แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 898 การสลับแขกเป็นเจ้าบ้านของร่างปรสิต
ถึงแม้ว่าร่างกายของเจ้าสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่จะยังสั่นไหวอยู่ แต่ในทางเทคนิค มันน่าจะถือว่าตายจนไม่สามารถตายได้กว่านี้อีกแล้ว…และบนร่างของ ‘เสี่ยวเยว่เอ๋อ’ หลิงม่อก็มองเห็นความเป็นไปได้อีกอย่าง…
“ตามสัญชาตญาณ ในเสี้ยววินาทีที่ถูกก่อกวน เธอน่าจะเลือกที่จะคือสิทธิในการควบคุมร่างกายให้เจ้าของร่างเดิมร่างนี้ถึงจะถูกสิ…ถึงแม้หลักการไม่เหมือนกัน แต่การอาศัยร่างคนอื่นเหมือนกาฝากของเธอมีจุดคล้ายกับหุ่นซอมบี้ของเราอยู่หลายจุด…ถ้าหากหุ่นซอมบี้ของเราได้รับบาดเจ็บที่ส่งผลกระทบต่อร่างจริงด้วย เราก็คงจะเลือกวิธีหลีกเลี่ยงเหมือนกัน…แต่เธอกลับไม่ทำอย่างนั้น ทำไมกัน?”
คำตอบ ไม่แน่ว่าอาจง่ายมาก…
หลิงม่อเดินไปหยุดตรงหน้า ‘เสี่ยวเยว่เอ๋อ’จากนั้นก็วางร่างของเจ้าสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่ไว้ข้างๆ เธอ
แล้วเขาก็ยื่นมือไปทางเจ้าสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่…
“เอิ่ม…ช่างเป็นประสบการณ์ที่แย่จริงๆ…นี่อาจถึงขั้นทำให้เกิดปมในใจได้เลยนะเนี่ย…”
ผิวของเจ้าสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่เต็มไปด้วยของเหลวไม่ทราบชนิด ซึ่งนั่นไม่เพียงทำให้ผิวของมันลื่นขึ้น แต่ยังทำให้มันเหมือนมีเกราะป้องกันเพิ่มขึ้นหนึ่งชั้น “โหมดตัวเม่น” ของหลิงม่อสร้างบาดแผลให้มันได้มากมาย แต่กลับไม่ได้แทงเข้าไปในตัวมันได้จริงๆ ทว่าการเสียเลือดจำนวนมากยังคงทำให้การเคลื่อนไหวของมันเชื่องช้าลง บวกกับการโจมตีอันบ้าคลั่งของมัน ยิ่งทำให้ปากแผลฉีกกว้างกว่าเดิม และทำให้เลือดไหลเร็วขึ้นด้วย ถ้าหากไม่ใช่เพราะอย่างนี้ หลิงม่อก็ยังไม่สามารถจับตัวมันได้สำเร็จ
“เกรงว่าการฟักตัวแบบทั่วไป ก็คือต้องดูดกลืนของเหลวพวกนี้ให้หมด จากนั้นก็สร้างเกราะแข็งๆ บนร่างกายเหมือนกับอันที่อยู่บนหัวของมันล่ะมั้ง…ถ้ามันกลายสภาพเป็นแบบนั้นก็ตั้งชื่อให้มันว่านินจาเต่าได้แล้วล่ะ…” หลิงม่อพึมพำ พลางอดทนกับสัมผัสลื่นๆ ของผิวมัน เขาลองกดตามร่างกายของเจ้าสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่ทุกระเบียดนิ้ว
“เจอแล้ว”
นิ้วมือของเขาหยุดชะงักที่หน้าท้องของสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่ จากนั้นก็ออกแรงกดลงไป
“ตึกตัก! ตึกตัก!”
