แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 911 เมื่อรุ่นพี่เคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง
“ตึง!”
ผ่านไปเพียงไม่นาน ประตูใหญ่ถูกกระแทกจนเปิดกว้างขึ้นอีกครั้ง กระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนตัวนั้นพยายามมุดเข้ามาข้างในอย่างสุดชีวิต จนสามารถแทรกร่างกายส่วนท้องขึ้นไปเข้ามาข้างในได้ แผลน่าเกลียดน่ากลัวตรงท้องของมันเริ่มปริกว้างขึ้น เผยให้เห็นร่างปรสิตที่ซ่อนตัวอยู่ข้างใน
“งี๊ดๆ…” ร่างปรสิตอ้าปาก แลบลิ้นยาวออกมาข้างนอกอย่างสุดความสามารถ แขนทั้งสองข้างของมันก็ยื่นออกมาด้วย ปลายแขนเล็กลีบมีฝ่ามือแหลมคมอยู่คู่หนึ่ง เล็บที่เหมือนตะขอโค้งงอมีของเหลวหนืดย้อยติดอยู่ เมื่อของเหลวหยดหนึ่งโดนร่างศพ ก็เกิดเสียงงี๊ดๆ ที่คล้ายเสียงร้องของมันขึ้นมาทันที พร้อมกับกลิ่นเน่าเหม็นที่ลอยโชยออกมา
ร่างปรสิตที่มุดหัวออกมาถลึงตาอย่างตะกละตะกลาม มันจ้องหลิงม่อและหลี่ย่าหลินที่อยู่ในโรงอาหาร และใช้ฝ่ามือตะกุยตะกายไม่หยุด
พอเห็นท่าทางอย่างนี้ของมัน หลิงม่อก็รู้สึกขนลุกทันที ที่แท้เจ้าตัวประหลาดนั่นก็เตรียมเริ่มมื้ออาหารแล้วนี่เอง!
“ไปตายซะเถอะ!” หลิงม่อคว้าเก้าอี้ตัวหนึ่งขึ้นมา แล้วขว้างออกไปเต็มแรง
การโจมตีสุดแรงของซอมบี้ ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ศพเน่าๆ ศพหนึ่งจะต้านรับไหว เมื่อเสียง “โครม” ดังมา ร่างปรสิตตัวนั้นก็ส่งเสียงกรีดร้องทันใด ขณะเดียวกันร่างศพก็กระเด็นไปติดประตูด้านหลัง ของเหลวจำนวนมากพุ่งพรวดออกมาจากขอบๆ เมื่อเก้าอี้ตกถึงพื้น หลิงม่อก็ขมวดคิ้วด้วยความสะอิดสะเอียนทันที
เห็นชัดว่าข้างในของศพศพนั้นว่างเปล่าแล้ว ถูกหลิงม่อขว้างเก้าอี้ใส่อย่างนั้น อกของมันราวกับหดตัวรวมกันจนเป็นรอยย่นๆ ร่างปรสิตตัวนั้นก็ถูกเบียดออกมาพร้อมกับของเหลวหนืดเหล่านั้น หลังจากสูญเสียร่างภาชนะไป เจ้าสัตว์ประหลาดที่ภายนอกดูเหมือนมนุษย์กลับยิ่งดุร้ายกว่าเดิม มันกระโจนเข้าไปหาหลี่ย่าหลินที่ยืนอยู่ข้างหลิงม่ออย่างรวดเร็ว
“กรี๊ดๆ มันกัดฉันแล้ว!”
