงมาจริงๆ หรือตั้งใจระวังตัวกับเธอ แต่ทั้งหมดนี้ก็บ่งบอกแล้วว่ามันไม่ใช่ซอมบี้ที่รับมือได้ง่ายๆ
แต่ว่า…มนุษย์จะแพ้ซอมบี้ในเรื่องสติปัญญาได้อย่างไร?
“ถึงซอมบี้ตัวนี้จะเป็นซอมบี้ที่กลายพันธุ์ส่วนสมอง สติปัญญาสูงขึ้น แต่รูปแบบความคิดยังคงมีจุดด้อยอยู่เหมือนเดิม! พูดง่ายๆ ก็คือ มันเป็นเด็กหมีในหมู่ซอมบี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเด็กหมีในหมู่มนุษย์ยังไงก็ต้องคุกเข่าจำนน! ที่เมื่อกี้เราพลาดท่า ก็เป็นเพราะดูเบาศัตรูไปเล็กน้อยเท่านั้น ตอนนี้เราเตรียมพร้อมแล้ว ไม่มีทางที่จะสู้มันไม่ได้ แค่ซอมบี้ที่ไม่กินคนตัวเดียว ไม่เห็นน่ากลัวตรงไหน!”
หลังจากวิเคราะห์สถานการณ์ในปัจจุบันเสร็จ หลันหลันก็ได้ข้อสรุปเช่นนี้
เธอไม่เพียงคิดว่าหลิงม่อเป็น “เด็กหมี” แต่ยังกำหนดบทบาทเดียวกันกับเขาให้ตัวเองอย่างหน้าไม่อาย
สิ่งเดียวที่แตกต่าง มีเพียงเผ่าพันธุ์ที่ไม่เหมือนกันเท่านั้น…
“…หวังว่ามันจะไม่หิวขึ้นมาแบบกะทันหันนะ” จู่ๆ หลันหลันก็มีความคิดนี้ผุดขึ้นมา
พอคิดถึงจุดนี้ สีหน้าของหลันหลันก็เปลี่ยนเป็นเจ็บปวดอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้เธอก็อยู่ในสถานะที่เสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง…
ไม่นาน หนึ่งคนหนึ่งซอมบี้ก็เดินมาถึงหน้าประตูบานนั้นอย่างรวดเร็ว หลังจากมองดูอย่างละเอียด หลิงม่อจึงค้นพบอย่างเหลือเชื่อว่าประตูนิรภัยบานนี้เป็นแบบกึ่งอัตโนมัติ
ปกติประตูบานนี้ต้องกดรหัสผ่านก่อนถึงจะเข้าได้ แต่ในเวลาที่ไฟฟ้าถูกตัด ก็สามารถใช้กุญแจที่ถูกทำขึ้นเป็นพิเศษมาแก้ไขฉุกเฉินได้
หลันหลันยื่นมือออกมา แล้วกดรหัสผ่านบนแป้นอย่างชำนาญ
เธอเป็นคนเคลื่อนไหวเร็วมาก คนปกติแค่มองรอบเดียวไม่มีทางจำได้แน่ว่าเธอกดตัวเลขอะไรไปบ้าง
ความจริงก่อนหน้านี้ตอนที่ประมือกัน หลิงม่อก็รู้สึกแล้วว่าหลันหลันอาจเป็นผู้มีความสามารถพิเศษด้านศักยภาพร่างกาย เพราะความเร็วและการตอบสนองของเธอล้วนไม่เลว ฝีมือการต่อสู้ก็ถือว่าใช้ได้ แต่หากเทียบกับคนที่เริ่มต้นคลุกคลีอยู่กับการฝึกต่อสู้มาแต่แรกอย่างซย่าน่า เธอยังห่างชั้นอีกไกล แม้แต่ตอนนี้ที่ซย่าน่ายังไม่ติดเชื้อและกลายพันธุ์ เธอก็ยังเก่งกว่าเด็กสาวคนนี้หลายเท่า
หากพูดให้ถึงที่สุด ต้องบอกว่าสภาพแวดล้อมในนี้เอื้อผลประโยชน์ให้เธอมากกว่า ถ้าไม่อย่างนั้นเธอคงไม่วิ่งเล่นอยู่ในสถานที่แบบนี้เหมือนมันเป็นสนามเด็กเล่นในบ้านตัวเอง
แต่น่าเสียดาย ที่วันนี้เธอดันมาเจอเขา…
หลันหลันเพิ่งจะกดรหัสไปได้สองตัว ก็รู้สึกว่ามือของซอมบี้ที่จับต้นคอตัวเองแน่นขึ้น แล้วเสียงอันไร้อารมณ์ของซอมบี้ก็ดังมาจากด้านหลัง “ช้าหน่อย”
“…” หลันหลันเกือบหน้าทิ่มลงไป นี่มันเป็นซอมบี้ประเภทไหนกัน!
