แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 849 แผนการเจ้าเล่ห์
เวลานี้ ณ ดาดฟ้าของบ้านหลังนั้น ปากปืนสีดำกระบอกหนึ่งกำลังเล็งไปยังด้านล่าง…
แววตาเหม่อลอยของเย่เลี่ยนได้หายไปแล้ว เธอกำลังจ้องไปที่กลางทุ่งหญ้าอย่างใจจดใจจ่อ ณ ตรงนั้น เงาร่างของใครคนหนึ่งหันมองไปรอบตัวอย่างระมัดระวัง ในขณะที่กำลังเคลื่อนไหวด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง…
“แค่…นัดเดียว…” เย่เลี่ยนเม้มปาก ม่านตาของเธอหดเล็กลงอย่างน่าประหลาด…
ขณะเดียวกัน สาชายหนุ่มละสายตาออกจากป้ายบอกทาง และหันไปมองตะกร้า
ในมือของเขากำกระดาษแผ่นนั้นไว้แน่น สีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่แน่นอน
ผ่านไปครู่หนึ่ง อยู่ๆ เขาก็ขว้างกระดาษแผ่นนั้นลงพื้นอย่างแรง ตวาดลั่น “นี่มันตลกร้ายอะไรกัน!”
ถ้าหากไม่กลัวหลิงม่อ เขาอยากจะลากตัวเจ้าคนที่สร้างโลกมายาออกซะเดี๋ยวนี้เลย…
ข้อความบนกระดาษสั้นและได้ใจความ—
“ที่นี่คือบ้านของมนุษย์ และคุณก็อยากกินพวกเขามานานมากแล้ว นี่คือโอกาสดีที่ไม่ควรพลาด ลุยเลยเจ้าสุนัขจิ้งจอก!”
“ใครเป็นสุนัขจิ้งจอกกันวะ! ใครจะไปเล่นด้วยกับแก! จะสู้ก็ออกมาสู้กันตรงๆ สิวะ มัวแต่เล่นแง่แบบนี้มีประโยชน์อะไร!”
ชายหนุ่มโกรธจนควันออกหู ผ่านไปครู่หนึ่งจึงค่อยๆ ใจเย็นลง
“ใจเย็น…ต้องใจเย็น…ถ้าไม่อย่างนั้นก่อนจะได้สู้กับหลิงม่อ คลื่นดวงจิตของฉันคงจะมีปัญหาไปซะก่อน”
เขากลับมองจุดประสงค์ในการใช้งานโลกมายาแห่งนี้ออกอย่างรวดเร็ว ข้อแรก แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นการแยกพวกเขาออกจากกัน ข้อสอง คือจัดการพวกเขาทีละคน
ข้อความไร้สาระพวกนี้จะทำให้เกิดผลกระทบอย่างหนึ่งต่อเขา โดยจะทำให้จิตใจของเขาสั่นคลอนไม่มั่นคง
แต่ถ้าหากไม่อ่านข้อความเหล่านี้…ใครจะไปรู้ หลิงม่ออาจซ่อนตัวอยู่ใน “เบาะแส” เหล่านี้ก็เป็นได้?
ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้ ถือว่ามีความหมายที่ยิ่งใหญ่ทีเดียว…
เพียงแต่ความรู้สึกอย่างนี้ทำให้ชายหนุ่มอัดอั้นตันใจเหลือเกิน การเข้ามาในนี้แล้วถูกหลอกปั่นหัวนั้นอยู่ในความคาดหมายของเขา แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเจ้าบ้าหลิงม่อนั่นไม่แม้แต่จะโผล่หัวออกมา ความแค้นอยากต่อสู้ที่มีอยู่เต็มอกของเขาจึงไร้ความหมาย กระทั่งความปรารถนาที่เขามีต่อความลับของหลิงม่อก็ต้องถูกกดข่มลงไปด้วย ไม่รู้จะไประบายความแค้นนี้กับใครดี…
แค้นโว้ย!
