My House of Horrors คฤหาสน์สยองขวัญของผม - ตอนที่ 605
คุณกำลังหาอะไรอยู่?
คนขับรถไม่ได้ตกลงทันที เขาแอบหันมามองเฉินเกอด้วยดวงตาสงสัย จากมุมมองของเขา เฉินเกอคิดจะลงจากรถพร้อมเด็กสาวที่บาดเจ็บเพราะมีความคิดไม่ดีแอบแฝงอยู่ แต่เฉินเกอก็ดูเป็นคนที่เชื่อถือได้อยู่เหมือนกัน– เขาดูสดใสเหมือนพระอาทิตย์ ใจดี และยังสุภาพ แต่ว่า กระเป๋าใบใหญ่ที่เขาแบกมาด้วยนั้นทำให้คนขับรถรู้สึกไม่ดี และตอนนี้ เขายังได้กลิ่นเลือดจาง ๆ ลอยออกมาจากในนั้น
นี่ฉันมาส่งคนร้ายหรือเปล่าเนี่ย? คนขับรถลังเลก่อนที่จะสตาร์ตรถ “ได้ครับ”
แท็กซี่แล่นต่อไป และคนขับก็ยังพูดกับอากาศขณะที่ผู้โดยสารทั้งสองคนในรถไม่สนใจเขา เฉินเกอจับตามองผู้หญิงตรงที่นั่งผู้โดยสาร เขาใช้ดวงตาหยินหยางกวาดมองเธอ แต่กลับไม่เห็นอะไรแปลกเกี่ยวกับตัวเธอ ผู้หญิงคนนี้ดูจะรู้ว่าเฉินเกอกำลังจับตามองเธออยู่ และในกระจกมองหลัง มุมปากของเธอก็เริ่มขยับยกขึ้นด้านบน รอยยิ้มนั้นรวมกับผิวขาวซีดของเธอทำให้เฉินเกอขนแขนลุกชัน
ยิ้มเข้าไว้เถอะ พวกเราค่อยมาดูกันว่าเธอยังรักษารอยยิ้มนั่นเอาไว้ได้ตอนที่เราไปถึงปลายทาง เฉินเกอคำรามอยู่ในใจ เขาไม่รู้ว่าเด็กสาวกำลังจะไปที่ไหน แต่ในเมื่อเขา ‘โชคดี’ ที่ได้พบเธอเข้า เขาก็จะไปเป็นเพื่อนเธอในการเดินทางครั้งสุดท้ายนี้
ไฟถนนสลัวลง และต้นไม้ริมถนนก็สั่นไหวไปตามสายลม กิ่งไม้ตะปุ่มตะป่ำก่อเกิดเงาบนพื้น สร้างบรรยากาศของค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความสยองขวัญ
คนขับรถยังพูดกับตัวเองต่อ จากมุมมองของเฉินเกอแล้ว มันเหมือนเขากำลังคุยกับเด็กสาวอย่างสนุกสนาน แต่อันที่จริง เด็กสาวไม่ได้พูดอะไรสักคำตั้งแต่เข้ามาในรถ ในบรรยากาศประหลาดเช่นนี้ รถแท็กซี่ก็ยังขับต่อไปอีกหลายร้อยเมตรก่อนที่จู่ ๆ คนขับจะเหยียบเบรก รถหยุด และเพราะความเฉื่อย หัวของเฉินเกอก็แทบจะชนเข้ากับหลังเบาะที่เด็กสาวนั่งอยู่
มือหนึ่งอยู่ในกระเป๋า ส่วนอีกมือจับมือจับประตูรถเอาไว้ เฉินเกอถาม “เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”
ถ้าหากมีอันตรายอะไร เขาก็สามารถทุบล็อกแล้วกระโดดออกไปได้ทันที
