แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 824 ช่างเป็นภาพที่สวยงาม จนฉันไม่กล้ามอง
“กลิ่นแรงมาก…” คนอื่นๆ ต่างพากันผงะถอย แต่หลิงม่อกลับนิ่งงัน เขาจ้อง “หลอดเลือด” เส้นนั้นเขม็ง แล้วภาพเส้นเลือดมากมายที่กำลังลอยไหวไปมากลางอากาศก็ผุดขึ้นมาในสมอง
“นี่คงไม่ใช่.…” หลิงม่อครุ่นคิด พลางชักมีดพกเล่มหนึ่งที่เหน็บไว้ตรงขาออกมา จากนั้นก็นั่งยองๆ ลงไปท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของทุกคน เขาอดกลั้นความสะอิดสะเอียนไว้ และพยายามดึง “หลอดเลือด” เส้นนี้ออกมาจากซากอาคารผุพัง สิ่งที่ทำให้ทุกคนช็อกก็คือ “หลอดเลือด” เส้นนี้เริ่มเน่าเปื่อยแล้ว แต่มันกลับยังคงความยืดหยุ่นและเหนียวแน่นไว้ได้อย่างดี หลิงม่อออกแรงดึง มันไม่เพียงไม่ขาด แต่ยังมีเสียงเศษหินร่วงมากมายดังมาจากรอบๆ “หลอดเลือด” นั่นอีกด้วย
“มันคืออะไร? เส้นเอ็นหรอ?” มู่เฉินถามเสียงอู้อี้
เหล่าหลันที่ยืนอยู่อีกทางตอบอย่างกระตือรือร้นว่า “ไม่ใช่ๆ เส้นเอ็นที่พวกเธอพูดถึงมันผิดตั้งแต่ความหมายแล้ว… ‘เส้นเอ็น’ที่พูดถึงนี้ต้องประกอบไปด้วยกล้ามเนื้อ เอ็นยึดกล้ามเนื้อเข้ากับกระดูกกระดูก เอ็นข้อต่อ และหลอดเลือด…แต่ฉันคิดว่าเจ้าสิ่งนี้ไม่เหมือนหลอดเลือดเลยซักนิด ยิ่งไม่มีทางที่จะเป็นเส้นเอ็นไปได้…จากประสบการณ์ของฉัน แม้แต่ซอมบี้กลายพันธุ์ระดับร่างแม่ก็ยังไม่แข็งแกร่งถึงขนาดนี้…ฉันถึงขั้นเคยลงมือผ่าศพของซอมบี้ระดับสูงตัวหนึ่งกับมือ แต่ก็ไม่เคยเห็นเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย อ้างอิงจากการแบ่งระดับซอมบี้ของหลิงม่อ ซอมบี้ที่ฉันผ่าตัวนั้นน่าจะอยู่ระดับเจ้าเมืองแล้ว…”
“น่าสนใจจริงๆ มันคืออะไรกันแน่?” เหล่าหลันเดินเข้าใกล้อย่างลืมตัว พลางพูดพึมพำกับตัวเอง
“คนที่ทำตัวเหมือนมีความรู้นักหนาก็ลุงเองไม่ใช่หรอ! จิ๊ นึกว่าจะรู้คำตอบ สุดท้ายก็ไม่รู้เหมือนกันนั่นแหละน่า…” มู่เฉินถลึงตาใส่เหล่าหลัน แล้วพูดขึ้น
กลับเป็นสวี่ซูหานที่ไม่พูดไม่จาที่จู่ๆ ก็สะท้านไปทั่วร่าง ดวงหน้าด้านหลังหน้ากากดูแปลกไปทันที เธอจ้อง “หลอดเลือด” เส้นนั้นอย่างไม่กระพริบตา พลางเม้มปากเบาๆ
หลิงม่อไม่สนใจเสียงถกเถียงของพวกมู่เฉิน แต่เขากลับขมวดคิ้วมองเข้าไปด้านล่างกองอิฐ ถึงแม้ความยืดหยุ่นของ “หลอกเลือด” เส้นนี้จะเหนือความคาดหมายของเขา แต่พอนึกถึงความประหลาดของแม่หม้ายสาวในร่างคน เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันมีอะไรพิเศษ เจ้าสิ่งนี้เป็นเหมือนใยแมงมุมของเธอ ถึงแม้จะหลุดออกจากร่างกายเธอ แต่มันก็ยังคงลักษณะเด่นของตัวเธอไว้ แต่พอเปรียบเทียบกับภาพที่อยู่ในความทางจำ เขาก็รู้สึกถึงความแปลกประหลาดขึ้นมาทันที
