My House of Horrors คฤหาสน์สยองขวัญของผม - ตอนที่ 650
ได้เวลามื้อเย็นแล้ว!
“ปิศาจตัวใหญ่ขนาดนี้?” ความประทับใจแรกของฟางหยวนต่อวิญญาณสีเลือดในตู้เย็นก็คือขนาดตัวของเธอ ศีรษะของเธอนั้นดูค่อนข้างปกติ ใหญ่กว่าคนทั่วไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ว่าตัวของเธอนั้นใหญ่จนเต็มห้องห้องหนึ่งได้เลย
เฉินเกอนั้นเคยเห็นวิญญาณสีเลือดมาก่อนหน้านี้ตั้งมาก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นวิญญาณสีเลือดที่มีขนาดใหญ่โตเช่นนี้
“นี่ยังน่าเกลียดที่สุดในบรรดาวิญญาณสีเลือดที่ฉันเคยเจอ” ทำงานที่บ้านผีสิง เฉินเกอนั้นเคยชินกับการแต่งหน้าให้ดูน่ากลัวดังนั้นเขาจึงมีความทนทานต่อภาพไม่น่าดูและน่าเกลียดสูง แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อเขาเห็นวิญญาณสีเลือดที่ในห้องครัว เขาก็ยังต้องเบนสายตาหลบหลังจากมองไปแวบหนึ่ง
แค่ความน่ากลัวและน่าเกลียดดูจะไม่เพียงพอที่จะใช้บรรยายผู้หญิงคนนี้ สีหน้าบ้าคลั่งบนศีรษะขนาดเท่าลูกบาสเกตบอล และยังละอองเลือดที่ซึมออกมาจากร่างกายมหึมานั่น ถึงเขาจะอยู่ห่างออกมา เขาก็ยังได้กลิ่นเหม็นเน่าที่ละอองเหล่านั้นนำมา เฉินเกอไม่กล้าหันหลังกลับไปดูอีกครั้ง ความน่าเกลียดอย่างที่สุดของวิญญาณสีเลือดทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายอย่างร้ายแรง ผู้หญิงคนนี้น่าจะอยู่ในระดับเดียวกันกับผีในบ่อที่ในหมู่บ้านโลงศพ หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง วิญญาณสีเลือดตนนี้นั้นทรงพลังมากพอที่จะแบกฉากระดับสามดาวนี้เอาไว้คนเดียว
“เมืองหลี่ว่านเองเป็นฉากระดับสามดาวครึ่ง ถ้าไม่คิดถึงอิทธิพลจากประตูที่หลุดจากการควบคุม ปิศาจตนนี้ก็น่าจะเป็นวิญญาณสีเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองหลี่ว่าน ไม่แปลกใจเลยว่าโรงแรมนี้ถึงได้ตั้งอยู่กลางเมือง” สมองของเขาหมุนเร็วจี๋ เท้าของเฉินเกอก็ไม่ได้ชะลอลง และไม่ช้า เขาก็ไปถึงที่ประตูห้องที่หนึ่ง
เขาคว้าลูกบิดประตู แต่ก่อนที่เขาจะทันทำอะไรอื่น กะโหลกศีรษะที่ห้อยหลวม ๆ อยู่กับหลอดเลือดมากมายก็พุ่งมาที่เขาจากที่ไกล ๆ ดวงตาของมันเป็นประกายสีแดงก่ำ– ผู้หญิงไร้หัวสาบานว่าจะฆ่าเฉินเกอให้ได้!
เฉินเกอร้องเรียกซู่อินอยู่ในใจ เขาเตรียมการถอยเอาไว้หมดแล้ว แต่ตอนนี้ ประตูห้องครัวแง้มเปิดออกช้า ๆ และผนังที่รอบด้านก็ราวกับจะมีชีวิตขึ้นมา หลอดเลือดเส้นหนามากมายผุดขึ้นที่บนผนัง และพวกมันก็เต้นตุบอย่างน่ากลัวราวกับมีเลือดไหลเวียนอยู่ข้างใน
ประตูไม้แง้มออกส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด หญิงไร้หัวหยุดการโจมตีใส่เฉินเกอ หลอดเลือดลากหัวกลับไปยังอ้อมแขนที่คอยปกป้องของเธอ
“ทำไมมันถึงเหมือนกับว่าเธอมองหัวเธอเป็นว่าวสักตัวล่ะเนี่ย?” เฉินเกอใช้โอกาสนี้หนีออกมา วิญญาณสีเลือดสองตนเจอกันแล้ว– เป้าหมายของเขาสำเร็จ ดังนั้นเขาจึงเหลือสิ่งสุดท้ายให้ทำ เขาตั้งสมาธิ เฉินเกอมองเข้าไปในหัวใจของตนเอง
“จางหยา? เธอรู้สึกดีขึ้นหรือยัง?”
