แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 761 ก้อนอิฐที่ถูกกลืนกิน
“หมายความว่ายังไงอีกล่ะนั่น?” หลันหลันเบิกตากว้าง แล้วถาม
หลิงม่อหัวเราะแล้วบอกว่า “ดูไม่ออกหรอ? มันเป็นกับดักไง”
พอเขาพูดอย่างนี้ เหล่าหลันก็เข้าใจทันที “ฉันรู้แล้ว ความจริงควรมีคนเฝ้าอยู่ตรงนี้ แต่ตอนนี้ถึงแม้จะไม่มีใครอยู่ มันกลับอันตรายยิ่งกว่าตอนมีคนอยู่”
“อืม พวกนั้นน่าจะซ่อนอยู่แถวนี้ รอให้พวกเราเข้าไปติดกับดักด้วยตัวเอง” หลิงม่อพูดเสริม
“รูโหว่นั่นคือเหยื่อล่อ?” หลันหลันเองก็เข้าใจแล้วเหมือนกัน
“ใช่แล้ว”
หลิงม่อพยักหน้า หลันหลันถึงกับหน้าซีด แสดงว่าพวกเราจนตรอกแล้วน่ะสิ!
ความวุ่นวายที่เกิดข้างนอกนั่นอีกไม่นานก็จะซาลง แต่ตอนนี้กลับมีคนซุ่มโจมตีอยู่ที่รูโหว่นั่น
ถ้าหากพวกเขาคิดจะมุดรูโหว่บนตาข่ายเหล็กนั้นไป ก็ไม่ต่างอะไรจากเดินเข้าไปในที่แจ้งให้ศัตรูเห็นตัวเลย
ตรงนี้มีแสงสว่างน้อย แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นทำให้คนตาบอดไปเลย!
ไม่เพียงเท่านี้ กลุ่มคนที่ขึ้นไปตามหาพวกเธอสองพ่อลูกข้างบนนั้น ก็เป็นภัยแฝงที่พร้อมจะระเบิดทุกเมื่อ
ถึงแม้ของสะสมพวกนั้นจะร้ายกาจมาก แต่พวกมันจะถ่วงเวลาได้นานแค่ไหนกันเชียว? ทันทีที่พวกเขาลงจากตึกมา พวกคนระดับสูงก็จะรู้ว่าพวกเธอสองพ่อลูกหายตัวไปแล้ว
พอถึงตอนนั้น เรื่องราวก็จะวุ่นวายมากยิ่งขึ้น ความรุนแรงของสถานการณ์ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเช่นกัน
เธอไม่เชื่อว่าหลิงม่อจะไม่คิดถึงเรื่องพวกนี้ แต่ทำไมเขายังใจเย็นอยู่ล่ะ?
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้จะทำไง?” มู่เฉินถาม
หลิงม่อกลับไม่ได้ตอบออกมาตรงๆ แต่หันไปมองหน้าเหล่าหลันแทน แล้วถามว่า “ลุงยืนอยู่ตรงนี้ เห็นหน้าต่างรถคันนั้นชัดไหม?”
รถคันนั้นที่เขาพูดถึงก็คือรถบัสโรงเรียนที่ถูกปรับปรุงใหม่ หรือก็คือสถานที่สั่งการฉุกเฉินชั่วคราวของสำนักงานใหญ่คันนั้นนั่นเอง
เหล่าหลันหรี่ตามองไปทางนั้น จากนั้นก็หัวเราะคิกคัก “ที่นี่มีแต่รถของพวกเขาที่มีไฟเปิดสว่างอยู่ ฉันก็ต้องเห็นอยู่แล้วสิ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี” หลิงม่อพยักหน้า
มู่เฉินมองเขาอย่างกังวลเล็กน้อย “นายคิดจะทำอะไรอีก?”