หลี่ย่าหลินร้องลั่นด้วยความตื่นเต้น หลังเงาร่างของเธอโฉบไหว เธอก็ไปปรากฏตัวอยู่ข้างหลังร่างปรสิตอย่างเงียบเชียบ
ร่างปรสิตที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศร่างขาดเป็นสองท่อนอย่างไม่ทันตั้งตัว จนกระทั่งตกถึงพื้นแล้ว มันก็ยังอยู่ในท่าเตรียมโจมตีอย่างดุดันไม่เปลี่ยน
“แค่สัตว์ประหลาดตัวเดียว พี่ต้องร้อง…” พูดถึงตรงนี้ อยู่ๆ หลิงม่อกลับพบว่าทุกครั้งที่รุ่นพี่กรีดร้องเสียงแหลม เหล่าสัตว์ประหลาดพวกนั้นก็จะชะงักค้างไปครู่หนึ่ง ถึงแม้จะแค่เสี้ยววินาทีสั้นๆ แต่มันกลับสร้างโอกาสอันยอดเยี่ยมให้หลี่ย่าหลินที่มีฝีมือการโจมตีอย่างรวดเร็วได้เป็นอย่างดี
“หรือเป็นความสามารถกลายพันธุ์? แต่ก็ไม่แน่นะ…”
หลิงม่อกำลังครุ่นคิด อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงอึกทึกดังเข้ามาจากนอกประตู แม้แต่พื้นอาคารก็พลอยสั่นสะเทือนไปด้วย
โต๊ะเก้าอี้ที่ใช้ยันไว้ตรงนั้นเริ่มพากันบิดเบี้ยวเปลี่ยนรูป และส่งเสียง “เอี๊ยดอ๊าดๆๆ” เสียดแทงแก้วหู
“ฉิบหาย…” หลิงม่อม่านตาหดตัวทันที
โครงสร้างของโรงอาหารพนักงานแห่งนี้ค่อนข้างพิเศษ ด้านหลังประตูใหญ่มีผนังกั้นสูงครึ่งหนึ่งอยู่ตรงกันข้าม ทำให้มีทางเดินเล็กๆ ขึ้นมา ปลายด้านหนึ่งของทางเดินเส้นนี้มีตู้กดน้ำอัตโนมัติวางอยู่ หลิงม่อคิดว่ามันเป็นสิ่งอำนวยสะดวกของบริษัทที่ค่อนข้างใหญ่โต ทว่าตอนนี้ตู้กดน้ำตู้นั้นก็ได้กลายเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ยันประตู ที่กำลังถูกเก้าอี้และโต๊ะวางทับไว้ข้างล่าง โดยที่มันทำหน้าที่ยันระหว่างโต๊ะเหล่านี้ไว้กับกำแพงอีกที…
แต่เสียง “เอี๊ยดอ๊าด” ที่ดังขึ้นเรื่อยๆ แสดงให้เห็นว่าถึงแม้จะมีตู้กดน้ำเพิ่มมาอีกหนึ่งตู้ ก็ไม่สามารถยันไว้ได้อีกแล้ว
“ซอมบี้ระดับสูงสองตัวนั้นมาแล้ว” หลี่ย่าหลินพูดยิ้มๆ มาจากอีกฝั่ง แต่ถึงแม้จะยิ้มมุมปาก ดวงตาของเธอกลับหรี่เล็กลง ม่านตาก็เริ่มเปลี่ยนสี นิ้วมือเรียวยาวของเธอเริ่มขยับเขยื้อนโดยอัตโนมัติ ทำให้จูบอสรพิษที่อยู่ในมือเธอสะท้อนแสงวูบวาบชวนขนลุก
“อยู่ข้างนอกหรอ?” หลิงม่อถาม
สายตาของเขาจับจ้องไปที่ช่องประตูที่เริ่มเปิดกว้างขึ้นเรื่อยๆ แต่ด้านหลังช่องประตูนั้นกลับดูเหมือนไม่มีอะไร และตั้งแต่ที่เสียงอึกทึกนั้นดังมา เขาก็ไม่ได้ยินเสียงเหล่ากระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนพวกนั้นอีกเลย ท่ามกลางความเงียบอันน่าประหลาด เหลือเพียงเสียงกระแทกประตูที่ดังอย่างต่อเนื่อง และศัตรูที่ยังมองไม่เห็นตัว
หลี่ย่าหลินพยักหน้าตอบทันที “อื่ม…” เพิ่งสิ้นเสียงพูด อยู่ๆ เธอก็หน้าเปลี่ยนสี ตะโกนขึ้นว่า “ระวัง!”
หลิงม่อหัวใจกระตุกวูบ พลันกระโดดถอยตามสัญชาตญาณทันที
“โครม!”
เสียงอึกทึกดังขึ้นอีกครั้ง ทว่าคราวนี้แหล่งกำเนิดเสียงกลับไม่ใช่นอกประตู แต่เป็นบนหัวเขา!
