My House of Horrors คฤหาสน์สยองขวัญของผม - ตอนที่ 603
ที่ปลายอุโมงค์
“เธอดูผ่อนคลายมากนะ” เห็นประกายในดวงตาของเฉินเกอและความตื่นเต้นของชายหนุ่มที่จะได้ลิ้มลองเครื่องเล่นใหม่ ๆ แล้ว ผู้อำนวยการลั่วก็รู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้าง “บ้านผีสิงของเธอตอนนี้เป็นเครื่องเล่นหลักของสวนสนุกของเรา หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง บ้านผีสิงของเธอทำให้พวกเราโดดเด่นขึ้นจากสวนสนุกอื่น ๆ แต่เมื่อผู้เข้าชมค้นพบสิ่งที่ทดแทนกันได้แล้ว พวกเราก็จะสูญเสียความได้เปรียบในการแข่งขันไป”
“อย่างนั้นตอนนี้พวกเราควรจะทำอย่างไรดีครับ?”
“ทำทุกอย่างที่พวกเขาวางแผนจะทำก่อนหน้าที่พวกเขาจะได้ทำ ด้วยวิธีนั้น เมื่อพวกเขาเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ ผู้เข้าชมก็จะพบว่าพวกเขาลอกเลียนแบบพวกเรา”
ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด คำแนะนำของผู้อำนวยการลั่วนั้นดึงดูดใจเฉินเกอได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่มันก็หยุดอยู่เท่านั้น “เพิ่มปฏิสัมพันธ์ของผู้เข้าชมกับฉากนั้นทำได้ แต่การผสานทุกฉากสร้างเป็นเกมสยองขวัญให้สัมผัสนั้นยากเกินไป”
เฉินเกอรู้สถานการณ์ของตัวเองดี ฉากสยองขวัญทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับโทรศัพท์เครื่องดำ และเขาก็มีหน้าที่เพียงแค่ปลดล็อกฉากออกมาเท่านั้น
“พวกเราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนฉากที่มีอยู่แล้ว ฉันแค่ลองให้ทิศทางคร่าว ๆ ให้เธอลองตรองดู” ผู้อำนวยการลั่วเสนอความคิดของเขาขึ้นมา “ลานจอดรถใต้ดินนั้นมีพื้นที่จำกัด เธอเคยคิดจะขยายขึ้นมาที่ด้านบนและเชื่อมทั้งบนดินและใต้ดินเข้าหากันไหม? มันจะมีมิติมากขึ้น และเธอยังสามารถสร้างฉากพิเศษอย่างบันไดหรือลิฟท์ได้ด้วย”
เป้าหมายสุดท้ายของเฉินเกอคือการสร้างสวนสนุกที่ทั้งน่ากลัวและสยองขวัญ ดังนั้นสุดท้ายแล้ว เขาก็จะต้องขยายออกมาเกินขอบเขตของลานจอดรถใต้ดิน
“ฉันสามารถช่วยเธอแก้ปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายและกำลังคนได้ เธอแค่ต้องตั้งใจกับการออกแบบภายในเท่านั้น” ผู้อำนวยการลั่วนั้นมั่นใจในตัวเฉินเกอมาก เขาดึงโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดเอกสารชุดหนึ่ง ในนั้นมีการออกแบบหลายรูปแบบ “บ้านผีสิงของเธอนั้นอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสวนสนุก พวกเราวางแผนจะทลายรั้วทางตะวันออกเฉียงเหนือและขยายออกไปในทิศทางนั้น นั้นก็จะเชื่อมเข้าหาบ้านผีสิงของเธอได้อย่างพอดี”
เพียงแค่ออกแบบทางเดินที่เชื่อมโยงกันภายในบ้านผีสิงและเชื่อมพื้นที่เข้าหากัน ต่อให้ไม่ได้ใช้พื้นที่มากนัก ก็ยังสามารถสร้างความรู้สึกของเขาวงกตขึ้นมาได้ เฉินเกอนั้นเชี่ยวชาญด้านนี้ “การขยายของสวนสนุกนั้นจะใช้บ้านผีสิงของผมเป็นหลัก?”