“ดูเหมือนการต่อสู้ครั้งนี้จะทำให้เธอบาดเจ็บหนักเหมือนกันนะ ถ้าอย่างนั้น…ต่อไปหากเราเจอเธอ เธอจะยังอยู่ในสภาวะอ่อนแอหรือเปล่านะ?” หลิงม่อออกแรงดึงมีดขึ้นข้างบนอีกครั้ง พลางคิดว่า “หนวดเส้นนี้ขาดมานานขนาดนี้แล้ว แต่กลับยังเหนียวขนาดนี้ ถ้าเป็นตอนที่เธอปกติดี มันคงจะแข็งแกร่งกว่านี้อีกหลายเท่าสินะ? ตอนนั้นพวกมู่เฉินก็เคยเจอเธอเหมือนกัน ดูจากความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขา…มีความเป็นไปได้สูงว่าตอนนั้นเธออยู่ในสภาวะอ่อนแอ!”
หลิงม่อหนังศีรษะตึงชา สิ่งที่เขาเพิ่งรู้นี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างน่าประหลาด
“ไม่ได้การๆ…เราจะถูกเธอจับไม่ได้อีกแล้ว ถ้าหากถูกจับได้อีก เธออาจขืนใจเรา และตั้งท้องลูกของเราจริงๆ ก็ได้! ถ้าเป็นอย่างนั้นเราตายแน่! กลับกัน สถานการณ์ของเย่เลี่ยนในตอนนี้กลับซับซ้อนมาก…เรารู้สึกเหมือนเธอน่าจะกำลังมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงอยู่ แต่กลับไม่แน่ใจว่าเป็นอะไรกันแน่” หลิงม่อส่ายหน้าไปมา พลางพูดกับเย่เลี่ยนอย่างรีบร้อน “เด็กโง่ ช่วยฉันขุดตรงนี้หน่อย ซย่าน่าก็มาช่วยด้วย”
สองสาวรับคำพร้อมกัน “สวบ” เหล็กเส้นและเคียวดาบแทงเข้าไปในรอยแยกของกองซากกปรักหักพังเหล่านั้นทันที เมื่อก้อนอิฐมากมายถูกขุดออกไป ภาพที่อยู่ลึกลงไปก็ปรากฏสู่สายตาทุกคน
คราวนี้แม้แต่หลิงม่อเองก็ยกมือปิดจมูกตามสัญชาตญาณด้วย หลังจากที่ใช้มืออีกข้างหนึ่งปัดป้องเศษฝุ่นที่ลอยคลุ้ง เขาก็จ้องมองลงไปข้างล่างอย่างไม่รีรอ ก้อนอิฐพวกนี้ถูกสีแดงของเลือดย้อมจนแดงไปหมด ตามรอยแยกมีเศษชิ้นส่วนสีน้ำตาลเข้มอุดอยู่มากมาย หลังจากที่สิ่งกีดขวางชั้นบนสุดถูกปัดออก แขนข้างหนึ่งและใบหน้าครึ่งซีกก็ปรากฏอยู่ท่ามกลางเศษชิ้นส่วนเหล่านั้น ดวงตาทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูลกลายเป็นเหมือนหลุมกลวงโบ๋สองหลุม ภาพที่เห็นทำเอาหลันหลันและหวังหลิ่นพากันร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ
