My House of Horrors คฤหาสน์สยองขวัญของผม - ตอนที่ 651
ในฐานะผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองหลี่ว่าน หญิงไร้หัวย่อมรู้ว่าโรงแรมนี้นั้นเป็นอาณาเขตของปิศาจหิวโหย แต่ว่า เธอก็อาจจะไม่ได้คาดว่าผีตนนั้นจะถูกปลุกขึ้นจากการจำศีลในวินาทีที่เธอก้าวเท้าเข้ามาในโรงแรม
จากการประเมินแล้ว ถ้าพวกเขานั้นอยู่ห่างจากเหยื่อของพวกเขาไม่มากนัก วิญญาณสีเลือดย่อมต้องการเวลาแค่วินาทีเดียวในการสังหารคนธรรมดาคนหนึ่งได้ถึงสิบวิธี และนั่นเป็นเหตุผลให้เธอไม่ยินดีก้าวเท้าเข้ามาในโรงแรม จากมุมมองของเธอ เธอสามารถจัดการคนพวกนี้และถอยออกไปจากที่นี่ก่อนที่ผีผู้หญิงหิวโหยจะตื่นขึ้นมา เธอสู้ผีหิวโหยนั่นไม่ได้ แต่ว่าผีหิวโหยตนนั้นก็ต้องยากลำบากอยู่เหมือนกันหากจะไล่ล่าเธอข้ามเมือง
แผนการดูสมบูรณ์แบบจริง ๆ แต่โชคร้าย ศัตรูของเธอคือเฉินเกอ วินาทีที่เธอคิดว่าเฉินเกอเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งก็คือวินาทีที่เธอพ่ายแพ้แล้ว ในสายตาของวิญญาณสีเลือดตนหนึ่ง คนธรรมดา ๆ นั้นไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าอาหารที่สามารถมอบความอาฆาตแค้นให้พวกเขาได้ และในสายตาของเฉินเกอ วิญญาณสีเลือดธรรมดา ๆ ก็คืออาหารที่สามารถเพิ่มระดับพลังของพนักงานของเขาได้ ความคิดตรงกันทั้งสองฝ่ายและนั่นก็คือความยุติธรรมในสายตาของเฉินเกอ
ด้วยการจับจังหวะเวลาอย่างยอดเยี่ยม หญิงไร้หัวนั้นเพ่งสมาธิอยู่กับเฉินเกอและเธอก็พุ่งมายังจุดที่ห้องครัวเชื่อมต่อกับทางเดิน และนั่นก็คือวินาทีที่ผีหิวโหยเลือกที่จะออกมาจากห้องครัว
พวกเธออยู่ใกล้กันมากจนหญิงไร้หัวไม่มีโอกาสหลบหลีกได้ ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากรับการโจมตีแรกจากผีหิวโหย จากนั้นเธอก็พยายามหนีสุดชีวิต
ผีหิวโหยดูเหมือนจะมองแผนการของหญิงไร้หัวออก ร่างกายใหญ่มหึมาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและหิวโหยก็พุ่งไปข้างหน้าเหมือนช้างตัวมหึมาที่กำลังแตกตื่น หมอกเลือดสลายไป และทั้งอาคารก็เขย่าราวกับมันมีชีวิตขึ้นมา หลอดเลือดที่บนผนังเต้นด้วยจังหวะพิเศษของมัน และพวกมันก็ผละออกจากผนังเหมือนโซ่เป็นสาย พวกมันถักทออยู่เหนือทางเข้าโรงแรม ปิดทางหนีของหญิงไร้หัว
ในดวงตาที่ไม่ได้พยายามปิดบังความอาฆาตแค้นของเธอ เลือดทะลักออกมาจากลำคอของหญิงไร้หัว เธอรู้ว่าเธอไม่ได้เปรียบ ดังนั้นเธอจึงไม่ตรงเข้าไปสู้กับผีหิวโหยอย่างมืดบอด กลับกัน เธอรวบรวมพลังและให้หลอดเลือดมาออกันอยู่รอบตัวเธอ