ไม่ใช่แค่คิดจะจำรหัส แต่กลับพูดออกมาโต้งๆ อย่างนี้เลย!
“ใครใช้ให้นายสายตาไม่ดีเองล่ะ…” หลันหลันกัดปากพลางลอบด่า
เธอทำหน้าขมขื่นพลางกดตัวเลขลงไปอีกสองสามตัว จากนั้นก็ได้ยินเสียง “แกร๊ก”
“เปิดประตู” หลิงม่อพูดขึ้นอีก แขนของเขายังคงโค้งงออยู่เหมือนเดิม แสดงให้เห็นว่าเขาไม่มีทางปล่อยให้หลันหลันก้าวเข้าไปในห้องได้ง่ายๆ
หลันหลันถึงกับพูดไม่ออกอีกครั้ง เธอนิ่งเงียบไปสองวินาที จากนั้นก็ถอนหายใจและผลักประตูออกช้าๆ อย่างยอมรับชะตากรรม
เครื่องเตือนภัยตัวหนึ่งปรากฏอยู่บนพื้นตรงหน้าประตู ขอเพียงหลันหลันเดินหน้าไปอีกสองก้าว เธอก็จะเหยียบโดนมัน
“มีกับดักอยู่จริงๆ ด้วย…” หลิงม่อส่ายหน้า จากนั้นก็ควบคุมให้เจ้าหุ่นซอมบี้พูดว่า “เดินไปด้านข้าง เข้าไป”
หลันหลันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “แกเป็นซอมบี้อะไรกันแน่เนี่ย!”
ระดับความรอบคอบและระมัดระวังของซอมบี้ตัวนี้ ได้เกินขอบเขตความเข้าใจของเธอไปมาก แถมทุกครั้งที่เธอคิดจะเล่นลูกไม้ก็ยังถูกจับได้อีก ช่างเป็นความรู้สึกที่แย่จริงๆ!
อีกฝ่ายเป็นแค่ซอมบี้ตัวหนึ่งเท่านั้นนะ! ถ้าแค่ซอมบี้ตัวหนึ่งยังกำราบไม่ได้ เธอก็ควรจะเปลี่ยนชื่อเป็น “หลันหลันผู้โง่เขลา” แล้วจริงๆ!
“ขอโทษจริงๆ ฉันทำมนุษย์ขายหน้าซะแล้ว…” หลันหลันคิดอย่างโศกเศร้า
ความจริงด้านหลังประตูมีผนังกั้นอยู่อีกแนวหนึ่ง บนนั้นมีเสื้อคลุมแขวนไว้สองสามตัว ตรงมุมยังมีกระถางดอกไม้วางไว้หนึ่งกระถาง
ทว่าทั้งสองเพิ่งจะเดินไปถึงตรงหน้ากระถางดอกไม้นั่น ใบไม้กอนั้นก็สั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นไม่นานก็มีใบหน้าหนึ่งมุดออกมา
ใบหน้านั้นคล้ายมนุษย์มาก แต่มันเป็นสีแดงไปทั้งดวง สีหน้าเหมือนคนที่กำลังกรีดร้องเสียงแหลมด้วยความเจ็บปวดอย่างไรอย่านั้น
หลิงม่อสะดุ้งตกใจ พอได้สติ ก็คนพบว่าอย่างเหลือเชื่อว่ามันเป็นดอกไม้ดอกหนึ่ง!
