แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 828 อานุภาพของเวอร์ชันปรับปรุง
หน้าต่างอยู่แค่ตรงหน้าแล้ว!
หากกระโดดลงไปจากตรงนี้ ถึงแม้อาจจะบาดเจ็บบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าตาย! และในตำบลร้างที่ไม่มีซอมบี้อยู่ซักตัวนี้ เขามั่นใจว่าตัวเองจะสามารถซ่อนตัวได้ และอดทนจนกว่าทีมช่วยเหลือจะมาถึง!
“ดูถูกไอ้หลิงม่อนั่นเกินไปซะแล้ว! หลัวหมิงพูดถูก หมอนั่นกลับมาจริงๆ ด้วย…ตอนที่อยู่บนดาดฟ้า มันเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ตอนนี้ มันกลับฆ่าเปิดทางเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย…”
ความคิดของจางสี่ยุ่งเหยิงไปหมด โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงคำพูดโอ้อวดของตัวเองเมื่อกี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิม แต่ขอเพียงตัวเองสามารถหนีออกไปจากที่นี่ได้…
“เกิดอะไรขึ้น!” หนุ่มเสื้อเหลืองกำลังตื่นตระหนก พอได้ยินเสียงจางสี่ตะโกนบอกอย่างนั้น เขาก็หันไปสนใจประตูห้องทันที ไม่เพียงเท่านี้ เขายังยกกริชในมือขึ้นตั้งท่า และสาวเท้าเคลื่อนไหวโดยสัญชาตญาณทันที
แต่ในตอนนั้นเอง เขากลับได้ยินเสียงม่านหน้าต่างถูกกระชากเปิด…
“จางสี่! เย็*พ่อเอ็ง!” หนุ่มเสื้อเหลืองรีบหันกลับไปดู แล้วก็เห็นแผ่นหลังของจางสี่ทันที เขาเบิกตากว้าง ร่างกายเย็นวาบไปทั้งตัว มือไม้ก็ชาไปหมด เห็นชัดว่าจางสี่ตั้งใจหลอกใช้เขา ผู้ลอบโจมตีคนนั้นไม่ได้อยู่นอกห้อง แต่…อยู่ในห้องเลยต่างหาก!
เขาตั้งท่าเตรียมจู่โจม และเริ่มใช้พลังพิเศษ…แต่พฤติกรรมอย่างนี้ ไม่ต่างอะไรจากการท้าทายในสายตาของผู้ลอบโจมตี! ทันทีที่ผู้ลอบโจมตีหันมาสนใจเขา จางสี่ก็จะหนีออกไปได้อย่างปลอดภัย…หมอนี่…ชั่วร้ายมาก!
“แม่งเอ๊ย แกคิดจะปล่อยให้ฉันตายหรอ? หึหึ…ฝันไปเถอะ! ทำไมฉํนต้องตายด้วยวะ!” หนุ่มเสื้อเหลืองหน้าตาบิดเบี้ยว จู่ๆ เขาก็ตบฝ่ามือเสียงดัง แล้วพูดว่า “ระเบิด!”
จางสี่ไม่สนใจแม้แต่น้อย อีกฝ่ายกล้าสังหารคนหน้าห้องที่พวกเขาอยู่ตรงๆ อย่างนี้ แสดงว่าไม่ได้เกรงกลัวความช่วยเหลือจากพวกเขาเลย ในสถานการณ์อย่างนี้หากเสียเวลาไปแม้เพียงวินาทีเดียว โอกาสตายก็จะเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งนาที…แต่ในขณะที่มือของเขาเพิ่งจะคว้าขอบหน้าต่างได้ จู่ๆ คำว่า “ระเบิด” ก็ได้หลุดออกมาจากปากของหนุ่มเสื้อเหลือง
“ไม่…” จางสี่ม่านตาหดตัว แล้ววินาทีถัดมาเขาก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังตรงฝ่ามือ เมื่ออลูมิเนียมตรงขอบหน้าต่างระเบิด ฝ่ามือของจางสี่ก็กลายเป็นแผลเหวอะหวะ เศษชิ้นส่วนแหลมคมมากมายแทงทะลุฝ่ามือของเขา ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้เขาร้องตะโกนออกมาทันที
“อ๊ากก!!”
“ระเบิด!”