“มีเด็กอยู่บนถนน” คนขับรถตัวสั่นเหงื่อเย็นหลั่งไหลขณะที่เขาชี้ไปที่ถนน ที่ทางแยกด้านซ้ายของถนนมีเด็กชายคนหนึ่งถือถุงพลาสติกสีดำอยู่ เขาดูอายุราวแปดหรือเก้าขวบและยังสวมเสื้อสีขาวเก่าซีด ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกระวนกระวายและหวาดกลัวเหมือนตกใจจากรถแท็กซี่ที่แล่นเข้ามา
“ทำไมถึงมีเด็กอยู่ที่นี่ได้?” คนขับรถเปิดกระจกแล้วกำลังจะชะโงกหน้าออกไปตอนที่เฉินเกอที่ด้านหลังจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมา “ผมแนะนำให้คุณอย่าหยุดรถที่นี่”
“คุณกลัวว่านี่จะเป็นการหลอกลวงเหรอ?” คนขับพยักหน้า “ผมอ่านเรื่องนี้ในข่าวมาเหมือนกัน ผู้ใหญ่จงใจให้เด็กเล่นอยู่ริมถนน แล้วพอรถขับผ่านไป เด็กก็จะตกใจ แล้วผู้ใหญ่ก็จะกระโจนออกมาเรียกร้องค่าเชยที่ทำให้เด็กตกใจกลัว ดังนั้นต่อให้มีกล้องติดรถ มันก็ยากที่จะชี้แจงความบริสุทธิ์ นี่เกิดขึ้นหลายครั้งแล้วในข่าว”
“การหลอกลวงพวกนั้นต้องการเงินของคุณ แต่ผมเกรงว่า ที่คุณเจอนี่จะต้องการชีวิตของคุณ” เฉินเกอพึมพำเบา ๆ เขาสงสัยนักว่าทำไมคนขับรถนี่ถึงได้ดึงดูดพวกผีนัก เพราะว่าเขาเจอกับเรื่องบังเอิญมากมายก่อนที่จะไปถึงอุโมงค์ถ้ำมังกรขาวด้วยซ้ำ เพราะอย่างนั้น เฉินเกอจึงใช้ดวงตาหยินหยางมองคนขับรถ และผลก็คือเขาเป็นแค่คนธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้น
“ถ้ามีคนขับไม่ได้มีปัญหาอะไร อย่างนั้นก็คงเป็นฉันแล้ว” เฉินเกอนึกถึงที่เจียหมิงถูกเงานั่นควบคุมให้มาหมดสติอยู่ที่ด้านนอกอุโมงค์ และไม่มีใครรู้ว่าเงานั่นทำอะไรในคืนนั้นที่ในอุโมงค์ “เป็นไปได้ไหมว่านี่คือส่วนหนึ่งของกับดักของเงานั่น?”
ตอนที่เฉินเกอกำลังคิด เขาก็ได้ยินเสียงเคาะกระจกข้าง ๆ ตัว เขาหันไปมอง และใบหน้าของเด็กคนนั้นก็แทบจะติดอยู่กับหน้าเขา ผ่านกระจกรถ รอยยิ้มหนึ่งปรากฏบนใบหน้าซีดของเด็กชาย เขาโน้มตัวเข้ามาเหมือนกำลังมองเข้ามาในรถ
“เธอกำลังมองหาอะไรเหรอ?” เฉินเกอเองก็ยิ้มตอบ มือของเขานั้นอยู่บนด้ามค้อน เขาค่อย ๆ ดึงมันมาที่ปากกระเป๋า นี่เป็นภาพอันน่าประหลาด ผีที่ด้านนอกรถนั้นมีเจตนาชั่วร้ายขณะที่คนในรถนั้นก็มีแรงจูงใจของตัวเองเก็บงำเอาไว้เช่นกัน
