My House of Horrors คฤหาสน์สยองขวัญของผม - ตอนที่ 654
เมื่อเฉินเกอเห็นหลี่เจิ้งและเจียหมิง สองคนที่ประตูก็เห็นเขาด้วยเหมือนกัน
“เฉินเกอ?” หลี่เจิ้งและเจียหมิงพูดพร้อมกัน ไม่มีใครในพวกเขาคิดว่าจะมาเจอกับเฉินเกอที่นี่
“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” หลี่เจิ้งนั้นวางมือข้างหนึ่งไว้ด้านหลังเจียหมิง ถึงแม้ว่าเขาจะประหลาดใจมากกับการปรากฏตัวออกมาของเฉินเกอ มือของเขาก็ไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียว
“อย่าเข้าไปใกล้เขามากเกินไป เขาอาจจะไม่ใช่เฉินเกอ” เจียหมิงกระซิบเตือน เขาดูค่อนข้างหวาดกลัว “คุณลืมไปแล้วเหรอว่าผมบอกอะไรคุณก่อนหน้านี้? เงานั่นดูเหมือนเฉินเกอเลยนะ!”
เมื่อยืนอยู่ในมุมของคนนอกคนหนึ่ง ก็ไม่มีอะไรผิดที่เจียหมิงจะพูดอย่างนั้น คนเป็น ๆ คนหนึ่งปรากฏตัวที่โรงแรมในตอนกลางดึกในเมืองเล็ก ๆ ที่มีหมอกสีเลือดโอบล้อม… ย่อมต้องมีความลับบางอย่างในเรื่องนี้
“คุณตั้งคำถามกับผมตั้งมากมาย แต่บังเอิญว่า ผมเองก็มีคำถามมากมายจะถามคุณ” เฉินเกอเองก็ไม่กล้าประมาทเมื่อเห็นเจียหมิงและหลี่เจิ้ง ก่อนที่เขามายังเมืองหลี่ว่าน หลี่เจิ้งส่งข้อความให้เขาเป็นชุด บอกเขาว่าเจียหมิงนั้นหนีจากการควบคุมตัวของตำรวจ และเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดก็กำลังพยายามจับตัวคนร้ายอีกครั้ง
แต่ว่า แค่สองชั่วโมงถัดจากนั้น หลี่เจิ้งและเจียหมิงทั้งคู่กลับปรากฏตัวที่เมืองหลี่ว่าน ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร ก็มีบางอย่างแปลกประหลาดในเรื่องนี้ หลี่เจิ้งนั้นซ่อนมือหนึ่งไว้ด้านหลังเจียหมิง ดังนั้นปากกระบอกปืนของเขาอาจจะแนบอยู่กับแผ่นหลังของเจียหมิงป้องกันไม่ให้เจียหมิงทำอะไรวู่วาม ในเมื่อพวกเขาตัวติดกันอย่างนั้น เฉินเกอจึงไม่กล้าทำอะไรวู่วามเช่นกัน ปืนนั้นใช้กับวิญญาณไม่ได้ แต่ว่ามันใช้กับเขาได้อย่างแน่นอน
“ไม่ว่ายังไง พวกเราทุกคนก็ควรจะใจเย็นก่อน” ยืนคุมเชิงกันอยู่ในห้องโถงนี้มีแต่จะเสียเวลาเปล่า เฉินเกอตัดสินใจยกมือขึ้นมาก่อน เขาดึงเอาโทรศัพท์ของเขาออกมาเปิดให้หลี่เจิ้งเห็นบันทึกการโทรของเขา “สารวัตรหลี่ ผมคือเฉินเกอ เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยเลย ผมมาที่นี่เพราะว่าได้รับโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือ”
