แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 901 งานเลี้ยงรวมศพ
และดวงตาของของศพผู้หญิงศพนี้ ก็เป็นสีดำ…
“มนุษย์อีกแล้ว…” หลิงม่อเดินเลี่ยงกะโหลกศีรษะนั้น แล้วเดินไปทางศพผู้หญิงศพนั้นช้าๆ ระหว่างทางเขากวาดตามองไปรอบๆ ไม่นานก็เห็นเจ้าร่างปรสิตที่กำลังพยายามคลานไปยังส่วนลึกอย่างรวดเร็ว
“ยังอยู่ข้างในอีกหรอ…” หลิงม่อรีบเดินไปข้างหน้าสองก้าว แล้วค่อยๆ จับร่างปรสิตขึ้นมากำไว้ในมืออย่างระมัดระวัง ตอนนี้ยังไม่สามารถแน่ใจได้ว่าร่างปรสิตตัวนี้กับซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นยังคงมีสายสัมพันธ์ต่อกันอยู่หรือไม่ แต่เมื่อเขาเคยใช้พลังก่อกวนสำเร็จแล้ว หลิงม่อก็คิดว่าเขาเก็บเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ไว้ก่อนดีกว่า
กันไว้ก่อนไม่เสียหายนี่นา…
ร่างปรสิตบิดตัวไปมาอย่างแรงอยู่ในฝ่ามือเขา แต่สายตาของหลิงม่อกลับมองไปยังศพผู้หญิงศพนั้น
ศพของผู้หญิงศพนั้นมีกลิ่นที่ประหลาดมากโชยออกมา และสภาพของเธอก็ทำให้หลิงม่อรู้สึกสงสัยบางอย่าง แค่ดูจากการเน่าเปื่อยของเสื้อผ้าก็รู้แล้วผู้หญิงคนนี้ตายมานานมากแล้ว แต่ร่างกายของเธอกลับยังคงความยืดหยุ่นและชุ่มชื้นไว้ได้เหมือนเดิม นั่นทำให้เธอดูเหมือนคนที่ค่อนข้างผ่ายผอมมากว่าตายไปแล้ว ผู้หญิงคนนี้รูปร่างหน้าตาถือว่าใช้ได้ แต่ความหวาดกลัวและสิ้นหวังที่อยู่บนใบหน้า กลับยังแสดงให้เห็นจนกระทั่งถึงตอนนี้ นอกจากนี้ บนผิวกายที่อยู่นอกร่มผ้าของเธอ ก็ดูเหมือนจะติดอะไรบางอย่างไว้ชั้นหนึ่ง…
“นี่มันอะไรน่ะ…” หลิงม่อขมวดคิ้ว แล้วยื่นมือไปแตะดูเบาๆ จากนั้นก็ถูนิ้วมือไปมาเล็กน้อย “เหมือนแร็ปถนอมอาหารเลย…ของเหลวที่แห้งไปแล้วงั้นหรอ?” เขาสังเกตดูอย่างละเอียดอีกครั้ง และครุ่นคิดอย่างเงียบงัน “ไม่มีจุดน่าสงสัยอื่นแล้ว…ถ้าอย่างนั้นการที่ศพของเธอยังอยู่จนถึงตอนนี้ได้ ก็เพราะอาศัยของเหลวชั้นนี้สินะ?”
คิดถึงตรงนี้ หลิงม่อพลันยื่นมือไปปัดผมของศพออก เผยให้เห็นเสื้อตัวนอกที่ขาดวิ่นบนตัวเธอ
“ไม่มีบาดแผล…ก็แสดงว่าไม่ใช่กระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อน ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ทำไมยังต้องเก็บเธอไว้อีก? อีกอย่างซอมบี้ระดับสูงก็คงไม่กินอาหารที่หมดอายุแล้วอย่างนี้หรือเปล่า…เอิ่ม ขอโทษที…” ถึงแม้ในใจจะคิดอย่างนั้น แต่การกระทำของหลิงม่อกลับไม่แสดงให้เห็นถึงความสำนึกผิดแต่อย่างใด…เขากำขอบเสื้อตัวนอกแล้วลองดึงดูหนึ่งที จากนั้นก็ค่อยๆ ดึงเข็มขัดสีฟ้าที่โผล่ออกมา
“แกร๊ก…” บัตรพนักงานใบหนึ่งพลันร่วงลงต่อหน้าหลิงม่อ
“หวังเหม่ยอี้…ตัวจริงไม่ต่างจากในรูปมากนักนี่…” หลิงม่อเงยหน้ามองเปรียบเทียบเล็กน้อย พลางคิด