“ใครจะเป็นหนูใครจะเป็นแมว ต้องคอยดูกันถึงจะรู้” หลิงม่อพูดขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
เวลานี้ ในรถยนต์คันหนึ่ง เงาร่างของคนกลุ่มหนึ่งกำลังจดจ้องไปยังด้านนอก
จุดที่พวกเขากำลังจ้องอยู่ ก็คือบริเวณรูโหว่บนตาข่ายเหล็กนั่นเอง
หนึ่งในนั้นกำลังหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง คิ้วเขากระตุกยิกๆ ไม่หยุด เป็นท่าทางที่ดูน่าประหลาด
มุมปากเขาขยับเล็กน้อย แล้วจู่ๆ ก็พูดขึ้นว่า “ตอนแรกที่ให้พวกนายซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ก็เพื่อรอให้พวกมันปรากฏตัว แต่ตอนนี้มีทิศทางที่ชัดเจนแล้ว พวกเราก็ซุ่มโจมตีได้ง่ายขึ้น ทุกคนตั้งสมาธิให้ดี อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้เด็ดขาด”
“จะให้จับเป็น หรือว่า?” หนึ่งในนั้นถามขึ้นอย่างเคารพ
หนังตาเขากระตุก เผยให้เห็นตาขาวที่เหลือกขึ้นข้างบนทั้งสองข้าง “พยายามจับเป็น แต่ถ้าหากไม่ได้จริงๆ…ตายก็ไม่เป็นไร”
“แต่…ไม่ต้องสอบสวนแล้วหรอครับ?” ชายคนเดิมถามอย่างระมัดระวัง
“จำเป็นด้วยหรอ?” “เจ้าตาขาว” หัวเราะชั่วร้าย “ไม่ว่าจะมีพยานหลักฐานหรือไม่ พวกมันก็ไม่มีทางยอมรับแน่”
“ถ้าอย่างนั้นฝ่ายนั้นก็ยิ่งได้เปรียบ?” ทุกคนต่างมองหน้ากัน
ทว่าพวกเขาก็ยอมรับว่า “เจ้าตาขาว” พูดถูก ความขัดแย้งระหว่างกองกำลังสองกอง อาศัยแค่ปากคำของคนไม่กี่คนไม่สามารถทำอะไรได้
ถ้าหากอีกฝ่ายโอหังมากพอ พวกเขาจะไม่เห็นค่าชีวิตไม่กี่ชีวิตนี้แน่นอน
พวกเขาคงจะวางท่าว่า “ไม่พอใจก็มาเอาคืนสิ!”
“เจ้าตาขาว” พูดอย่างเยือกเย็นว่า “ไม่เป็นไร พวกเรายอมรับก็พอ”
จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย คนที่เหลือได้ยินเข้าก็งุนงงเล็กน้อย
แต่หลายวินาทีผ่านไป หนึ่งในพวกเขากลับเผยสีหน้าตื่นตะลึง
ความหมายของ “เจ้าตาขาว” ไม่ใช่ธรรมดาเลยนะ…
ถ้าหากตอนนี้มีสมาชิกระดับสูงอยู่ในที่นี้ด้วยซักคน เขาจะต้องตกใจกับสำเนียงการพูดของ “เจ้าตาขาว” แน่นอน
ถึงเสียงพูดจะไม่เหมือน แต่วิธีการพูดอย่างนี้ กลับเหมือนบอสใหญ่ที่อยู่ในรถบัสโรงเรียนมาก!
“ตรวจสอบดูให้ละเอียดอีกครั้ง คำนวณเวลาดูแล้วตอนนี้น่าจะใกล้มาแล้ว ครั้งนี้พวกเราต้องทำให้สำเร็จในทันที! มีฉันอยู่ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่สามารถเล็ดรอดออกไปได้” “เจ้าตาขาว” พูดขึ้น จากนั้นเขาก็แนบตัวชิดบานหน้าต่าง เหมือนกำลังเงี่ยหูฟังการเคลื่อนไหวด้านนอก
แต่เขากลับไม่รู้ตัวเลยว่า เงาร่างของใครคนหนึ่งกำลังแหวกผ่านฝูงชนที่อยู่ห่างออกไปประมาณสิบเมตร และไม่นานก็หายไปจากครรลองสายตาของพวกเขา…
“ไปเลย!”
