แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 893 เด็กหมี…กลายพันธุ์แล้วก็ยังเป็นเด็กหมี
ประตูบานนี้เป็นแบบบานเลื่อน ดูจากเนื้อวัสดุ น่าจะมีน้ำหนักไม่น้อย…บนประตูมีป้ายห้อยติดไว้ว่า “บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้า” อักษรที่สะดุดตาคือคำว่า “ที่” เพราะมันถูกเขียนขึ้นด้วยเลือดสดๆ ซึ่งนั่นทำให้ความหมายของประโยคนี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย…
“เข้าไม่ได้นะ!” เสี่ยวเยว่เอ๋อยังคงพยายามห้ามอย่างสุดกำลัง
“ถ้าไม่ใช่เพราะเธอล่อฉันลงมา ฉันคงไม่หาที่นี่เจอเร็วขนาดนี้” หลิงม่อบอก
เสี่ยวเยว่เอ๋อชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ทำท่าคอตกลงไป ดูเหมือนเธอจะเถียงอะไรไม่ได้เพราะมันเป็นความจริง…
“เธอก็ไม่เคยเข้าไป?” หลิงม่อแนบหูกับประตูเพื่อฟังเสียงข้าใน พลางถาม
เสี่ยวเยว่เอ๋อไม่พูดไม่จา ดูจากสีหน้าเธอ เห็นชัดว่าเธออยากจะกลืนเพื่อนร่วมสายพันธุ์ประหลาดตัวนี้ลงท้องไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่สิ่งที่เธอไม่เข้าใจคือ ทั้งที่ตอนแรกเธอเป็นฝ่ายจูงจมูกหลิงม่อเดินแท้ๆ ทำไมพริบตาเดียวก็สลับตำแหน่งกันซะแล้วล่ะ? อีกอย่าง ไม่คิดเลยว่าเธอจะกลายเป็นตัวประกันไปได้…พอคิดถึงตรงนี้ เสี่ยวเยว่เอ๋อก็โกรธมาก เธอกลับไม่ได้ตระหนักถึงปัญหาเรื่องรูปร่างของตัวเอง เอาแต่ปักใจคิดเรื่องระดับวิวัฒนาการที่ต่างกันของตัวเองกับหลิงม่อ ปรากฏว่านั่นยิ่งทำให้เธอโมโหหนักกว่าเดิม…
“กุกกัก!”
หลิงม่อกำกลอนประตูแล้วดึงไปด้านข้างแรงๆ ถึงได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากหลังประตู
“ครืดด!”
เมื่อประตูเหล็กถูกดึงเปิดไปด้านข้าง กลิ่นประหลาดกลิ่นหนึ่งก็พุ่งออกมาจากข้างในทันที
“หวังว่าพวกเธอจะไม่ทำอุปกรณ์พวกนั้นพังหมดนะ ถ้าไม่อย่างนั้นฉันก็จะโกรธเหมือนกัน” หลิงม่อยืนอยู่หน้าประตูสองวินาที แล้วค่อยเดินเข้าไปข้างในพร้อมกับเสี่ยวเยว่ที่ถูกหนีบไว้ใต้รักแร้
“เหอะ…” เสี่ยวเยว่เอ๋อได้ยินเสียงพึมพำกับตัวเองของหลิงม่อ ก็อดพูดจาถากถางไม่ได้ “แกโกรธแล้วจะมีประโยชน์อะไร?”
“ก่อนจะกลายพันธุ์เธอดื้ออย่างนี้อยู่แล้วหรอ?” หลิงม่อถามย้อนหนึ่งประโยค พลางกระตุกมุมปากเบาๆ เหมือนกำลังพยายามยิ้มบางๆ ปฏิกิริยาแปลกๆ อย่างนี้ของเขาทำให้เสี่ยวเยว่เอ๋อรู้สึกสงสัย แต่กลับนึกไม่ออกว่าปัญหาอยู่ตรงไหน
เจ้านี่เป็นซอมบี้ระดับต่ำไม่ผิดแน่…แต่ทำไมถึงได้มีความมั่นใจมากขนาดนี้?