เฉินเกอชี้ไปที่บันทึกการโทรระหว่างฟ่านฉงกับตัวเขาเอง “ผู้ชายคนนี้เคยเป็นผู้เข้าชมบ้านผีสิงของผม และช่วงนี้เขาก็ทำตัวแปลกไป เขาเล่าเรื่องประหลาดหลายอย่างให้ผมฟัง และเพราะความสงสัย ผมจึงทิ้งหมายเลขติดต่อของผมไว้ให้เขา แต่ผมก็ต้องประหลาดใจ คืนนี้เขาหายตัวไป และผมก็ไม่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ผมเป็นคนสุดท้ายที่เขาติดต่อ ดังนั้นเพื่อสืบการหายตัวไปของเขาให้กระจ่าง ผมก็เลยรีบมาที่เมืองหลี่ว่านนี่เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้”
หลี่เจิ้งถามเฉินเกออีกหลายคำถาม เห็นเฉินเกอตอบคำถามทั้งหมดของเขาได้ถูกต้อง เขาก็ถอนหายใจโล่งอก “หลังจากเจียหมิงหนีจากโรงพยาบาล พวกเราก็ค้นหาเขาไปทั่วเมืองและในที่สุดทีมก็ยืนยันเส้นทางการหนีของเขาได้ว่ามุ่งหน้ามายังทางตะวันออกของเมือง
“เดิมที พวกเราคิดว่าเขาพยายามหนีขึ้นเขาไปซ่อนตัว แต่หลังจากขยายขอบเขตการค้นหา ผมก็พบสิ่งประหลาดในกล้องวงจรปิด ตอนที่เขาเดินผ่านแยกแยกหนึ่ง เจียหมิงปิดหน้าเอาไว้ ถึงแม้ว่าเขาจะยังสวมเสื้อผ้าชุดเดิมของเขา ฝีเท้าของเขากลับไม่เป็นธรรมชาติอย่างประหลาด ผมเทียบกับกล้องวงจรปิดตัวอื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนที่จะสรุปได้ว่าเจียหมิงอาจจะหาใครสักคนมาแทนตัวเขาที่แยกนั่น
“หลังจากสั่งให้คนที่เหลือในทีมค้นหาต่อไปในทิศทางเดิม ผมก็หันกลับไปยังอีกด้านของแยกและเริ่มค้น ฝนตกหนักทำให้การตามหายากขึ้น มองผ่านสายฝนไปก็ยังยาก แต่ความพยายามย่อมให้ผลตอบแทน ในที่สุด ผมก็จับไอ้คนเฮงซวยนี่ได้ที่ปลายถนน หลังจากวิ่งไล่กันรอบหนึ่ง ผมก็เพิ่งจับเขาได้หลังจากที่พวกเราเข้ามาในเมืองหลี่ว่าน”
หลังจากได้ยินสิ่งที่หลี่เจิ้งพูด เจียหมิงก็รีบโบกไม้โบกมือ “ทุกอย่างที่ผมทำก็เพราะว่าถูกเงานั่นบังคับ ถ้าผมไม่ทำตามที่เขาสั่ง เขาก็มีกว่าร้อยวิธีให้ชีวิตของผมเหมือนตกอยู่ในนรก”
“คุณถูกบังคับงั้นเหรอ? แต่ทำไมมันถึงเหมือนกับว่าคุณจงใจพยายามล่อผมมาที่นี่ล่ะ? แผนการของคุณกับเงานั่นคืออะไร? ยอมรับสารภาพออกมาตรง ๆ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่คุณมี” หลี่เจิ้งเข้ามาในเมืองหลี่ว่านเพราะพยายามจับตัวเจียหมิง นี่เป็นเหตุผลที่ยอมรับได้ แต่สำหรับเฉินเกอ มันเหมือนเป็นการบีบบังคับให้เชื่ออยู่บ้าง เขามีความรู้สึกว่ายังมีบางอย่างแปลกไปเกี่ยวกับเจียหมิงและหลี่เจิ้ง แต่เขาก็ไม่สามารถบอกได้จริง ๆ ว่าอะไรกันที่แปลกไปในตัวพวกเขา
“สารวัตรหลี่ นี่เป็นที่ที่อันตรายมาก เข้ามาในนี้ก่อน อย่าอยู่ที่ทางเข้านานเกินไป” เฉินเกอเปิดเครื่องเล่นเทปและเป็นฝ่ายเดินตรงไปยังทางเข้าโรงแรมก่อน “พวกคุณเจออะไรน่ากลัวเข้าบ้างไหมระหว่างมาที่นี่?”