อาศัยผู้มีความสามารถพิเศษหลายคนเป็นกำบัง หลิงม่อขว้างเจ้ามาสเตอร์บอลออกจากมือไปทันที
เจ้าแมงกะพรุนตัวน้อยร่วงลงบนหลังคารถพอดี หลังจากหยุดชะงักไม่กี่วินาที มันก็เริ่มหมุนตัวคว้างเหมือนลูกข่าง
หลิงม่อกำลังโฉบหลบไปมาอยู่ท่ามกลางฝูงชน ขณะเดียวกันก็กำลังพยายามใช้พลังสัมผัสรู้ผ่านตัวเจ้ามาสเตอร์บอล
เจ้ามาสเตอร์บอลในเวลานี้ได้ใช้ “แบตเตอร์รี่” เกือบหมดแล้ว เหลือเพียงหนวดสัมผัสของหลิงม่อเพียงเส้นเดียว
เมื่อเป็นอย่างนี้ ถึงจะมีผู้มีความสามารถพิเศษอยู่ แต่ก็ไม่แน่ว่าจะรับรู้ถึงการมาของมันในทันที
ในเวลาสั้นๆ เพียงสองวินาที เจ้ามาสเตอร์บอลไต่ลงจากหลังคารถลงไป และมองหาช่องเล็กๆ บริเวณหน้าต่างรถอย่างรวดเร็ว
ห่างออกไปไม่ถึงสองเมตรมีเจ้าหน้าที่ยามหลายคนยืนอยู่ แต่เนื่องจากการปรากฏตัวของซอมบี้ตัวทดลองพวกนั้น เจ้าหน้าที่ยามส่วนมากจึงเคลื่อนตัวออกห่างรถบัสโรงเรียน เพื่อกันตัวทดลองให้ออกไปไกลๆ เมื่อเป็นอย่างนี้ สถานการณ์จึงเอื้ออำนวยแก่เจ้ามาสเตอร์บอล
“สวบๆๆ…”
การเคลื่อนไหวของเจ้ามาสเตอร์บอลเร็วจนน่าเหลือเชื่อ ไม่นานมันก็หาช่องเล็กๆ บนหน้าต่างรถเจอ
มันยื่นหนวดเข้าไปในช่องว่างเล็กๆ นั้น ทว่ามันไม่ได้พยายามเปิดกระจก แต่กลับพยายามเบียดตัวเข้าไปจนสำเร็จ
เมื่อเจ้ามาสเตอร์บอลเข้าไป มันก็เกาะผ้าม่านไว้ จากนั้นก็ปีนขึ้นไปบนหลังคารถด้านในอย่างรวดเร็ว
“รู้อย่างนี้น่าจะตั้งชื่อว่า 009 ตั้งแต่แรก เหมาะกว่ากันตั้งเยอะ…” หลิงม่อคิดในใจ
ในรถคันนี้มีคนอยู่ไม่มาก แต่กลับเต็มไปด้วยกลิ่นเตะจมูกมากมาย
กลิ่นเหงื่อ กลิ่นบุหรี่ กลิ่นเหล้า…หลิงม่อกระทั่งได้กลิ่นน้ำหอมรางๆ ด้วย!
ก็มีแต่สมาชิกระดับสูงพวกนี้เท่านั้นแหละที่มีชีวิตหรูหราอย่างนี้ คนทั่วไปแค่ไม่มีกลิ่นตัวเหม็นเปรี้ยวก็นับว่าไม่เลวแล้ว…
หลังจากที่เจ้ามาสเตอร์บอลเลือกตำแหน่งในการเกาะได้แล้ว หลิงม่อก็สูดหายใจลึกๆ แล้วหันไปมองทางที่เหล่าหลันยืนอยู่
หากยืนอยู่ในตำแหน่งของหลิงม่อในตอนนี้ เหล่าหลันมองไม่เห็นเขาจริงๆ
และสิ่งที่เขามองเห็น ก็มีแค่มือข้างหนึ่งที่ยื่นออกมาจากด้านข้างของเหล่าหลัน
“เพล้ง!”
ไม่มีลางบอกเหตุอะไรทั้งสิ้น เมื่อเสียงนี้ดัง กระจกหน้าต่างรถบานหนึ่งก็แตกละเอียดทันที ขณะเดียวกันเศษกระจกก็ข่วนผ้าม่านจนฉีกขาดไปด้วย
คนในรถต่างพากันตกตะลึง แต่พวกเขายังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไร หน้าต่างรถบานอื่นๆ ก็ถูกโจมตีจนแตกอย่างต่อเนื่อง
เหตุการณ์ในรถบัสดึงดูดความสนใจของผู้มีความสามารถพิเศษบางส่วน แต่พวกเขาไม่ทันได้มองไปมากกว่านั้น จู่ๆ ซอมบี้ที่อยู่รอบตัวก็เกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมาทันที
“ชิบ! ถูกอะไรกระตุ้นเข้าอีกล่ะเนี่ย!”
“เมื่อกี้มีคนยิงปืนหรือเปล่า…”
“อย่าเพิ่งพูด ระวังตัวก่อนเร็ว!”
ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกโวยวาย สายตาของหลิงม่อกำลังจดจ้องไปที่มือของเหล่าหลันอยู่ตลอดเวลา
ในขณะที่หน้าต่างบานสุดท้ายแตก มือข้างนั้นของเหล่าหลันก็มีการเคลื่อนไหวในที่สุด!