“…วิธีที่ดีที่สุดคือจัดการคนที่สร้างโลกมายาก่อนเป็นอันดับแรก แต่อีกฝ่ายต้องซ่อนตัวอย่างมิดชิดแน่นอน…ก่อนอื่นเดินตามเกมของพวกมันไปก่อน จะได้เจอตัวเจ้าหลิงม่อเร็วๆ จากนั้นก็จัดการหมอนั่นซะ”
ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในสมองของชายหนุ่ม เขามองไปทางหน้าต่างบานนั้นด้วยสีหน้าสับสน พลางคิดในใจ “ถึงแม้จะแกล้งทำเป็นเร้นลับซับซ้อน แต่ก็เป็นสัญญาณที่ชัดเจนมาก อยากให้ฉันเข้าไปงั้นสินะ?”
เขาครุ่นคิดครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ก้มหยิบตะกร้าขึ้นมาอย่างหงุดหงิด
ในเมื่อตัดสินใจว่าจะเดินตามเกมไปก่อนชั่วคราว ก็จะสูญเสียพลังจิตไปโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้…
มีตะกร้านี้อยู่ด้วย เขาก็ไม่จำเป็นต้องเปลืองพลังทะลุผ่านเข้าไปแล้ว…
เพียงแต่ในเสี้ยววินาทีที่เขาหยิบตะกร้า ชายหนุ่มกลับรู้สึกแปลกๆ
“ทำไมมัน…เหนียว?”
เขาชะงักเท้า สีหน้าย่ำแย่ตามไปด้วย
ขณะเดียวกันเขาสูดหายใจลึก แล้วส่ายหน้าแรงๆ “อย่าคิด อย่าไปคิด! ถึงแม้ตะกร้าใบนี้จะถูกแปลงร่างมาจากบางสิ่ง แต่สิ่งของที่มีผิวสัมผัสเหมือนกันก็มีตั้งหลายอย่าง…”
เพียงแต่พอเขาสูดหายใจเข้าไป กลับยิ่งทำให้สีหน้าเขาบึ้งตึงหนักกว่าเดิม
“โคตรเหม็น…”
…………
เสี้ยววินาทีที่กำลังจะผลักประตูออก ทันใดนั้น มือดำสนิทข้างหนึ่งก็ยื่นออกมาจากช่องประตู
ชายหนุ่มตื่นตกใจ จนพลังจิตแทบหลุดออกจากดวงแสงแห่งจิตไป
ทว่าไม่นานเขาก็ใจเย็นลงอีกครั้ง และมองฝ่ามือที่กำลังแบออกข้างนั้นด้วยสีหน้าครุ่นคิด
หลังจากที่เขาคิดใคร่ครวญ เขาก็ยื่นตะกร้าในมือส่งให้
หลังจากรับตะกร้าใบนั้นไป ฝ่ามือนั้นก็หายไป สองสามวินาทีต่อมา บานประตูก็เปิดออกดัง “แอ๊ด” …
พอมองเข้าไปในตัวบ้านที่มืดมิด ชายหนุ่มก็มีสีหน้าลังเล
“รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกจูงจมูกเดิน แต่ถ้าไม่ทำตาม ก็ตามหาตัวหลิงม่อไม่เจออีก…หมอนั่นเริ่มเข้าใจพลังจิตของฉันแล้ว ต้องเตรียมการป้องกันไว้แน่ๆ…”
เพราะอับจนหนทาง ท้ายที่สุดชายหนุ่มจึงตัดสินใจก้าวเท้าเข้าไป
“ปัง!”
ประตูปิดเสียงดัง ชายหนุ่มสะดุ้ง
คลื่นดวงจิตรุนแรงสายหนึ่งพุ่งมาจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน อีกเสียงที่ดังขึ้นพร้อมกันคือเสียงเด็กสาวคนหนึ่ง
“ใช้คุณยายเป็นเหยื่อล่อ หลอกแกมาได้จริงๆ สินะ…”
เงาสีแดงเส้นหนึ่งโฉบผ่านหางตาเขาแวบหนึ่ง ขณะเดียวกัน ประกายอาวุธสายหนึ่งพุ่งเข้ามาที่ต้นคอเขาอย่างเงียบเชียบ
“ฉิบหาย!”
