แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 861 ความสัมพันธ์ระหว่างซอมบี้ด้วยกันเองก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกอีกครั้ง
ครั้งนี้ตอนเดินออกมา ลักษณะท่าทางของหุ่นซอมบี้ได้ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง…สายตาที่คมปลาบกว่าเดิม และใบหน้าที่แข็งกระด้างยิ่งกว่าเก่า…หลังจากที่เอาเชื้อไวรัสไปรวมกันไว้ที่ร่างกายท่อนล่าง ส่วนหัวก็คงต้องเป็นแบบนี้ไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ หลิงม่อถือว่าค่อนข้างพอใจกับมัน
เพียงแต่ถึงแม้เจ้ามาสเตอร์บอลจะสามารถดูดเชื่อไวรัสออกมา แต่ความจริงมันเป็นเพียงการถ่ายเลือดวิธีหนึ่งโดยอาศัยตัวกลางเท่านั้น เซลล์ที่ติดเชื้อจะไม่ถูกฟอกทำความสะอาด ผู้ติดเชื้อเองก็จะไม่มีทางกลับไปเป็นมนุษย์เหมือนเดิม ถึงแม้เจ้ามาสเตอร์บอลจะดูดเลือดออกมาจากร่างกายเขาจนแห้งเหือด ร่างกายนี้ก็จะตายไปในฐานะซอมบี้เท่านี้
ทันทีที่ติดเชื้อ ก็จะไม่มีทางหวนกลับได้…นี่คือกฎเหล็กของเชื้อไวรัส
“จะว่าไปแล้ว พวกเขาน่าจะถึงแล้วมั้ง? แต่ไม่รู้ว่าจะมีการไล่ล่าจริงหรือเปล่า…สรุปว่าถึงจะมีหรือไม่มี ก็ต้องอาศัยวิธีนี้คุ้มกันฐานทัพที่ 2 ไว้ก่อน ห้ามปล่อยให้คนของฟอลคอนเข้ามาเพิ่มอีกเด็ดขาด”
หลิงม่อลองสัมผัสถึงกริชที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ ในขณะที่เท้าได้ก้าวออกจากห้องน้ำไปแล้ว “มีแค่สถานที่อย่างนี้เท่านั้น ที่ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วก็ยังไม่เห็นมีใครมาเข้าห้องน้ำ…ห้องน้ำเยอะไป หรือว่าคนน้อยไปกันแน่นะ?…”
ในขณะที่ร่างจริงของหลิงม่อกำลังพึมพำไร้สาระไปเรื่อย นอกตาข่ายเหล็ก พวกเย่เลี่ยนเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
เทียบกับหลิงม่อ ความยากในการเคลื่อนไหวของพวกเธอสูงกว่าหลิงม่อมาก…
อันดับแรกพวกเธอต้องหลบแสงสปอร์ตไลท์ก่อน โดยฉวยจังหวะหลังจากที่แสงทั้งสองเส้นตัดผ่านกัน แล้วต่อจากนั้นก็ต้องเลี่ยงเจ้าหน้าที่ลาดตระเวน
หลังจากสังเกตการณ์อย่างอดทน พวกเธอก็จับจุดของกฎสองข้อได้เป็นอย่างดี
“เอาล่ะ ทีมลาดตะรเวนเดินผ่านจุดนี้ไปสามน่าทีแล้ว ตอนนี้ถึงแม้พวกเขาจะมองกลับมา ก็มองไม่เห็นพวกเราแล้ว ต่อไปสิ่งที่ต้องรอ ก็มีแค่แสงสปอร์ตไลท์เท่านั้น…”
ท่ามกลางพุ่มหญ้า ซย่าน่ากำลังจ้องไปข้างหน้า พลางนับถอยหลังอย่างใจเย็น “ห้า…สาม…NOW!”
“พลั่ก!”
หวังหลิ่นที่กำลังจะกระโจนออกไปพลันล้มหน้าทิ่ม ในขณะที่เงาร่างอีกสองเส้นได้กระโดดข้ามเธอออกไปแล้ว
อาศัยความสามารถในการกระโดดของเย่เลี่ยนกับหลี่ย่าหลิน สองสาวได้กระโดดออกไปไกลถึงสิบกว่าเมตรในเสี้ยววินาทีที่ลำแสงตัดผ่าน พริบตาเดียวซอมบี้สาวสองตัวก็ไปปรากฏตัวอยู่ข้างกับดักด้านนอกตาข่ายเหล็กแล้ว
วูบ!
