แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 815 “รอยโรค” ที่สอง
“ไม่สิ แค่รูปร่างภายนอกเหมือนกันเท่านั้นเอง…ดูจากตำแหน่งที่มันมุดออกมา น่าจะเป็นจุดที่ทำให้ซอมบี้ตัวอ่อนกรีดร้องด้วยเสียงพิเศษออกมาได้…ซอมบี้ตัวอ่อนพวกนี้ต่างจากซอมบี้กลายร่างมาก การกลายพันธุ์ของพวกมันนอกจากจะปรับโครงสร้างร่างกายใหม่แล้ว ยังแสดงให้เห็นในรูปแบบของอวัยวะเฉพาะชนิดนี้ด้วย ทว่าถึงจะบอกว่าเป็นอวัยวะ แต่ความจริงมันเหมือนเป็นสิ่งกึ่งมีชีวิตที่กำเนิดขึ้นในร่างกายของมันมากกว่า สิ่งมีชีวิตประเภทนี้ปรากฏขึ้นเพราะเชื้อไวรัส จุดนี้ค่อนข้างเหมือนกับก้อนไวรัสเหนียวหนืดที่อยู่ในสมองของซอมบี้…ไม่แน่ว่า มันอาจเป็นรอยโรคที่สองของซอมบี้รุ่นหลังก็ได้” (รอยโรค เป็นศัพท์ทางการแพทย์หมายถึงเนื้อเยื่อที่ผิดปกติที่พบในสิ่งมีชีวิต มักจะเกิดจากการบาดเจ็บหรือโรค)
พอคิดว่าเจ้ามาสเตอร์บอลอาจเป็นผลผลิตชนิดเดียวกับก้อนเหนียวหนืด สีหน้าของหลิงม่อก็ประหลาดไป แต่เจ้านั่นดูดเลือดมั่วๆ ไปมากมาย รูปร่างของมันจึงต่างไปจาก “รอยโรค” พวกนี้มาก ถึงจะบอกว่ามันเป็น “รอยโรค” แต่ตอนนี้มันกลับดูไม่ค่อยใกล้เคียงแล้ว…
หลิงม่อล้วงขวดพลาสติกขวดหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเป้ จากนั้นก็หยิบเจ้าก้อนนี้ใส่เข้าไปอย่างระมัดระวัง
สวี่ซูหานจ้องมองการกระทำเขาอย่างแปลกใจ แต่สุดท้ายก็ละสายตาออกได้ด้วยความที่ยังไม่หายกลัว กลับเป็นเย่เลี่ยนที่ยืนอย่างไม่รู้สึกอะไรอยู่ข้างๆ แถมยังทำหน้าครุ่นคิดเป็นครั้งคราวด้วย
เมื่อ “รอยโรค” ออกจากร่างกาย หัวหน้าซอมบี้ตัวอ่อนก็ตายทันที ตอนแรกหลิงม่อยังคิดจะดูว่าเจ้าหัวหน้าซอมบี้ตัวนี้มีก้อนเหนียวหนืดอยู่ด้วยหรือไม่ แต่พอเห็นหัวโตๆ ที่บิดเบี้ยวของมัน เขาก็ล้มเลิกความตั้งใจไปอย่างเงียบๆ…
พอหัวหน้าซอมบี้ตัวอ่อนตาย ซอมบี้ตัวอ่อนที่อยู่ข้างล่างพวกนั้นก็แตกตื่นขึ้นชั่วขณะ
ความสามารถในการโจมตีเฉพาะตัวของพวกมันร้ายกาจสู้หัวหน้าซอมบี้ไม่ได้ พลังก่อกวนในเสียงกรีดร้องก็ไม่ได้รุนแรงเท่าหัวหน้าซอมบี้ หลังจากสูญเสียความร่วมมือกันไป ไม่นานพวกมันก็ถูกกำราบโดยการต่อสู้ร่วมกันของซย่าน่ากับหลี่ย่าหลิน