ชายหนุ่มตกใจจนวิญญาณแทบหลุดจากร่าง เขาหวาดระแวงไปทุกอย่าง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าการลอบโจมตีของอีกฝ่ายจะมาถึงรวดเร็วปานนี้
พลังจิตโจมตีสายหนึ่งพุ่งออกมาหลังจากที่เขาทำท่ากดนิ้วมือลง ขณะที่โจมตีประกายอาวุธมีคมของอีกฝ่ายจนแหลก ชายหนุ่มก็ก้าวหลบไปด้านข้างหลายก้าว
เขาจ้องไปที่เงามืดข้างหน้าด้วยสีหน้าตึงเครียด เสียงฝีเท้าร่าเริงดังขึ้น และไม่นานเงาร่างที่กำลังกระโดดโหยงเหยงอย่างมีความสุขก็ปรากฏตรงหน้าเขา
ทว่าสิ่งที่เขากำลังมองไม่ใช่ร่างมายานั่น แต่เป็นหนวดสีแดงมากมายที่งอกออกมาจากร่างกายของร่างมายานั่นต่างหาก…
ร่างมายาไม่ได้มีพลังจิตที่แข็งแกร่งนัก ซึ่งนี่เป็นการยืนยันว่าเขาคิดถูกเรื่องที่ผู้สร้างโลกมายาผ่านการใช้พลังจิตครั้งใหญ่มาแล้ว แต่หนวดพวกนั้นล้วนถูกดัดแปลงมาจากพลังจิต ทุกเส้นล้วนมีพลังโจมตีอยู่ในตัว
ไม่เพียงเท่านี้ หนวดสัมผัสทางจิตที่มากกว่าก็โผล่ออกมาจากรอบทิศอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งสุดท้ายปิดทางเข้าออกจนมิด
“ที่แท้…ก็อยากล่อฉันเข้ามานี่เอง!”
หัวใจชายหนุ่มเต้นอย่างบ้าคลั่ง ความจริงเป็นเพราะอีกฝ่ายสร้างโลกมายาอย่างนี้ขึ้นมา ดังนั้นเขาจึงไขว้เขว
เขาไม่ใช่คนวู่วามและบ้าบิ่น ตรงกันข้าม เขาเป็นคนที่ระมัดระวังและรอบคอบมาก
แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับโลกมายาแห่งนี้ ความรอบคอบของเขาก็ถูกกลืนกินจนสิ้น และเพราะเหตุนี้ เขากลับไม่ฉุกคิดว่ากับดักที่ซ่อนอยู่ในนี้จะเป็นกับดักที่ง่ายดายและตรงไปตรงมาถึงขนาดนี้
เจ้าเล่ห์นัก! เจ้าหมอนี่เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว!
เลือนรางแท้จริง ของจริงของปลอม หมอนั่นใช้แผนนี้มาเล่นงานเขาสองครั้ง แต่กลับได้ผลทั้งสองครั้ง
และตอนนี้เขาก็ดูออกแล้ว ว่าคนคนนี้ไม่ได้ต้องการฆ่าเขา แต่ต้องการจับเป็นเขาต่างหาก…
“เป้าหมายเหมือนฉันเลย แต่ว่า…คิดว่าแค่นี้จะขังฉันไว้ได้หรอ?”