ปลายนิ้วสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวคล้ายหัวใจเต้น หลิงม่อขมวดคิ้ว พลางขยับนิ้วไปตามจังหวะการเต้นนั้นช้าๆ…”ตามคาด ในนี้มีปรสิตอาศัยอยู่จริงๆ ด้วย! ไม่น่าล่ะเธอถึงสามารถควบคุมเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้…ฮู่วว ดีที่ใช้พลังจิตก่อกวนกับเธอก่อน ไม่อย่างนั้นหากเธอรับช่วงควบคุมต่อ เราก็คงไม่สามารถรับมือเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้แล้วจริงๆ แต่ถ้าเป็นอย่างนี้…ก็แสดงว่าเธอสามารถควบคุมได้ทีละตัวงั้นหรอ? ก็จริง ก่อนหน้านี้ยัยเสี่ยวเยว่เอ๋อนี่ก็แค่ถูกเธอสั่งการ ไม่ได้ถูกควบคุม…”
หลังจากลอบยินดีกับตัวเองในใจ หลิงม่อก็หันไปมอง “เสี่ยวเยว่เอ๋อ” อีกครั้ง
“อั๊ก!”
ทันใดนั้น “เสี่ยวเยว่เอ๋อ” พลันแหงนคอขึ้น หันหน้าขึ้นเพดาน
ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของหลิงม่อ ร่างปรสิตที่อาศัยอยู่ในช่องปากของเธอพลันมุดออกมาทันใด และเริ่มดิ้นพล่านอย่างบ้าคลั่งหลังจากที่หลุดออกมาจากตัวเธอในระยะห่างสองเซนติเมตร ขณะเดียวกันหนวดมากมายก็ได้ทะลักออกมาจากปากของเธอ ทำให้รู้สึกเหมือนมีสัตว์ประหลาดกำลังจะฉีกร่างกายเธอเพื่อมุดออกมา
“เกิดอะไรขึ้น? หนีออกมาเองโดยสัญชาตญาณงั้นหรอ?”
ในระหว่างนั้น “เสี่ยวเยว่เอ๋อ” ที่เป็นร่างภาชนะก็เปล่งเสียงคร่ำครวญอย่างทรมานไม่หยุด ร่างกายของเธอเริ่มอ่อนแรงลงอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าพลังชีวิตทั่วร่างของเธอกำลังถูกร่างปรสิตดูดออกไปอย่างต่อเนื่อง
“ร่างปรสิตแข็งแกร่งกว่าร่างจริงแล้วงั้นหรอ? ทันทีที่เจออันตราย มันก็จะเลือกทิ้งร่างจริง กระทั่งสูบพลังชีวิตเฮือกสุดท้ายของร่างจริงไปจนเกลี้ยง วิธีการนี้ ชั่วร้ายจริงๆ…”
หลิงม่อฝืนทำใจดีสู้เสือ ยื่นมือไปคว้าปากกว้างๆ นั่นอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้จะเป็นศัตรู แต่วิธีการของ “พี่สาว” คนนั้นก็ทำให้หลิงม่อรู้สึกโกรธ สำหรับมนุษย์แล้ว ซอมบี้เป็นเพียงสัตว์ประหลาด สิ่งที่เกิดขึ้นกับบนร่างกายของพวกมัน เกรงว่าคงจะมีแต่คำว่า “น่ากลัว” และ “กระหายเลือด” เท่านั้นที่จะสามารถบรรยายได้ แต่สำหรับหลิงม่อ การทำร้ายเพื่อนร่วมสายพันธุ์ด้วยกันเองอย่างนี้ ช่าง…
“รอให้ฉันลากร่างจริงของเธอออกมาได้ก่อนเถอะ!จากนั้นฉันจะทำลายฟาร์มเพาะเลี้ยงของเธอไม่ให้เหลือซากเลยคอยดู!”
เสี้ยววินาทีที่เขาใช้มืออุดปากกว้างๆ นั้นไว้ หลิงม่อก็รู้สึกได้ถึงพละกำลังมหาศาลทันที เหมือนมันกำลังพยายามหดตัวกลับเข้าไป
“กลัวล่ะสิ?”