กิ่งไม้สองกิ่งพุ่งออกจากมือของพวกเธอ และ “ฉึก” ปักลงไปข้างหน้าอย่างแม่นยำ
“ต้องระวังห้ามสัมผัสถูกเหล็กเส้นที่อยู่ข้างล่าง ถ้าไม่อย่างนั้นอาจทำให้อุปกรณ์ติดไฟทำงานทันที…ถึงแม้จะมีโอกาสแต่หนึ่งในหมื่น ก็ต้องระวังไว้ก่อน…” หลี่ย่าหลินพูดพึมพำติดๆ ขัดๆ
เทียบกับเธอ เย่เลี่ยนดูเงียบกว่ามาก ทว่าตั้งแต่วินาทีที่กระโจนออกมา สีหน้าท่าทางของเธอก็ดูเย็นชาขึ้นมาก…ขณะเดียวกันความเร็วในการขว้างกิ่งไม้ของเธอก็นำหน้าหลี่ย่าหลินไปมาก ระดับความแม่นยำก็สูงจนน่าทึ่ง ในขณะที่ทั้งสองขว้างกิ่งไม้ออกไปพร้อมกัน เธอกลับสามารถตัดสินองศาการขว้างผ่านม่านตาที่หดตัวเล็กลงเรื่อยๆ ได้อย่างน่ากลัว ทำให้กิ่งไม้ที่เธอขว้างออกไปกิ่งนั้นสามารถแหวกผ่านต้นหญ้ามากมาย และปักเข้าเป้าได้อย่างแม่นยำและรุนแรง
ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที กิ่งไม้มากมายถูกขว้างออกไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งรวดเร็ว และแม่นยำจนน่าทึ่ง
และถึงแม้กิ่งไม้ที่ผ่านการกลายพันธุ์มาแล้วจะเนื้อแข็งมาก แต่กลับเต็มไปด้วยพิษ และก็มีแค่ซอมบี้สาวอย่างพวกเธอที่จะทำการขว้างกิ่งไม้ออกไปอย่างไม่หวาดกลัว อย่างหวังหลิ่นถึงแม้จะดันทุรังเข้ามาช่วย ก็จำเป็นต้องสวมถุงมือถึงจะได้
ส่วนที่ต้องเลือกวิธีการที่ยุ่งยากอย่างนี้ ก็เป็นเพราะความรอบคอบที่หลิงม่อสั่งมา…
ตาข่ายเหล็กไม่มีไฟฟ้าช็อต แต่ทันทีที่ปีนขึ้นไป ก็อาจดึงดูดสายตาจากคนบนหอสังเกตการณ์…
เสี่ยงเกินไป! ไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก
“ชิ ไม่ว่าทำอะไรมนุษย์ก็ระวังตัวไปหมดทุกเรื่อง ถึงแม้ฉันจะมีด้านที่ระวังตัวบ้าง แต่ถ้าวิวัฒนาการอีกล่ะก็” ซย่าน่าบ่น แล้วอยู่ๆ ก็นึกได้ว่าลืมหวังหลิ่นไป
อีกฝ่ายกำลังขับปีกหมวกแล้วค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้น ซย่าน่าพูดอย่างเห็นใจขึ้นมาว่า “จิ๊ๆ ก็บอกแล้วว่างานนี้ไม่เหมาะกับเธอ…”
หวังหลิ่นหัวไหล่กระตุก แล้วหันไปตวาดลั่น “ก็เป็นเพราะเธอนั่นแหละ! ประโยคแรกยังปกติดีอยู่ แต่ประโยคหลังดันตะโกนเสียงสูงออกมาเป็นภาษาอังกฤษซะอย่างนั้น!”
