แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 916 ผีเสื้อสังหาร
ในร้านค้าริมถนนแห่งหนึ่ง ผู้รอดชีวิตที่รับหน้าที่สอดส่องคนนั้นกำลังมองออกไปข้างนอกโดยซ่อนตัวอยู่หลังบานประตู สายตาของเขาจับจ้องไปยังอาคารสองชั้นเล็กๆ แห่งนั้นที่พวกหลิงม่ออยู่ จากนั้นก็หันไปมองทางบริษัทลอว์สัน และจ้องไปยังจุดที่ผู้รอดชีวิตอีกคนเพิ่งโบกมือเมื่อกี้
เหตุการณ์นี้อาจดูแปลกในสายตาคนนอก เพราะจากจุดที่เขาอยู่ ไม่สามารถมองเห็นผู้รอดชีวิตอีกคนได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะสังเกตเห็นอีกฝ่ายโบกมือ แต่หลังจากที่เขามองไปทางนั้นครู่หนึ่ง ปากของคนนี้ก็เริ่มขยับขึ้นลง เหมือนกำลังพึมพำอะไรบางอย่างอยู่
“เหมียวเจ๋อส่งข่าวมาแล้ว”
ด้านหลังประตูเหล็กในซอยเล็กๆ ผู้ชายคนหนึ่งลุกขึ้นยืนจากพื้น จากนั้นก็กระชับวัตถุทรงยาวที่ถูกหุ้มไว้ด้วยผ้าไว้ในมือ “เตรียมตัวเคลื่อนไหวกันเถอะ”
“ไม่รอให้คนพวกนั้นลงมือก่อนหรอ? ตามหลัก พวกเขารู้แล้วว่าพวกเราอยู่ที่นี่ น่าจะฉวยโอกาสชิงลงมือก่อนอย่างแน่นอน อีกอย่างมีพวกเราอยู่ พวกเขาคงไม่คำนึงถึงอันตรายทางนั้นมาก พวกเขาคงคิดว่าสถานที่ที่อันตรายเกินไปคงไม่มีใครมา…ไม่ว่าใครก็น่าจะคิดอย่างนี้นี่นา” ชายตัวเล็กอีกคนที่กำลังพิงกำแพงอยู่ลุกขึ้นหาวหวอด พลางถาม ดวงตาเขาค่อนข้างแดง สภาพเหมือนคนหลับไม่เต็มอิ่ม แต่ในระหว่างนิ้วมือของเขากลับมีมีดเล็กๆ ถูกควงหมุนไปมาอยู่หลายเล่ม มองแวบแรกเหมือนประกายแสงมากมายกำลังส่องแสงระยิบระยับอยู่รอบฝ่ามือเขา
อีกคนที่เหลือปิดหนังสือที่อยู่ในมือดัง “พั่บ” แล้วเงยหน้ามองชายคนนั้นเงียบๆ
ฤดูร้อนอันอบอ้าว แต่คนคนนี้กลับสวมเสื้อกันลมมีฮู้ดสีเทาเขียว ซ้ำยังรูปซิปจนสุด จนใบหน้าทุกส่วนแทบจะถูกบดบังอยู่ข้างในนั้น บนมือทั้งสองข้างที่อยู่นอกร่มผ้าสวมแหวนวงใหญ่เทอะทะไว้เต็มไปหมด โดยที่แหวนแต่ละวงมีโซ่เหล็กเส้นเล็กๆ เชื่อมต่อกันไว้กับขอมือของเขา
แต่ไม่ว่าจะตอนที่เขาวางหนังสือลง หรือตอนที่ค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นยืน โซ่เหล็กพวกนี้ก็ไม่ส่งเสียงออกมาเลยซักนิด ไม่ใช่เพราะเขาตั้งใจควบคุม แต่เป็นเพราะมือทั้งสองข้างของเขานิ่งมาก
“สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว” ชายที่ถือวัตถุทรงยาวบริหารร่างกายพลางบอก “เหมียวเจ๋อบอกว่า คนกลุ่มนั้นยังไม่มีการเคลื่อนไหว แต่อาหนานที่รับหน้าที่ไปตรวจสอบสถานการณ์ของบริษัทกลับส่งสัญญาณที่เหนือความคาดหมายกลับมาก่อน เอาเป็นว่า ดูเหมือนสถานการณ์ทางบริษัทไม่ค่อยปกติ ฉันว่าพวกเราลงมือดีกว่า”
ชายตัวเล็กพลันเบิกตา การเคลื่อนไหวของมือก็ชะงักลงทันที มีดเล็กเหล่านั้นหยุดเคลื่อนไหวในชั่วพริบตา โดยแต่ละเล่มถูกเขาหนีบไว้ในง่ามนิ้วได้อย่างแม่นยำ “หรือคนพวกนั้นแอบลงมือเงียบๆ?”