“เครื่องเล่นอื่นจะได้รับการปรับปรุงเช่นเดียวกัน ดังนั้นสวนสนุกของเราก็จะไม่ดูล้าหลังมากนัก ขณะที่การขยายบ้านผีสิงของเธอนั้นก็จะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของสวนสนุกของพวกเรา เพื่อสร้างข้อได้เปรียบของพวกเราให้มากขึ้น” ความคิดของผู้อำนวยการลั่วนั้นเฉียบแหลม “ฉันเตรียมทีมก่อสร้างกับทีมออกแบบบ้านผีสิงเอาไว้แล้ว แต่อย่างหนึ่งที่เธอยังต้องระวังเอาไว้ ถึงแม้ว่าฉันจะตรวจสอบคนในทีมเหล่านี้ด้วยตัวเองแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเขากับไป๋ฉินก็ยังไม่เลวนัก ดังนั้น เมื่อเธอออกแบบ เธอควรระวังเอาไว้ให้มาก”
ไป๋ฉินนั้นยินดีลงทุนเมื่อสวนสนุกต้องการมันอย่างที่สุด ดังนั้น โดยทฤษฎีแล้ว เฉินเกอย่อมต้องคิดถึงความช่วยเหลือของคนผู้นั้น แต่อันที่จริงแล้ว ทั้งเฉินเกอและผู้อำนวยการลั่วต่างคิดว่าผู้ชายคนนั้นมีแรงจูงใจแอบแฝง
“ผมใช้ทีมก่อสร้าง แต่ผมไม่คิดว่าผมจะต้องการใช้ทีมออกแบบ นี่คือหัวใจของบ้านผีสิง และผมก็ไม่เคยอนุญาตให้คนนอกเข้ามาวุ่นวายด้วย” เฉินเกอปฏิเสธข้อเสนอโดยตรง
“แต่เธอจะทำทั้งหมดนั่นคนเดียวได้เหรอ? พวกเรากำลังวางแผนใช้งานที่ดินทั้งหมดทางตะวันออกเฉียงเหนือ งานจะหนักมากนะ”
“ผมมีทีมของผมอยู่แล้ว เป็นเพื่อน ๆ ของพ่อกับแม่ของผม หลังจากที่พ่อกับแม่ของผมหายตัวไป ผมก็ยังติดต่อกับพวกเขาอยู่ ถ้าผมขอ ผมแน่ใจว่าพวกเขาจะยินดีให้ความช่วยเหลือ” พ่อกับแม่ของเฉินเกอนั้นไม่ได้มีเพื่อนสนิท หรือเฉินเกอก็ไม่เคยรู้ว่ามี– เขาก็แค่ต้องการสร้างตัวตนของทีมผีกับผีกูลของเขาขึ้นมาเท่านั้น
“นั่นยอดเยี่ยมมาก ถ้ามีการโอกาส พาพวกเขามาพบผม ผมจะช่วยเธอคุยกับพวกเขาเรื่องเงินเดือน” ผู้อำนวยการลั่วกังวลในตัวตนคนผู้นี้ ไป๋ฉิน ผู้ชายคนนั้นเป็นนักธุรกิจจนถึงแก่น ในเมื่อเขาสามารถขายข้อมูลภายในของสวนสนุกแห่งอนาคตออกมาได้ มันก็เป็นเหตุเป็นผลดีที่เขาจะขายข้อมูลเกี่ยวกับสวนสนุกนิวเซนจูรี่ออกไปเช่นกัน สำหรับคนที่วางผลกำไรไว้เหนือทุกสิ่งอย่างแล้ว ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่เขาขายเพื่อเงินไม่ได้
“พวกเขากลางวันต้องทำงานและมาช่วยได้แค่ตอนกลางคืน ผมจะพูดคุยต่อรองกับพวกเขาเอง” เฉินเกอมีแผนการของเขาอยู่แล้ว การก่อสร้างที่บนดินนั้นต่างไปจากการก่อสร้างที่ใต้ดิน ดังนั้น เขาต้องมีกระบวนการก่อสร้างบ้าง หรืออย่างน้อยที่สุด ก็ทำเหมือนว่ามันมี
“ได้ อย่างนั้นฉันจะทิ้งเรื่องการสร้างและออกแบบภายในให้ทีมของเธอ แล้วเรื่องลักษณะภายนอก เธออยากได้แบบไหนไหม?” ผู้อำนวยการลั่วมองโทรศัพท์ของตัวเอง “ตอนนี้ พวกเราออกแบบไว้สามแบบ อย่างแรกก็คือทำให้มันดูเหมือนโรงพยาบาล อย่างที่สองคือโรงเรียนร้าง และสามคือเขตที่พักอาศัยที่มีผีสิง”
เฉินเกอคิดว่าทั้งสามรูปแบบนั้นล้วนยอดเยี่ยม แต่เมื่อคิดถึงฉากระดับสี่ดาวที่โทรศัพท์เครื่องดำมีให้ เขาก็ตัดเขตที่พักอาศัยผีสิงออกก่อนเลย ฉากใต้ดินนั้นมีหลายฉากที่เกี่ยวเนื่องกับโรงเรียน ดังนั้นหลังจากคิดสักพัก เฉินเกอก็เลือกแบบแรก ซึ่งก็คือทำให้มันดูคล้ายเป็นโรงพยาบาล