เด็กชายใช้มือเล็ก ๆ เคาะกระจกซ้ำ ๆ ทิ้งรอยฝ่ามือเอาไว้ ฝ่ามือของเด็กชายนั้นเต็มไปด้วยฝุ่นสีแดง และเขาก็ละเลงกระจกรถที่เดิมสะอาดให้เละเทะอย่างรวดเร็ว ใบหน้าซีดของเด็กชายนั้นผลุบโผล่ตามรอยมือ และมันก็ดูน่ากลัวทีเดียว แต่สิ่งที่ทำให้คนขับรถกังวลที่สุดก็คือผู้โดยสารที่เบาะด้านหลัง เขาดูเหมือนจะมีบางอย่างในกระเป๋าอยู่ในมือขณะที่ยิ้มให้เด็กชายที่ข้างนอก– ทั้งสองคนดูเหมือนกำลังเล่นเกมอะไรอยู่
“เอ่อ…” คนขับรถอยากจะผ่อนบรรยากาศ แต่หลังจากที่เขาอ้าปากขึ้นก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
“แค่ขับรถไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องสนใจเด็กประหลาดคนนี้”
“นั่นไม่ดีมั้ง?” คนขับรถลังเล มันไม่ใช่ว่าเขาใจดี แต่เขากังวลว่าพอออกรถแล้วจะไปเหยียบเด็กชายเข้าและถ้าเขาถูกล้อรถเหยียบ อย่างนั้นเรื่องก็จะเลวร้ายขึ้นแล้ว บางทีอาจจะเพราะได้ยินที่เฉินเกอพูด เด็กชายเริ่มทุบแรงขึ้นและรอยมือก็ปรากฏบนกระจกมากขึ้น
“ได้ เคาะต่อสิ ถ้าแกกล้าก็ทุบกระจกเลย” เฉินเกอดูเหมือนจะกำลังแข่งกับเด็กชาย เขายิ้มให้เด็กชายด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยการท้าทาย
“เกิดบ้าอะไรขึ้นกันเนี่ย?” คนขับรถพูดไม่ออก เขาบ่นอยู่ในใจ นี่ไม่ใช่รถคุณด้วยซ้ำ ถ้าเขาทำกระจกแตกจริง ๆ คุณจะจ่ายค่าซ่อมให้ผมเหรอ?
เขากระแอมแล้วถามผู้หญิงที่ที่นั่งผู้โดยสาร “คุณรู้จักเด็กคนนี้ไหม? เขามาจากหมู่บ้านใกล้ ๆ นี่เหมือนกันหรือเปล่า?”
ตอนที่เขาเจอผีตนหนึ่ง เขายังจะถามความเห็นของผีอีกตัว เฉินเกอดูเหมือนจะเห็นเงาของตัวเองบนตัวคนขับรถคนนี้ แต่เขาก็ไม่พูดอะไร และสีหน้าของเขาก็ไม่เปลี่ยน ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้พูดสักคำ แต่ว่าคนขับรถเอาแต่พยักหน้าเหมือนถูกโน้มน้าวช้า ๆ
เขาโบกมือให้เด็กชายที่นอกรถและหลังจากลังเลเล็กน้อย เขาก็เปิดประตูรถ “เข้ามาสิ ในเมื่อเธอสองคนกำลังไปที่เดียวกัน ฉันก็รับเธอไปด้วยแล้วกัน”
ประตูหลังเปิดออกและเด็กชายก็กระโดดเข้ามาในรถพร้อมกับถุงพลาสติกสีดำ เขานั่งข้าง ๆ เฉินเกอและยังแข่งจ้องตากันต่อ
“เธอชื่ออะไร? เธอจำเบอร์โทรศัพท์ของพ่อกับแม่ได้หรือเปล่า?” คนขับรถติดเครื่องรถและถามเด็กชายด้วยคำถามพื้นฐาน เขารออยู่ครู่หนึ่งแต่ว่าไม่มีการตอบสนอง คนขับรถหันมามองและเห็นเด็กชายนั้นกำลังจ้องตาอยู่กับเฉินเกอ เขาไม่รู้เลยว่าทั้งสองคนกำลังทำอะไรอยู่