เมื่อสิ่งของกองพะเนินหล่นลงมา เงาดำเงาหนึ่งก็ทิ้งตัวลงพื้นอย่างหนักหน่วง
เมื่อหลิงม่อเท้าถึงพื้น เขาก็รีบหันไปมองหลี่ย่าหลิน แต่กลับถูกกลุ่มฝุ่นคลุ้งบดบังการมองเห็น
“ฉันไม่เป็นไร…” หลี่ย่าหลินเพิ่งจะตะโกนบอก ทว่าไม่นานก็เปลี่ยนเป็นเสียงร้องครวญ จากนั้นหลิงม่อก็มองเห็นเงาร่างหนึ่งกระเด็นออกมาจากกลุ่มฝุ่นควัน
“รุ่นพี่!”
หลิงม่อตาไว รีบถ่ายพลังจิตเพื่อแผ่หนวดสัมผัสออกไปทันที
ในเสี้ยววินาทีที่รัดตัวหลี่ย่าหลินไว้ได้ หลิงม่อรู้สึกปวดหนึบอย่างรุนแรงที่ขมับทันที ขณะเดียวกันพลังจิตจำนวนมหาศาลก็ถูกดูดออกไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เผาผลาญพลังงานที่เทียบเท่ากับหนวดสัมผัสทางจิตประมาณสามสี่เส้นไป ในที่สุดเขาก็ใช้พลังตัวเองหักล้างกำลังกระแทกกลุ่มนั้นจนสำเร็จ ขณะเดียวกันหลี่ย่าหลินก็ถูกหลิงม่อดึงเข้ามาหาตัว
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” หลิงม่อยืดตัวขึ้นอย่างระมัดระวัง พลางหันไปถาม
หลี่ย่าหลินพยักหน้า ดวงตาจดจ้องไปยังจุดที่มีฝุ่นตลบอบอวลอยู่ตรงนั้น
“พละกำลังแข็งแกร่งมาก แถมยังมีสติปัญญาอีก…” หลิงม่อพูดเสียงเบา
“ใช่ ถ้าหากดูแค่เรื่องพละกำลัง มันก็ถือว่าอยู่ในระดับชนชั้นสูงแล้ว” หลี่ย่าหลินบอก
“แกร่งกว่าพี่อีกหรอ?” หลิงม่อรู้สึกได้ถึงความยากทันที
หลี่ย่าหลินกระตุกมุมปาก แล้วชำเลืองมองเขาอย่างขำๆ “แต่พลังป้องกันของฉันก็สุดยอดไม่แพ้กันนะ”
หลิงม่อชะงักไปชั่วขณะ เหงื่อไหลท่วมตัว
ถึงเมื่อกี้พละกำลังกลุ่มนั้นจะแข็งแกร่งมาก แต่อาศัยแค่พลังป้องกันของผิวหนังและความอ่อนของร่างกายหลี่ย่าหลิน ถึงแม้เขาจะไม่ยื่นมือเข้าไปช่วย หลี่ย่าหลินก็สามารถทิ้งตัวลงพื้นได้อย่างปลอดภัยแน่นอน ทว่าพอคิดอีกที ถึงแม้อัตราความปลอดภัยของเธอจะสูงถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เขาจะทนมองหลี่ย่าหลินถูกพุ่งชนจนปลิวออกไปเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรได้ยังไง?