หนุ่มเสื้อเหลืองไม่แม้แต่หันไปมองจางสี่ เขาตบฝ่ามือเสียงดังอีกครั้ง แล้วเสียง “กร๊อบแกร๊บๆ” ก็ดังมาจากขอบประตูห้องทันที เมื่อประตูห้องค่อยๆ เปิดออก หนุ่มเสื้อเหลืองก็รีบสาวเท้าออกวิ่ง
“อ๊ากก!” จางสี่ตะโกนร้องอย่างเจ็บปวดอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากทางประตู เขาก็กัดปากแน่นทันที จากนั้นก็ดึงฝ่ามือออกมาอย่างแรง จางสี่ปีนขึ้นบนขอบหน้าต่างทั้งที่ยังรู้สึกเจ็บจนแทบขาดใจ “ไอ้หน้าโง่ แกตายแน่ แกไม่มีทางเร็วสู้ฉันได้…”
แต่ในเสี้ยววินาทีที่เงยหน้า ร่างกายของเขากลับค้างแข็งไป…
“โชคดีที่ฉันวางกับดักตรงหน้าต่างกับประตูไว้ก่อน…แต่กับดักสองอันนี้จะทำงานได้ก็ต่อเมื่อฉันสั่งการเอง หากมองไม่เห็นคนก็ใช้ไม่ได้…” หนุ่มเสื้อเหลืองจับกลอนประตูด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน ขณะที่บานประตูถูกกระชากออก เขาก็อดหันกลับไปมองทางหน้าต่างไม่ได้
แต่เพียงแวบเดียวนั้น เสียงฝีเท้าของเขากลับเงียบลง
หน้าต่าง…ยังมีคนอยู่!
คนคนนั้นเหมือนลอยตัวอยู่กลางอากาศ เขาใช้มือยันกำแพงและกำลังก้มมองจางสี่จากข้างนอก มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย กลับกันด้านจางสี่ แขนข้างหนึ่งของเขากำลังสั่นเทิ้มเบาๆ เลือดมากมายกำลังไหลออกมาจากร่างกายของเขา และอาบหน้าต่างจนกลายเป็นแดงไปทั่วอย่างรวดเร็ว
“หลิงม่อ…” จางสี่จ้องเงาร่างตรงหน้าอย่างตะลึง ในมือข้างหนึ่งของเขายังถือปืนไว้อยู่ แต่บนนิ้วมือกลับเต็มไปด้วยรูแผลมากมายแล้ว เมื่อกระดูกนิ้วหักจนหมด เหลือแต่ชิ้นเนื้อที่ต่อกัน เขาย่อมไม่สามารถลั่นไกได้ แม้แต่ปืนพกกระบอกนี้ก็ทำได้เพียงห้อยอยู่บนชิ้นส่วนกระดูกของเขา และความรู้สึกเจ็บปวดที่รุนแรงกว่าเมื่อกี้ถึงสิบเท่า ก็ทำให้เขาเจ็บจนแทบจะหมดสติ
แต่เขาไม่กล้าปล่อยให้ตัวเองเป็นลม ถึงแม้จะรู้ว่าตัวเองใกล้ตายแล้ว อย่างน้อยเขาก็ยังอยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกไม่กี่วินาทีก็ยังดี…เพราะความกลัวตายจึงทำให้เขาตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ เขาจ้องหน้าหลิงม่อด้วยใบหน้ากระตุกสั่น สายตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งแต่ก็สิ้นหวัง
“อ๊ากกก อ๊ากกก!!!”
ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนเสียงดัง มือซ้ายเอื้อมไปทางต้นขาอย่างรวดเร็ว “ถ้าจะตาย ก็ตายไปด้วยกัน!”
“ตลกละ ใครจะไปอยากตายกับแก?” หลิงม่อหัวเราะเย้ยหยัน สายตาที่กำลังจ้องจางสี่พลันแปรเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่นขึ้นมาทันที ขณะเดียวกัน หนวดสัมผัสสองเส้นพุ่งออกไปพร้อมกันอย่างรวดเร็ว…
“ตายซะเถอะ! ฮ่าๆๆๆๆ…” จางสี่ดวงตาแดงก่ำ มือข้างซ้ายของเขาคว้าถุงระเบิดได้ในที่สุด…
“ระเบิดความบ้าก่อนตายหรอ…แต่ถึงหนวดสัมผัสจะไปถึงไม่ทัน แล้วสายตาล่ะ?”
หลิงม่อไม่หลบ ความจริงเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว ในสายตาของหนุ่มเสื้อเหลือง เหมือนเขาเพิ่งจะหันกลับไป แล้วก็เห็นจางสี่ระเบิดความคลั่งทันที ดังนั้นถึงแม้จะหลบ เขาก็หลบไม่ทันอยู่ดี…
แต่เขาต้องหลบด้วยหรอ?
คำตอบคือ…ไม่ต้องอยู่แล้ว!