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เจสันก็รู้ว่าสถานการณ์พลิกผันกลับมาแล้ว เขาจึงเผยสีหน้าประหลาดใจปนดีใจขึ้นมา ขณะเดียวกันเขาก็เริ่มยิงปืนได้แม่นขึ้น เขารู้สึกทึ่งพวกหลิงม่อจนแทบอยากจะคุกเข่าให้ ในใจพลางคิดว่าไม่เสียแรงที่เป็นยอดฝีมือผู้พิชิตกองทัพอากาศ ไม่คิดเลยว่าจะยังสามารถเป็นฝ่ายชนะได้แม้ในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับซอมบี้ที่ทำให้พลังต่อสู้ลดลงอย่างนี้ นอกเหนือจากความทึ่ง เขาก็มีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าฟอลคอนที่ 2 จะต้องชนะอย่างแน่นอน
และต่อมาเมื่อเย่เลี่ยนเข้ามาร่วมวงต่อสู้ด้วย ในที่สุดซอมบี้ตัวอ่อนพวกนี้ก็ล้มตายจนสิ้น เพียงไม่กี่นาทีต่อมา ที่นี่ก็กลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง เหลือไว้เพียงซพซอมบี้เกลื่อนเต็มพื้น
หลิงม่อรอคอยอย่างจดจ่อ แต่กลับพบว่าไม่มีวี่แววของ “รอยโรค” เพิ่มขึ้นอีก เขาถอนหายใจอย่างผิดหวัง แล้วพึมพำกับตัวเอง “ดูเหมือนว่ารอยโรคที่สอง จะไม่ได้มีกันได้ง่ายๆ…”
ทว่าได้มาหนึ่งก้อนก็ถือว่าเป็นผลพลอยได้ที่อยู่เหนือความคาดหมายแล้ว แถมหากวัดกันเรื่องความหายาก ไม่แน่เจ้าสิ่งนี้อาจมีค่ามากกว่าไวรัสนางพญาของซอมบี้เจ้าเมืองก็ได้…
“พี่หลิง พวกเราต้องทำเวลาหน่อยแล้ว กลิ่นคาวเลือดที่นี่แรงมาก อีกเดี๋ยวจะกลับมาทางนี้ไม่ได้แล้ว” ไม่นานสีหน้าตื่นเต้นของเจสันก็หายไป เขาเร่งเร้าพวกหลิงม่ออย่างร้อนใจ
หลิงม่อรู้ว่าชายฉกรรจ์ผู้นี้กำลังกังวลเรื่องสัตว์กลายพันธุ์ เขานึกถึงภาพที่เฮยซือส่งมาให้เมื่อกี้อีกครั้ง ทว่าเขาเพิ่งจะเชื่อมต่อสัญญาณทางจิตไปหาเฮยซือ อีกฝ่ายกลับตอบมาแค่ว่า “ยังไม่ว่าง” แล้วเงียบหายไปเลย
เขาถึงกับไปไม่เป็นชั่วขณะ “อะไรของเขา…”
สิบกว่านาทีต่อมา เมื่อพวกเขาได้น้ำมันเชื้อเพลิงมาในปริมาณที่มากพอ พวกเขาก็ได้ใช้เวลานับตั้งแต่ออกเดินทางไปสี่สิบนาทีแล้ว หลิงม่อคิดว่าพวกเขาใช้เวลามากเกินไป แต่เจสันกลับบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้เวลาน้อยขนาดนี้ ถึงแม้จะเจอซอมบี้ตัวอ่อน แต่ความเร็วของพวกเขาในครั้งนี้กลับเร็วกว่าทุกครั้งถึงสามเท่า หรืออาจเร็วกว่านั้นด้วยซ้ำ…เหตุผลที่มันต่างกันขนาดนี้ ก็เป็นเพราะมียอดฝีมืออยู่ด้วยทั้งนั้น!