“ศพนี้มัน…” หลิงม่อฉายแววครุ่นคิด พร้อมกับโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย มีดพกของเขายังคงเกี่ยว “หลอดเลือด” เส้นนั้นไว้ตลอด ในขณะที่มือขยับไปข้างหน้าช้าๆ เขารู้สึกได้ว่า ถ้าหากสามารถตรวจสอบที่นี่อย่างละเอียด เขาอาจพบสาเหตุที่ทำให้แม่หม้ายสาวแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ก็ได้ และอาจรู้ว่าตัวเองต้องมนต์อะไรของแม่หม้ายสาวกันแน่…ความรู้สึกที่เหมือนสูญเสียการควบคุมนั้นทำได้แค่ข่มกลั้นไว้ แต่กลับไม่สามารถกำจัดไปได้ ซึ่งนี่ถือเป็นภัยแฝงที่อันตรายมากสำหรับเขา
“ด้านความโรคจิตนี้ พี่หลิงช่างทำให้ฉันทึ่งจนอยากจะคุกเข่าให้เลยจริงๆ…” เหล่าเจิ้งพูดด้วยสีหน้าอึ้งค้าง อย่าว่าแต่ตรวจสอบศพนั่นเลย แค่กลิ่นที่อยู่ในนี้ก็ทำให้เขาแทบคลั่งแล้ว แต่หลิงม่อไม่เพียงไม่แสดงสีหน้ารังเกียจออกมาซักนิด ซ้ำยังจดจ่อขึ้นมาทันทีอีก แม้กระทั่งการลงมือทำอะไรแต่ละอย่างก็ไร้ซึ่งความลังเล…นี่ไม่ได้เรียกว่าน่าทึ่งแล้ว เรียกว่าน่านับถือเลยต่างหาก!
มู่เฉินเองก็พยักหน้าตาม “ยอมใจจริงๆ! แต่ว่า มันเป็นความชื่นชอบส่วนตัวของเขานี่นา…”
“…อย่างนั้นยิ่งน่าทึ่งเข้าไปใหญ่…”
“หาเจอแล้ว!” จู่ๆ หลิงม่อกลับหัวเราะขึ้นมาอย่างลิงโลด จากนั้นก็ค่อยๆ ใช้มีดเกี่ยวใบหน้าศพเข้ามา
ใบหน้าของศพกลายเป็นสีดำไปหมดแล้ว เบ้าตาและส่วนแก้มยุบลงไปเป็นหลุมลึก มองแวบแรกเหมือนศพแห้ง แต่หลังจากที่จ้องดูอย่างละเอียด หลิงม่อกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิด…โดยเฉพาะหนวดเส้นนั้น ไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะยื่นออกมาจากลำคอของศพศพนี้…
“นี่ไม่ได้เกิดจากภาวะสูญเสียน้ำหลังการตาย” เหล่าหลันพูดโพล่งขึ้น
เขานั่งยองๆ ลงข้างหลิงม่อ ในมือถือเหล็กเส้นบางๆ ไว้ ขณะเดียวกับที่พูด เขาใช้เหล็กเส้นในมือแทงเข้าไปในปากศพ จากนั้นก็ค่อยๆ ดึงกลับออกมา
“ดูสิ ในร่างกายของเขาไม่ได้มีร่องรอยของการเน่าเปื่อยเลย ถ้าหากไม่ใช่เพราะตอนนี้เป็นหน้าร้อน ไม่แน่ศพนี้อาจไม่มีแม้แต่กลิ่นลอยโดชยออกมาด้วยซ้ำ…” พูดไป เหล่าหลันยังยกปลายเหล็กเส้นขึ้นมาดมสองสามที “ไม่ผิดแน่ รับประกันด้วยประสบการณ์ผ่าศพเกินร้อยของฉันได้เลย…”
“งั้นหรอ?” หลิงม่อพยักหน้าด้วยสีหน้าครุ่นคิด และมองตามเหล็กเส้นในมือเขา
“อ้วกก…” ในที่สุดเหล่าเจิ้งก็ทนไม่ไหว เขาพูดด้วยสีหน้าอมทุกข์ “ฉันทนไม่ไหวแล้ว ในทีมนี้มีโรคจิตคนเดียวยังไม่พอ แต่ยังมีโผล่ขึ้นมาเพิ่มอีกคน! เฮ้ย ตกลงพวกนายจะศึกษาศพนี้ไปถึงเมื่อไหร่ อยู่ตรงนี้นานๆ พวกเราเป็นเป้าสายตาได้ง่ายๆ เลยไม่ใช่หรือไง!”
