แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 904 เรื่องราวมักเป็นอย่างนี้เสมอ…
“อย่างนั้นเองหรอ…ถ้าอย่างนั้น เรื่องราวที่เหลือฉันก็พอจะจินตนาการออกแล้ว…”
หลิงม่อเพิ่งจะพูดออกไปอย่างนี้ ก็ได้ยินเสียงหญิงชุดขาวหัวเราะฮิฮิฮิ “จินตนาการ? ชะตากรรมอันโหดร้ายของคนอื่นเป็นสิ่งที่นายสามารถจิตนนาการได้จริงๆ หรอ? นายคิดว่าฟางอิ๋งหยุดฉัน ใช่ไหม? ความจริงเปล่าเลย เธอไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น เธอยืนมองฉันจากไปเงียบๆ บางทีอาจเพราะกลัว บางทีอาจเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นข้างล่างมันเกินจะเยียวยาแล้ว หรือบางทีเธออาจเกิดเห็นใจฉันขึ้นมา…ฉันไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ ตอนนั้นฉันอารมณ์แปรปรวนและสับสนมาก บอกไม่ถูกว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหน ฉันบอกไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองออกจากโกดังมาได้ยังไง เป็นไงล่ะ น่าสนใจใช่ไหมล่ะ? หลังกลายพันธุ์ควรจำรายละเอียดทั้งหมดได้แท้ๆ แต่จนถึงตอนนี้ ฉันยังรู้สึกเหมือนตอนนั้นเป็นเพียงความฝันอยู่เลย…”
“เรื่องนั้นเกรงว่าจะไม่เกี่ยวกับประสบการณ์แล้วมั้ง? ขั้นตอนการกลายร่างของซอมบี้แทบจะสามารถใช้คำว่าทำลายแล้วสร้างใหม่มาบรรยายได้เลย ดังนั้นความทรงจำในระหว่างนั้นจึงค่อนข้างเลือนราง มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว…กลับเป็นเจ๊ใหญ่คนนี้ ตอนที่กำลังกลายพันธุ์กลับจำเรื่องราวได้มากมาย กระทั้งยังจดจำอารมณ์ความคิดในตอนนั้นได้อย่างแม่นยำขนาดนี้ นี่ต่างหากที่น่าทึ่งจริงๆ…” หลิงม่อลอบคิด
หญิงชุดขาวพูดต่อ “วินาทีที่ฉันกุมแผลแล้วเดินออกไป ฉันรู้สึกเหมือนถูกทุกคนทอดทิ้งจริงๆ แม้แต่ตอนที่กำลังหนีซอมบี้ ฉันยังไม่เคยสิ้นหวังเท่าตอนนั้นเลย…ฉันที่เป็นมนุษย์ในตอนนั้น ไม่รู้เลยว่าอนาคตจะเป็นยังไง ทั้งกลัวว่าจะกลายเป็นซอมบี้ แต่ก็ไม่อยากตายไปทั้งอย่างนั้น…ฉันตอนที่เป็นมนุษย์ช่างอ่อนแอจริงๆ ไม่มีแม้กระทั่งความกล้าที่จะฆ่าตัวตาย…”
“สุดท้ายเธอก็กลายพันธุ์สมบูรณ์ แล้วฟางอิ๋งล่ะ? คนของบริษัทลอว์สันเป็นยังไงต่อไป?” ในที่สุดหลิงม่อก็อดพูดขัดหญิงชุดขาวไมได้ เขาจึงถามขึ้น แค่ฟังจากเรื่องที่เธอเล่า ก็เดาได้ไม่ยากว่าฟางอิ๋งกับคนอื่นๆ เดินคนละทางกับเธอ แต่เวลานี้ศพของพวกเขากลับถูกนำมาจัดฉากในโรงละครนองเลือดเล็กๆ แห่งนี้ มันเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นกันแน่?
หรือหลังจากที่เธอกลายพันธุ์สมบูรณ์ หญิงสาวชุดขาวคนนี้ก็ได้ย้อนกลับไปฆ่าพวกนั้น?