ซอมบี้ตัวน้อยเอาแต่บิดตัวขัดขืนตลอดทาง แต่หลังจากเข้ามาในโกดังจริงๆ เธอกลับสงบลงอย่างน่าประหลาด เอาแต่เบิกดวงตาสีแดงเลือดจ้องไปข้างหน้าเงียบๆ
“ฝูงสัตว์ประหลาดพวกนั้นที่เธอให้ฉันปลุกตื่นขึ้นมาคือกำลังทหาร แล้วสิ่งที่อยู่ในนี้คืออะไรล่ะ? เป็นหัวหน้ากองเหมือนกับพวกเธอหรอ?” หลังจากปิดประตู หลิงม่อก็มองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง พลางถามเสียงเบา
“ฉันไม่ได้ให้แกปลุกพวกมัน ก็บอกแล้วไม่ใช่หรอ ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น!” เสี่ยวเยว่เอ๋อเองก็ตอบเสียงเบา
“หลอกถามข้อมูลจากซอมบี้นี่ยากจริงๆ…” หลิงม่ออดพึมพำเบาๆ ไม่ได้
เทียบกับข้างนอก พื้นที่ว่างในนี้กว้างกว่ามากอย่างเห็นได้ชัด แต่รอบด้านมีแต่พื้นปูนซีเมนต์อันเย็นเยียบ ทำให้รู้สึกเงียบงันและวังเวง กล่องไม้จำนวนมากกองอยู่ทั่วทุกที่ ห่างจากประตูบานเลื่อนไปไม่ไกลมีรถเข็นไฮดรอลิคอยู่สองคัน บนรถเข็นมีแต่รอยเลือดเปื้อนเต็มไปหมด และยังมีสิ่งของที่คล้ายกับเศษเสื้อผ้าห้อยติดอยู่ด้วย นอกเหนือจากนี้ก็ยังมีรองเท้าสีดำสนิทที่เหลือเพียงครึ่งเดียว
“เป็นโกดังเก็บของจริงๆ ด้วย…”
หลิงม่อใช้ปลายเท้าเขี่ยเข็มกลัดติดหน้าอกที่ส่วนเข็มหมุดขึ้นสนิมให้พลิกกลับมา แล้วเขาก็พูดขึ้นหลังมองดูครู่หนึ่ง
นอกจากนี้ยังมีสมุดลงทะเบียนอีกหนึ่งเล่ม เพียงแต่ครึ่งล่างของสมุดเล่มนั้นถูกเปียกชุ่มไปด้วยเลือดเสียแล้ว และตัวเนื้อกระดาษก็เปื่อยยุ่ยหมดสภาพ หลิงม่อค่อยๆ พิลกหน้ากระดาษไปสองสามหน้า สุดท้ายก็ฝืนแกะอักษรที่เป็นหนึ่งในเป้าหมายของภารกิจในครั้งนี้ออก
“สถานที่ที่เหล่าหลันให้มาไม่เลวเลยจริงๆ…แต่ไม่รู้ว่าของพวกนี้จะหาได้ในนี้หรือเปล่า”
หลิงม่อสูดลมหายใจ พลางเดินเข้าไปในส่วนลึกของโกดัง
อยู่ๆ เสี่ยวเยว่เอ๋อก็พูดโพล่งขึ้น “แกไม่ได้เข้ามาที่นี่เฉยๆ”
“อะไรนะ?”
“ให้ฉันคิดดูก่อนนะ…แกมีจุดประสงค์อย่างการล่าอาหาร เลยเข้ามาในนี้” เสี่ยวเยว่เอ๋ออธิบาย
“ใช่แล้ว มีเจ้าหัวโตตัวหนึ่งเข้ามาก่อนฉันอีก ทำไมเธอไม่จ้องเล่นงานเขา?” หลิงม่อจ้องเธออย่างตกตะลึง แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เจ้าหัวโต? นายหมายถึงเจ้าหมีสินะ…”
“ที่แท้เจ้าหมีก็เป็นพวกเดียวกับเธอเองหรอ…แล้วชื่อพวกนี้ใครเป็นคนตั้งกันล่ะเนี่ย!”