มาถึงขนาดนี้แล้วคงเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะรักษาสภาพเดิมไว้ วิธีที่ดีที่สุดก็คือรีบเอามันออกมาจากร่างภาชนะนี้ ก่อนที่มันจะดูดพลังชีวิตของเสี่ยวเยว่เอ๋อจนหมด!
“อื้อ…มะ…ไม่นะ…”
“เสี่ยวเยว่เอ๋อ” ตะโกนเสียงไม่ชัดเจน ร่างกายกลับยังคงนั่งในท่าคุกเข่าเหมือนเดิม
หลิงม่อกัดฟันแน่น จากนั้นก็กระชากเจ้าร่างปรสิตออกมาข้างนอกอย่างแรง
“อ๊อก อ๊อกกก!”
“เสี่ยวเยว่เอ๋อ” เบิกตากว้าง ร่างกายกระตุกสั่นอย่างต่อเนื่อง
เจ้าร่างปรสิตตัวนี้พยายามขัดขืนหลายครั้ง แต่ในด้านพละกำลัง มันกลับไม่สามารถสู้หลิงม่อได้
“พรวด!”
เมื่อของเหลวจำนวนมากพุ่งออกมา วัตถุนิ่มๆ ก้อนหนึ่งก็อยู่ในกำมือหลิงม่อ และมันก็กำลังกระตุกสั่นอย่างต่อเนื่อง
“อ้วก…” หลิงม่อจ้องมองมันอย่างขยะแขยง สิ่งที่อยู่ในความคาดหมายคือ เจ้าสิ่งนี้เหมือนกับตทารกที่อยู่ในกระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนพวกนั้นมาก…อาจบอกได้ว่าเหมือนกันเปี๊ยบเลยด้วยซ้ำ
“ทหาร…หัวหน้ากอง…ดูจากตอนนี้ หัวหน้ากองก็คือร่างภาชนะเวอร์ชั่นอัพเกรดของเหล่าทหารสินะ? แต่จำนวนของหทหารและหัวหน้ากองแตกต่างกันมาก นั่นแสดงว่าความสำเร็จในการสร้างร่างภาชนะนั้นต่ำมาก…”
ในอีกด้าน อายุขัยของทหารพวกนั้นก็น่าจะเป็นปัญหามากเหมือนกัน หลังจากที่ออกมาจากกระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อน พวกมันก็ต้องเลือกร่างภาชนะตัวต่อไปทันที หากล้มเหลว ผลลัพธ์ก็น่าจะเท่ากับตาย…ถ้าไม่อย่างนั้นจากจำนวนที่หลิงม่อเห็นเมื่อกี้ ที่นี่ได้ถูกกระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนยึดครอง และกลายเป็นเขตที่ห้ามสิ่งมีชีวิตเข้าใกล้ไปแล้ว
แต่กระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนกลับถูกเขาปลุกตื่น และหลังจากตื่นขึ้นมาเหล่าทารกก็ไม่มีท่าทีว่าจะมุดออกมาจากกระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนแต่อย่างใด…
แน่นอน เรื่องพวกนี้ยังเป็นแค่การคาดเดาของหลิงม่อ ถ้าหากอยากพิสูจน์ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่…
หลิงม่อกำร่างปรสิตแน่น แล้วหันไปมอง “เสี่ยวเยว่เอ๋อ” อีกครั้ง หลังร่างปรสิตหลุดออกจากตัวเธอ เธอก็นอนหมดสติอยู่บนพื้น ด้วยสภาพอ่อนแอในตอนนี้ของเธอ ตัดสินได้ยากว่าเธอจะยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่ เกรงว่าถึงแม้จะรอด ก็คงอดทนอยู่ได้อีกไม่นานมาก ร่างปรสิตแทบจะกลายเป็นร่างเดียวกับเธอแล้ว ระหว่างที่มันพยายามหนีออกมา ร่างกายภายในของเธอก็น่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุนี้ ยิ่งบวกกับพลังชีวิตที่ถูกดูดออกไป…
“ฉึก!”