“นี่อะไร?” หลิงม่อถามขึ้น เขาไม่คิดจะปล่อยให้ “ไกด์นำทาง” เป็นเพียงของประดับตกแต่งเท่านั้น
“อะไร?” เธอเพิ่งจะอ่าปากถามกลับ แต่ผลปรากฏว่าถูกจับคอให้หันไปอีกทางทันที เพื่อจะให้เธอมองกระถางดอกไม้กระถางนั้น
หลังจากเม้มปากอย่างหงุดหงิด หลันหลันก็ตอบอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก “ก็แค่ดอกไม้ที่เขาปลูกแก้เซ็งเวลาเบื่อๆ ความจริงปลุกง่ายมากเลยนะ ก็แค่ใช้เมล็ดพันธุ์แช่เชื้อไวรัส จากนั้นก็รดด้วยเลือดทุกวันก็ได้แล้ว
“ง่ายบ้านเธอสิ!” หลิงม่อได้ยินหนังศีรษะก็กระตุกทันที วิธีการปลูกอย่างนี้มันโรคจิตชัดๆ เลยนี่นา!
แถมเจ้าดอกไม้นี้ก็บานได้น่ากลัวมาก มีตรงไหนน่าชื่นชมกันล่ะเนี่ย!!
ดอกไม้ดอกนั้นสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าใบหน้านั้นกำลังกรีดร้องอย่างไร้เสียง หลิงม่อมองแวบเดียวแล้วก็ไม่อยากมองอีก
“มีปฏิกิริยาอย่างนี้ด้วยหรอ…ความจริงมันก็เหมือนกับต้นไมยราบนั่นแหละ เพียงแต่มันความรู้สึกไวกว่าเยอะ แค่มีคนเดินเข้ามาใกล้มันก็จะเป็นแบบนี้แล้ว แต่จับมันไม่ได้นะ เพราะมันมีพิษ อ้อใช่สิ นายจะจับก็ได้นะ จะจับไหมล่ะ?” หลันหลันแนะนำอย่าง “กระตือรือร้น”
“ไม่ล่ะ” หลิงม่อรู้ว่าเธอไม่ได้หวังดี อีกอย่างถึงไม่มีกับดัก เขาก็ไม่มีทางจับพืชที่พิสดารอย่างนี้อยู่แล้ว
หลังจากเดินอ้อมผนังกั้นออกมา ห้องที่มีเนื้อที่กว้างสุดๆ ห้องหนึ่งก็ปรากฏสู่สายตา
บอกว่าเป็นห้อง แต่ความจริงโครงสร้างภายในกลับสลับซับซ้อนมาก อย่าว่าแต่มองเห็นภาพโดยรวมในแวบเดียวเลย แค่จะมองมุมห้องมุมหนึ่งให้ชัดเจนยังยาก
แถมห้องนี้ก็ยังถูกใครบางคนแบ่งเขตออกเป็นห้องย่อยหลายๆ ห้อง ซึ่งทำให้ดูซับซ้อนวุ่นวายมาก
หลอดไฟแบบไส้บนศีรษะสว่างมาก สว่างจนทำให้หลิงม่อรู้สึกสายตาพร่าเลือนไปชั่วขณะ
กลับเป็นปฏิกิริยาของหลันหลันมากกว่าที่ทำให้หลิงม่อแปลกใจ เธอปรับตัวเข้ากับแสงสว่างที่เพิ่มขึ้นกะทันหันได้เป็นอย่างดี ไม่น่าล่ะถึงได้เคลื่อนไหวในความมืดได้อย่างอิสระ…
ที่นี่คือหัวใจสำคัญของทีมวิจัยทั้งทีม หรืออาจเป็นหัวใจสำคัญของนิพพานเลยก็ว่าได้
และคนที่เป็นคนสูบฉีดเลือดให้แก่หัวใจดวงนี้ ก็อยู่ที่นี่แล้ว…
“เขาอยู่ไหน?” หลิงม่อถาม
“ข้างในน่ะสิ” หลันหลันตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติ แต่คำตอบของเธอกำกวมมาก หลิงม่อจึงไม่หลงกล
“ถ้าฉันตะโกนเรียกเขาจะออกมาใช่ไหม?” หลิงม่อหัวเราะ แล้วบอก
หลันหลันอึ้ง จากนั้นก็รีบส่ายหน้า “นายตะโกนไม่ได้นะ! ถ้านายตะโกน จะมีคนมากมายมาจับตัวนาย!”