ชายหนุ่มเผยสีหน้าเหี้ยม เขายกมือขึ้น แล้วชี้นิ้วไปทางร่างมายาเด็กสาวทันที
แต่ในขณะที่เขากำลังลงมือ หนวดสัมผัสนับร้อยเส้นก็เริ่มเคลื่อนไหว พุ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว
บึ้ม บึ้ม บึ้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างเงียบงัน คลื่นพลังยามพลังจิตปะทะกันแผ่ปกคลุมบ้านทั้งหลัง
ทว่าขณะที่คลื่นพลังนี้ทะลุผ่านกำแพงบ้าน มันกลับอ่อนลงไม่น้อยเพราะทะลุผ่านวัตถุที่เป็นสสาร
ถ้าไม่อย่างนั้นแค่คลื่นลูกหลง ก็มากพอที่จะทำให้คนที่ไม่ใช่ผู้มีความสามารถพิเศษด้านพลังจิตได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวง…
และนี่ก็เป็นเหตุผลที่หลิงม่อเลือกที่นี่!
ถึงแม้เขาจะไม่ได้รับผลกระทบที่มากนัก แต่สภาวะดวงจิตของเขากลับค่อนข้างพิเศษออกไป
หนวดสัมผัสทางจิตหลายเส้นของเขาอยู่ในสภาวะแผ่ออกจากร่างตลอดเวลา เพื่อที่จะรักษาสายสัมพันธ์ทางจิตกับพวกเย่เลี่ยนเอาไว้
พลังจิตของชายหนุ่มคนนี้มีความสามารถในการโจมตีสูงมาก หากถูกดึงเข้าไปอยู่ในรัศมีโจมตี ก็ไม่อาจมั่นใจได้ว่าจะทำให้สายสัมพันธ์ทางจิตขาดสะบั้นหรือไม่
หนวดสัมผัสเหล่านี้เมื่อผ่านการเชื่อมสายสัมพันธ์มาเป็นเวลานาน ก็ได้เชื่อมจิตวิญญาณของหลิงม่อและพวกเย่เลี่ยนเอาไว้ด้วยกันแล้ว หากสายสัมพันธ์ทางจิตขาดสะบั้น พวกเธออาจยังข่มกลั้นสัญชาตญาณไว้ได้ แต่ดวงแสงแห่งจิตของพวกเธอจะได้รับผลกระทบจากเหตุนี้ด้วยหรือเปล่า หลิงม่อกลับไม่กล้ารับประกัน
สำหรับหลิงม่อ นี่ต่างหากคือจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของเขา
และชายหนุ่มคนนี้ ก็มีพลังที่สามารถโจมตีจุดอ่อนของเขาได้พอดี!
ทว่าหลังจากได้ลองหยั่งเชิงในครั้งนั้น ชายหนุ่มกลับหวาดกลัวเขา หลิงม่อจึงใช้ประโยชน์จากความหวาดกลัวนี้
“แต่ถึงจะขังฉันไว้ที่นี่ แกก็ไม่มีทางจัดการฉันได้ด้วยพลังจิตแค่นี้หรอก!”
พลังจิตของชายหนุ่มพรั่งพรูออกมาตามนิ้วมือของชายหนุ่มอย่างไม่ขาดสาย เส้นเลือดในตามากมายเริ่มปรากฏขึ้นช้าๆ จากใต้ตาเขา เมื่อเส้นเลือดเหล่านี้ปรากฏ พลังจิตของเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งกว่าเดิม!
เงาร่างของเด็กสาวเริ่มสลาย ขณะเดียวกันหนวดสัมผัสมากมายรอบตัวก็เริ่มเลือนราง
เท่านี้ยังไม่พอ ขณะที่ชายหนุ่มโจมตี พลังจิตของเขายังเบียดแทรกเข้าไปรวมร่างกับเหล่าดวงแสงเหล่านี้
“อ่านใจ!”