“จางหยา? เธอได้ยินฉันไหม?”
“จางหยา? ฉันมีอาหารมื้ออร่อยเตรียมให้เธอนะ!”
“พี่สาว! ได้เวลาตื่นแล้ว! ได้เวลามื้อเย็นแล้วนะ!”
เฉินเกอ ที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแม้จะเผชิญหน้ากับวิญญาณสีเลือดเริ่มตัวสั่นในเหงื่อเย็นเยียบ หากความสามารถในการต่อสู้เก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์ของผู้โดยสารสี่คนขึ้นอยู่กับเฉินเกอแล้วละก็ ความมั่นใจเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ของเฉินเกอก็มาจากจางหยานี่แหละ
วิญญาณสีเลือดที่สามารถแบกฉากระดับสามดาวด้วยมือเดียวนั้นแข็งแกร่งกว่าซู่อินมากนัก กระทั่งมีความช่วยเหลือจากเหมินหนานก็ยังถ่วงเวลาได้อีกแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น ขณะที่เขาเรียกชื่อจางหยา เฉินเกอก็ค้นไปทั่วกระเป๋าของเขา
เฉินเกอมีไพ่ตายมากมาย เขามีวิญญาณสีเลือดที่อ่อนแอที่สุด เหมินหนาน และกึ่งวิญญาณสีเลือดที่แข็งแกร่งที่สุด เอี๋ยนต้าเหนียน เขายังมีเพื่อนอีกตั้งมาก แต่ไม่มีใครที่ทรงพลังพอที่จะช่วยเขาหยุดผีหิวโหยนี่ ตอนที่เขาวางแผน เฉินเกอคิดถึงปัจจัยมากมาย เขายังแน่ใจว่าไม่ได้พลาดรายละเอียดใดไป แต่สิ่งเดียวที่เขาลืมไปก็คือสถานการณ์ที่จางหยาปลุกไม่ตื่น
“เมื่อวิญญาณสีเลือดกินเข้าไปเยอะเกิน พวกเขาก็จะต้องจำศีล ด้วยระดับพลังของจางหยาตอนนี้ ต่อให้เธอกินวิญญาณสีเลือดทั่วไปสักตนเข้าไป เธอก็ไม่ต้องจำศีล นี่หมายความว่าเลือดสองสามหยดที่ออกมาจากคุณหมอเกาตอนที่พวกเราอยู่ในประตูนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มากกว่าวิญญาณสีเลือดทั่วไป?” ตอนที่เฉินเกอไล่ตามผีในน้ำ เขาบังเอิญเข้าไปในตึกที่ถูกไฟไหม้ ด้านหลังประตูบานหนึ่งของที่นั่น เขาบังเอิญเจอคุณหมอเกาที่หายตัวไป
ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่แวบเดียว เขาก็แน่ใจว่า ‘ปิศาจ’ นั่นคือคุณหมอเกา เพื่อขัดขวางแผนการของเงานั่น เฉินเกอยังทิ้งข้อความให้คุณหมอเกาบอกให้เขามาที่เมืองหลี่ว่าน จิ่วเจียงตะวันออก ตอนนี้ที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ ถ้าหากโลกที่ด้านหลังประตูนั้นเชื่อมถึงกัน ฝันร้ายครั้งใหญ่นั้นเกิดจากฝันร้ายจำนวนนับไม่ถ้วน อย่างนั้นก็มีโอกาสสูงมากที่คุณหมอเกาจะมาที่เมืองหลี่ว่านนี่
แผนที่ของจิ่วเจียงปรากฏขึ้นในใจเฉินเกอ คุณหมอเกาทำลายประตูที่ในห้องเก็บศพใต้ดินในวิทยาลัยแพทย์จิ่วเจียง เขาหายตัวไปด้านหลังประตูที่ตำแหน่งนั้น และครั้งที่สองที่เขาปรากฏตัวขึ้นก็เป็นที่เขตที่พักอาศัยติดกับโรงเรียนเด็กพิเศษ และเมืองหลี่ว่าน ทั้งสามตำแหน่งนี้บังเอิญเป็นเส้นตรงเดียวกันที่บนแผนที่เมืองจิ่วเจียง
“คุณหมอเกาเคลื่อนไหวอยู่ในโลกด้านหลังประตู ดังนั้นสิ่งที่เขาตามหาน่าจะอยู่ในจิ่วเจียงตะวันออกเช่นกัน” หลังจากตระหนักถึงเรื่องนี้ เฉินเกอก็ไม่รู้สึกผ่อนคลายอีกต่อไป และยังกระสับกระส่ายมากขึ้น