จู่ๆ เขาก็กำหมัดแน่น!
“เขานั่นแหละ!”
หลิงม่อหันกลับมาไม่ทัน แต่ยังมีเจ้ามาสเตอร์บอลอยู่
แทบจะในเวลาเดียวกับที่ยืนยันเป้าหมาย เจ้ามาสเตอร์บอลทิ้งตัวลงข้างล่าง แล้วแทงเข้าไปที่ต้นคอของคนที่เป็นเป้าหมาย
เดิมที คนคนนี้ก็หลบอยู่ด้านหลังโซฟาด้วยเช่นกัน และกำลังตะโกนสั่งให้คนปิดไฟด้วย แต่คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ จะรู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลัง
ไม่นาน เขาเบิกตากว้างขึ้นมาทันที เพราะรู้สึกเหมือนมีเข็มเล่มหนึ่งแทงเข้ามาในศีรษะ !
ขณะเดียวกัน “เจ้าตาขาว” ที่อยู่ในรถยนต์คันเล็กก็เหลือกตาขึ้น พร้อมกับอ้าปากออกเล็กน้อย เขายกมือขึ้นจับคอเสื้อแน่น
“เป็นอะไรไป?”
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ดูเหมือนไม่เป็นไหรหรือไง? รีบคิดหาวิธีแก้ไขเร็วเซ่!”
เหตุการณ์ในรถยนต์วุ่นวายขึ้นมาทันที ขณะเดียวกันหลิงม่อแค่นเสียงเย็นชา
“พลังจิตของคนคนนี้มันยังไงกัน…”
หลิงม่อลงมือด้วยตัวเอง เขาใช้หนวดสัมผัสทางจิตแทงเข้าไปผ่านเจ้ามาสเตอร์บอล และเป้าหมายก็คือ…กลืนกิน!
ถึงแม้ข้อมูลที่ได้จากการกลืนกินจะมีไม่มาก แต่ขอแค่มีเบาะแสเล็กน้อย หลิงม่อก็มั่นใจว่าเขาจะหาความจริงจนเจอได้
เขามีข้อได้เปรียบ แถมยังเป็นข้อได้เปรียบที่ดีเป็นพิเศษ!
ประสบการณ์การแฝงตัวเข้ามาในนิพพานสำนักงานใหญ่ครั้งนี้ ทำให้หลิงม่อเริ่มตระหนักได้ว่า มีเพียงต้องมีข้อมูลเชิงลึกเท่านั้น เขาถึงจะสามารถทำให้พวกเย่เลี่ยนวิวัฒนาการขั้นต่อไปได้
เหมือนกับเหล่าหลัน ถ้าหากไม่มีทีมวิจัย ลำพังเขาคนเดียวจะทำการทดลองได้อย่างไร?
ยิ่งหลิงม่อได้อะไรมาจากนิพพานมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเข้าใจในพลังที่คนกลุ่มหนึ่งสามารถรวบรวมได้ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ว่าใครก็มีได้
และนับจากวินาทีที่เขา “หลอกล่อ” เหล่าหลัน เขาก็คิดดีแล้วว่าจะทำอย่างไรต่อ
ถ้าไม่อย่างนั้นหากเอาตัวเหล่าหลันไปอยู่ในพื้นที่ที่ขาดทรัพยากรข่าวสารข้อมูล เขาก็เป็นได้แค่ตาเฒ่าโรคจิตธรรมดาคนหนึ่ง ที่ทำอะไรไม่ได้เลย
แต่เขาจะทำอย่างไรถึงจะหาความสมดุลระหว่างการสร้างข้อมูลเชิงลึกกับพวกเย่เลี่ยนได้ นี่เป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญที่หลิงม่อต้องพิจารณา
ทว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ก็คือการสร้างข้อมูลเชิงลึกเพื่อปูพื้นฐานให้ดี
และข้อมูลที่อยู่ในสมองของบอสใหญ่ท่านนี้ ก็คือก้อนอิฐที่เป็นส่วนประกอบสำคัญที่สุดในการก่อฐานให้แน่น!
เขาได้ข้อมูลมาจากคนอื่นด้วยการใช้วิธีคร่าชีวิตผู้คน หลิงม่อก็จะใช้พลังกลืนกินขโมยข้อมูลไปจากเขาเหมือนกัน!
—————————————————————————–