My House of Horrors คฤหาสน์สยองขวัญของผม - ตอนที่ 657
เฉินเกอพอใจมากกับปฏิกริยาของเป้ยเยี่ย เขาหันไปหาคนที่เหลือ “มีใครคัดค้านอีกไหม?”
คนครึ่งหนึ่งที่นี่นั้นอยู่ฝ่ายเดียวกับเฉินเกอ ดังนั้นพวกเขาย่อมไม่มีปัญหากับการจัดการของเขา คนส่วนน้อยที่คัดค้านนั้นก็หวาดกลัวเกินกว่าจะบอกความคิดที่แท้จริงของตนเองออกมา ต่อให้พวกเขาไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเฉินเกอ พวกเขาก็อ่อนแอเกินกว่าจะขัดแย้งเรื่องนี้
“ในเมื่อไม่มีใครคัดค้านอะไร พวกเราก็จะไม่เสียเวลาเปล่าและเริ่มลงมือได้แล้ว ถ้าพวกเรารอนานกว่านี้ สิ่งประหลาดต่าง ๆ ก็จะถูกดึงดูดมาที่นี่มากขึ้น” หลังจากเฉินเกอพูดอย่างนั้น เขาก็ดึงรองเท้าส้นสูงสีแดงที่บนเคาน์เตอร์ลงมาและเก็บลงไปในกระเป๋าสะพายหลังของเขา จากนั้นเขาก็เรียกเจ้าแมวขาวและมือกรรไกรก่อนที่จะมุ่งหน้าไปทางประตู
“คุณไม่สังเกตเห็นความสบายใจของเขาเวลาอยู่ที่นี่เหรอ? ตอนที่พวกเราทุกคนรู้สึกไม่ดีอยู่ เขากลับราวกับปลาได้น้ำ มันเหมือนกับว่าเมืองที่วุ่นวายและเต็มไปด้วยกลิ่นเลือดนี้เป็นสถานที่ที่คล้ายกับบ้านของเขา” เจียหมิงกระซิบกับหลี่เจิ้ง
“แกกำลังพยายามจะพูดอะไร?” หลี่เจิ้งขมวดคิ้วแน่น
“มันชัดเจนออกไม่ใช่เหรอ? เขาคือเงานั่น ที่นี่คือที่ที่เขาอาศัยอยู่ ที่นี่คือบ้านของเขา!” เจียหมิงพยายามโน้มน้าวหลี่เจิ้งต่อ “ผมรู้ว่าเขาไม่ได้กำลังพาเราไปที่ทางออก– เป้าหมายแท้จริงของเขาก็คือฆ่าพวกเราทั้งหมด คุณอาจจะไม่เชื่อผมตอนนี้ แต่เวลาจะพิสูจน์ว่าผมพูดถูก ผมหวังว่าคุณจะระวังตัวเอาไว้จะได้ไม่ทำให้ผมต้องตายไปด้วย”
“ก่อนที่แกจะชี้นิ้วใส่คนอื่น แกควรจะดูตัวเองให้ดีก่อน เงานั่นหนีออกไปจากร่างของแก ดังนั้นในบรรดาทุกคนที่นี่ แกน่ะน่าสงสัยที่สุดแล้ว” หลี่เจิ้งนั้นเคยพูดคุยกับอาชญากรตัวร้ายมาก่อนหลายคน เขาเข้าใจอย่างหนึ่ง– ยิ่งคนผู้หนึ่งมีจิตใจบิดเบี้ยวไปมากเท่าใด มุมมองโลกของพวกเขาก็ไร้ซึ่งเหตุผลมากเท่านั้น ส่วนหนึ่งในสมองของพวกเขามีปัญหา และอาจจะพูดได้ว่า ความสามารถในการศึกษาและเรียนรู้ของพวกเขานั้นดีกว่าการควบคุมอารมณ์ตนเอง คนที่เสียสติไปแล้วจริง ๆ คนหนึ่งนั้นสามารถถักทอสร้างเรื่องโกหกที่ไม่น่าเชื่อถือขึ้นมาด้วยความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่โดยไม่แสดงท่าทีเสียใจหรือรู้สึกผิด
เห็นได้ชัดเจนว่าเจียหมิงและเงานั้นเคยกระทำผิดมากกว่าความผิดมามากกว่าแค่สองหรือสามครั้ง
“สักวันคุณจะต้องเสียใจที่เชื่อถือผู้ชายคนนั้น และเชื่อผมนะ วันนั้นจะมาถึงในไม่ช้าแล้ว” เจียหมิงไม่หยุดโน้มน้าว เขาพบว่ามันยากอย่างไม่น่าเชื่อที่จะสั่นคลอนความเชื่อมั่นของหลี่เจิ้ง– สารวัตรคนนี้นั้นเชื่ออย่างเด็ดเดี่ยว และยังบุกทะลวงได้ยากกว่าที่เขาคิดเอาไว้