“หลังจากกลับไป ผมจะพยายามหาโอกาสพาคนมาเอาน้ำมันทึกวัน!” เจสันพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย
“หยุดคิดไปได้เลย ผมกลายเป็นแรงงานฟรีให้พวกคุณใช้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หลิงม่อประชด
“ฟอลคอนที่ 2ก็เป็นของคุณครึ่งหนึ่งเหมือนกันนะ…”
“ระดับผลงานของผมมากพอจนไม่อาจสั่นคลอนได้ตั้งนานแล้ว”
“…ไม่คิดเลยว่าจูพดตรงขนาดนี้…งั้นผมจะเอาข่าวสารมาบอกด้วยทุกครั้ง…”
“ผมมีเครื่องมือสื่อสารแล้ว”
“อาจถูกดักฟังได้นะ ครั้งนี้เป็นเพราะพวกเขาไม่ได้ตั้งตัว และยังเป็นเครือข่ายเฉพาะอีก แต่ครั้งหน้าอาจถูกจับได้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่ฝากให้ผมมาบอกข่าวคุณหรอก” พูดมาถึงตรงนี้ เขาก็ถอนหายใจยาว
หลิงม่อเองก็เงียบตามเช่นกัน สถานการณ์ตอนนี้ยิ่งฟังก็ยิ่งเหมือนจะเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ…
ขณะที่เดินอ้อมเพื่อกลับออกจากคลังน้ำมัน หลิงม่อมองไปยังทิศทางที่เหล่าซอมบี้ตัวอ่อนล้มตายแวบหนึ่ง เสียงคำรามของซอมบี้ดังมาจากทางนั้นเป็นระยะ นอกจากความกระหายเลือดและคลุ้มคลั่งแล้ว ราวกับมีความโกรธแค้นปะปนอยู่ในเสียงคำรามเหล่านั้น ทว่าสิ่งที่ทำให้หลิงม่อสนใจจริงๆ กลับเป็นเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นเป็นครั้งคราว และเสียงร้องแปลกๆ ท่ามกลางเสียงคำรามเหล่านั้น
เจสันเองก็เหมือนจะได้ยินเสียงพวกนั้นด้วย เขาหน้าเปลี่ยนสีครั้งใหญ่ “มีสัตว์กลายพันธุ์ถูกกลิ่นเลือดดึงดูดเข้ามาแล้ว…พวกเรารีบไปกันเถอะ สัตว์ประหลาดพวกนั้นรับมือยากกว่าซอมบี้หลายเท่า โชคดีที่พวกมันจะจากไปทันทีที่กินอาหารเสร็จ พวกคุณอยู่ไกลขนาดนั้น ไม่ต้องกังวลมากไป”
“อื่ม” หลิงม่อตอบรับด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ในสายตากลับฉายแววแปลกไป
สัตว์กลายพันธุ์!
เสี่ยวป๋ายกับรุ่นพี่กำลังต้องการสิ่งนี้พอดี…
ทว่าในเมื่อรู้กฎการเคลื่อนไหวของพวกมันแล้ว ก็ไม่ต้องเร่งรีบลงมือ
เพื่อความรอบคอบ หลิงม่อจึงสอบถามเกี่ยวกับประเภทของสัตว์กลายพันธุ์เพิ่ม แต่คำตอบที่ได้กลับไม่ค่อยมีประโยชน์นัก
“คือว่า…ปกติพวกเราจะหลีกเลี่ยงสัตว์กลายพันธุ์เสมอ แต่คนที่บังเอิญเจอเข้าจริงๆ ก็ตายไปหมดแล้ว แต่พี่หลิงวางใจได้ ที่นี่ไม่ใช่รังของพวกมัน ขอแค่ระวังหน่อยก็ไม่มีปัญหาแล้ว…”
เจสันพูดย้ำอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมา เห็นชัดว่าเขากลัวหลิงม่อจะไม่พอใจ เพราะถึงอย่างไรสภาพแวดล้อมที่นี่ก็ถือว่าแย่พอสมควร…
แต่เขาไม่รู้เลย ว่าตั้งแต่ที่ได้ “รอยโรค” ก้อนนั้นมา หลิงม่อก็พึงพอใจกับที่มาก…
“ทั้งต้องเปิดศึกกับฟอลคอน แล้วยังต้องรับมือกับนิพพาน ยุ่งยากจริงๆ…ฉวยโอกาสช่วงหลายวันนี้ อัพเกรดพลังซักหน่อย จะได้มีหลักประกันที่มากขึ้น…” หลิงม่อคิดในใจ
………..