“ข้ออ้าง” ซย่าน่ากลอกตาขาว
ทว่าขณะที่เธอหันหน้ากลับไป เงาร่างสีแดงเงาหนึ่งกลับแยกตัวออกมากจากไหล่ด้านหลังของเธอเงียบๆ แล้วจ้องหวังหลิ่นอย่างขำๆ…
“เมื่อก่อนก็ยังมีอยู่หรอกปลอบใจ แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีเลยซักนิด…” หวังหลิ่นจ้องซย่าน่าจนหางตากระตุกยิกๆ จากนั้นก็ยกมือกุมหัวหันหน้าไปอีกทาง “อยู่กับเธอนานๆ ไม่ได้เลยจริงๆ!”
แน่นอนว่าเสียงโอดครวญของเธอ ก็มีแค่เธอเท่านั้นที่ได้ยิน…
เพียงแต่สิ่งที่เธอมองไม่เห็นอีกอย่างก็คือ ในขณะที่เธอหันหน้าออกไป เงาร่างสีแดงที่กำลังจ้องเธอกลับไม่มีรอยยิ้มขำอยู่บนใบหน้าแล้ว กลับเป็นแววตาแห่งความสับสนและเป็นห่วงที่เข้ามาแทนที่
ซย่าน่าก้มหน้ามองฝ่ามือตัวเอง จากนั้นก็กำหมัดแน่น
เมื่อรู้สึกได้ถึงพละกำลังมหาศาลนี้ สิ่งที่ซย่าน่ารู้สึกในใจ กลับเป็นอีกรสชาติหนึ่ง
“น่าน่าคงจะเห็นเธอเป็นน้องสาวสินะ? ถ้าอย่างนั้น…ฉันล่ะ? สำหรับซอมบี้ที่แท้จริง ความรู้สึกระหว่างมนุษย์ เป็นเรื่องจริง หรือหลอกลวงกันแน่…ถ้าหากไม่ได้ถูกควบคุม ฉันจะโจมตีเธอไหม ถ้าหากวิวัฒนาการต่อไป ฉันจะยังสงสัยแบบนี้อยู่อีกไหม? ฉันไม่รู้…อ๊ะ! ได้เวลาแล้ว! รีบกลับมาเร็ว!”
เงาร่างสีโลหิตโฉบเข้ามาอย่างรวดเร็ว สีหน้าของซย่าน่าจึงกลับมาเป็นปกติ พลางตะโกนเสียงเบาๆ
“คิกคิก ขว้างออกไปอีกสองครั้ง ก็น่าจะพอแล้วล่ะ!”
หลี่ย่าหลินวิ่ง “สวบ” กลับมาในพุ่มหญ้า พลางนั่งจ้องไปข้างหน้าด้วยท่าแปลกๆ
หวังหลิ่นหันไปมองเย่เลี่ยนแวบหนึ่ง จากนั้นก็ยกกล้องส่องกลางคืนขึ้น
หลายวินาทีผ่านไป คิ้วของเธอพลันกระตุกยิกๆ…
กิ่งไม้ที่ยาวที่สุดไม่เกินครึ่งเมตร ไม่มีทางลอยผ่านห้วยลึกที่กว้างห้าเมตรไปได้ แต่ภายใต้การขว้างปาอย่างบ้าคลั่งของเย่เลี่ยนกับหลี่ย่าหลิน กิ่งไม้เหล่านั้นกลับปักเรียงรายกันเป็นแถวอยู่ด้วยกัน…กิ่งแรกปักบนห้วยลึก กิ่งที่สองปักไว้ตรงส่วนท้ายของกิ่งแรก…ถ้าแค่นี้ หวังหลิ่นก็ยังไม่ค่อยตะลึงมาก แต่ไม่มีช่องโหว่เลยแม้แต่น้อย นั่นทำให้หวังหลิ่นรู้สึกว่ามันน่ากลัวเกินไป!