“พวกเขาหรอ? เหอะๆ แน่นอนว่าตามฉันออกมาน่ะสิ ผู้ติดเชื้อที่ได้รับบาดเจ็บหนึ่งคน ยังมีตัวล่อที่ดีกว่านี้อีกหรอ? หลังจากที่ฉันออกมาจากชั้นสอง บนบันไดต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกแน่ๆ ฟางอิ๋งก็เลยพาคนพวกนั้น หนีตามฉันออกมา พวกเขาตามหลังฉันอยู่ห่างๆ เพื่อจะใช้ประโยชน์จากฉันพาตัวเองออกไปจากบริษัทลอว์สัน…เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ พวกนั้นไม่รีรอที่จะล่อซอมบี้มาหาฉันให้เยอะขึ้น ฉันเกือบตายไปแล้ว แต่น่าเสียดาย ที่มันก็แค่เกือบ และผลลัพธ์สุดท้าย นายก็เห็นแล้ว…”
หญิงชุดขาวยื่นมือไปลูบหน้าผากฟางอิ๋งอย่าง “อ่อนโยน” บอกว่า “แผนการของพวกเขาล้มเหลว และฉันเองก็ถูกกระตุ้นให้กลายพันธุ์เร็วขึ้นเพราะเหตุนั้น วินาทีที่ฉันกลายร่างสมบูรณ์ ฉันกำลังจับหัวของเธอไว้ และพยายามจะฉีกคางของเธอออก หึหึ…ตอนนั้น เธอกำลังร้องไห้เรียกฉันว่า ‘พี่สาว’และอ้อนวอนฉันไม่ให้ฆ่าเธอ…”
“น่าเหลือเชื่อใช่ไหมล่ะ? ความจริงฉันเองก็เหมือนกัน…หลายครั้งฉันก็ยังรู้สึกเหมือนนี่เป็นเรื่องของคนอื่น แต่ว่า…” ทันใดนั้น เธอหันหน้าขวับมา และจ้องหลิงม่อด้วยดวงตาสีแดงเลือด “นายทำให้ฉันนึกถึงมันอีกครั้ง! นายทำให้ฉันต้องรับรู้ความรู้สึกพวกนั้นอีกครั้ง! บอกมา นายทำอะไรกับฉันกันแน่! นายทำอะไร!”
เมื่อประโยคสุดท้ายถูกตะคอกออกมา หญิงชุดขาวพลันมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าหลิงม่อในระยะห่างที่ไม่ถึงสามสิบเซนติเมตร เส้นผมของเธอปลิวว่อนไปข้างหลัง เผยให้เห็นใบหน้าเคียดแค้นและบิดเบี้ยว…ใบหน้าครึ่งซีกของเธอแทบไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไป กระทั่งหากมองดูดีๆ จะเห็นว่างดงามหลายส่วน แต่อีกครึ่งซีกที่เหลือกลับเต็มไปด้วยกระดองแข็งๆ ที่ดูเหมือนแผลเป็น กระดองเหล่านั้นลามลงไปตามลำคอของเธอเรื่อยๆ เหมือนมีเกล็ดห่อหุ้มร่างกายเธอเพิ่มขึ้นมาหนึ่งชั้น
ขณะที่ตวาดเสียงดัง หญิงชุดขาวยังแลบลิ้นที่ยาวมากออกมาจากปากด้วย ปลายลิ้นของเธอแหลมมาก และเต็มไปด้วยตะขอ อีกทั้งยังแลบลิ้นและเก็บลิ้นได้เร็วจนน่าทึ่ง หลิงม่อรู้สึกเพียงเย็นวาบที่หัวไหล่ วินาทีถัดมาก็มีของเหลวอุ่นๆ ไหลออกมาสายหนึ่ง และลิ้นของหญิงชุดขาวก็มีเลือดติดอยู่เต็มไปหมด เธอแลบลิ้นเปื้อนเลือดออกมาราวกับงูพิษ
“ฉิบหาย…นี่มันต่างจากภาพลัษณ์ที่เห็นเมื่อกี้มากเลยนะ! เมื่อกี้ยังอ่อนโยนอยู่เลย เหมือนอย่างที่ฉันบอกไว้ไม่มีผิด เธอกลายร่างเป็นปีศาจร้ายกระหายเลือดได้ทุกเมื่อจริงๆ!อีกอย่างเป้าหมายสูงสุดในการวิวัฒนาการที่เธอพูดถึงคงไม่ใช่การกลายร่างเป็นปีศาจร้ายอย่างสมบูรณ์หรอกนะ!”
ที่สำคัญคือ เทียบกับความเร็วของหญิงชุดขาว เขาด้อยกว่ามาก!
และในอีกด้าน ซอมบี้ร่างแม่ที่อาศัยลิ้นในการโจมตี เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก!
“เชี่ยเชี่ยเชี่ย!”
หลิงม่อหนังศีรษาตึงชาอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้เขาจะเอียงหัวหลบโดยสัญชาตญาณ และรอดพ้นจากการโจมตีที่อันตรายถึงชีวิตไปได้ แต่เห็นชัดว่าเขาไม่อาจหลบพ้นเป็นครั้งที่สองได้แน่นอน! หุ่นซอมบี้ที่ใกล้หมดสภาพจะตายก่อนเวลาก็ไม่เป็น แต่ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่เขาจะร่วมมือลอบโจมตีกับเย่เลี่ยนได้!
พลาดไม่ได้เด็ดขาด!
แต่ จะทำยังไงดี?!