หัวที่ถูกตัดออกมาของเธอถูกเย็บกลับเข้าไปกับร่างของเธอ นี่น่าจะเป็นรูปลักษณ์ของเธอก่อนที่เธอจะตาย เธอสวมชุดนอน ทุกตารางนิ้วของเสื้อผ้านั้นย้อมเป็นสีแดงด้วยเลือด
หลอดเลือดตวัดฟาดมาทางเธอ เธอพยายามหลบ แต่ว่าเลือดพวกนั้นเคลื่อนไหวเร็วเกินไปสำหรับเธอ เมื่อหนีไม่ได้ เธอก็ใช้เลือดตัวเองห่อหุ้มร่างของเธอเอาไว้เหมือนเป็นเกราะป้องกันเธอจากแรงกระแทก
ผีหิวโหยนั้นไม่ได้เคลื่อนไหวแม้แต่ปลายนิ้ว เพียงแค่ควบคุมโซ่หลอดเลือดเส้นหนาก็ทำให้หญิงไร้หัวรับมือได้ลำบากแล้ว
“ความแตกต่างของพลังช่างกว้างนัก!” ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้สำหรับเฉินเกอก็คือสถานการณ์ที่เสมอกัน จะดีที่สุดถ้าวิญญาณสีเลือดทั้งสองตนนั้นอ่อนแอลงหลังจากต่อสู้กัน แต่ว่า จากที่เขากำลังมองอยู่นี้ ผีหิวโหยนั้นกำลังจะชนะอย่างง่ายดาย เธอสามารถทรมานและสังหารหญิงไร้หัวได้อย่างง่ายดายโดยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย
ในเกมของเสี่ยวปู้ เฉินเกอควบคุมตัวเสี่ยวปู้ออกไปจากที่นี่ตอนที่วิญญาณสีเลือดทั้งสองตนเริ่มสู้กัน เขาไม่รู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่หลังจากนี้
“ฉันควรจะพยายามช่วยให้หญิงไร้หัวนั่นให้ตีตื้นขึ้นมาหน่อยไหม?” ตอนนี้ มีตัวเลือกสามข้ออยู่ตรงหน้าเฉินเกอ หนึ่งคือช่วยหญิงไร้หัวสู้กับผีหิวโหยนี่ หลังจากผีหิวโหยถูกจัดการ เขาก็หันกลับไปจัดการกับหญิงไร้หัว แผนการนี้มีปัจจัยให้เกิดเรื่องผิดพลาดมากเกินไป อย่างเช่น หญิงไร้หัวอาจใช้เฉินเกอเป็นโล่และหนีไปตอนที่เขาสู้ติดพันอยู่กับผีหิวโหย อย่างไรเสีย ก็ไม่มีสัญญาณอะไรว่าเธอจะยินดีร่วมมือกับเฉินเกอ
ตัวเลือกที่สองคือไม่ต้องทำอะไรเลย หลังจากผีหิวโหยทำให้หญิงไร้หัวบาดเจ็บสาหัส เขาก็จะให้จางหยาจัดการกับผีหิวโหย นั่นเป็นแผนการที่ปลอดภัยที่สุด แต่เงื่อนไขใหญ่ที่สุดก็คือจางหยานั้นไม่ได้มีอะไรบอกเลยว่าเธอยินดีจะปรากฏตัวออกมา ไม่ว่าเฉินเกอจะพยายามเรียกเธอออกมาเท่าไหร่ เธอก็ไม่ตอบสนองอะไรเขาเลย
ทางเลือกที่สามคือหันหลังกลับออกไปจากที่นี่ นอกจากจางหยา เฉินเกอก็ไม่มีวิญญาณสีเลือดที่สมบูรณ์เลย เขาไม่สามารถอาศัยจำนวนที่มากกว่ารับมือกับวิญญาณสีเลือดสักตนได้ แต่เมื่อศัตรูคือวิญญาณสีเลือดร่างใหญ่นี่ ทางเลือกเดียวนี้ก็หวนกลับมา
“บางที ฉันอาจจะมาถึงเร็วเกินไป หากฉันมีเวลาสักสัปดาห์หนึ่ง ฉันอาจจะได้ช่วยซู่อินตามหาหัวใจของเขา และไป๋ชิวหลินก็อาจจะย่อยหัวใจของสยงฉิงสำเร็จ ถึงตอนนั้น ฉันก็จะมีวิญญาณสีเลือดสองตนอยู่ข้าง ๆ และตัวเลือกที่ฉันมีก็จะมากกว่านี้” เฉินเกอคร่ำครวญถึงจำนวนชั่วโมงที่น้อยเกินไปในแต่ละวันถึงแม้ว่าเขาจะใช้เวลาทั้งหมดให้เกิดประโยชน์สูงสุดแล้วก็ตาม เขาทำงานทั้งวันทั้งคืน– ถ้าเป็นคนอื่นมาแทนที่เขาก็คงจะล้มพับลงไปแล้ว