ทันทีที่สายตาของจางสี่ปะทะกับหลิงม่อ ความหวาดกลัวอย่างรุนแรงก็พลุ่งพล่านขึ้นมาในสมองของเขา และแผ่ซ่านไปยังจิตใจอย่างรวดเร็ว จู่ๆ เขาก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองตกเข้าไปอยู่ในรังงู และงูมากมายก็กำลังเลื้อยไปตามร่างกายของเขาอยู่ กระทั่งมีงูตัวหนึ่งเลื้อยเข้ามาในปากเขา…และด้านบนศีรษะของเขา งูพิษตัวหนึ่งก็กำลังจ้องมองเขาอย่างเย็นชา จากนั้นก็อ้าปากกว้าง…
“อ๊ากก!” ความรู้สึกที่เหมือนกำลังจะถูกกินช้าๆ อย่างนี้ทำให้จางสี่คลุ้มคลั่ง การเคลื่อนไหวของเขาชะงักไปเล็กน้อย พร้อมกับตะโกนเสียงดังออกมาทันที
เมื่อช่องโหว่ที่เกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีปรากฏ หนวดสัมผัสของหลิงม่อก็ดาหน้าเข้าไป และ “ฉึก” เจาะทะลุหว่างคิ้วของจางสี่
ส่วนหนวดสัมผัสอีกเส้นนั้นทำหน้าที่ดึงศพของเขากลับเข้าไป และร่วงลงบนพื้นในห้องดัง “โครม”
“ ‘วิชาจ้องตา’ เวอร์ชันปรับปรุงนี้หากเลือกใช้ได้ถูกจังหวะ ก็ได้ผลน่าทึ่งเหมือนกันนะเนี่ย…เมื่อกี้หมอนี่สิ้นหวังแล้ว เลยคิดจะล่มหัวจมท้ายไปกับเรา ดังนั้นพอถูกพลังของเราเล่นงาน เขาก็จะรู้สึกเหมือนตายไปแล้วจริงๆ…และรสชาติความรู้สึกนั้น ก็ทำให้คนแทบบ้าเลยสินะ…”
หลิงม่อกระโดดตามเข้าไปในห้อง ขณะเดียวกันก็ยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้ว ในสามวันมานี้เขาพึ่งพาเจ้ามาสเตอร์บอลเพื่อทำการรวบรวมสถิติปริมาณโดยรวมของพลังจิต รวมถึงระดับการเผาผลาญพลังงานในด้านต่างๆ ของตัวเองเป็นครั้งแรก และพลังจิตที่ถูกเขาใช้เพื่อการทดลองก็ไม่ได้เสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ แต่กลับถูกเจ้ามาสเตอร์บอลกักเก็บเอาไว้ทั้งหมด และส่งกลับคืนมาที่สมองของเขาอีกครั้ง
“วิชาจ้องตา” ก็อยู่ในขอบเขตการเก็บรวบรวมสถิติด้วยเหมือนกัน ทว่ามันต่างจากหนวดสัมผัส เพราะวิชานี้ไม่ได้คำนวณระดับการเผาผลาญตามจำนวน แต่คำนวณตามคุณภาพแทน หากใช้พลังอย่างเต็มที่หนึ่งครั้ง พลังจิตที่หลิงม่อต้องใช้ก็คือ 5 เปอร์เซ็นต์จากทั้งหมด ซึ่งตัวเลขนี้สามารถเทียบได้กับหนวดสัมผัสเป็นร้อยเส้นได้เลยทีเดียว ถึงจะเปลี่ยนเป็นจำนวนของหนวดสัมผัสทางจิตรูปสสารจับต้องได้ ก็ยังได้มากถึงสิบกว่าเส้น…
และนี่ก็ถือเป็นครั้งแรกที่หลิงม่อจัดระเบียบหนวดสัมผัสของตัวเองหลังจากดวงแสงแห่งจิตผ่านหารหดตัว การใช้พลังงานจิตสำหรับสร้างหนวดสัมผัสทางจิตสิบเส้นมาสร้างหนวดสัมผัสรูปสสาร ถือว่าเป็นอัตราส่วนที่เหมาะสมที่สุดแล้ว และนี่ก็เป็นข้อสรุปที่ได้หลังจากที่หลิงม่อทดลองมาเป็นร้อยครั้ง