เมื่อเป็นอย่างนี้ทุกอย่างก็ชัดเจนแล้ว ไม่น่าล่ะที่นี่ถึงได้ดูไม่เหมือนรังกบดาน เพราะเหล่าซอมบี้ที่เฝ้าอยู่บนถนนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของรังกบดานแห่งนี้อยู่แล้ว ทว่าจนกระทั่งตอนนี้ หลิงม่อก็ยังรู้สึกว่าที่นี่ไม่เหมือนรับกดานธรรมดา…บางทีหากเขาไขข้อข้องใจนี้ได้ ก็อาจรู้ว่าทำไมผู้รอดชีวิตกลุ่มนั้นถึงได้สนใจที่นี่นัก
“โครม!”
ทันใดนั้น เสียงอึกทึกครึกโครมก็ดังมาจากที่ไกลๆ แล้วเสียงตะโกนลั่นอย่างโกรธแค้นของซอมบี้ฮวาฮวาก็ดังตามมาติดๆ “กรี๊ดดด! ฉันจะตัดแกเป็นสองชิ้น! อยู่ที่ไหน แกอยู่ที่ไหน!”
“อื้อ!”
ปากของเสี่ยวเยว่เอ๋อถูกหลิงม่อปิดไว้ทันที เขาลากกล่องไม้สองสามกล่องมายันประตูไว้ จากนั้นก็เริ่มตรวจสอบผนังที่อยู่รอบๆ
“อยู่นั่น!”
แผนภาพแสดงโซนพื้นที่ในโกดังอย่างง่ายแขวนอยู่ตรงนั้น และหลังจากที่หลิงม่อมองหาอยู่ไม่นาน เขากลับไม่เจอทางออกอีกทางในแผนภาพนั้น ทว่าเขากลับมองเห็นทางเดินอีกเส้นที่จะไปทะลุชั้นบนได้อย่างง่ายดาย ดูจากแผนภาพแล้ว ที่นี่น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่แยกตัวออกมาจากตึกใหญ่ แค่โกดังก็กินเนื้อที่ไปถึงสามชั้นแล้ว แล้วยังมีเนื้อที่กว้างมากอีกต่างหาก ซึ่งนั่นแสดงว่าที่นี่สามารถจุอุปกรณ์ได้ในจำนวนไม่น้อยอย่างแน่นอน
ทว่าปัญหาในตอนนี้ กลับเป็นเรื่องที่โกดังแห่งนี้ถูกเหล่าซอมบี้ใช้งานมาก่อนแล้ว ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าอุปกรณ์เหล่านั้นจะเกิดความเสียหายหรือไม่ และยังใช้งานได้หรือเปล่า
พอคิดถึงตรงนี้ หลิงม่อก็อดร้อนใจขึ้นมาไม่ได้ และที่แย่กว่านั้นคือ หุ่นซอมบี้อีกตัวของเขา ใกล้จะยืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว…
“โฮกกก!”
จอมแล่เนื้อเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก มือสองข้างของมันกวาดทำลายข้าวของมาตอลดเส้นทางเหมือนมีดสับกระดูกและมีดหั่นเนื้อที่มีการใช้งานแตกต่างกัน และทั้งด้านหน้าด้านหลัง ข้างซ้ายข้างขวา หรือแม้กระทั่งบนเพดานก็มีแต่ฝูงกระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนที่กำลังปีนป่ายยั้วเยี้ย ตัวอ่อนพวกนั้นซ่อนตัวอยู่ในศพ เหมือนใช้เนื้อหนังเป็นกำบังกาย อาศัยแค่การขว้างปาสิ่งของไม่สามารถทำให้พวกมันบาดเจ็บได้ กระทั่งไม่สามารถเป็นอุปสรรคในการเคลื่อนไหวของพวกมันได้ด้วยซ้ำ
เทียบกับหุ่นซอมบี้ที่อยู่ในโกดังเก็บของตัวนี้ หุ่นซอมบี้ที่รับหน้าที่เป็นเหยื่อล่อได้สูญเสียพลังงานไปมาก จนถึงขั้นกล้ามเนื้อเริ่มมีอาการกระตุกแล้ว ผิวหนังทั่วร่างกายแดงเถือกเหมือนถูกไฟเผา ราวกับว่าเชื้อไวรัสที่อยู่ข้างในกำลังแผดเผา เมื่อใดที่มันหมดแรง สัตว์ประหลาดพวกนั้นก็จะเปลี่ยนเป้าหมายไปที่หุ่นซอมบี้อีกตัวทันที…
“บุชเชอร์!”