เฉินเกอหยุดคิดอยู่หนึ่งหรือสองนาที แต่สถานการณ์ด้านในโรงแรมเริ่มเปลี่ยน ร่างใหญ่โตของปิศาจนั่นเริ่มแยกออกเผยให้เห็นช่องเล็ก ๆ คล้ายปากมากมาย และเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังมาจากด้านใน
“หิว…” มันเป็นไปไม่ได้ที่จะจำแนกว่าเสียงออกมาจากช่องไหนเป็นช่องแรก เดิมที เสียงนั้นแผ่วเบามาก แต่ว่าเมื่อทุก ๆ ปากเริ่มส่งเสียงพร้อมกันขึ้นเรื่อย ๆ ปากจำนวนนับไม่ถ้วนอ้าและหุบพร้อมกันอยู่บนร่างใหญ่โตนั่น มันเป็นภาพที่ยากจะบรรยาย หญิงไร้หัวรู้สึกกดดัน และเธอก็เริ่มเคลื่อนไหวเร็วขึ้น ตั้งแต่แรก เธอไม่เคยคิดถึงการต่อสู้เลย– เป้าหมายของเธอตลอดเวลานี้ก็คือพยายามหนี
“หิว หิว ฉันหิวมาก!” ผีหิวโหยกรีดร้อง และปากบนร่างก็ฉีกเปิด หลอดเลือดจำนวนมากถักทอเข้าด้วยกัน และมันก็ดูราวกับเป็นลิ้นลื่น ๆ จำนวนมากยื่นออกมาจากปากมากมายเหล่านั้น
“เจ้าสิ่งนี้ทรงพลังเกินไป” ด้วยดวงตาหยินหยาง เฉินเกอจึงมองเห็นความแตกต่างเล็กน้อยของปากมากมายบนร่างปิศาจนั่นได้ มันเหมือนว่าจะเป็นปากของคนละคนกัน “เธอเก็บ ‘ปาก’ ของ ‘อาหาร’ เหล่านั้นที่ถูกส่งเข้าท้องเธอเอาไว้? ปากบนร่างของเธอเป็นของเหยื่อของเธอ?”
ลิ้นสีแดงเลือดเลื้อยไปทางหญิงไร้หัว พื้นที่ให้หญิงไร้หัวหลบหนีนั้นเล็กลงเรื่อย ๆ แล้ว เธอถูกบีบให้ต้องขยับเข้าไปที่มุมด้านซ้ายของห้องโถง แต่ในที่สุด หนึ่งในลิ้นเหล่านั้นก็พันรอบขาของเธอได้จนได้
“นี่ไม่ดีแล้ว!” เฉินเกอลุกขึ้นยืน ระดับพลังระหว่างวิญญาณสีเลือดสองตนนี้นั้นแตกต่างกันเกินไป การต่อสู้อาจจะจบลงในพริบตาเดียว ได้เวลาที่เขาต้องเลือกแล้ว “ถ้าฉันช่วยผีไร้หัว เธอก็อาจจะไม่ยอมรับความช่วยเหลือของฉัน แต่ว่า ถ้าฉันหนี ปิศาจหิวโหยก็มีแต่จะกลายเป็นแข็งแกร่งขึ้นหลังจากกินหญิงไร้หัวเข้าไป”
วิญญาณสีเลือดปกตินั้นอาจจะต้องจำศีลยาวนานหลังจากกินวิญญาณสีเลือดอีกตนเข้าไป แต่ฟางหยวนรู้สึกว่าผีหิวโหยนี้อาจจะม่ความสามารถในการลดระยะเวลาจำศีลลงให้เหลือน้อยที่สุดได้ เธอบอกว่าเธอหิว ร่างปิศาจนั้นคล้ายกับหลุมดำที่ไม่เคยเต็ม ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องบ้าที่จะสันนิษฐานว่าเธออาจจะครอบครองความสามารถในการย่อยที่เหนือกว่าวิญญาณอื่น ๆ มากอยู่