ศพเพศหญิงที่ถูกห้อยขึ้นสูง…และใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มหวาน ซึ่งถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างประณีตบนรูป…
“โอเค ก็ได้ ก็ต่างอยู่นิดหน่อย” หลิงม่อพลิกบัตรพนักงานในมือเพื่อตรวจสอบดู จากนั้นก็ใช้เล็บขูดหยดเลือดสองสามหยดออกจากบัตร และเอามาดม “คราบเลือดนี้ก็ผ่านมานานมากแล้ว…”
เขาหันไปมองศพผู้หญิงศพนั้นอีกครั้ง จากนั้นก็ทำจมูกฟุดฟิด ไม่กี่วินาทีต่อมา สายตาของเขาก็ฉายแววประหลาดใจสุดๆ ขึ้นมา…สามารถแสดงสีหน้าอย่างนี้ผ่านใบหน้าของหุ่นซอมบี้ได้ ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าอารมณ์ของหลิงม่อในตอนนี้จะเป็นยังไง…
“เฮ้อ…” อยู่ๆ เขาก็ถอนหายใจ พลางลอบคิด “ไม่แปลกใจจริงๆ…”
รอยเลือดบนบัตรพยักงาน ไม่ใช่ของผู้หญิงคนนี้ ไม่เพียงเท่านี้ แม้แต่ระยะเวลาที่รอยเลือดนี้ถูกทิ้งไว้ก็ดูเหมือนจะเป็นก่อนที่ผู้หญิงคนนี้จะตายด้วยซ้ำ…รายละเอียดประเภทนี้สำหรับประสาทรับกลิ่นของซอมบี้ หากอย่างจะแยกแยะก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ซ้ำยังมีความแม่นยำสูงมากอีกด้วย ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวก็คือไม่สามารถระบุเวลาที่แน่ชัดได้ เพราะสำหรับซอมบี้ การแยกแยะอย่างนี้ก็เหมือนกับการตอบสนองทางสัญชาตญาณในการตัดสินว่าอาหารสดใหม่หรือไม่นั่นเอง
ทว่าเมื่อมีบัตรพนักงานใบนี้อยู่ จึงสามารถระบุได้ว่าเธอน่าจะตายเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว…อดีตพนักงานบริษัทลอว์สันคนนี้ เห็นชัดว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่รอดชีวิตมาได้ในตอนนั้น ในเมื่อเธอไม่ได้ถูกกิน ก็แสดงว่า ตอนนั้นเธอก็เป็นหนึ่งในพวกนั้น…และหลังจากเรื่องราวซึ่งถูกเล่าไว้ด้วยอักษรเลือดนั้นเกิดขึ้น ในกลุ่มผู้รอดชีวิตกลุ่มนี้จะต้องมีเรื่องน่ากลัวเกิดขึ้นอีกแน่นอน
“เรื่องพวกนี้ น่าจะมีอยู่ในความทรงจำของซอมบี้ร่างแม่ ถ้าหากรู้ที่มาที่ไปของเรื่อง ไม่แน่อาจหาโอกาสที่ทำให้เธอสามารถเก็บความทรงจำและความรู้สึกไว้ได้เจอก็ได้…แต่ว่า มันจะเป็นอะไรกันแน่นะ?”
ตลอดทางที่เดินหลังจากนั้น หลิงม่อพบศพที่สภาพเหมือนศพผู้หญิงศพนั้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเขาเดินออกจากพื้นที่ศพนี้ไป จำนวนซากศพของผู้รอดชีวิตก็ได้ปาไปถึงเจ็ดศพแล้ว อายุและตำแหน่งหน้าที่การงานของศพเหล่านี้ล้วนหลากหลาย แต่กลับมีจุดหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือบนใบหน้าของพวกเขา ล้วนหลงเหลือไว้ซึ่งความสิ้นหวังอย่างสุดซึ้ง และความทรมานอย่างแสนสาหัส…
“หื้ม?”