“บ้าชะมัด ฉันไม่สนใจแล้วถ้างั้น” คนขับรถยอมแพ้ เขาวางโทรศัพท์ของตัวเองลงที่หน้ารถตำแหน่งที่เขาเอื้อมถึงได้ง่าย ๆ เขาเคาะระบบวิทยุสื่อสารแล้วพูดคุยกับคนขับรถคนอื่น ๆ “มีใครอยู่ในจิ่วเจียงตะวันออกไหม? คืนนี้ที่นี่มีงานให้ทำเยอะเลยนะ”
ในใจเขานั้นอันที่จริงค่อนข้างตื่นกลัวและอยากจะหาคนธรรมดา ๆ มาพูดคุยด้วย
ไม่ช้า ก็มีลุงคนหนึ่งตอบกลับมา “นี่แกยังกล้าไปที่จิ่วเจียงตะวันออกอีกเหรอ? คนขับรถส่วนใหญ่ที่ไปที่นั่นในช่วงเดือนนี้กลับมาพร้อมกับการบาดเจ็บ และฉันยังได้ยินว่ามีบางคนถูกพบหมดสติอยู่ในที่นั่งคนขับด้วย”
ลุงคนนั้นดูเหมือนจะเป็นเพื่อนสนิทของคนขับและพวกเขาก็มักจะล้อเล่นกับอีกฝ่าย “เลิกหลอกฉันน่า แกก็รู้ว่าฉันขี้กลัว”
“ใครหลอกแก? ฉันพูดจริง จิ่วเจียงตะวันออกไม่ปลอดภัย ไม่เชื่อก็ดูข่าวเองสิ”
“ข่าวอะไร? แกก็รู้ว่าฉันกำลังขับรถอยู่”
“ฉันแค่เตือนแก อันที่จริง ตำรวจพบ…” การสื่อสารถูกตัดกะทันหันก่อนที่ลุงคนนั้นจะพูดจบประโยค
“พบอะไร?” คนขับเคาะวิทยุสื่อสาร “ทำไมมันถึงมาเสียในเวลาแบบนี้กัน?”
ตอนแรกเขาไม่ได้รู้สึกกลัวมากนัก แต่หลังจากได้ฟังสิ่งที่ลุงคนนั้นพูด คนขับก็เริ่มรู้สึกไม่แน่ใจ เขาชะลอรถลงและดึงโทรศัพท์ของตัวเองออกมาค้นหาเร็ว ๆ ครั้งหนึ่ง
ช่วงหลังมานี้ในจิ่วเจียงตะวันออกมีหลายคดีจริง ๆ ด้วย เขากวาดตามองทั้งหมดนั้นแล้วสายตาของเขาก็ตรึงอยู่กับข่าวหนึ่ง เด็กคนหนึ่งหนีออกจากบ้านพ่อเลี้ยงของเขาและร่างของเขาก็ถูกพบที่ถนนหลินเจียงจิ่วเจียงตะวันออก
“เดี๋ยวนะ ตอนนี้ฉันกำลังขับรถอยู่บนถนนหลินเจียงใช่ไหม?” คนขับแตะเปิดข่าวนั้นและรูปของเหยื่อก็ทำให้เขารู้สึกคุ้นตา “เด็กชายคนนี้…”
เขาตัวแข็ง คนขับรถเงยหน้าขึ้นช้า ๆ และแอบมองไปยังเด็กชายที่นั่งอยู่ด้านหลังผ่านกระจกมองหลัง
เฉินเกอนั้นเบียดอยู่ข้างเด็กชาย และเขาก็เอนตัวเข้าไปใกล้กับถุงพลาสติกสีดำที่เด็กชายจับแน่น “มีอะไรอยู่ในถุงนั่นเหรอ? ฉันรู้สึกว่าเธอกำลังหาบางอย่างอยู่ก่อนที่จะขึ้นรถมา”
เด็กชายยิ้มให้เฉินเกอแล้วพูดขึ้นหลังจากนั้นครู่หนึ่ง “ผมหาเจอเกือบครบแล้ว ผมขาดแค่มือข้างหนึ่งเท่านั้น”