“ผีหิวโหยนั้นมีหน้าที่ปกป้องโรงแรม และโรงแรมก็ถูกสร้างเอาไว้ที่กลางเมืองหลี่ว่าน เห็นได้ชัดเจนว่า เงานั่นเชื่อถือเธอมาก– นั่นคือเหตุผลเดียวที่เขามอบตำแหน่งสำคัญให้เธอดูแล เธอจะยิ่งน่ากลัวมากขึ้นหลังจากกินหญิงไร้หัวเข้าไป และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับฉันเมื่อฉันสู้กับเงานั่นในอนาคต” เฉินเกอมองการณ์ไกลไปถึงอนาคต เขาไม่ได้จำกัดสายตาตัวเอาไว้แค่สถานการณ์ตรงหน้าเขาเท่านั้น “ถ้าแค่จางหยาอยู่ที่นี่ เรื่องมันก็จะไม่ซับซ้อนอย่างนี้แล้ว”
เฉินเกอหันกลับไปมองไปที่เงาของตัวเอง เขาเดิมทีนั้นตั้งใจแค่จะชำเลืองมองเท่านั้น แต่เขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าเงาของเขานั้นเปลี่ยนไปด้วยความเร็วที่ช้าจนไม่น่าเชื่อ
“จางหยาซ่อนตัวอยู่ในเงาของฉัน เธอกำลังทำอะไรอยู่?” เฉินเกอไม่มีเวลาหยุดและคิดเพราะว่าเสียงกรีดร้องของหญิงไร้หัวนั้นก้องไปทั่วห้องโถง เฉินเกอหันกลับไปดูการต่อสู้และเขาก็เห็นหญิงไร้หัวตัดขาตัวเองที่ถูกลิ้นพันเอาไว้ทิ้งด้วยตัวเอง หลังจากมันหลุดออกจากร่างเธอ ขาก็สลายกลายไปเป็นหลอดเลือดกลุ่มหนึ่ง และพวกมันก็ถูกลิ้นนั่นลากกลับเข้าไปในร่างของปิศาจหิวโหย
เมื่อได้รสชาติของเลือดสด ๆ ปิศาจก็บ้าคลั่งขึ้นกว่าเดิม ทั้งร่างของเธอสั่นด้วยความตื่นเต้นล้วน ๆ ริมฝีปากยังเปิดอ้าและหุบเมื่อลิ้นเลือดมากมายยื่นออกไปทางหญิงไร้หัว
เมื่อถูกบีบจนมุม หญิงไร้หัวก็รู้ว่าไม่มีทางที่เธอจะหนีได้แล้ว หลอดเลือดบนร่างของเธอเริ่มหดและขยับไปอยู่บริเวณรอบลำคอของเธอ มันดูเหมือนเธอพยายามจะทิ้งร่างตัวเองและหนีไปพร้อมกับหัวของเธอเท่านั้น
ปัง!
ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดนี้ ทางเข้าโรงแรมที่ถูกล็อกเอาไว้โดยผีหิวโหยจู่ ๆ ก็ถูกผลักเปิดออก เด็กชายเล็ก ๆ ในชุดผู้ป่วยวิ่งเข้ามาในห้องโถง ร้องไห้และตะโกน เขาดูอายุราวสี่ขวบ และเสื้อที่เขาสวมอยู่นั้นก็ขาดกะรุ่งกะริ่ง เขาดูน่าสงสารมาก
เฉินเกอกำลังจะลงมือ แต่พอเขาเห็นเด็กชาย เขาก็หยุด กระทั่งในสถานการณ์เช่นนี้ ฟางหยวนก็ยังคงรักษาความใจเย็นเหนือมนุษย์ของตนเอาไว้ได้ เพียงชำเลืองมองแวบเดียว เฉินเกอก็พบว่าเด็กชายสวมชุดผู้ป่วยที่ต่างไปจากที่เขาเห็นที่โรงพยาบาลเมืองหลี่ว่าน ดังนั้น เด็กชายคนนี้น่าจะเป็นผู้ป่วยที่ถูกส่งมายังเมืองหลี่ว่านจากโรงพยาบาลต้องสาปนั่น ตัวตนที่น่ากลัวที่สุดในโรงพยาบาลเมืองหลี่ว่าน
“มีเลือดเปื้อนอยู่บนร่างเขา อย่างนั้นเขาคงเป็นกึ่งวิญญาณสีเลือดตนหนึ่ง แต่ในเมื่อเด็กชายปรากฏตัวขึ้นมาตอนนี้ มันก็หมายความว่ารองเท้าส้นสูงสีแดงคู่นั้นก็คงอยู่ไม่ไกลแล้ว!”