ฉันเคลียร์จุดอันตรายส่วนใหญ่ที่โทรศัพท์เครื่องดำพูดถึงไปแล้ว ได้เวลาไปตามหาประตูแล้ว
เฉินเกอนำผู้โดยสารออกจากโรงแรม และชายมีรอยสักก็ตามหลังพวกเขามาติด ๆ
“คุณแน่ใจเหรอว่าต้องการพาพวกเขาทั้งหมดไปด้วย?” ชายมีรอยสักมองกลุ่ม ‘คน’ กลุ่มใหญ่ที่ด้านหลังพวกเขาแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจ
“ผมมีทางเลือกอื่นเหรอ? ไม่ใช่ว่าคุณจะแนะนำให้ผมฆ่าพวกเขาทั้งหมดที่ไม่ยอมให้ความร่วมมือเหรอ?” เฉินเกอปัดคำถามกลับไปที่เขา
“คุณพูดก็ถูก ถ้าพวกเราเก็บพวกเขาเอาไว้ใกล้ ๆ พวกเราสามารถใช้พวกเขาเป็นทัพหน้าได้ตอนที่มีอันตราย” ชายมีรอยสักโน้มน้าวตัวเอง เขาเริ่มสงสัยการตัดสินใจร่วมมือกับเฉินเกอของตัวเอง แต่ว่า ลูกศรก็ถูกปล่อยออกจากแล่งไปแล้ว ทางเลือกเดียวของเขาตอนนี้ก็คือตามเฉินเกอไปจนสุดทาง
“เดินให้เร็วขึ้นหน่อย อย่าเสียเวลาอยู่ เสียเวลาอยู่ที่นี่หนึ่งวินาที ความหวังในการหนีออกไปของพวกเราก็ลดลงหนึ่งเปอร์เซ็นต์” ชายมีรอยสักหันกลับไปตะโกนใส่คนที่เหลือ ดวงตาของเขานั้นจับจ้องอยู่ที่หลี่เจิ้ง มีคนบ้ามากมายอยู่ในเมืองหลี่ว่าน แค่หยิบขึ้นมาสักคนก็ได้ตัวคนร้ายแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่เคยเผชิญเข้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ “ไม่ว่าอดีตระหว่างพวกคุณจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าคุณจะมาอยู่ที่นี่เพราะอะไร ผมหวังว่าคุณจะสามารถปล่อยวางเรื่องเหล่านั้นเอาไว้จนกว่าพวกเราจะออกไปจากที่นี่ ตอนนี้พวกเราก็เหมือนลงเรือลำเดียวกัน และถ้ามีใครคิดจะเป็นตัวถ่วง พวกเราก็ไม่มีทางเลือกนอกจากกำจัดคนผู้นั้นเสีย”
ตอนที่ชายมีรอยสักพูด กะโหลกผู้หญิงทั้งห้าที่บนแขนของเขาก็ดูเหมือนจะฉีกยิ้มอย่างน่าสยองเหมือนพวกเธอคาดหวังให้เกิดฝนโลหิต ทุกคนออกจากโรงแรม เด็กนักเรียนมัธยมเดินอยู่ด้านหลัง– เห็นได้ชัดเจนว่าเขาไม่เต็มใจเป็นอย่างยิ่ง
“ครบแล้วเหรอ?” เฉินเกอหันกลับไปมองและพบว่าผู้หญิงในชุดเสื้อกันฝนสีแดงหายตัวไป คนที่เหลือ รวมทั้งชายหน้ายิ้มนั้นเดินตามมาข้างหลัง “ยิ่งคนเยอะก็ยิ่งแข็งแกร่ง ผมจะพาพวกคุณออกไปจากที่นี่ถ้าไม่มีใครในพวกคุณทำอะไรโง่ ๆ”
ถ้าไม่เพราะว่าเขากำลังเป็นห่วงความปลอดภัยของฟ่านฉง เฉินเกอก็คงกวาดล้างเมืองเล็ก ๆ นี่ทั้งเมืองไปแล้ว ไม่ทิ้งเอาไว้แม้สักห้องเดียว ถ้าเขาทำเช่นนั้น เขาก็มั่นใจได้ว่าจะสามารถโน้มน้าวคนในเมืองนี้ให้มาร่วมกับเขา
โชคไม่ดี ฉันไม่มีเวลา ฉันทำได้แค่เฉพาะเรื่องทำสำคัญต้องทำ แต่เท่าที่เห็น ฉันยังนับว่าได้เปรียบอยู่ เฉินเกอลอบมองไปที่ด้านหลังตัวเอง เงาของเขานั้นเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง หลังจากกลืนกินหัวใจของปิศาจหิวโหยลงไป บาดแผลบนแขนของจางหยาก็ดูเหมือนจะฟื้นฟูขึ้น ถ้าเธอได้ยินเสียงฉัน อย่างนั้นทุกอย่างก็อยู่ภายใต้การควบคุมของฉัน