“ที่บ้า ๆ นี่ประหลาดอยู่นะ ด้านนอกฝนกำลังตกหนักมาก แต่ว่าในเมืองเล็ก ๆ นี่กลับไม่เปียกเลยสักหย่อมหนึ่ง ผมเชื่อว่ามันจะต้องเกี่ยวข้องกับหมอกสีแดงนี่” หลี่เจิ้งไม่ได้ตอบคำถามเฉินเกอ เขาใช้มือที่วางอยู่ด้านหลังเจียหมิงผลักชายคนนั้นเข้าไปในโรงแรม
เฉินเกอนั้นคุ้นเคยกับความน่ากลัวของเมืองหลี่ว่าน ที่นี่นั้นเต็มไปด้วยผีและฆาตกรคืบคลานเต็มไปหมด พูดตามเทคนิคแล้ว สารวัตรหลี่สามารถรับมือกับเหล่าฆาตรกรได้ด้วยปืนของเขา แต่คนธรรมดาอย่างเขาจะจัดการกับพวกผีและสัตว์ประหลาดเหล่านั้นได้อย่างไร?
จากท่าทีของพวกเขา เจียหมิงและหลี่เจิ้งนั้นไม่แม้แต่จะตื่นตระหนก– ไม่มีกระทั่งร่องรอยของความสยองขวัญในดวงตาของพวกเขา
“เป็นไปได้ไหมว่าเงานั่นซ่อนอยู่ในพวกเขาสักคนหนึ่ง? ทำให้สัตว์ประหลาดและพวกผีในเมืองหลี่ว่านเป็นฝ่ายอยู่ห่างจากพวกเขาเอง?” คนหนึ่งนั้นเป็นตำรวจ อีกคนเป็นคนร้าย แต่เฉินเกอก็ไม่รู้ว่าใครจะเป็นสถานที่หลบซ่อนตัวของเงานั่น “ฉันไม่สามารถลองเสี่ยงดูได้ในเร็ว ๆ นี้ พวกเขาทั้งคู่อาจจะเป็นคนที่พวกเขาบอกว่าเป็น และเงานั่นอาจจะซ่อนตัวอยู่ที่อื่น”
ตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์เครื่องดำมา เงานั่นก็เป็นศัตรูที่จัดการยากที่สุดที่เฉินเกอเคยเผชิญหน้าด้วย เขาเชื่อว่าเงานั่นพาทั้งเจียหมิงและหลี่เจิ้งมาที่นี่พร้อมกันก็เพื่อทำให้เขาสับสน เฉินเกอนั้นระแวดระวังทั้งเจียหมิงและหลี่เจิ้งแต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้เชื่อเฉินเกอทั้งหมดเช่นกัน พวกเขารู้แล้วว่าเงานั่นมีความสามารถในการเปลี่ยนรูปร่างและปลอมตัวเป็นคนอื่น บางทีจากมุมมองของพวกเขา มันก็ไม่ยากที่จะเชื่อว่า ‘เฉินเกอ’ ตรงหน้าพวกเขาอาจจะเป็นตัวปลอมของเงานั่นก็ได้
“เชิญนั่งตามสบาย รอสักประเดี๋ยวได้ไหม? ผมมีเพื่อนสองสามคนที่กำลังรอผมอยู่ที่ชั้นบน” เฉินเกอมุ่งหน้าขึ้นบันไดไป
หลังจากเขาหันหลังกลับเขาก็ได้ยินเจียหมิงกระซิบเบามาก ๆ กับหลี่เจิ้ง “ผมบอกคุณทุกอย่างที่ผมรู้เกี่ยวกับเงานั่นแล้ว และตอนนี้คุณก็เจอตัวเขาแล้ว นี่พิสูจน์ว่าผมไม่ได้โกหก! เฉินเกอคือเงานั่น! พวกเราต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก่อนที่มันจะสายเกินไป! เขาต้องฆ่าพวกเราเพื่อปิดปากแน่ ๆ!”