โรงแรมนั้นอันตรายที่สุดแต่ก็เป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุดในเมืองหลี่ว่านด้วย สามารถผลักดันให้กึ่งวิญญาณสีเลือดอยู่ในสภาพนี้ได้ นั่นแสดงให้เห็นถึงระดับพลังของรองเท้าส้นสูงสีแดงคู่นั้น
หลังจากทางเข้าโรงแรมถูกพังเปิด เด็กชายวิ่งเข้าไปในห้องโถงโดยไม่หยุดดูอะไรเลย จากมุมมองของเขา สิ่งที่อยู่ด้านหลังเขานั้นเป็นตัวตนที่น่ากลัวที่สุด แต่ด้วยความสิ้นหวังของเขา หลังจากเขาพุ่งเข้าไปในตึก ความเข้าใจเกี่ยวกับความสยองของเขาก็เปลี่ยนไป
หลอดเลือดเส้นหนาใหญ่เชื่อมต่อกัน และไม่ไกลจากเขานัก ปิศาจที่มีปากมากมายกำลังอาละวาด ลิ้นมากมายเลื้อยออกมาจากหลอดเลือดคราวกับพยายามที่จะกลืนกินสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในตึกเข้าไป ใบหน้าเด็กชายเผือดขาวทันที เขาอยากจะถอยกลับออกไป แต่โอกาสนั้นกลับถูกยึดไป รองเท้าส้นสูงสีแดงคู่หนึ่งนั้นมาอยู่ด้านนอกทางเข้าโรงแรมแล้ว
เทียบกับหลอดเลือดที่เต้นตุบอยู่และปิศาจที่น่าสะอิดสะเอียนที่ด้านในโรงแรม รองเท้าส้นสูงสีแดงคู่นั้นดูสง่างามและน่ารักไปเลย
เฉินเกอไม่คิดว่ารองเท้าส้นสูงสีแดงจะปรากฏตัวในเวลาเช่นนี้ แต่ว่า เขาก็ต้องประหลาดใจอย่างยิ่ง แม้ว่ารองเท้าส้นสูงสีแดงคู่นั้นจะเห็นผีหิวโหยตนนั้นแล้วรองเท้านั่นก็ยังก้าวเข้ามาในโรงแรมโดยไม่ลังเลนัก เขาไม่รู้ว่านี่เป็นเพราะว่ารองเท้าส้นสูงสีแดงนั้นมั่นใจในพลังของตัวเองเป็นอย่างมากหรือเป็นเพราะว่าความต้องการข้อมูลบางอย่างจากเด็กชายเป็นอย่างยิ่ง ที่บีบบังคับให้เธอวู่วามเช่นนี้
ประตูโรงแรมนั้นเปิดอยู่ และนี่ก็ทำให้หญิงไร้หัวมีโอกาสหนี หลอดเลือดที่พันอยู่รอบตัวเธอระเบิด และส่วนหัวของเธอก็ลากร่างกายไร้ชีวิตของเธอออกไปทางประตู หญิงไร้หัวนั้นเก็บงำพลังเอาไว้ เธอไม่ได้แข็งแกร่งเท่าผีหิวโหยนั่นที่อยู่ในอาณาเขตของตัวเองด้วย ดังนั้นเธอจึงไม่มีข้อได้เปรียบในด้านพื้นที่ นี่เป็นหนทางเดียวที่เธอทำได้
หลอดเลือดเล็กบางราวเข็มมากมายแทงทะลุหลอดเลือดและลิ้นราวกับมีด ผีหิวโหยและเฉินเกอนั้นประมาทหญิงไร้หัวไปมาก มีดมากมายนั้นราวกับเป็นทัณฑ์ทรมานที่หญิงไร้หัวได้รับตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่ และมีดมากมายเหล่านั้นยังเกี่ยวข้องกับสาเหตุการตายของเธอ ความเจ็บปวดและความเกลียดชังนั้นเผาไหม้อยู่ในดวงวิญญาณของเธออย่างรุนแรง กระทั่งตอนที่เธอตายไปแล้ว เธอก็ยังไม่สามารถลืมความรู้สึกนั้นได้ เธอส่งผ่านความรู้สึกนั้นไปยังหลอดเลือดของเธอและนั่นทำให้หลอดเลือดที่ระเบิดออกจากลำคอของเธอนั้นมีคุณภาพต่างออกไปเมื่อเทียบกับหลอดเลือดที่วิญญาณสีเลือดตนอื่นใช้ ของเธอนั้นคมกริบอย่างยิ่ง