ก่อนที่เฮลิคอปเตอร์จะขึ้นบิน เจสันก็ได้กำชับอย่างละเอียดอีกครั้ง
“ก่อนจะมาที่นี่หัวหน้าโทมัสบอกว่า ภายในสามวัน…อย่างมากที่สุดก็ห้าวัน พวกเขาจะส่งผมมารับคุณ ในระหว่างนี้ ขอให้พี่หลิงโปรดอยู่เงียบๆ และอย่าทำอะไรวู่วามเด็ดขาด”
พอเห็นหลิงม่อพยักหน้า เจสันก็ยิ้มอย่างจริงใจขึ้นมาอีกครั้ง เขายืนตัวตรง และทำท่าการแสดงความเคารพให้หลิงม่อ “ผมไม่ใช่ทหารจริงๆ อะไรหรอก เมื่อก่อนก็ไม่ได้ชื่อเจสันด้วย แต่นับจากที่เข้ามาในฟอลคอน และได้ติดตามหัวโทมัส ผมก็รู้สึกเหมือนค้นหาตัวเองพบแล้ว บอกตามตรง ผมไม่ได้คิดว่าฟอลคอนเป็นบ้าน คนที่ผมยอมรับมีแค่หัวหน้าทีมเพียงคนเดียว แต่หัวหน้าเขายกย่องคุณมาก หลังจากได้มาที่ฟอลคอนที่ 2เขาก็ได้เล่าเรื่องของคุณให้พวกเราฟังไม่น้อย ดังนั้นผมก็เลยยกย่องคุณด้วย บนโลกใบนี้ คนที่มีชีวิตอยู่เพื่อไม่ได้มีชีวิตอยู่ไปวันๆ เป็นเรื่องที่หาได้ยาก”
“เอ่อ…” หลิงม่อรู้สึกไม่ค่อยคุ้นเคย ทำไมจู่ๆ ก็ต้องมาบอกความในใจอะไรแบบนี้ด้วย…
แต่ดูท่าทางเขาจริงใจมาก แถมหลังจากพูดจบ เขาก็รีบหมุนกายเดินไปที่เฮลิคอปเตอร์ทันที “พบกันใหม่นะครับ!”
เมื่อเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น เฮลิคอปเตอร์ก็ลอยขึ้นกลางอากาศทันที ขณะเดียวกัน เสียงร้องแหลมๆ ก็ได้ดังมาจากทางโกดังเก็บน้ำมัน…
เหล่าหลันจ้องไปทางนั้นอย่างตกตะลึงและสงสัย “ที่นั่นมีอะไรเกิดขึ้น?”
“ขอเตือนว่าลุงอย่าอยากรู้ดีกว่า” หลิงม่อบอก จากนั้นก็หันไปมองหลันหลันกับหวังหลิ่ง แล้วสายตาของเขาก็ฉายแววประหลาดขึ้นมา
ก่อนที่เขาจะออกไปกับเจสันยังเห็นสองเด็กสาวอยู่ในสภาพอ่อนระโหยโรยแรงอยู่เลย แต่ตอนนี้พวกเธอกลับกลายเป็นเหมือนลูกแมวลายสองตัว แถมในมือยังควงอาวุธที่หามาได้จากในห้องพักเล่นอยู่อีกด้วย พวกเธอรีบวิ่งไปหาพวกเย่เลี่ยนและโชว์ของให้ดูอย่างเนื้อเต้น จะมีก็แต่เหล่าซอมบี้สาวพวกนี้ที่แสดงท่าทางสนอกสนใจต่อสิ่งของเหล่านี้ ส่วนพวกมู่เฉินกับชายแว่นดำ ตอนนี้เหลือแค่แรงนั่งพิงกำแพงและหอบหายใจเท่านั้น…
“แก มานี่”
หลิงม่อเปิดประตูมองเข้าไปแวบหนึ่ง แล้วหันไปมองชายแว่นดำ
ผู้ถูกเรียกเผยสีหน้าตระหนกออกมาทันที แต่เพราะหลิงม่อเอาแต่จ้องไม่วางตา เขาจึงทำได้เพียงลุกขึ้นยืนอย่างจำยอม
“ครูฝึก เฝ้าไว้ด้วยล่ะ”
หลิงม่อเพิ่งจะพูดจบ มู่เฉินก็กระโดดโหยงและโวยวายลั่น “ไอ้ตำแหน่งครูฝึกของฉันนี่มันจะมีหน้าที่เยอะเกินไปแล้วนะ!”
“เฮ้ย นี่! นายจะทำเป็นไม่ได้ยินจริงๆ ใช่ไหม!”
—————————————————————————–