“ไม่น่าจะเป็นไปได้…”
ชายคนนี้เพิ่งจะเปิดปาก ก็ถูกชายสวมเสื้อกันลมพูดแทรกอย่างเย็นชา “ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ซะทีเดียว ก่อนหน้านี้เหมียวเจ๋อบอกเองไม่ใช่หรอว่าในคนกลุ่มนั้นมีผู้มีสามารถพิเศษสายพลังจิตอยู่ พวกเขาอาจแบ่งคนกลุ่มหนึ่งออกมา แล้วเคลื่อนไหวโดยเลี่ยงไม่ให้เหมียวเจ๋อเห็น จากนั้นก็ลักลอบเข้าไปในบริษัทเงียบๆ ก็ได้”
“แต่การจะเลี่ยงซอมบี้มากมายขนาดนั้นไปได้…” ชายตัวเล็กอดพูดขึ้นไม่ได้
“พวกเราทำได้ อีกฝ่ายก็อาจทำได้ อย่าดูถูกพวกเขาไป…ลูกพี่กับผีเสื้อล่ะ?” ชายเสื้อกันลมพลันเปลี่ยนเรื่อง แล้วถามขึ้น
ชายคนนั้นตอบว่า “ไม่รู้ หลังจากที่เหมียวเจ๋อออกไปอีกครั้ง ลูกพี่ก็พาผีเสื้อออกไป คงจะไปสำรวจสถานที่ล่วงหน้ากันก่อนนั่นแหละ…”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปกันเถอะ” ชายเสื้อกันลมบอก พลางเก็บหนังสือเล่มนั้นใส่กระเป๋า หลังจากกระชับคอเสื้อก็เดินไปทางประตูเหล็ก
เมื่อประตูถูกดึงออก เงาร่างของชายสวมเสื้อกันลมก็หายวับไป ชายตัวเล็กควงมีดเล็กอย่างไม่พอใจ พลางบ่น “ลูกพี่กับผีเสื้อน่ะไม่ว่านะ แต่หมอนี่มีสิทธิ์อะไร…”
“สมาชิกเก่า” ชายคนนั้นบอก เขาดูค่อนข้างเคร่งขรึม น้ำเสียงยามพูดก็เย็นชาเล็กน้อย “เขามีบทบาทและประโยชน์ของเขาเอง นายหยุดบ่นได้แล้ว”
“แต่พี่ฉี ถ้าหากคนกลุ่มนั้นเริ่มลงมือไปแล้วจริงๆ จะทำยังไงล่ะ?” ชายตัวเล็กถาม
“ทำยังไงคืออะไร?” ชายคนนั้นถามย้อน จากนั้นก็หรี่ตา “ลูกพี่เคยบอกแล้วไม่ใช่หรอ เหยื่อล่อที่ดี จะสามารถนำมาซึ่งผลประโยชน์มากมาย”
“ใช่ๆ สิ่งที่ลูกพี่พูดไว้ไม่มีทางผิดแน่…แต่พวกเราจะไม่รอพวกเขาแล้วจริงๆ?” ชายตัวเล็กถามอีกครั้ง
ชายคนนั้นคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “นายคงไม่คิดว่าพวกเขาจะมาไม่ทันหรอกนะ?”
“มิกล้าๆ…”
“ลูกพี่คงไม่ต้องพูดถึง แต่เจ้าผีเสื้อนั่นสามารถจับซอมบี้ตัวเป็นๆ ได้เชียวนะ…”
………..