หลิงม่อคว้าเหล็กเส้นบนพื้นขึ้นมา แล้วแทงไปที่ท้องของสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่
“งี๊ด!”
เสียงร้องประหลาดพลันดังออกมาจากในร่างกายของสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่ เมื่อหลิงม่อดึกเหล็กเส้นออก สัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่ที่ตายไปแล้วแต่ยังตัวสั่นอยู่ก็แน่นิ่งไปทันที
“เคร้ง!”
หลิงม่อโยนเหล็กเส้นทิ้งไปอีกทาง จากนั้นก็หิ้วร่างปรสิตเดินเข้าไปในอาคาร
สิ่งที่คาดเดาไว้อยู่แล้วคือ ชั้นสามเต็มไปด้วยกล่องที่ถูกปิดสนิท หลังจากที่เขาสุ่มเปิดสองกล่อง ก็พบว่าการผิดผนึกยังคงแน่นหนาดีอยู่ ด้วยเหตุนี้เปอร์เซ็นต์ที่จะหาอุปกรณ์เจอในนี้ก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
“แต่ด้วยสถานการณ์ของราตอนนี้ น่าจะขนของพวกนี้ออกไปได้ยาก…อีกอย่างในนี้ยังมีกระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนอยู่อีกเยอะเลย ถ้าเกิดเจอพวกมันระหว่างทาง อาจทำให้อุปกรณ์เกิดความเสียหายได้…
แน่นอนว่าต้องระมัดระวังในการขนย้ายอุปกรณ์ระดับสูงที่ถูกปิดผนึกพวกนี้เป็นอย่างมาก ดังนั้นหลังจากพิจารณา หลิงม่อจึงปิดที่นี่ไว้ก่อน
เขาเดินไปทั่วชั้นสามหนึ่งรอบ และเห็นทางออกอีกทางตามที่คาดไว้ หลังจากตรวจสอบดูอย่างละเอียดแล้ว เขาก็พาเจ้าร่างปรสิตออกไปจากโกดัง และกลับไปยังเขตอาคารหลักของตึกใหญ่อีกครั้ง
“เอาล่ะ ตอนนี้…ไปหาร่างจริงของแกซะ”
หลิงม่อจ้องร่างปรสิตในมืออย่างเย็นชา พลางพูดขึ้น
ร่างปรสิตนั้นดิ้นพล่านอย่างแรงสองสามที ไม่นานมันก็ถูกหลิงม่อโยนลงบนพื้น ตอนแรกมันดิ้นขลุกขลักอยู่ที่เดิมก่อน แต่ไม่นานมันก็เริ่มไต่ไปทางทางเดินช้าๆ โดยที่ข้างหลังของมัน มีหุ่นซอมบี้ที่ร่างกายชุ่มเลือดเดินตามอยู่ไม่ห่าง…
“เอาล่ะ เรียบร้อยแล้ว!”
ในห้องมืดๆ ห้องหนนึ่ง หลี่ย่าหลินยืนขึ้นแล้วตบมืออย่างพึงพอใจ
และตรงหน้าของเธอ ก็คือหุ่นซอมบี้อีกตัวที่กำลังยืนนิ่งอยู่…
หลิงม่อก้มหน้ามองแขนทั้งสองข้างของตัวเองแวบหนึ่ง หลังเงียบไปสองวินาที ในที่สุดเขาก็โพล่งออกไปว่า “นี่มัน…เรียบร้อยตรงไหนเนี่ย?! พี่ดัดแปลงให้ผมกลายเป็นเหมือนป๊อบอายไปแล้ว! มีแค่แขนทั้งสองข้างที่ใหญ่กว่าปกติ!”