“อีกอย่าง ฉันไม่ผิด…ฉันก็แค่ทำไปเพราะอยากรอด ผิดตรงไหนกัน! แกก็เหมือนกัน แกจะช่วยให้ฉันมีชีวิตรอดต่อไป รอให้ฉันวิวัฒนาการอีกครั้ง รอให้ร่างกายร่างนี้สมบูรณ์แบบ ฉันก็จะสามารถออกไปได้…ที่นี่ บริษัทแห่งนี้ เป็นเหมือนกรงขังสำหรับฉัน มันขังฉันไว้ตอนที่ฉันยังเป็นคน หลังจากกลายพันธุ์แล้วมันก็ยังขังฉันไว้อีก! ฉันอยากออกไป ฉันจะออกไป! ฉันอยากหลุดพ้นจากกรงขังนี้ซักที อยากหลุดพ้นจากความทรงจำพวกนั้น!”
ระหว่างที่หญิงชุดขาวตะโกนอย่างบ้าคลั่ง หลิงม่อจ้องมองลิ้นของเธออย่างไม่กระพริบตา
ต้องทำยังไง? ก่อนที่จะถูกโจมตีกะทันหันอีกครั้ง จะทำอะไรได้บ้าง?
ตู้นั้นอยู่ไกลเกินไป…ถ้าอย่างนั้นผ้าม่านล่ะ? แต่ว่า หญิงชุดขาวจะเปิดโอกาสให้เขาดึงผ้าม่านออกหรอ…
มีปัจจัยที่คาดเดาไม่ได้มากเกินไป อันตรายเกินไปแล้ว!
“ทำไมสุดท้ายเหลือแค่ฉันคนเดียว ทั้งที่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดแท้ๆ…” หญิงชุดขาวตะโกนเสียงดังลั่น
ถึงแม้กลายพันธุ์ไปแล้ว แต่หญิงชุดขาวยังคงรู้สึกผิดต่อเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตมากอย่างเห็นได้ชัด…
เดี๋ยวก่อน รู้สึกผิด?
แต่จากเรื่องราวในเวลาต่อมาของเธอ เธอก็น่าจะได้รับบทเรียนอันขมขื่นแล้วนี่? กระทั่งหากเทียบกับมนุษย์คนอื่น เธอน่าจะมีโอกาสปล่อยวางปมในใจนี้มากกว่าด้วยซ้ำ…ตอนที่เธอถูกซ้อมจนเกือบตาย เธอก็ได้รับรู้ความรู้สึกของสองคนนั้นแล้วไม่ใช่หรอ?
ไม่ว่าจะมีความคิดไถ่บาปหรือไม่ หลังจากได้ผ่านเรื่องราวที่เหมือนกัน เธอก็ไม่น่าจะมีเหตุผลให้บ้าคลั่งเพราะเรื่องนี้มาจนถึงปัจจุยันหรือเปล่า…ไม่ว่าจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกในตอนนั้นอีกหรือไม่ แต่สำหรับหญิงชุดขาวในวันนี้ เธอน่าจะปลงกับเรื่องแบบนี้ได้แล้วไม่ใช่หรอ…
แต่ว่า เธอกลับยังคงรู้สึกผิดมาก…
หลิงม่อพลันใจเย็นลงไม่น้อย แต่ไม่นาน หัวใจของเขากลับเริ่มเต้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
ใช่แล้ว! เรื่องเล่านี้ไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลย สิ่งที่สำคัญคือท่าทีของหญิงชุดขาวต่างหาก!
ทำไมถึงเพิ่งมารู้เอาตอนนี้นะ?! เรื่องนี้มีช่องโหว่ตั้งแต่แรกแล้ว!
แต่ว่า คิดได้ตอนนี้ก็ยังไม่สาย!
“เธอไม่ใช่ ‘พี่สาว’ ใช่ไหมล่ะ?” อยู่ๆ หลิงม่อก็พูดโพล่งขึ้น
เสียงตะโกนของหญิงชุดขาวพลันหยุดลงทันใด เธอชะงักงัน
“เธอคือฟางอิ๋.” หลิงม่อกำหมัดแน่น บอกว่า “ดังนั้นเรื่องที่เธอเล่า เดิมทีเป็นเรื่องของคนอื่น เธอถึงได้เปรียบที่นี่เป็นเหมือนกรงขัง แต่ความจริงสิ่งที่กักขังเธอไว้ไม่ใช่บริษัทลอว์สัน แต่เป็นเธอคนนั้น”
เขาชี้ไปทางศพผู้หญิงคนนั้น บอกว่า “เพื่อนที่ถูกเธอทำร้ายจนตาย และคนที่เธอเรียกเขาว่า ‘พี่สาว’” จากนั้นเขาก็มองไปทางศพของคนอื่นอีกครั้ง แล้วพูดต่อว่า “เธอจำลองเหตุการณ์ในตอนนั้นขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ใช่เพื่อแก้แค้น แต่เพื่อทำโทษตัวเอง หลังกลายพันธุ์เธอกลับมีอารมณ์ความรู้สึกหลงเหลืออยู่ อารมณ์ความรู้สึกที่ไม่ใช่ความแค้น และไม่ใช่ความโดดเดี่ยว แต่เป็นความรู้สึกผิดอย่างรุนแรง”
หลิงม่อพูดจบในรวดเดียว และหันไปมองหญิงชุดขาวเขม็ง “ฉันพูดถูกไหม?”