“อีกไม่นานแล้ว พวกนายดูต้นทางดีๆ ล่ะ…” หลิงม่อโบกมือตอบ
“อย่ามาขออะไรแบบนี้เหมือนมันเป็นเรื่องปกติได้ไหม!” มู่เฉินคำราม
เหล่าเจิ้งสติหลุดไปเรียบร้อยแล้ว ร้ายดีอย่างไรเขาก็เป็นตัวแทน “ทูตสันติภาพ” ที่ค่ายกลางส่งมา สุดท้ายภารกิจถูกทำพังไม่พอ ยังต้องมานั่งดูศพอยู่ข้างๆ เจ้าตัวการปัญหาอยู่ที่นี่อีก…
“น่าแปลกมาก ทั้งที่ไม่ได้เน่าเปื่อยมากขนาดนั้น แต่ศพกลับถลายสภาพเป็นอย่างนี้…” เหล่าหลันพึมพำ พลางล้วงถุงมือใช้แล้วทิ้งคู่หนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เขายกมือทั้งสองข้างขึ้น หลังจากจ้องมองศพอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ยื่นมือไปทาง “หลอดเลือด” ทันที
หลังจากจับหลอดเลือดดูสองสามที ใบหน้าของเขาก็เริ่มแดงขึ้นมา “จริงๆ ด้วย…เป็นอย่างนั้นจริงๆ…ถ้าหากสภาวะสูญเสียน้ำของเจ้าสิ่งนี้ไม่ได้ต่างจากศพอย่างสิ้นเชิง ฉันคงคิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของร่างเขาไปแล้ว”
หลิงม่อมองเหล่าหลันอย่างประหลาดใจ คนคนนี้ไม่เสียแรงที่เป็นถึงนักวิจัย ความสามารถในการสังเกตและการตัดสินใจล้วนยอดเยี่ยมตามคาด…ภายใต้สถานการณ์ที่เขาไม่รู้เรื่องของแม่หม้ายสาวเลย เขากลับสามารถหาข้อสรุปนี้ออกมาได้อย่างรวดเร็ว
“ไม่สิ…จะดึงออกมาเลยอย่างนี้ไม่ได้…” เหล่าหลันพึมพำกับตัวเอง แล้วจู่ๆ เขาก็ยื่นมือไปหยิบก้อนอิฐบนศพออก จนกระทั่งเมื่อร่างศพปรากฏเด่นชัดทุกส่วน เขาก็รีบหันมาบอกว่า “เอามีดมา”
หลันหลันยื่นมีดผ่าตัดให้เขาทันที ในขณะที่เหล่าหลันเผยรอยยิ้มโรคจิตออกมา และไม่นานเขาก็มองหาตำแหน่งลงมือจนเจอ…
“ช่างเป็นภาพที่โหดร้ายเหลือรับ ฉันทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว…” มู่เฉินเบือนหน้าหนีออกไปเงียบๆ แล้วถอนใจ “ฉันยอมดูต้นทางให้แล้ว…”
เมื่อเสียง “ฉึก” ดัง พวกเย่เลี่ยนที่มุงดูอยู่ก็ยิ่งขยับเข้าไปใกล้
“นี่อะไร?”