ดังนั้นเรื่องบางเรื่อง ไม่ใช่ว่าอาศัยเพียงการวิเคราะห์ตามหลักเหตุและผลแล้วจะตัดสินใจได้…
“ระวัง เขาจะมาแล้ว” อยู่ๆ หลี่ย่าหลินก็พูดขึ้น
“ตึง…ตึง…”
ท่ามกลางฝุ่นควันที่คละคลุ้งไปทั่ว เงาร่างบิดเบี้ยวหนึ่งค่อยๆ ปรากฏชัดเจนขึ้น เงาร่างนั้นเดินเข้ามาช้าๆ ทุกย่างก้าวราวกับเหยียบอยู่บนหัวใจของหลิงม่อ หลิงม่รู้สึกได้ถึงความกดดันแปลกๆ และเมื่อเงาร่างนี้เดินออกจากบริเวณฝุ่นคลุ้ง ความกดดันในใจของหลิงม่อก็ได้พุ่งขึ้นจนถึงจุดสูงสุด
เขาสะท้านไปทั้งตัว พลันตั้งสติมั่นทันที
“การแผ่รังสีคุกคามของซอมบี้ที่ระดับวิวัฒนาการสูงกว่า…”
ความจริงนี่เป็นกฎแห่งธรรมชาติอย่างหนึ่ง เหมือนตอนที่สัตว์ตัวเล็กผู้อ่อนแอมองเห็นราชานักล่า พวกมันมักตัวสั่น และหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจ…การที่หลิงม่อควบคุมหุ่นซอมบี้ระดับต่ำเพื่อไปหาเรื่องซอมบี้ร่างแม่อย่างนี้ เกรงว่าคงพบเจอได้น้อยมากในเผ่าพันธุ์ซอมบี้เลยก็ว่าได้
หลิงม่อเพิ่งจะพยายามควบคุมให้ตัวเองตั้งสติ ก็พบว่ากลิ่นอายรอบตัวหลี่ย่าหลินได้เปลี่ยนไปแล้ว
ม่านตาของเธอค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง โดยบริเวณขอบๆ ถูกล้อมกรอบด้วยสีเหลืองอำพันเด่นสะดุดตา บุคลิกของเธอดูเปลี่ยนไปทันที เมื่อดวงตาทั้งสองข้างของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ผิวหนังของเธอก็เริ่มตึงเกร็งขึ้นมา นอกจากนี้ รอยยิ้มของเธอก็เย็นชาขึ้นหลายส่วน บวกกับคาที่เชิดขึ้นเล็กน้อย ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกได้ถึงอันตรายสุดขีดทันที
การเปลี่ยนแปลงโดยรวมตั้งแต่สายตาไปจนถึงสภาวะร่างกาย ทำให้ตอนนี้หลี่ย่าหลินดูเหมือนอสรพิษที่กำลังแผ่แม่เบี้ย
“ชิท…” หลิงม่อตะลึง ไม่เหมือนรุ่นพี่คนเดิมเลยซักนิด! หลังจากเข้าสู่สภาวะซอมบี้ เธอถึงเพิ่งแสดงพลังที่แท้จริงของซอมบี้ชนชั้นสูงออกมาให้เห็น และพลังนี้ ต้องไม่ใช่อย่างที่เธอแสดงให้เห็นก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน
“ตึง!”
ในที่สุดเงาร่างนั้นก็ก้าวออกมา ร่างกายครึ่งหนึ่งของเขาอาบไปด้วยเลือดสีแดงสด สายตาทั้งคลุ้มคลั่งและเคียดแค้น
แทบจะในเสี้ยววินาทีเดียวกับที่หลิงม่อมองเห็นมันอย่างชัดเจน เจ้าซอมบี้ที่ชื่อบุชเชอร์นั่นก็เหวี่ยงแขนที่คล้ายขวานของตัวเองไปมา พลันพุ่งตัวเข้ามาทางพวกเขาทั้งสองอย่างบ้าคลั่ง
ระหว่างวิ่งพุ่งเข้ามา อยู่ๆ เจ้าบุชเชอร์ก็หายตัวไป!
เหตุการณ์นี้ไม่ได้ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับหลิงม่อ ไม่ว่าจะเป็นซอมบี้ฮวาฮวา หรือซอมบี้ร่างแม่ฟางอิ๋ง พวกเธอล้วนมีความสามารถเร่งความเร็วในพริบตาอย่างนี้ทั้งนั้น แต่ซอมบี้ที่สามารถใช้พลังนี้ได้ยอดเยี่ยมที่สุด กลับเป็นเจ้าบุชเชอร์!ที่ขาทั้งสองข้างของมันวิวัฒนาการจนกลายเป็นอย่างนั้น เห็นชัดว่าเพื่อความสามารถนี้
มิน่าล่ะหุ่นซอมบี้ของเขาถึงได้ตายอย่างไม่ทันตั้งตัว มีความสามรถในการเคลื่อนไหวรวดเร็วปานนี้ หุ่นซอมบี้ระดับต่ำอย่างนั้นของเขาจะหลบได้ยังไง…
ความจริงแล้วความคิดทั้งหมดทั้งมวลนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น ขณะที่เจ้าบุชเชอร์หายตัวไป หลิงม่อได้ตะโกนออกไปเสียงดัง “ระวัง!”
“สวบ!”