“พลัง…ไม่ใช่แค่พลัง ยังมีการร่วมมือกันอย่างน่ากลัว…แต่ว่า พี่เขยพูดถูก จะปล่อยให้พวกเธอทำอะไรตามใจเกินไปไม่ได้ ถึงแม้จะยังไม่เลือดตกยางออก เป็นแค่การขว้างกิ่งไม้ ก็ดูออกว่าพวกเธอตื่นเต้นกันขนาดไหนแล้ว…”
หวังหลิ่นแอบเหลือบมองซอมบี้สาวข้างกาย ถึงแม้สีหน้าไม่เปลี่ยน แต่สายตาของพวกเธอกลับไม่เหมือนเดิมแล้ว…
“แต่ว่าถ้าแค่ฆ่าคนธรรมดา ก็ไม่น่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ได้ เรื่องที่ยิ่งยาก ยิ่งท้าทาย ก็ยิ่งทำให้พวกเธอถูกกระตุ้นได้ง่าย…สถานการณ์ที่คล้ายกันก็คือเหตุการณ์ในตอนนี้ เรื่องที่ทำน่าสนุก พวกเธอจึงยอมทำอย่างเต็มใจ รู้สึกเหมือน…สัญชาตญาณของพวกเธอเหมือนกันเกินไปแล้ว เรื่องนี้ช่างน่าสงสัย…โอ๊ย!”
หวังหลิ่นที่อยู่ๆ ก็ร้องครวญหันขวับไปมอง แต่กลับมองเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มทว่าดูยียวนกวนประสาทในสายตาเธอของหลิงม่อพอดี เพียงแต่เธอค่อนข้างเกรงกลัวพี่เขยคนนี้จริงๆ
นอกจากนี้ด้านหลังเธอ ยังมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนจ้องเธอ ด้วยท่าทางหยิ่งยโสสุดๆ อีกหนึ่งคน…
สองสาวเพิ่งจะสบตากัน เด็กผู้หญิงคนนั้นก็เอียงคอยืนเท้าสะเอว บอกว่า “นี่คือยัยมนุษย์โง่คนนั้นเองหรอ…”
หวังหลิ่นอึ้ง
“ฉันมารอคำสั่งอยู่ที่นี๋”
อวี๋ซือหรานเหลือบเห็นซย่าน่า ก็ตัวสั่นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ทันที ท่ายืนเท้าสะเอวของเธอพลันต้องยกเลิกไปทันที “พี่ซย่าน่า…แล้วก็พี่เย่เลี่ยน…”
เพียงแต่พอเห็นหลี่ย่าหลิน ท่าทางของเธอก็กลายเป็นตั้งแง่อย่างชัดเจนอีกครั้ง “เหอะ…”
“ความสัมพันธ์ระหว่างซอมบี้ด้วยกันเองก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย…” หลิงม่อคิดอย่างปวดหัว
เขาเหลือบมองหวังหลิ่นอย่างเห็นใจเล็กน้อย เธอเป็นมนุษย์คนเดียวในฝูงซอมบี้ จะมีความสุขได้ยังไง…
“เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้เหมือนฉันจะพูดอะไรออกไปโดยไม่รู้ตัว…”
เวลานี้ หวังหลิ่นได้สติกลับมา เธอถลึงตาจ้องอวี๋ซือหรานแรง บอกว่า “ฉันชื่อหวังหลิ่น!”
“อวี๋…” ซอมบี้ถลึงตาจ้องเธอกลับโดยอัตโนมัติ แต่กลับสะดุดตอนแนะนำตัวเอง “อวี๋ซือหราน”
“แม้แต่ชื่อของตัวเองก็จำไม่ได้หรอ?”
“โง่เง่า! ฉันก็แค่โยนมันไว้ในขอบเขตสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ก็เท่านั้น!”
“ถ้าเธอกล้าพูดอีกครั้งฉันจะโยนเธอเข้าไปในป่าให้หมาป่ากิน!”
“ก็ลองดูสิ คอยดูว่าฉันจะกินหมาป่าหรือหมาป่าจะกินฉันกันแน่!”
“แค่นี้ก็ทะเลาะกันได้?” หลิงม่อคิดอย่างปากอ้าตาค้าง “ช่าง…กล้าจริงๆ แต่จะว่าไป ยัยซอมบี้โลลิก็เป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ ทำไมต้องถือสาอะไรขนาดนั้น…”.
และหวังหลิ่นก็ไม่รู้เลย ว่าห่างออกไปไม่ไกล ข้างหลังเธอยังมีศีรษะขนาดใหญ่กำลังสะบัดไปสะบัดมาอย่างอยากรู้อยากเห็นในตัวเธอ…
—————————————————————————–