“ผู้อำนวยการลั่ว ตอนที่คุณสร้างฉาก จำเอาไว้ว่าให้เก็บงำทุกอย่างให้มิดชิด ให้แน่ใจว่าไม่สามารถมองเห็นอะไรได้จากภายนอก ถ้าบ้านผีสิงสูญเสียความลึกลับของตัวเองแล้ว อย่างนั้นความคาดหวังก็จะลดลงอย่างมาก” เฉินเกอไล่ดูการออกแบบที่ผู้อำนวยการลั่วเตรียมเอาไว้ “ผมฝากเรื่องการก่อสร้างภายนอกให้คุณแล้ว และยิ่งสร้างเสร็จเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี พอพวกคุณเสร็จแล้ว ผมก็จะขอความช่วยเหลือจากเพื่อนของพ่อกับแม่ออกแบบและตกแต่งภายใน”
“มันน่าจะไม่ช้านักเพราะอันที่จริงเราแค่สร้างตึกเปล่า ๆ” ผู้อำนวยการลั่วเก็บโทรศัพท์ลงไป “หลังจากที่นี่ขยายออกไป กำลังคนก็จะเป็นปัญหา ถ้าเธอมีปัญหาอะไร ก็บอกฉัน และฉันจะพยายามช่วย”
“ได้ครับ” หลังจากส่งผู้อำนวยการลั่วกลับไปแล้ว เฉินเกอก็มองไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของสวนสนุก “เป็นความคิดที่ดีที่จะขยายบ้านผีสิงขึ้นมาบนดิน อย่างน้อยที่สุดนี่ก็จะกลายเป็นพื้นฐานของสวนสนุกสยองขวัญได้ในอนาคต”
กลับไปที่บ้านผีสิง ผู้เข้าชมยังคงคึกคัก เฉินเกอเรียกเหล่าโจวและต้วนเยว่ออกมาช่วยตอนที่เขาไปที่ห้องพักพนักงานเพื่อพัก
“สวนสนุกแห่งอนาคตวางแผนสร้างเกมสยองขวัญที่ผู้เข้าชมสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับฉากได้ และฉันก็ไม่ควรล้าหลัง สำหรับตอนนี้ พนักงานส่วนใหญ่นั้นรู้แต่วิธีการหลอกคน– การทำงานของพวกเขานั้นเฉพาะตัวเกินไป ฉันต้องการพนักงานอย่างเหล่าโจวและต้วนเยว่ที่สามารถเล่นบทบาทที่ต่างออกไปได้ ถ้ามีโอกาส ฉันคงต้องฝึกพนักงานของฉันทั้งหมด” เฉินเกอต้องการปรับเปลี่ยนบรรยากาศของบ้านผีสิงของเขา เพิ่มความท้าทายและความเป็นเกมให้เล่น และเขายังต้องการความร่วมมือจากพนักงานของเขาเพื่อให้เป็นเช่นนั้นได้
“ยังมีเรื่องต้องทำอีกมาก แต่ว่ามันก็มีทางลัด ฉันแค่ต้องหาผีที่เข้ากันได้กับชนิดของนักแสดงที่ฉันต้องการ”
…
ห้าโมงเย็น เฉินเกอออกจากห้องพักพนักงาน ไม่มีอุบัติเหตุอะไรเลยในระหว่างวัน และเขาก็ยิ่งพอใจกับความสามารถของเหล่าโจวและต้วนเยว่ หกโมงครึ่ง เฉินเกอก็ส่งผู้เข้าชมกลุ่มสุดท้ายกลับออกไป เขาให้ซูว่านและเสี่ยวกู่ที่วิ่งวุ่นตลอดทั้งวันกลับบ้านส่วนเขาอยู่ทำความสะอาด
“นาฬิกาชีวิตของฉันตอนนี้พลิกกลับหมดแล้ว ฉันรู้สึกมีชีวิตชีวามากในตอนกลางคืน”
ด้วยความช่วยเหลือจากพวกผี การทำความสะอาดก็เสร็จลงในไม่ช้า เฉินเกอเปลี่ยนเสื้อผ้าและคว้ากระเป๋า เตรียมตัวไปทำภารกิจทดลองที่เขาตั้งใจในคืนนี้
“เงานั่นเคยแพ้ที่อุโมงค์ถ้ำมังกรขาว ดังนั้นภารกิจระดับสามดาวนี้น่าจะต่างไปจากที่ฉันเคยทำ” เฉินเกอยัดเครื่องเล่นเทป หนังสือการ์ตูน และทุกอย่างที่เขาสามารถแบกไปได้เข้าไปในกระเป๋า “ฉันประมาทไม่ได้ แต่ฉันก็อย่าได้กลัวเกินไปในเมื่อพวกเรามีศัตรูคนเดียวกัน ดังนั้นพวกเราน่าจะพูดคุยกันได้อย่างดี”
หลังจากเตรียมทุกอย่างแล้ว เฉินเกอก็ดึงโทรศัพท์เครื่องดำออกมาและหาหน้าที่เขาต้องการ
“คุณต้องการรับภารกิจทดลองระดับสามดาว– ที่ปลายอุโมงค์?”
“ใช่”
“รับภารกิจแล้ว!
“ที่ปลายอุโมงค์ (ภารกิจทดลองระดับสามดาว): ไม่มีใครรู้ว่าที่ปลายอุโมงค์นั้นมีอะไรรออยู่ แต่ทุกคนที่เข้าไปล้วนไม่เคยกลับออกมา
“เงื่อนไขของภารกิจ: ไปถึงส่วนลึกที่สุดของอุโมงค์ถ้ำมังกรขาวก่อนเที่ยงคืน
“คำใบ้ของภารกิจ: หลับตาทั้งสองข้างลง และบางทีคุณอาจจะมองเห็นโลกแท้จริง”