“แกพยายามอย่างหนักเพื่อล่อฉันมาที่นี่เพื่อให้ฉันเห็นอะไรแบบนี้เนี่ยนะ?” หลี่เจิ้งแย้งด้วยน้ำเสียงเย็น ๆ “ในเมื่อแกสามารถล่อฉันมาที่นี่ได้ อย่างนั้นแกก็คงมีสักวิธีล่อเฉินเกอมาที่นี่ด้วยเหมือนกัน แล้วมันก็ยังตัดสินไม่ได้ว่าเขาเป็นเงานั่นจริง ๆ หรือเปล่า”
“มันชัดไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว และคุณก็ยังจะสงสัยผมเนี่ยนะ?” เจียหมิงพูดดังขึ้น “ลองคิดกลับไปถึงสิ่งที่ผู้ชายคนนี้ทำมาในอดีตสิ คุณคิดเหรอว่าสิ่งเหล่านั้นคนธรรมดาทั่วไปจะทำได้น่ะ? เขาก็แค่กำลังหลอกใช้คุณและกองกำลังตำรวจทั้งหมด เขากำลังใช้พวกคุณทุกคนกลบเกลื่อนบาปของเขา”
“กลบเกลื่อนบาปของเขา? แกยังเข้าใจคำว่าบาปด้วยเหรอ?” หลี่เจิ้งกดเจียหมิงนั่งลงที่เก้าอี้ตรงโต๊ะกินข้าม “อยู่นิ่ง ๆ เงียบ ๆ หยุดรบกวนฉันด้วยข้อมูลผิด ๆ ของแกและอย่าทำอะไรที่แกไม่ควรทำ ฉันมีวิธีตัดสินแบบของฉัน”
หลี่เจิ้งและเจียหมิงคุยกันเบา ๆ ขณะที่เฉินเกอเดินห่างออกไป ตอนที่เขาไปถึงบันไดขั้นบนสุด ก็มีเสียงเคาะดังมาจากประตูหน้าของโรงแรม
“มีใครอยู่ที่นี่ไหม?” เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่สะพายกระเป๋านักเรียนสีดำเอาไว้ยืนอยู่ที่ทางเข้า เขาดูสุภาพและอ่อนแอ ”ผมอยากจะขอพักที่นี่สักคืนหนึ่ง”
เด็กหนุ่มนั้นอยู่ในวัยกำลังโต และเสียงของเขาก็แตกหนุ่ม นอกจากนั้นแล้ว เขาก็ดูเหมือนเด็กนักเรียนมัธยมทั่วไปที่อาจจะกำลังหนีออกจากบ้าน เด็กหนุ่มดันแว่นบนดั้ง เขาเดินอ้อมหลี่เจิ้งและเจียหมิงไปห่าง ๆ เขาขยับไปที่เคาน์เตอร์อย่างระมัดระวัง “มีใครอยู่ที่นี่ไหม? เจ้าของอยู่หรือเปล่า?”