หลี่ย่าหลินโฉบไหวร่างกาย เธอกระโจนออกไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน ทว่าสิ่งที่ไม่เหมือนกับเจ้าบุชเชอร์คือ เธอไม่ได้หายตัวไป แต่ในเสี้ยววินาทีที่กระโจนออกไป เธอได้แยกเงาร่างลวงที่คล้ายกันทุกประการออกมาอีกหลายเงา!
เป็นการเร่งความเร็วในชั่วพริบตาเหมือนดัน สิ่งที่เจ้าบุชเชอร์ต้องการคือความเร็วในทางตรง แต่หลี่ย่าหลินกลับอาศัยความอ่อนพลิ้วของร่างกาย เคลื่อนไหวแบบซิกแซกไปยังจุดต่างๆ มากมายหลายจุด กระทั่งอาจเคลื่อนไหวไปถึงหลายสิบจุดด้วยซ้ำ!
เงาร่างลวงเหล่านี้ล้วนเป็นของปลอม แต่ก็เป็นของจริงด้วยเหมือนกัน! เพราะในขณะที่พวกมันปรากฏขึ้น หลี่ย่าหลินก็ยังคงอยู่ในระหว่างเคลื่อนไหว!
เวลาห่างกันเพียงหนึ่งในหลายสิบวินาที ถึงแม้เป็นซอมบี้ก็ไม่มีทางแยกแยะออก…
หลิงม่อเองก็ไม่คิดจะนั่งรอความตาย ถึงแม้ด้อยเรื่องความเร็ว แต่ร้ายดีอย่างไรร่างกายร่างนี้ก็ถือว่าผ่านการปรับโครงสร้างมาแล้ว…
ขณะที่เขาตะโกนคำว่า ‘ระวัง’ ออกไปนั้น เขาได้ใช้แขนทั้งสองข้างบดบังจุดอ่อนที่อันตรายถึงชีวิตของตัวเองไว้ทันที ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อแขนบวมใหญ่สองข้างนี้ถูกนำมาใช้เป็นเกราะกำบัง กลับใช้ได้ผลเกินคาด…
“โครม!”
เสียงอึกทึกดังเข้ามาจากนอกประตูใหญ่อีกครั้ง แล้วเสียงคำรามดุดันก็ดังตามมาติดๆ!
“ตึงตึงตึง!”
ทันใดนั้น เงาร่างลวงของหลี่ย่าหลินพลันเคลื่อนไหว ไม่นานเสียงกระแทกกันอย่างรุนแรงก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องกลางอากาศ
ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ มีสะเก็ดไฟกระเด็นออกมาด้วย…
ด้านหนึ่งเขาจดจ้องไปที่ประตู อีกด้านก็ตะโกนเรียกขึ้นว่า “บุชเชอร์!”
“ตึง!”
เจ้าบุชเชอร์ที่กำลังคลุ้มคลั่งพลันปรากฏกายชั่วขณะ บนแขนของมันมีรอยสีขาวเพิ่มขึ้นหลายสิบรอย แต่กลับไม่มีรอยไหนที่กรีดเข้าเนื้อได้จริงๆ
“โจมตีส่วนท้องของมัน!” หลิงม่อตะโกน
บาดแผลที่เกิดจากการลอบโจมตีก่อนหน้านั้นของเขายังคงอยู่ แถมยังดูเหมือนว่ากำลังมีเลือดซึมออกมาด้วย แต่เมื่อเทียบกับพลังฟื้นตัวอันน่าสยองนั่นแล้ว พลังป้องกันของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นกลับไม่เลวเลย โดยเฉพาะแขนทั้งสองข้างของมัน!
“กรรร!”
สายตาของเจ้าบุชชเอร์ตวัดมองมาทางหลิงม่อทันที ในตอนนั้นเอง หลี่ย่าหลินกลับหายตัวไปจากจุดเดิมและไปปรากฏตัวอยู่ข้างหลังมัน
ในเสี้ยววินาทีที่เจ้าบุชเชอร์หมุนตัวเหวี่ยงแขน “หลี่ย่าหลิน” คนนั้นกลับหายตัวไป ไม่นาน มือคู่หนึ่งพลันโผล่มาอยู่ข้างหัวของมันทั้งสองฝั่ง จากนั้นก็เหวี่ยงเข้าไปตรงกลางพร้อมกันอย่างแรง…
“เนื้ออยู่ตรงนี้!”
—————————————————————————–