ผีหิวโหยนั้นมีพลังมากถึงขนาดที่สามารถรองรับฉากระดับสามดาวได้ด้วยตัวเอง แต่ตอนที่คุณหมอเกายังมีชีวิตอยู่ เขายังสามารถใช้กฎมากมายของโลกที่ด้านหลังประตูสร้างฉากระดับสามดาวได้ ตอนนี้ หลังจากที่เขาตายแล้ว เขาย่อมเปลี่ยนไปเป็นบางอย่างที่ทรงพลังยิ่งกว่าวิญญาณสีเลือดตนหนึ่ง พวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันโดยสิ้นเชิง
ประตูในเมืองหลี่ว่านหลุดออกจากการควบคุม และเพราะอย่างนั้น ฉากนี้จึงกลายเป็นภารกิจระดับสามดาวของโทรศัพท์เครื่องดำ
ที่ห้องเก็บศพใต้ดิน คุณหมอเกาใช้ร่างเป็น ๆ ของเขารองรับความสิ้นหวังทั้งมวลในฉากและกลืนกินประตูทั้งบานลงไป ประตูถูกทำลายด้วยวิธีอันไม่อาจจะจินตนาการได้ แต่ในฐานะผู้เปิดประตู คุณหมอเกานั้นเกินจะควบคุมได้ เฉินเกอนั้นรู้สึกว่าตัวคุณหมอเกาเองนั้นก็เหมือนกับฉากระดับสามดาวครึ่งที่เคลื่อนที่ได้
“คุณหมอเกาน่าจะปรากฏตัวในเมืองหลี่ว่าน และเงานั่นยังเลี้ยงดูผีทารกซึ่งทำให้เกิดเป็นฉากระดับสี่ดาวที่อาจจะนับได้ว่าเป็นไพ่ตายของเขา นั่นยังไม่นับผู้เปิดประตูที่เมืองหลี่ว่าน– เสี่ยวปู้ ถึงฉันจะมีจางหยาและพนักงานของฉันมาทำภารกิจนี้ด้วยกัน ฉันก็อาจจะไม่ได้เปรียบอะไร ตอนนี้ ไม่มีทางบอกได้เลยว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร”
เฉินเกอนั้นไม่สามารถมีอิทธิพลเหนือคุณหมอเกาและเสี่ยวปู้ได้ ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือพยายามแข็งแกร่งขึ้นเมื่อมีโอกาส วิญญาณสีเลือดทั้งสองนี้ก็คงไม่สามารถคุมเชิงกันได้นานนัก ตามที่เฉินเกอคาดเอาไว้ เมื่อผีหิวโหยเห็นสองร่างที่ประตูแล้ว เธอน่าจะคลั่งขึ้นมาได้
วิญญาณสีเลือดทรงพลังเท่าใด พวกเขาก็จะยิ่งโหดร้ายและป่าเถื่อนเท่านั้น วิญญาณสีเลือดน่าเกลียดที่ออกมาจากห้องครัวนั้นมีร่างกายใหญ่โตที่เชื่อมต่อกับทั้งโรงแรม หมอกเลือดที่นำเอากลิ่นเหม็นเน่าน่าคลื่นเหียนซึมผ่านผนัง เพดาน และพื้น หลอดเลือดที่เต้นตุบเริ่มปรากฏขึ้นทุกแห่ง
ภาพตรงหน้าทำให้เฉินเกอนึกถึงโลกด้านหลังประตูที่ห้องเก็บศพใต้ดิน มันทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกกลืนลงไปในท้องของสัตว์ประหลาด
“นี่ดูไม่ดีแล้ว…” เฉินเกอพยายามเรียกจางหยาอีกครั้ง แต่เธอไม่ตอบสนองอะไรกลับมาเลย มันเหมือนว่าเธอจะปรากฏตัวขึ้นเฉพาะตอนที่เขาอยู่ในอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตจริง ๆ เท่านั้น
“การต่อสู้ระหว่างเสือสองตัวนำไปสู่การบาดเจ็บมากมาย– นี่เป็นโอกาสอันยอดเยี่ยม! แต่ในฐานะของคนเป็นคนหนึ่ง มันยากเกินไปที่ฉันจะสามารถฉวยโอกาสจากวิญญาณสีเลือดได้” เฉินเกอกลั้นหายใจขณะถอยไปยังบันได แต่ว่า เขาก็ไม่ยินยอมจากไปเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะรออีกครู่หนึ่ง