เฉินเกอที่ยืนอยู่บนชั้นสองเห็นทุกอย่างชัดเจน “เด็กชายคนนี้ดูคล้ายกับเด็กชายที่ฉันเห็นบนโทรศัพท์ของเด็กมัธยมคนนั้นที่บนรถเมล์ ดังนั้น เขาอาจจะเป็นเป้ยเหวินหรือเป้ยเยี่ยก็ได้”
ตอนที่เขาอยู่บนรถเมล์คันสุดท้ายสาย 104 นั้น เฉินเกอเจอกับเด็กมัธยมที่ไม่เหมือนเด็กมัธยม เขาขึ้นมาบนรถเมล์เพราะว่ากำลังตามหาเพื่อนร่วมชั้นที่หายไป และเขาก็ให้เฉินเกอดูรูปของเพื่อนของเขา เพราะโชคดีล้วน ๆ เด็กมัธยมที่เขาพูดถึงนั้นดูเข้ากันได้กับเด็กมัธยมที่ช่วยกู่เฟยอวี้เอาไว้ตอนที่เขาอยู่บนรถเมล์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องอะไรกับเด็กมัธยมคนนั้น เฉินเกอจึงไล่เขาลงจากรถและสัญญากับเขาว่าจะค้นหาความจริงเรื่องนี้และช่วยเพื่อนของเขาถ้ามีโอกาส
“ตอนที่ฉันเล่นเกมของเสี่ยวปู้ ฉันก็เจอเข้ากับเด็กมัธยมที่ในโรงแรม” เฉินเกอกำราวบันไดเอาไว้และสายตาของเขาก็เลื่อนไปมาระหว่างเด็กนักเรียนกับหลี่เจิ้ง “ในเกมของเสี่ยวปู้ มีแขกที่โรงแรมนี้สี่คน ผู้หญิงคนหนึ่ง เด็กมัธยม เจ้าหน้าที่ตำรวจและเสี่ยวปู้ ตอนนี้ตำรวจและเด็กมัธยมปรากฏตัวแล้ว ไม่ใช่ว่าจะได้เวลาที่ผู้หญิงที่ถอดเปลี่ยนผิวหนังของเธอได้จะปรากฏตัวขึ้นแล้วเหรอ?”
โลกที่ด้านหลังประตูนั้นสร้างขึ้นจากความทรงจำของผู้ผลักประตู โลกที่ในเกมนั้นบันทึกประสบการณ์ส่วนตัวของเสี่ยวปู้ ตอนนี้ที่ประตูหลุดออกจากการควบคุม ฝันร้ายทั้งหมดที่เธอเคยเผชิญก็กลายมาเป็นความจริง
“ทำไมเสี่ยวปู้ถึงให้คนอื่นเล่มเกมนี้? เธอแค่ต้องการพิสูจน์ว่าเธอเป็นผู้บริสุทธิ์อย่างนั้นหรือ? เพื่อเรียกร้องความสงสารจากคนอื่น? หรือว่านี่คือเครื่องมือที่จะช่วยเธอหนี? เกมนั้นมีกุญแจที่สามารถปลดปล่อยเธอจากฝันร้ายอย่างนั้นใช่ไหม?”
ด้วยความช่วยเหลือของเฉินเกอ ฟ่านฉงสามารถเคลียร์เกมได้ และมันก็เป็นตอนนั้นเองที่เกิดเรื่องขึ้นกับเขา เงานั่นทำร้ายครอบครัวทั้งหมดของเขา ตอนนี้ฟ่านฉงหายตัวไป และยังมีโอกาสมากด้วยที่เงานั่นจะควบคุมพี่ชายของเขา ฟ่านต้าเตอ เอาไว้
“เงานั่นน่าจะรู้เรื่องเกมของเสี่ยวปู้ ไม่อย่างนั้นเขาจะทำลายมันทำไม? นี่เป็นไปได้ใช่ไหมว่าจะมีบางอย่างที่เขาต้องการในเกมของเสี่ยวปู้?