หุ่นซอมบี้ตะโกนออกไปด้วยเสียงแหบพร่า จอมแล่เนื้อพลันชะงักไปครู่หนึ่ง
ฉวยโอกาสนี้ หลิงม่อรีบควบคุมหุ่นซอมบี้ตัวนี้ให้คว้ากระถางดอกไม้ขึ้นมา แล้วขว้างออกไปทางนั้นอย่างแรง
“โครม!”
จอมแล่เนื้อทำได้เพียงยกแขนขึ้น กระถางดอกไม้กระแทกแขนของมันจนแตกเป็นเสี่ยงๆ
แต่ถึงมันจะไม่บาดเจ็บ ทว่าดินแห้งๆ ในกระถางดอกไม้ได้กระจายเป็นผุยผง แผ่ปกคลุมจอมแล่เนื้อรวมถึงเหล่ากระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนไว้ทั้งหมด
“งี๊ด งี๊ด!”
เหล่ากระเป๋าเลี้ยงเด็กนั้นไม่ได้รับผลกระทบ แต่จอมแล่เนื้อกลับยกแขนขยี้ตาและร้องครวญ แขนทั้งสองข้างเหวี่ยงไปมั่วๆ มันวิ่งกระเซอะกระเซิงพุ่งเข้ามาทางนี้
“มาเลย”
หุ่นซอมบี้คว้าขาเก้าอี้เหล็กกล้าไร้สนิมขึ้นมาหนึ่งท่อน พลางเบี่ยงตัวแนบหลังชิดผนัง ขณะเดียวกันก็หอบหายใจอย่างแรง
ขอเพียงสร้างสัญลักษณ์ให้จอมแล่เนื้อได้สำเร็จ เขาก็จะสามารถถ่วงเวลาไปได้อีกช่วงหนึ่ง…
จอมแล่เนื้อที่ดำดิ่งสู่ความคลุ้มคลั่งอาศัยการดมกลิ่นและพุ่งตัวเข้ามา เพียงแต่มันไม่สามารถแยกแยะลัษณะพื้นที่ได้ดีเหมือนเดิมอีกแล้ว ทุกครั้งที่มันกระแทกผนัง หลิงม่อก็จะได้ยินเสียง “โครม” ดังขึ้น กระทั่งรู้สึกได้ว่าพื้นดินสั่นสะเทือน กระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนตัวหนึ่งเพิ่งจะไต่ลงมาจากพื้น ก็ถูกจอมแล่เนื้อเหยียบจนศพเละคาที่ ข้างในมีเสียงกรีดร้อง “งี๊ด งี๊ด” ดังขึ้น
นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนอีกหลายตัวถูกมันกระชากลงมาและขว้างออกไป กระทั่งถูกมันฉีกจนร่างขาดเป็นสองท่อน เหลือไว้เพียงหยดเลือดมากมาย…
“พละกำลังแกร่งสุดยอด…”
หลิงม่อลอบเดาะลิ้นด้วยความทึ่ง มือทั้งสองข้างกระชับขาเก้าอี้แน่น เจ้าสิ่งนี้เป็นของที่เขาคว้ามาได้ในระหว่างวิ่งหนี แต่มันเป็นอาวุธที่ดีที่สุดที่เขาจะหาได้จากในนี้แล้ว แม้แต่แผนการในหัวของเขาก็เพิ่งผุดขึ้นมาสดๆ ร้อนๆ แต่ดูจากตอนนี้ ก็น่าจะมีเปอร์เส็นต์สำเร็จอยู่บ้าง…
จอมแล่เนื้อตัวนี้ถูกกระตุ้นให้โกรธง่ายมาก และนี่ก็เป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้หลิงม่อประสบความสำเร็จ ยิ่งมันโมโห โอกาสของเขาก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น…”
เมื่อเห็นจอมแล่เนื้อวิ่งเข้ามาใกล้เรื่อยๆ หุ่นซอมบี้พลันคำรามก้อง กระชับขาเก้าอี้ในมือแน่นแล้วเสียดแทงไปข้างหน้าเต็มแรง
“ฉึก!”