ไม่ว่าสิ่งใด หากถูกปลดปล่อยออกมาจากดวงแสงแห่งจิต ไม่มีทางเป็นพลังงานทางจิตบริสุทธิ์แน่นอน
ในความเป็นจริง หากหนวดสัมผัสเหล่านี้ไม่ได้มีจิตตั้งมั่นของผู้ปล่อยพลังแฝงอยู่ด้วย พวกมันย่อมไม่มีทางพุ่งเข้ามาโจมตีเขาอย่างแน่นอน
พลังพิเศษของชายหนุ่มมีความสามารถในการรุกรานอันแข็งแกร่ง ถึงแม้เขาไม่สามารถกลืนกินพลังงานเหล่านี้ แต่เขากลับสามารถอ่านจิตตั้งมั่น และความทรงจำของผู้ปล่อยพลังที่อยู่ในพลังงานเหล่านี้…
ความลับสำคัญนั่นอาจไม่ได้อยู่ในดวงแสงพลังงานเหล่านี้ แต่ดวงแสงเหล่านี้จะต้องมีเบาะแสซ่อนอยู่แน่นอน!
“หลิงม่อ แกคงไม่มีทางรู้หรอกว่าทำไมฉันถึงไม่กลัวแก ฉันไม่กลัวถูกแกโจมตีอยู่แล้ว ตรงกันข้าม ฉันแทบอดใจรอให้แกโจมตีฉันไม่ไหวเลยต่างหาก ขอแค่แกลงมือ ฉันก็จะสามารถอ่านใจแกได้! ถึงจะถูกแกปั่นหัว แต่แกไม่รู้หรอก ว่านี่เป็นส่วนหนึ่งในแผนของฉันต่างหาก…”
ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มสะใจสุดขีดออกมา ตั้งแต่ที่เขาคิดเชื่อมโยงไปถึงความลับของหลิงม่อ เขาก็ได้โยนเรื่องการทำภารกิจให้สำเร็จทิ้งไปแล้ว
การที่เขาเข้าร่วมกับฟอลคอน หากพูดกันอย่างตรงไปตรงมาก็เพื่อปากท้องและความอยู่รอดไม่ใช่หรือ?
แต่ถ้าหากเขาได้ความลับนี้มา เขาก็จะมีชีวิตที่ดีกว่านี้…
ห่างออกไปร้อยเมตร ไคลี่ที่ถูกซย่าน่านั่งคร่อมทับกำลังดิ้นขัดขืนและบอกว่า “ความลับนั้นคือ…ทำไมหลิงม่อถึงสามารถเข้าออกเขตซอมบี้ชุกชุมได้อย่างปลอดภัย!”
“ทั้งที่เขาเป็นแค่ผู้มีพลังจิตธรรมดาคนหนึ่ง ถึงแม้จะมีพวกเธออยู่ก็ตาม แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับซอมบี้ฝูงใหญ่เรื่องกลับไม่ได้ง่ายขนาดนั้น…เขาเคยทำการแลกเปลี่ยนกับทีมย่อมทีมหนึ่งของฟอลคอน โดยการช่วยทีมย่อมทีมนั้นหาผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับยา เดิมทีเรื่องนี้ไม่ได้เป็นที่สนใจมากนัก แต่ตอนที่ผู้บัญชาการหวังตรวจบันทึก เขากลับติดใจเรื่องนี้ ต่อมาเขายังเคยไปที่ตึกสูงแห่งนั้นด้วยตัวเองครั้งหนึ่ง แล้วพอกลับมา ความสนใจที่เขามีต่อหลิงม่อก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว…”
“ไม่ว่าสมาชิกคนไหนที่เคยรู้จักกับหลิงม่อ ล้วนถูกเขาตรวจสอบทีละคน นับจากตอนนั้น เขายิ่งมั่นใจ ว่าหลิงม่อมีอะไรพิเศษบางอย่างแน่นอน…ถึงแม้จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงซอมบี้ทุกตัวได้ แต่ขอเพียงเลี่ยงได้บางส่วน นั่นก็เป็นเรื่องที่น่าดึงดูดใจมากพอแล้วไม่ใช่หรอ?”
พอได้ยินไคลี่เล่า ซย่าน่าเผยสีหน้าคิดหนัก
“พี่หลิงระวังตัวมาก แต่เจ้ามนุษย์แซ่หวังคนนี้ ช่างตาแหลมจริงๆ…”
—————————————————————————–