“ก็ถือว่าซ่อมแซมได้แล้วนี่…” หลี่ย่าหลินลูบผม พลางหัวเราะคิกคัก
สายตาของทั้งสองจับจ้องไปที่แขนของหุ่นซอมบี้พร้อมๆ กัน…แขนทั้งสองข้างที่เดิมใช้การไม่ได้แล้ว เวลานี้กลับบวมและใหญ่มากราวกับฉีดน้ำเข้าไป ใต้กล้ามเนื้อที่นูนขึ้นมาราวกับมีบางสิ่งกำลังไหลเวียนอยู่…ซึ่งความจริงแล้ว พวกมันก็ถูกฉีดเข้าไปจริงๆ นั่นแหละ…
ในห้องนี้ยังมีศพอยู่อีกสองศพ รวมถึงร่างปรสิตที่ตัวเหี่ยวแห้งอีกสองตัว หลี่ย่าหลินเอาร่างปรสิตสองตัวนี้กดลงไปบนแขนทั้งสองข้างของหุ่นซอมบี้ข้างละตัว จากนั้นก็ฉีดเลือดและเชื้อไวรัสในร่างปรสิตให้เข้าไปในร่างกายของหุ่นซอมบี้ ผลปรากฏว่ามันเร่งการฟื้นฟูของแขนทั้งสองข้างได้จริงๆ แต่ขนาดที่ใหญ่ขึ้นจนแทบจะเทียบได้กับต้นขาของชายฉกรรจ์นี้กลับทำให้หลิงม่อตะลึงตาค้าง…
“พี่ไม่ได้คิดถึงผลลัพธ์แบบนี้ไว้ด้วยใช่ไหม?” หลิงม่อถาม
หลี่ย่าหลินแลบลิ้นออกมาเล็กน้อย บอกว่า “แน่นอนว่าไมได้คิด…”
“อย่าพูดเหมือนมันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วอย่างนี้ได้ไหม! แต่ว่า ถึงแม้จะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ แต่ดูแล้วก็เหมือนจะมีแรงเยอะไม่เบานะ…” หลิงม่อแกว่งแขนไปมา บอกว่า “ไม่คิดเลยว่ารุ่นพี่ของเราจะทำเรื่องแบบนี้เป็นด้วย ก้าวหน้าขึ้นจริงๆ…”
“อิอิ…”
“ก่อนจะออกไป ลองใช้ซักครั้งแล้วกัน…”
เพิ่งจะสิ้นเสียงพูด หลิงม่อก็เหวี่ยงหมัดไปทางผนังอย่างแรง
เมื่อเสียง “โครม” ดังขึ้น พื้นอาคารและผนังเกิดแรงสะเทือนขึ้นทันใด และขณะที่หลิงม่อดึงมือกลับ บนผนังพลันปรากฏรอยมือลึกๆ ขึ้นหนึ่งรอย…
“เชี่ยย!” หลิงม่อปากอ้าตาค้าง “อย่างนี้ต้องยกนิ้วให้แล้ว!”
หลี่ย่าหลินที่ยืนอยู่อีกฝั่งยกแขนขึ้น แล้วเอียงคอยิ้มหวานบอกว่า “อ้อใช่แล้ว…ยิ่งใช้เยอะ…มือสองข้างนั้นก็จะยิ่งพังเร็วนะ…”
“สุดยอดเลย…เดี๋ยวนะ พี่พูดว่าอะไรนะ?”
“ก็บอกว่า แขนข้างนี้จะใช้ได้ประมาณ…อืมม…เอาเป็นว่ามันใช้ได้ไม่นานก็แล้วกัน” หลี่ย่าหลินอธิบาย
“แบบใช้ได้ครั้งเดียว?”
“ใช้ได้หลายครั้งอยู่…”
“……”
ในตอนนั้นเอง เสียง “ปึงปัง” ก็ดังมาจากนอกห้อง ไม่นาน เสียง “ฉับ ฉับ ฉับ” ก็ดังตามมาติดๆ…
ท่ามกลางความเงียบ เสียงนี้ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็หยุดอยู่หน้าประตูห้อง…
“ฉับ”
—————————————————————————-