นี่น่าจะเป็นไพ่ตายของเธอแล้ว หลอดเลือดและลิ้นถูกตัดออก และหญิงไร้หัวก็เตรียมบุกฝ่าออกไป
สำหรับผู้คลั่งไคล้ในอาหารแล้ว การถูกขัดจังหวะงานเลี้ยงนั้นเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก ผีหิวโหยเพิ่งได้ลิ้มรสเลือดแต่กลับมีคนเข้ามาขัดตอนที่เธอกำลังจะได้กินอาหาร จากมุมมองของเธอแล้ว คนที่กล้ามาขัดมื้ออาหารของเธอนั้นควรได้รู้ว่าตนเองในที่สุดแล้วจะกลายมาเป็นอาหารบนโต๊ะของเธอ เธอต้องการการปลอบใจเป็นพิเศษจากอาหารเพื่อปลอบประโลมหัวใจอันบิดเบี้ยวและน่าเกลียดของเธอ
“หิว! ฉันหิวมาก!” ผนังลอกออก และเฉินเกอก็ต้องตกใจที่พบว่าโรงแรมนี้ไม่ได้ต่างไปจากห้องเก็บศพใต้ดินของคุณหมอเกาเท่าไหร่เลย เพดาน ผนัง และพื้นล้วนทำมาจากเลือดเนื้อและกระดูก
“ผนังของห้องเก็บศพใต้ดินนั้นทำมาจากศพ และผนังของโรงแรมนี้ก็น่าจะสร้างขึ้นมาจากอาหารที่เหลืออยู่ของผีผู้หญิงนั่น” จากมุมมองหนึ่ง โรงแรมของปิศาจหิวโหยนั้นก็คล้ายกับห้องเก็บศพใต้ดินย่อส่วน หากเฉินเกอไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง หากมีใครสักคนมาเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังเขาก็คงไม่เชื่อ
ปิศาจหิวโหยนั้นครอบครองการควบคุมตึกนี้อย่างสมบูรณ์ ทั้งโรงแรมนั้นราวกับเป็นร่างที่สองของเธอ พื้นสั่นสะเทือน และบันไดก็ถล่มลงมา การตกแต่งทั้งหมดในห้องล้วนพลิกหงายพลิกคว่ำและประตูหน้าที่เด็กชายพังเข้ามาก็ปิดลงอีกครั้ง หลอดเลือดคืบคลานไปยังทางเข้าแล้วผนึกทางเข้าออกสนิท หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง หากพวกเขาไม่จัดการกับเธอ ก็ไม่มีใครที่จะออกไปจากที่นี่ได้
“ทางเลือกเดียวตอนนี้ก็คือบุกออกไป สถานการณ์ตอนนี้เข้าข้างฉันแล้ว!” เฉินเกอนั้นเป็นคนที่สามารถมองหาแสงสว่างริบหรี่ได้ในทุกสถานการณ์ ถ้ามีคุณสมบัติสักอย่างหนึ่งของผู้ชายคนนี้ที่ควรได้รับการยกย่อง มันก็คงเป็นการที่เขาสามารถมองหาความหวังได้ไม่ว่าเขาจะตกลงไปสู่หุบเหวดำมืดลึกเพียงใด “เมื่อรองเท้าส้นสูงสีแดงปรากกตัวขึ้น หากเธอร่วมมือกับหญิงไร้หัว มันก็เพียงพอที่จะรั้งปิศาจหิวโหยเอาไว้ หากฉันช่วยพวกเขาจากด้านข้าง ต่อให้ไม่ได้ยืมพลังของจางหยา ก็น่าจะพอมีโอกาสให้พวกเราจัดการกับปิศาจตนนี้ได้!”