“นี่มันน่าแปลกมากเลย…”
สวี่ซูหานเองก็เหมือนจะเหลือบมองอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าเธอดูประหลาดกว่าใครเพื่อน…
“เฮือก…” หลิงม่อสูดหายใจอย่างตกตะลึง เขาพูดด้วยสีหน้าตึงเครียด “เจ้าสิ่งนี้…”
ส่วนท้องของศพโล่งเปล่า แต่ปลายด้านหนึ่งของ “หลอดเลือด” เส้นนี้กลับมีตุ่มเลือดปรากฏขึ้น ของเหลวสีแดงเข้มที่อยู่ข้างในยังไม่แห้งสนิท หากมองทะลุเข้าไปในเยื่อหุ้มกึ่งใสชั้นนอกนั้น ยังสามารถเห็นฟันซี่เล็กๆ ที่อยู่รอบปลาย “หลอดเลือด” ได้อีกด้วย…
“นี่คงเป็นเลือดของแม่หม้ายสาวสินะ…แถมดูเหมือนจะไม่ใช่เลือดธรรมดาด้วยสิ แต่ดูจาก “อันตราการแพร่เชื้อ” ของเธอ เจ้าสิ่งนี้ต้องมีพิษอยู่ด้วยแน่ๆ” หลิงม่อคิด เขานึกเชื่อมโยงไปถึงอาการแปลกๆ ที่เกิดกับร่างกายตัวเองทันที หรือว่าเธอใช้วิธีการบางอย่าง หว่านเมล็ดพันธุ์ชนิดเดียวนี้กันใส่ร่างกายเขาด้วย?
“คิดแล้วไม่มีผิด! เป็นเจ้าสิ่งนี้จริงๆ ที่ดูดศพนี้จนแห้ง…แต่ทำไมเจ้าสิ่งนี้ถึงยังหลงเหลืออยู่ในร่างกายเขาล่ะ? ถ้าหากให้ฉันได้ศึกษาดูหน่อย…” เหล่าหลันหมายจะยื่นมือเข้าไปจับ ทันใดนั้นมือของใครคนหนึ่งก็ยื่นเข้ามาจากด้านข้างอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
สวี่ซูหานที่เด็ดตุ่มเลือดไปก่อนพูดเสียงเบาว่า “ของสิ่งนี้…ที่น่าจะยังมีอีกมาก ฉันจะช่วยคุณหาอีก อันนี้ให้ฉันเถอะ…”
“เอิ่ม…ถ้าเธอชอบก็เอาไปเถอะ” หลิงม่อบอก หลังจากคุยกันวันนั้น เขาก็เข้าใจถึงแรงผลักดันของสวี่ซูหานเป็นอย่างดี เกรงว่าหลังจากจบเรื่องนี้ เธอคงจะหาทางแยกตัวออกไป…ทว่าซอมบี้ทุกตัวย่อมมีความฝันต่างกัน เรื่องแบบนี้บังคับจิตใจกันไม่ได้ สวี่ซูหานไม่อาจถูกควบคุม และหลังจากที่วิวัฒนาการเธอจะมีอันตรายหรือไม่ เรื่องนี้ก็บอกไม่ได้เช่นกัน…
คิดถึงตรงนี้ หลิงม่อก็หันไปมองพวกเย่เลี่ยนอีกครั้ง ทว่าสามสาวซอมบี้กลับไม่ได้สนใจหนวดของแม่หม้ายสาวเลยแม้แต่น้อย เย่เลี่ยนยังคงมีสีหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ พอสบตากับหลิงม่อ เธอก็รีบก้มหน้าและยื่นมือไปจับกระเป๋าเสื้อแน่นทันที
“คืนนี้…พวกเธอทำภารกิจกับฉันแล้วกัน…” จู่ๆ หลิงม่อก็ยิ้ม แล้วพูดขึ้น
—————————————————————————–