“ฉันมีเธออยู่ในกำมือ ไม่กลัว” หลิงม่อบอก
“นายนี่พูดตรงจริงๆ! แต่…ถ้าฉันตาย นายก็จะตายด้วยนะ” พูดเสร็จ จู่ๆ หลันหลันก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง…
ใช่สิ ซอมบี้ไม่กลัวตายนี่หว่า!
ตามคาด หลิงม่อไม่ตอบ เพียงหัวเราะหึหึเบาๆ
เสียงหัวเราะนั้นทำเอาหลันหลันขนลุกซู่ เธอกัดริมฝีปาก แล้วพูดอย่างจนใจว่า “ตะโกนไม่ได้จริงๆ เขาไม่ได้ยินหรอก…”
“เขาไม่อยู่ที่นี่?” หลิงม่อถาม
“อยู่…แต่ว่า…ไม่ใช่ที่นี่ที่นายมองเห็น” หลันหลันพูดจาวกไปวนมา แต่หลิงม่อกลับเริ่มเข้าใจขึ้นมารางๆ แล้ว
ที่แท้นี่ก็เป็นเพียงห้องด้านนอก!
แต่พอคิดดูดีๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก คนคนนี้จะต้องเป็นสมบัติล้ำค่าของนิพพานสำนักงานใหญ่แน่ๆ ถึงแม้เขาจะใช้ชีวิตเสี่ยงตายอยู่ในสถานที่แบบนี้ แต่อย่างน้อยพื้นที่ที่เขาใช้เคลื่อนไหวในเวลาปกติจะต้องถูกรับรองความปลอดภัยในระดับหนึ่ง
ประตูบานนั้นเป็นแนวกันภัยที่หนึ่ง เครื่องเตือนภัยเป็นแนวกันภัยที่สอง และห้องลับที่ซ่อนอยู่ก็เป็นวิธีป้องกันภัยอีกหนึ่งวิธี
ด้วยเหตุนี้จะเห็นได้ว่าตำแหน่งของนักวิจัยคนนี้แตกต่างจากคนทั่วไปมากจริงๆ ขนาดซอมบี้ร่างแม่อย่างเจ้า 101 ยังไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีเท่านี้เลย
“แต่ความจริงวิธีที่ดีที่สุด คือการจับเขาขังไว้ในกรงมากกว่าล่ะมั้ง? เพราะเขาเอาแต่รนหาที่ตายอยู่ทุกวันนี่!”
พอนึกถึงตัวทดลองมากมายเหล่านั้น แล้วยังมีดอกไม้ที่ปลูกแก้เซ็งนั่นอีก หลิงม่อก็อดคิดไม่ได้ ว่าสิ่งที่อันตรายที่สุดก็คือตัวเจ้านักวิจัยคนนั้นนั่นแหละ!
แก้ปัญหาต้องแก้ที่ต้นเหตุสิ!
“นำทาง” หลิงม่อผลักเธอไปข้างหน้าเล็กน้อย หลันหลันจึงจำต้องเดินไปตามทางเดินแคบๆ มุ่งหน้าเข้าไปด้านในอย่างไม่เต็มใจ
ถูกบีบบังคับให้พูดความจริงอีกครั้ง ตอนนี้อารมณ์เธอบูดสุดๆ ไปเลย
ในห้องนี้เงียบมาก และยิ่งเดินลึกเข้าไปข้างใน ดอกไม้กรีดร้องชนิดนั้นก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากดอกไม้หน้าคนเหล่านั้นที่โผล่ออกมาอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียงดอกแล้วดอกเล่า ก็เหมือนจะมีบางอย่างกำลังขยับเขยื้อนอยู่ในมุมมืดพวกนั้น
หลิงม่อสังเกตรอบข้าง และคอยระวังกับดักที่อาจโผล่ออกมาได้ทุกเมื่อ
—————————————————————————–