ทันใดนั้นเบื้องหน้าพลันสว่างขึ้น และสิ่งที่หลิงม่อมองเห็น ก็คือประตูที่เต็มไปด้วยรอยเลือดบานหนึ่ง
เขายืนเงี่ยหูฟังอยู่นอกประตูครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ เปิดประตูออกอย่างระมัดระวัง
ประตูไม้หนักๆ สองบานถูกผลักแยกออกจากกันจากตรงกลาง เผยให้เห็นช่องประตูที่กว้างขึ้นเรื่อยๆ และด้านหลังช่องประตู กลับเป็นแสงไฟอ่อนๆ เส้นหนึ่ง…
การมองเห็นภาพนี้ทั้งที่อยู่ในความมืดมาโดยตลอด กลับไม่ได้ทำให้หลิงม่อรู้สึกดีใจเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม หลิงม่อกลับสัมผัสได้ถึงความแปลกบางอย่างรางๆ เขายืนแนบตัวชิดประตูแล้วมองเข้าไปข้างในอย่างระแวดระวัง จากนั้นจึงค่อยเดินเข้าไปช้าๆ
เทียบกับซอมบี้ร่างแม่แล้ว ระดับวิวัฒนาการของหุ่นซอมบี้ตัวนี้ต่ำเกินไปจริงๆ ไม่ว่าจะอาศัยประสาทรับกลิ่นหรือสัมผัสรู้ เขาก็ไม่มีทางเจอตัวซอมบี้ร่างแม่ก่อนแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้น ระวังหน่อยก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง…
แน่นอน ถ้าหากซอมบี้ร่างแม่ฟื้นตัวกลับมาจากการถูกก่อกวนด้วยพลังจิตแล้วล่ะก็ ตั้งแต่ที่เขาก้าวขึ้นมาบนชั้นนี้ อีกฝ่ายต้องรู้ตัวแล้วแน่นอน…
หลิงม่อมีจิตวิญญาณที่ชอบเสี่ยงอันตรายอยู่ในกระดูก ยิ่งในตอนที่ร่างจริงไม่ได้ออกโรงเองอย่างนี้ เขาก็ยิ่งใจกล้าขึ้นหลายส่วน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเตรียมตัวไว้ก่อนหรือไม่ เขาก็ไม่มีความคิดที่จะถอยกลางคันอยู่แล้ว ตลอดเส้นทางนี้ เขาไม่ได้แค่เดินตามร่างปรสิตอย่างเดียว ถึงแม้โอกาสชนะจะมีน้อย แต่มันก็ยังถือว่ามีอยู่…
“ฉันล่ะอยากเห็นจริงๆ ว่าตกลงแกเป็นตัวอะไรกันแน่…”
เขาปิดประตูช้าๆ แต่กลับยังเปิดแง้มให้เหลือช่องไว้เล็กน้อย ทำอย่างนี้หากมีศัตรูเข้ามาจากข้างหลัง เขาก็จะรู้ตัวก่อน…ถึงแม้ศัตรูส่วนมากจะถูกหลี่ย่าหลินและหุ่นซอมบี้อีกตัวของเขาล่อออกไปแล้ว แต่ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นที่ที่ซอมบี้ร่างแม่อยู่ ระดับความอันตรายบนชั้นนี้จึงทวีคูณกว่าชั้นล่างหลายเท่า
“เงียบมาก…”
และกว้างมากด้วย ห้องนี้ใหญ่มาก และหรูหรามากเช่นเดียวกัน แต่ความหรูหรานี้เมื่อถูกเคลือบย้อมด้วยเลือดและเนื้อเน่ามากมาย มันกลับดูเยือกเย็นไร้ชีวิตชีวา และเต็มไปด้วยกลิ่นอายกระหายเลือดน่าสยดสยอง แสงไฟถูกส่องลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาในนี้ สิ่งที่เหมือนๆ กับที่อื่นก็คือ ผ้าม่านผืนนั้นเองก็มีรอยเลือดเปื้อนอยู่ด้วย
“ไม่ถูกสิ…” หลิงม่อจ้องมองผ้าม่านผืนนั้นอยู่นานสองนาน พลางขมวดคิ้วมุ่น
ทว่าไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็พยักหน้าราวกับความคิดกระจ่างแล้ว
ไม่น่าล่ะถึงได้รู้สึกแปลกๆ อยู่ตลอด…เลือดที่อยู่ในนี้ไม่ได้เกิดจากการเข่นฆ่าอย่างเดียว ส่วนมากเกิดจากฝีมือคนจัดฉากขึ้นมา…เหมือนเป็น การตกแต่งอย่างหนึ่ง…
ขณะที่เดินผ่านชั้นวางเหล้าราคาแพงตัวหนึ่ง หลิงม่อก็ชะงักเท้าอีกครั้ง เขามองทะลุกระจกเข้าไปข้างใน จากนั้นก็ใช้มือเช็ดคราบฝุ่นออก
“รู้สึกเหมือนมีอะไรอยู่ข้างในเลย…เฮ้ย มีจริงด้วย”
ดวงตาซึมกระทือไร้พลังชีวิตคู่หนึ่งกำลังจ้องมาที่เขาเขม็ง ใต้กะโหลกศีรษะนี้ ยังมีศพมากมายถูกยัดไว้ ชั้นวางทั้งตัวถูกยัดจนแน่นขนัด จากชั้นเก็บเหล้าก็กลายเป็นชั้นเก็บสะสมศพแทน
นอกจากนี้ เขายังเห็นศพศพหนึ่งถูกห้อยต่องแต่งไว้บนราวแขวนผ้า แม้แต่ฉากบังลมก็ยังมีแต่รอยเลือดเต็มไปหมด กระทั่งยังจงใจทิ้งรอยมือสีเลือดไว้จำนวนมากอีกด้วย…
“ถ้าหากให้เหล่าเจิ้งมาด้วย เขาคงมีเรื่องพูดคุยกับยัย ‘พี่สาว’ คนนี้เยอะเลย…”
หลิงม่ออดคิดไม่ได้
เขามองเห็นภาพที่คล้ายๆ กันในทุกก้าวที่เดินในห้องนี้ ทว่าภายใต้ความน่ากลัวเพียงเปลือกนอก อยู่ๆ หลิงม่อกลับมีความคิดอีกอย่างผุดขึ้นมา…สำหรับซอมบี้สภาพห้องอย่างนี้ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับมนุษย์ล่ะ? แล้วตอนที่ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นตกแต่งที่นี่จนกลายเป็นแบบนี้ มันกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?