เฉินเกอนั้นมีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความยากลำบากที่เข้าต้องเจอ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขามั่นใจเกินไป หลังจากปิศาจหิวโหยถูกกินแล้ว สมดุลพลังก็สูญเสียไป มันเป็นธรรมดาที่เงานั่นจะทำอะไรสักอย่างเพื่อดึงสมดุลกลับมา ในเมื่อเงานั่นจะไม่ทำอันตรายเฉินเกอชั่วคราว อย่างนั้นมันก็มีเหตุผลที่จะคาดว่าสิ่งที่เงานั่นจะทำก็คือทำร้ายผู้ช่วยเหลือของเฉินเกอ
หลังจากทั้งกลุ่มออกจากโรงแรม ในที่สุดพวกเขาก็เป็นที่สะดุดตา มีเงาในหมอกเลือดหลายเงาจับตามองพวกเขา แต่ในเมื่อกลุ่มของเฉินเกอนั้นใหญ่มาก จึงไม่มีใครในพวกมันกล้าเข้ามาใกล้
“เฮ้ ดูนั่นสิ” ตอนที่พวกเขาผ่านแยกแรก ชายขี้เมาที่แบกคุณหมอเอาไว้ก็ชี้ไปข้างหน้าและกระซิบกับเฉินเกอ ที่อีกฟากของถนนนั้นมีร่างมนุษย์คนหนึ่งที่ดูคล้ายกับชายขี้เมามากกำลังโบกมือให้พวกเขา
“เจ้าสิ่งนั้นอีกแล้ว ฉันก็อยากจะปล่อยแกไปนะ แต่แกกลับมาปรากฏตัวต่อหน้าฉันเอง” เฉินเกอไม่ออมมือคราวนี้และเปิดเครื่องเล่นเทป ตอนที่เสียงแทรกดังขึ้น เฉินเกอก็ชี้ไปที่เงาที่อีกฝั่งถนนและพูด “ซู่อิน”
กลิ่นเลือดรวยรินอยู่ปลายจมูกของเขา และซู่อินก็ยืนระวังอยู่ข้างกายเฉินเกอ เขาไม่ได้รีบร้อนพุ่งตรงไปเมื่อสัมผัสได้ถึงอันตราย หลังจากผ่านไปหลายวินาที เงาพร่ามัวอีกเงาก็ปรากฏขึ้นที่ฝั่งตรงข้ามถนน เงาใหม่ที่ปรากฏนี้ดูคล้ายกับมือกรรไกรอย่างน่าสงสัย
“อีกตนหนึ่งเหรอ? ไม่ เดี๋ยวก่อน! มีอีก!” ชายขี้เมานั้นทรมานกับการรับมือกับปิศาจพวกนี้ที่โบกมือให้เขามาก่อนแล้ว ตอนที่เขาเห็นเงาร่างมนุษย์ปรากฏขึ้นทีละเงา เขาก็อดรู้สึกขาอ่อนยวบไม่ได้ แค่พริบตาเดียว เงาร่างมากมายก็ปรากฏขึ้นที่อีกฟากถนน นอกจากเฉินเกอแล้ว ทุกคนในกลุ่มล้วนถูกเลียนแบบ
“ปิศาจพวกนี้มันอะไรกัน?” ชายขี้เมาที่แบกคุณหมออยู่หลบด้านหลังเฉินเกอ
“นี่เรียกว่าปิศาจดึงวิญญาณ พวกมันสามารถลอกเลียนแบบรูปร่างของเงาพวกเราได้ พวกมันเกิดขึ้นมาจากความรู้สึกด้านลบที่มากเกินไปที่ไหลมาจากผีทารก จำเอาไว้ อย่ามองพวกมันนานเกินไป ไม่อย่างนั้นพวกมันก็จะดึงวิญญาณออกจากร่างของพวกคุณ และถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว…” ชายมีรอยสักก้มหน้า “ถ้าพวกมันปรากฏตัวออกมามากขนาดนี้พร้อมกัน มันก็หมายความว่าการเคลื่อนไหวของพวกเราน่าจะถูกเงานั่นพบเข้าแล้ว”
“ดึงวิญญาณ? เป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก แต่ว่า…” ชายขี้เมาหันไปหาเฉินเกออย่างสงสัย “ทำไมถึงไม่มีใครในพวกมันลอกเลียนแบบเงาของคุณล่ะ?”