ในซอยเล็กๆ ลับตาคนซึ่งอยู่ด้านหลังถนนใหญ่ เงาร่างของใครคนหนึ่งกำลังยืนสอดมือในกระเป๋ากางเกงอยู่กลางทางเดิน ดวงตาสีนิลกวาดมองไปรอบๆ อย่างต่อเนื่อง
เธอไว้ผมสั้น สวมชุดกีฬาที่ไม่ค่อยสะดุดตานัก มองแวบแรกเหมือนเด็กสาวธรรมดาทั่วไป แต่ไม่ว่าใครหากเห็นใบหน้าของเธอ ล้วนถูกรอยสักบนใบหน้าดึงดูดความสนใจจนไม่อาจละสายตาออกไปได้…ตรงหว่างคิ้วของเธอ สักรูปผีเสื้อที่กำลังกางปีกออกไว้หนึ่งตัว…ปลายปีกลากยาวไปจนถึงหัวตาของเธอ กระทั่งให้ความรู้สึกเหมือนปีกคู่นั้นกำลังจะพาดวงตาของเธอโบยบินออกมา
ลายเส้นของผีเสื้อตัวนั้นธรรมดามาก กระทั่งหยาบเกินไปด้วยซ้ำ เหมือนมีคนใช้ของแหลมคมกรีดอย่างแรง จนเกิดเป็นรอยแผลเป็นทีละเส้นๆ แต่เพราะเหตุนี้ ผีเสื้อตัวนั้นจึงดูเย็นชาและกระหายเลือด ซึ่งนั่นทำให้บุคลิกของเด็กสาวดูแปลกประหลาดและโหดร้ายขึ้น
เธอเคี้ยวอะไรบางอย่างไว้ในปากตลอดเวลา ปลายลิ้นพลิกไปพลิกมาเบาๆ
ทันใดนั้น เปลือกตาของเธอยกขึ้นสูง เธอเหลือบมองเฉียงขึ้นไปข้างบน
“สวบ!”
เมื่อสายลมแรงปะทะเข้ามา เด็กสาวคนนี้พลันตีลังกาไปด้านข้าง เธอโฉบไหวเงาร่างและทิ้งตัวลงพื้น และหันไปมองยังทิศทางที่ถูกโจมตี บนพื้นที่เธอเพิ่งยืนอยู่เมื่อกี้มีรูเล็กๆ รูหนึ่งเพิ่มขึ้นมา บวกกับฝุ่นที่ถูกลมพัดกระจาย
“ลอบโจมตีอีกแล้วหรอ…คิดจะเสียเวลากับฉันอย่างนี้ไปเรื่อยๆ หรอ? หึหึ ขอเตือนด้วยความหวังดี เจ้าตัวที่มีขนสีขาวปุกปุยนั่นไม่มีทางขวางลูกพี่ของฉันได้หรอก จะว่าไปแล้วเจ้าขนขาวนั่นน่าสนใจมากทีเดียว แต่เธอเองก็น่าสนใจไม่น้อยเหมือนกัน เพิ่งจะเคยเห็นคนที่อยู่กับสิ่งมีชีวิตประเภทนั้นเป็นครั้งแรก”
เด็กสาวกระดกคิ้ว พลางพูดขึ้น
และในขณะที่เธอกระดกคิ้วขึ้น รอยสักผีเสื้อที่เกิดขึ้นจากรอยแผลเป็นของเธอก็ดูดุร้ายยิ่งกว่าเดิมทันที…
“กึก!”
เงาร่างของใครคนหนึ่งพลันลอยลงมาจากข้างบน และทิ้งตัวลงบนกำแพงอย่างเบาเท้า
เธอก้มหน้ามองเด็กสาวคนนี้ ดวงหน้าอ่อนเยาว์งามละเอียดแสดงความโกรธขึ้ง
“โอ๊ะโอ โผล่หน้าออกมาซะทีนะ” เด็กสาวโน้มตัวไปข้างหน้า พลางหยักยิ้มมุมปาก พูดกลั้วเสียงหัวเราะว่า “ก่อนจะเริ่มสู้กันมาแนะนำตัวกันหน่อยดีกว่า ฉันชื่อผีเสื้อ เรื่องอายุหรืออะไรทำนองนั้นคงไม่ต้องพูดถึงแล้ว งานอดิเรกที่ชอบทำคือ…อืมม น่าจะชกต่อยล่ะมั้ง หึหึ…”
“มันชื่อเสี่ยวป๋าย…” โลลิน้อยที่ยืนอยู่บนกำแพงกำหมัดแน่น “ไม่ได้ชื่อตัวอะไรทั้งนั้น!”
เพิ่งจะสิ้นเสียงพูด โลลิน้อยก็กระโดดลงมาจากกำแพงทันที ขณะเดียวกันเส้นไหมสีเงินสิบกว่าเส้นพลันพุ่งออกมาพร้อมกัน ก่อให้เกิดเป็นแสงสีเงินระยิบระยับ “แล้วก็…ฉันไม่สนใจจะแนะนำตัวกับเธอซักนิด!”
—————————————————————————–