เฉินเกอหวังว่าวิญญาณเหล่านี้จะยินดีกับการให้ความช่วยเหลือทันเวลาของเขา ไม่ว่าอย่างไร เฉินเกอก็จะไม่ปรากฏตัวออกไปทันที เขายืนขึ้นเตรียมตัว ซ่อนอยู่ในเงามืด รอที่จะลงมือเมื่อถึงเวลา
“มันก็ยังน่าแปลกใจอยู่ที่เมืองหลี่ว่านเป็นฉากระดับสามดาวครึ่ง เพียงแค่วิญญาณสีเลือดในแต่ละตึกก็ทรงพลังอย่างไม่น่าเป็นไปได้แล้ว ฉันอยากรู้ว่าปิศาจที่แข็งแกร่งที่สุดที่นี่จะมีหน้าตาอย่างไร”
ไม่ว่าปิศาจหิวโหยจะเป็นพวกเดียวกับเงานั่นหรือไม่ เฉินเกอก็ตัดสินใจจะฆ่าเธอ ปิศาจตนนี้นั้นถูกความหิวโหยของเธอเองกลืนกินไปแล้ว เธอไม่สามารถสื่อสารด้วยได้เลย หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง โอกาสที่เธอจะมาเป็นพนักงานของเขาได้นั้นเท่ากับศูนย์ “ชีวิตของเธอน่าจะเจ็บปวดอย่างไม่น่าเชื่อ ได้เวลาที่เธอจะได้รับการปลดปล่อยแล้ว”
หลังจากปิดตายโรงแรมแล้ว ปิศาจหิวโหยก็โจมตีเด็กชาย หญิงไร้หัว และรองเท้าส้นสูงสีแดงพร้อมกัน ร่างกายใหญ่โตเยื้องย่างไปข้างหน้า ทำให้ทั้งตึกสั่นสะเทือน ปิศาจและหัวที่เล็กอย่างไม่เข้ากันของเธอนั้นกรีดร้องพร้อมกัน ปากที่บนร่างของเธอนั้นฉีกเปิดพร้อมกัน เผยให้เห็นฟันที่เปื้อนไปด้วยเลือด
หลอดเลือดในโรงแรมเต้นตุบต่อเนื่อง ปิศาจหิวโหยเคลื่อนที่ไปข้างหน้า เธอดูเหมือนตั้งใจจะใช้ปากมากมายของเธอนั้นเคี้ยวกินอาหารตรงหน้า
สถานการณ์อันตรายขึ้นเรื่อย ๆ จากจุดที่เขาซ่อนอยู่ ดวงตาของเฉินเกอเป็นประกายขึ้น “ปิศาจตนนี้นั้นไม่ได้ไร้พ่ายอย่างแท้จริง จนถึงตอนนี้ เธอมีจุดอ่อนอย่างน้อยสองจุด อย่างแรกก็คือความเร็วในการเคลื่อนที่ของเธอนั้นช้ามาก และเธอไม่คล่องแคล่ว สอง ถึงแม้ว่าจะมีปากมากมายนับไม่ถ้วนบนร่างของเธอ ปากทั้งหมดก็ยังฟังคำสั่งจากปากที่บนหัวของเธอ เทียบกับร่างกายที่ใหญ่โตอย่างไม่น่าเป็นไปได้ หัวเล็ก ๆ นั่นดูเปราะบางเป็นอย่างมาก!”
เฉินเกอนั้นไม่แน่ใจว่าปิศาจหิวโหยจะยังมีไพ่ตายอะไรที่ยังไม่เปิดเผยออกมาหรือไม่ เขาเรียกซู่อินและไป๋ชิวหลินออกมาเงียบ ๆ วางแผนหาโอกาสโจมตีจุดอ่อนของปิศาจตนนี้
TL note: ผู้แปลล้มป่วยกะทันหันจึงไม่สามารถอัพนิยายได้อย่างต่อเนื่องและคาดว่าน่าจะอัพได้ไม่สม่ำเสมอต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง ต้องขออภัยผู้อ่านทุกท่านด้วย