ทว่าพลังจิตไม่สามารถเผาผลาญได้ทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะหลิงม่อยังต้องควบคุมซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์อีกหลายตัว และยังต้องทำการปกป้องดวงแสงแห่งจิตของตัวเองขั้นพื้นฐานด้วย การใช้พลังเกินขีดจำกัดสามารถทำให้ร่างกายบาดเจ็บได้ พลังจิตก็เช่นกัน หากดูจากจุดนี้ ถึงแม้ปริมาณโดยรวมของพลังจิตของเขาจะสูง แต่กลับยังคงไม่มากพอให้ใช้อย่างเห็นได้ชัด แต่ในเงื่อนไขที่มีพลังกลืนกินและพลังฟื้นตัวพร้อมๆ กัน ข้อบกพร่องนี้ของเขาก็ไม่ได้ชัดเจนมากขนาดนั้นอีกต่อไป…
การเผาผลาญพลังจิต 1% ในครั้งเดียว สำหรับหลิงม่อยังไม่ก่อให้เกิดผลกระทบอะไร แต่ทันทีที่ถึง 5% เขาก็จะเกิดอาการมึนหัวชั่วขณะ ทว่าอาการอย่างนี้จะเกิดขึ้นนานสุดก็แค่ 1 – 2 วินาทีเท่านั้น ดังนั้นจะมองข้ามไปเลยก็ได้…
และในขณะที่เขากำลังนวดหว่างคิ้ว พลังจิตที่ถูกเผาผลาญไปของเขาก็เริ่มฟื้นกลับมาแล้ว “นี่คือผลลัพธ์ที่ได้จากการที่ฉันดูดกลืนเชื้อไวรัสมาเป็นเวลานาน ถ้าหากใช้พลังมากไป ก็เติมพลังฉุกเฉินจากพวกเย่เลี่ยนก็ได้ อย่างนั้น ขอเพียงฉันคำนวณปริมาณพลังที่จะใช้อย่างแม่นยำ ตามทฤษฎีเราก็จะไม่มีทางประสบปัญหาพลังจิตแห้งขอดอย่างแน่นอน…” หลิงม่อคิดในใน
“ฆะ…ฆ่าไปแล้ว…” หนุ่มเสื้อเหลืองตะลึงค้าง เขาเพิ่งจะเห็นจางสี่สู้สุดชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงตะโกนลั่น จากนั้นก็ถูกหลิงม่อเจาะศีรษะจนทะลุ…รูโหว่กลางหว่างคิ้วนั้นดูเด่นชัดเป็นพิเศษในสายตาเขา เขาแทบจะร้องลั่นออกมาทันทีตามจิตใต้สำนึก และหมุนตัวออกหมายจะวิ่งไปทางประตูอย่างรวดเร็ว
แต่ในเสี้ยววินาทีที่เขาหมุนกาย หางตาของเขากลับเหลือบเห็นเงาร่างหนึ่งทันที หนุ่มเสื้อเหลืองขนลุกซู่ แต่กลับไม่มีเวลาปรับท่วงท่าการเคลื่อนไหวแล้ว…เสี้ยววินาทีที่เผชิญหน้ากัน ความเจ็บปวดได้แผ่ซ่านมาจากหน้าอกเขาทันที มือทั้งสองข้างของเขาเพิ่งจะยกขึ้น และใกล้จะประกบเข้าหากัน แต่คำว่า “ระเบิด” กลับไม่สามารถพูดออกมาได้…
“อึกอึก…” หนุ่มเสื้อเหลืองอ้าปากค้าง เสียงประหลาดดังออกมาจากลำคอ จากนั้นร่างกายก็เอียงและล้มลงไป…เมื่อศพของเขาล้มลงไป เงาร่างที่อยู่ตรงหน้าของเขาก็เงยหน้ามองไปทางหลิงม่อ ทว่าสายตาของเธอที่มองหลิงม่อไม่เหมือนเมื่อก่อน เพราะมันแสดงออกถึงอารมณ์สับสนด้วย เหมือนเธอกำลังขบคิดบางอย่าง และเหมือนกำลังหวนรำลึกถึงอะไรบางอย่างในขณะเดียวกัน…
“เด็กโง่” หลิงม่อหันไปมองเย่เลี่ยน แล้วตะโกนเรียกเธอด้วยรอยยิ้ม เย่เลี่ยนในตอนนี้ดูแตกต่างไปจากเวลาปกติอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางอย่างนี้ของเธอทำให้หลิงม่อรู้สึกไม่ชิน แต่ก็รู้สึกคุ้นเคยในเวลาเดียวกัน…ในช่วงแรกที่เขาควบคุมเธอ สีหน้าของเย่เลี่ยนก็เคยเป็นแบบนี้…
“แต่สิ่งที่เธอกำลังสำรวจอยู่ในตอนนั้น มีเพียงโลกที่เธอต้องเผชิญหลังจากพบว่าตัวเองกลายเป็นซอมบี้ไปแล้ว…ทว่าตอนนี้สิ่งที่เธอกำลังครุ่นคิด กลับเป็นความทรงจำในฐานะซอมบี้…”
—————————————————————————–