พละกำลังมหาศาลพลันระเบิดออกมาจากฝ่ามือ และพุ่งไปทางหัวไหล่อย่างรวดเร็ว หลิงม่อเองก็ห้อยติดออกไปด้วย ทว่าเนื่องจากตำแหน่งที่เขาเลือก ดังนั้นเขาจึงถูกเหวี่ยงไปกระแทกผนังอีกด้านที่อยู่ห่างออกไปเพียงหนึ่งเมตร ไม่เพียงยันร่างไว้ได้ แต่ยังสามารถต้านจอมแล่เนื้อไว้ได้ชั่วคราวด้วย เมื่อกล้ามเนื้อฉีกขาด แขนทั้งสองข้างของหุ่นซอมบี้ก็อ่อนแรงลงทันที ทว่าหลิงม่อกลับกัดฟันและคำรามลั่นอีกครั้ง เขาใช้ร่างกายพุ่งชนไปข้างหน้าอย่างสุดแรง แล้วจึงค่อยปล่อยมือออกจากขาเก้าอี้
จอมแล่เนื้อพุ่งตัวไปข้างหน้า และล้มลงไปกับพื้น ซ้ำยังกลิ้งออกไปหลายตลบ ถึงแม้มันจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ตรงเอวของมันกลับมีขาเก้าอี้ยาวๆ และบิดเบี้ยวปักไว้แน่นแล้ว ภายใต้การแทงอย่างบ้าคลั่งของหลิงม่อ ขาเก้าอี้ท่อนนั้นถูกแทงลึกเข้าไปในร่างของจอมแล่เนื้อถึงหนึ่งในสามส่วน แถมยังแทงเข้าไปในมุมเฉียงขึ้นอีกต่างหาก บวกกับแรงพุ่งของจอมแล่เนื้อเอง ขาเก้าอี้ท่อนนี้มีอานุภาพสังหารร้ายแรงกว่าขวานด้วยซ้ำ
“โฮกก!”
ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง จอมแล่เนื้อคว้าขาเก้าอี้ และพยายามดึงมันออกมา
แต่ขาเก้าอี้ที่บิดเบี้ยวผิดรูปไม่ใช่จะดึงออกกันได้ง่ายๆ ไม่เพียงมีเลือดจำนวนมาพุ่งออกมา กระทั่งมีเสียงเสียดสีกันระหว่างขาเก้าอี้และกระดูกของมันดังออกมาด้วย แต่นี่แหละคือซอมบี้ ถ้าหากเป็นมนุษย์ ป่านนี้คงจะสลบเหมือดเพราะทนความเจ็บไม่ไหวไปแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีแรงดึงขาเก้าอี้ออกเลย
ทว่าหลิงม่อสังเกตเห็นบางสิ่ง ว่าจอมแล่เนื้อไม่ได้มีพลังฟื้นตัวแข็งแกร่งอย่างที่คิด…ปริมาณเลือดที่ไหลออกมาของมันหากเทียบกับซอมบี้ทั่วไป เหมือนจะมากกว่าเล็กน้อย
“เสี่ยวเยว่เอ๋อ ฮวาฮวา แล้วก็บุชเชอร์ แม้แต่เจ้าหมีตัวนั้น วิวัฒนาการของพวกมันช่างสุดโต่งจริงๆ…”
หลิงม่อเพิ่งจะครุ่นคิด อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างหยดลงมาบนหัว
เขารีบเงยหน้ามองข้างบนทันที กระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนที่ใบหน้าบวมเป่งมีร่องรอยการเน่าเปื่อยตัวหนึ่งห้อยตัวอยู่บนหัวเขา บาดแผลตรงหน้าท้องของมันถูกแหวกออกเป็นรอยขนาดใหญ่ ใบหน้าครึ่งส่วนที่เต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่นและปากที่มีซี่ฟันเล็กแหลมงอกขึ้นมาอยู่ตรงกับหัวของเขาพอดี ไม่นาน มันก็พุ่งลงมาอย่างรวดเร็ว…
—————————————————————————–