“เอ๋?”
หลังจากเดินผ่านฉากกันลมไป ด้านหน้าของหลิงม่อก็ปรากฏห้องรับแขกแปลกๆ ขึ้นมา…
ถ้าไม่ใช่ว่าสัมผัสได้ก่อนแล้ว และมั่นใจว่าที่นี่ไม่มีกลิ่นอายสิ่งมีชีวิตอยู่ เขาอาจเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวงก็ได้…
หากมองเข้าไปจากมุมที่เขายืนอยู่ บนโซฟาในห้องรับแขกมีคนนั่งเรียงกันอยู่หนึ่งแถว พวกเขามองไปข้างหน้าด้วยสายตาเลื่อนลอย ไม่ขยับเขยื้อน แต่ไม่ว่าจะเป็นทรงผม หรือเสื้อผ้าที่สวมใส่ ล้วนสะอาดเอี่ยมกว่าศพที่อยู่ข้างนอกพวกนั้นมาก หากมองแวบแรก อาจเข้าใจผิดได้ว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่…
แต่เมื่อใดที่ตระหนักได้ถึงบรรยากาศอันเงียบกริบไร้ชีวิต รวมถึงกลิ่นฉุนๆ ในห้องนี้ได้ ก็ไม่ยากที่จะเดาคำตอบที่ถูกต้องได้—
นั่นคือกลุ่มศพ ที่ถูกจัดวางท่าทางให้นั่งอยู่อย่างนั้น…
หลิงม่อค่อยๆ เดินเข้าไปจากด้านข้าง พร้อมกับที่ศพเหล่านั้นปรากฏสู่สายตาของเขาทีละนิดๆ
ชายสี่หญิงสอง บนร่างกายล้วนมีบาดแผลและอวัยวะที่สูญหายในระดับที่แตกต่างกันไป ดูจากเสื้อผ้าของพวกเขา เห็นชัดว่าเป็นพนักงานของบริษัทลอว์สันเหมือนกัน จุดที่คล้ายกับศพที่ถูกแขวนคือ บนใบหน้าของหกคนนี้ก็ปรากฏความหวาดกลัวสุดขีดให้เห็นด้วยเช่นกัน…และจุดที่แตกต่างคือ ปากของพวกเขาถูกง้างออก และค้างอยู่ในท่านั้น
และข้างหน้าของพวกเขา กลับมีศพอีกหนึ่งศพวางไว้…
มันเป็นศพของผู้หญิงคนหนึ่ง ทั้งมือและเท้าของเธอต่างถูกมัดไว้ บนหน้าท้องมีรอยแผลถูกกรีดยาวๆ หนึ่งเส้น สิ่งที่แตกต่างจากหกคนนั้นอย่างชัดเจนคือ ดวงตาทั้งคู่ของศพศพนี้ เป็นสีแดง…แต่เธอก็ยังอ้าปากค้างเหมือนคนอื่นๆ ใต้ตาของเธอถูกวาดเป็นเหมือนน้ำตาเลือดที่ไหลออกมาสองเส้น ราวกับกำลังร่ำไห้ในขณะที่กำลังทรมานอย่างสุดขีด…
“เข้าใจความหมายของมันไหม?”
ทันใดนั้น เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังมาจากข้างหลัง หลิงม่อใจหายวาบ รีบหันไปมองทันที
ไม่มีใครอยู่…
เขาหนังศีรษะตึงชา รีบหันหน้ากลับมาอีกครั้ง
คราวนี้ ข้างๆ ของศพผู้หญิงศพนั้น กลับมีเงาร่างหนึ่งเพิ่มขึ้นมา
เธอสวมชุดเดรสยาวสีขาว ผมยาวสยายอยู่ข้างหน้า เธอกำลังก้มหน้ามองศพศพนั้น โดยหันข้างให้หลิงม่อ
“นี่คือฉันเอง” หญิงชุดขาวพูดขึ้น
หลิงม่อไม่พูดอะไร เขากำร่างปรสิตในมือแน่น ทำให้มันเลือดไหลมากขึ้นกว่าเดิม
ผู้หญิงคนนี้…อันตรายมาก…
—————————————————————————–