“ประตูในเมืองหลี่ว่านนั้นเป็นเสี่ยวปู้เปิด และเพื่อควบคุมประตูได้อย่างเต็มที่ คนผู้นั้นจะต้องควบคุมเสี่ยวปู้ให้ได้โดยสมบูรณ์ ถ้าฉันลองคิดแบบนี้แล้ว เงานั่นก็น่าจะวางกับดักไว้ในเกมเช่นกัน ไม่ว่าอย่างไร สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือหาตัวฟ่านฉงและช่วยเขาให้ได้– เขาเป็นคนที่มีข้อมูลเรื่องนี้”
เฉินเกอนั้นนับว่าเป็นครอบครองโรงแรมนี้แล้ว หลังจากจัดการกับปิศาจหิวโหย โรงแรมนี้ก็ไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าเปลือก ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลให้เขาอยู่ที่นี่อีกต่อไป
เขาผลักเปิดประตูเข้าพักแขก มือกรรไกรและชายขี้เมานั้นเบียดตัวอยู่ข้างหน้าต่าง พวกเขามัดเชือกเอาไว้รอบตัวหมอ ถ้าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาจะส่งหมอออกไปก่อน
“สถานการณ์ด้านนอกเป็นอย่างไรบ้าง? เมื่อครู่นี้มันเหมือนกับทั้งตึกสะเทือน มันเหมือนเกิดแผ่นดินไหว” ตอนที่ชายขี้เมาเห็นเฉินเกอเดินเข้ามา เขาก็พุ่งเข้าไปหาและถามข้อมูลด้วยสีหน้ากังวล
“คุณเจ้าของกับพ่อครัวถูกหญิงไร้หัวฆ่า และจากนั้นเธอก็ตายจากการเผชิญหน้ากันอย่างสูสีกับผีในโรงแรมนี้”
“ผีในโรงแรมนี่ก็ตายแล้วเหรอ?” ชายขี้เมาผ่อนลมหายใจออกยาวเหยียด “อย่างนั้นพวกเราก็ควรจะพักอยู่ที่นี่ พอพระอาทิตย์ขึ้นและหมอกเลือดสลายไป พวกเราก็คงออกไปจากสถานที่สยองขวัญนี่ได้อย่างไม่มีปัญหา”
“โรงแรมนี้ไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่คุณคิด ไม่มีผีคอยเฝ้าระวังที่นี่แล้ว ทั้งคนและผีก็จะถูกดึงดูดมาที่นี่มากขึ้น” เฉินเกอเดินไปหาคุณหมอและก้มหน้าลงตรวจดูร่างกายของเขา “ตอนนี้คุณเดินได้หรือยัง?”
หลอดเลือดบนลำคอของหมอเต้นตุบ เขาใช้พลังทุกหยาดหยดที่มีเพื่อส่ายหน้า “ผมรับสัมผัสได้มากขึ้น แต่ว่ายังไม่สามารถยกแขนขึ้นได้ ยิ่งไปกว่านั้น…” มือกรรไกรที่ข้าง ๆ เขาดูจะเข้าใจว่าหมอกำลังจะทำอะไร เขาเอื้อมมือไปยกชายกางเกงที่ขาดของหมอขึ้น ตรงน่องของคุณหมอนั้นมีผิวหนังที่เปลี่ยนไปเป็นสีเทาปื้นใหญ่
“ก่อนที่ผมจะมาที่เมืองหลี่ว่าน ผมเคยได้ยินคนพูดกันว่าเมื่อคุณอยู่ในประตูนานเกินไป คุณจะเริ่มมีปื้นสีเทา ๆ นี่บนผิวหนัง และถ้าคุณมีผิวหนังที่เปลี่ยนสีไปนี่แล้ว คุณก็จะไม่สามารถออกไปจากเมืองนี้ได้อีกต่อไป” หมอดูเครียด “ผมจะติดอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล”