หญิงชุดขาวยังคงจ้องเขาอย่างเหม่อลอย เวลานี้เธอกลับไม่รู้ตัว ว่าหนวดสัมผัสทางจิตไร้รูปเส้นหนึ่งกำลังเลื้อยไปทางหน้าต่างๆ ช้าๆ…
“ทว่าความรู้สึกนี้กลับสะท้อนออกมาให้เห็นในทิศทางวิวัฒนาการของเธอมากที่สุด เธอเรียกตัวเองว่า ‘พี่สาว’ จากนั้นก็อาศัยพลังอำนาจของตัวเองตามหา ‘น้องสาว’ ให้เธอให้ได้มากที่สุด จากนั้นก็ทรมานพวกนั้นอย่างไร้ความปรานี…แม้แต่ตัวเธอเอง ก็ยังถูกแบ่งออกเป็นสองซีกโดยที่เธอไม่รู้ตัว ซีกหนึ่งมีไว้เพื่อลงโทษ ส่วนอีกซีก มีไว้เพื่อระลึกถึง…” คำพูดของหลิงม่อดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ
หลังผ่านไปสิบกว่าวินาที หญิงชุดขาวก็อ้าปาก ถามว่า “แกรู้ได้ยังไง?”
“เดาครึ่งมั่วครึ่ง…” แน่นอนว่าคำนี้ไม่อาจพูดออกไปได้ ดังนั้นสายตาของหลิงม่อจึงฉายแวว “เป็นอย่างที่คิด” ออกมาได้พอดี ปากกลับพูดอย่างเย็นชาว่า “ง่ายจะตาย เธอมีช่องโหว่เยอะเกินไป”
หญิงชุดขาวชะงักงันไปอีกครั้ง ความคิดที่อยากฆ่าหลิงม่อก็พลันพักไว้ก่อนชั่วคราว…เห็นชัดว่าเธอกำลังนึกย้อนถึงเรื่องที่ตัวเองเล่า…ช่องโหว่เยอะเกินไป?
“มันคืออะไร?” หญิงชุดขาว…หรือก็คือฟางอิ๋ง เธอครุ่นคิด แล้วถามอย่างรู้สึกข้องใจ
หลิงม่อลอบถอยหลังเงียบๆ การกระทำอย่างนั้นดูเหมือนค่อนข้างอันตราย แต่ในสถานการณ์อย่างนี้ ฟางอิ๋งไม่มีทางพุ่งเข้ามาสังหารเขาแน่นอน…และเรื่องจริงก็เป็นอย่างนั้น ฟางอิ๋งเพียงจ้องเขาอย่างเย็นชา จากนั้นก็เผยสายตาดูถูกเขาเหมือนที่มนุษย์ทำ “วางใจ ก่อนที่จะเติมเต็มความสงสัยของฉัน ฉันไม่ทำอะไรแกหรอก ฉันบอกตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือซอมบี้ ล้วนมีความขี้สงสัยเหมือนกัน”
“เกี่ยวอะไรกับฉันเล่า…” หลิงม่อเหลือกตาขาว บอกว่า “นอกจากเรื่องที่ฉันบอกเมื่อกี้ เธอยังมีช่องโหว่ที่ชัดเจนมากอีกเรื่อง…”
“แก้ตัว บางทีตัวเธอเองก็อาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าเธอกำลังแก้ตัวให้ฟางอิ๋ง หลังจากที่เผชิญหน้ากับชะตากรรมอันโหดร้ายขนาดนั้น แล้วยังถูกผลกระทบจากเชื้อไวรัสเล่นงานอีก ‘พี่สาว’ คนนั้นจะยังสามารถแก้ตัวแทนการกระทำของเธออีกหรอ? นอกจากนี้…” พอเห็นฟางอิ๋งใกล้คลุ้มคลั่งอีกครั้ง หลิงม่อก็ค่อยๆ ปล่อยจุดหักมุมออกมาอย่างไม่เร่งรีบ
ขณะเดียวกันนั้น ผ้าม่านที่ปิดสนิทอยู่ก็สั่นไหวเบาๆ และค่อยๆ เปิดออกเป็นช่องเล็กๆ…
—————————————————————————–