“ขางอกอยู่บนตัวของคุณ– ไม่มีใครสามารถหยุดคุณไว้ได้ตราบใดที่คุณอยากจะไปจากที่นี่” แผนการเดิมของเฉินเกอนั้นก็คือขับรถเมล์คันสุดท้ายสาย 104 ตรงไปยังบ้านของฟ่านฉงและใช้รองเท้าส้นสูงสีแดงและชายหน้ายิ้มบุกผ่านกับดักของเงานั่นไป เห็นได้ชัดเจนว่า แผนการนี้ต้องเปลี่ยนแล้ว หมอกเลือดกลืนกินเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้เอาไว้ ประตูก็ถูกเปิดออกตั้งแต่ก่อนที่พวกเขาจะมาถึง เฉินเกอทำได้แค่เปลี่ยนแผนการไปตามสถานการณ์ เขาใช้ความรู้ที่ได้จากเกมของเสี่ยวปู้จัดการผีหลายตนเท่าที่จะทำได้และใช้ศัตรูจัดการกับพวกมันเอง
เมื่อไปเยือนสถานที่ที่โทรศัพท์เครื่องดำพูดถึงครบแล้ว เฉินเกอรู้สึกว่ามันได้เวลาที่จะทำภารกิจหลักให้สำเร็จ
“พวกเรามีแขกสองสามคนที่ชั้นล่าง ผมสังสัยว่าพวกเขาจะเป็นคนที่นี่ ดังนั้นพวกเขาอาจจะเป็นสัตว์ประหลาดและผีปลอมตัวมา ตอนที่ลงไป ระวังตัวด้วย ไม่ว่าอย่างไร ระวังเอาไว้ก็ไม่ได้เสียหายอะไร”
หลังจากสั่งการอีกสองสามอย่าง เฉินเกอก็ให้ชายขี้เมาแบกหมอเอาไว้ และพวกเขาก็ออกจากห้อง ตอนที่พวกเขากลับลงไปที่ชั้นล่าง เฉินเกอก็สังเกตเห็นแล้วว่านอกจากตำรวจ เจียหมิง และเด็กมัธยม มีหน้าใหม่อีกคนหนึ่ง
เธอคือผู้หญิงคนหนึ่งที่มีส่วนโค้งส่วนเว้าและสวยหยาดเยิ้ม ใบหน้าหวานฉ่ำ แต่ว่า เธอแต่งกายอย่างคนหัวเก่าด้วยเสื้อแขนยาวและเสื้อคลุมที่ปกปิดร่างกายทั้งหมดของเธอ เธอยังสวมถุงมือคู่หนึ่งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีผิวกายสักตารางนิ้วเผยออกมา
“เจ้าของที่นี่อยู่ที่ไหน? ฉันต้องการห้องสักห้อง” ผู้หญิงคนนั้นลากกล่องใบใหญ่มาด้วย เธอไม่สนใจคนอื่นที่ในห้อง เธอหันไปทางห้องครัวและยิ้ม “ฉันเอาสิ่งที่คุณต้องการมาด้วยคราวนี้”
ตอนที่เธอเดินผ่านกลุ่มของเฉินเกอไป เฉินเกอก็ไม่ได้กลิ่นน้ำหอมจากร่างของเธอ กลับกัน เขาได้กลิ่นเน่าจาง ๆ
“เจ้าของที่นี่ไม่อยู่ เขาออกจากโรงแรมไป และไม่มีใครอยู่ในครัวเลย” เฉินเกอเอื้อมมือออกไปขวางเธอเอาไว้
“คุณเป็นใคร? คุณเป็นเพื่อนสนิทของเจ้าของที่นี่เหรอ?” จมูกเป็นสันสูงงดงามของเธอขยับเข้ามาใกล้เฉินเกอเหมือนเธอได้กลิ่นบางอย่างที่ไม่ธรรมดาจากร่างของเฉินเกอ ตอนที่เธอเอนตัวเข้ามาใกล้ขึ้น เฉินเกอก็มองเห็นลึกลงไปในคอเสื้อของเธอ มีบาดแผลพาดสลับซับซ้อนอยู่รอบลำคอของเธอจนดูราวกับเป็นรอยสัก มันทำให้รู้สึกเหมือนว่าผิวหนังที่ด้านใต้เสื้อผ้าของเธอนั้นถูกเย็บเข้าด้วยกัน
“ผมไม่ได้คุ้นเคยเจ้าของที่นี่ แต่ผมหวังว่าคุณจะระวังตัวกว่านี้ ตอนนี้ผมเป็นคนดูแลที่นี่ชั่วคราว” เฉินเกอตอบพร้อมยิ้มอย่างสุภาพ อันที่จริงแล้ว หากไม่มีคนนอกอยู่ที่นี่ เขาก็คงเรียกพนักงานของเขาออกมาจับตัวผู้หญิงคนนี้ไว้และเริ่มสอบถามเธอเกี่ยวกับเมืองหลี่ว่าน
เธอยืนเขย่งปลายเท้ามองเข้าไปในห้องครัว ถึงแม้ว่าเฉินเกอจะให้พนักงานของเขาทำความสะอาดที่นี่แล้ว แต่เมื่อมองใกล้ ๆ ก็ยังเห็นสิ่งที่น่าสงสัยมากมาย
“ใครจะดูแลที่นี่ก็ไม่สำคัญ ฉันแค่อยากจะรู้ว่าที่นี่ยังเปิดให้บริการอยู่ไหม” เธอลากกล่องไปข้างหน้า “ช่วงหลังมานี่มีคนมาจากข้างนอกน้อยลงเรื่อย ๆ และคุณรู้ไหมว่าฉันลำบากขนาดไหนถึงรวบรวมของทั้งหมดนี่ได้?”
เฉินเกอนั้นรู้คร่าว ๆ แล้วว่าในกล่องมีอะไรอยู่ “แน่นอน พวกเรายังเปิดให้บริการ ทิ้งกล่องนั่นไว้ให้ผม และคุณสามารถอยู่ที่นี่ได้นานเท่าที่คุณต้องการ”
“ขอบคุณ คุณจะว่าอะไรไหมถ้าฉันจะเข้าไปหาอะไรกินที่ในครัวเสียหน่อย? หมอกเลือดคราวนี้หนากว่าปกติ และฉันก็รู้สึกยินดีอยู่นิด ๆ” เธอหาเหตุผลมากมายเพื่อเข้าไปในห้องครัว
“ถ้าอย่างนั้นคุณนั่งก่อนดีกว่า อาหารจะยกมาเสิร์ฟเร็ว ๆ นี้” เฉินเกอโบกมือให้ชายขี้เมาและบอกเขาพามือกรรไกรเข้าไปในครัว หาวัตถุดิบและทำอะไรมากิน
หลังจากทั้งสองคนเข้าไปในห้องครัว ประตูของโรงแรมก็ถูกผลักเปิดอีกครั้ง ผู้ชายคนหนึ่งพร้อมกับรอยยิ้มประหลาดบนใบหน้าเดินเข้ามา มีรอยเลือดหย่อมใหญ่อยู่บนเสื้อของเขา เขาดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บ เขาไม่ได้พูดอะไรสักคำเมื่อเดินเข้ามาแต่หามุมเงียบ ๆ ลงนั่ง
ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีเสียงของเหลวหยดดังมาจากประตูหน้า และรอยยิ้มบนใบหน้าของชายผู้นั้นก็แข็งทื่อ
หลายวินาทีต่อมา ประตูเปิดออก และผู้หญิงคนหนึ่งในเสื้อกันฝนสีแดงก็ก้มหน้าต่ำและก้าวยาว ๆ เข้ามาในโรงแรม
TL note: อาการป่วยก่อนหน้านี้ของผู้แปลดีขึ้นแล้ว แต่ว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ต่อ ตอนนี้ต้องพักผ่อนอีกสักระยะ ขออภัยผู้อ่านทุกท่านจากใจจริงที่อัพนิยายได้ช้ามาก ๆ
Comments for chapter "ตอนที่ 654"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
NooM
ขอให้หายไวๆครับ
KillNoMore
ขอให้หายไวๆนะครับ