My House of Horrors คฤหาสน์สยองขวัญของผม - ตอนที่ 672
หลังจากคนผู้หนึ่งตายลง วิญญาณสัมภเวสีของคนผู้นั้นจะคงอยู่ได้ก็ต้องยึดติดตัวเองเข้ากับวัตถุ และวัตถุที่จางหยายึดติดอยู่ก็คือจดหมายรักต้องสาปของเธอ เฉินเกอเผาจดหมายรักที่บนดาดฟ้าเพราะเขาตั้งใจจะทำลายอดีตอันเจ็บปวดของจางหยาให้สิ้น เขาเตรียมหาภาชนะใหม่ให้จางหยาแล้ว
เหมือนแสงและเงา ขาดกันและกันไม่ได้ จากวินาทีที่เขาเผาจดหมายรัก เขาก็กลายมาเป็นสิ่งที่จางหยาหลงใหล
เส้นผมสีดำพุ่งไปข้างหน้าราวกับทะเลสีดำ ทำลายล้างและกลืนกิน กลืนกินทุกอย่างที่อยู่ในตึกนี้
เงาที่บีบคอซู่อินอยู่อึ้งไป ขาของมันที่เชื่อมโยงอยู่กับเฉินเกอถูกกระชากออก เศษเสี้ยวคำสาปโปรยปรายในคืนสีเลือดราวกับเป็นหิมะสีดำ
“แกให้วิญญาณดวงนั้นมาเป็นเงาของแก?” ความโกรธที่เก็บกักอยู่ในหัวใจของเงาระเบิดออกมา และร่างกายของมันก็เอาแต่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ “นี่ไม่ควรเป็นอย่างนี้ นี่ต่างไปจากที่ฉันวางแผนเอาไว้!”
ทั้งเขตที่พักหมิงหยาง ตึกทั้งสี่ถูกถล่มด้วยเสียงร้องไห้บาดหูของเด็ก ๆ เงาร่างเล็กเตี้ยมากมายคลานออกจากหน้าต่าง ทั้งหมดล้วนมุ่งหน้าไปยังห้องหนึ่งในตึกที่เฉินเกอกับเงายืนอยู่
ไม่ช้า ในตึกที่อยู่ทางตะวันออกสุด เงาร่างผอมบางเงาหนึ่งขยับออกจากห้อง ลากแขนสีขาวราวหิมะข้างหนึ่งมาด้วย นี่เป็นแขนของเสี่ยวปู้ มันยืนอยู่ที่ขอบตึกและคาบแขนข้างนั้นไว้ในปาก และบางอย่างที่ทำให้เฉินเกอขนลุกก็เกิดขึ้น เงาร่างสีดำมากมายเริ่มฉีกกระชากแขนข้างนั้น แต่ละคำ รอยกัดสีดำก็ปรากฏขึ้นบนแขนข้างนั้น แต่ละรอยกัด เงาดำก็แข็งแกร่งมากขึ้น “แกเป็นเงาของฉัน ฉันจะทำให้แกเป็นเงาของฉัน!”
เขตที่พักหมิงหยางนั้นอยู่นอกเมืองหลี่ว่าน แต่ว่าหมอกเลือดจากเมืองหลี่ว่านก็สามารถขยับมาที่นี่ได้ มันพุ่งไปทางเขตที่พักหมิงหยางเหมือนคลื่น
“ไม่พอ นี่ไม่พอ!”
เงานั่นหันไปมองตึกอื่น แต่สิ่งที่มันเห็นก็นำความไม่พอใจมาให้มันอีกครั้ง
ที่บนยอดตึกทางใต้ ชายประหลาดพร้อมรอยยิ้มประหลาดติดแน่นบนใบหน้าอุ้มร่างกายยับเยินของเสี่ยวปู้ขึ้นไปชั้นดาดฟ้า ร่างกายของเขาเริ่มมีรอยแตก แต่ละรอยแยกนั้นราวกับปากที่ฉีกออกเป็นรอยยิ้ม
ในตึกทางเหนือ ดูราวกับมีฝนเลือด หญิงคลั่งในชุดเสื้อกันฝนสีแดงที่ริมฝีปากถูกเย็บปิดเอาไว้ กรีดตัดเงาทั้งหมดขณะปกป้องชิ้นส่วนร่างกายของเสี่ยวปู้เอาไว้
“บอส!” ที่ด้านใต้ถัดลงไปพวกเขานั้นมีเสียงของเหล่าโจวดังมา เงาและเฉินเกอหันไปมองพร้อมกัน แขนและหัวของเสี่ยวปู้นั้นเป็นกุญแจที่เงาใช้ในการควบคุมเมืองหลี่ว่าน เพื่อควบคุมประตูที่หลุดออกจากการควบคุม เพื่อทำให้เสี่ยวปู้กลายมาเป็นหุ่นเชิดให้เขาควบคุมโดยง่าย เขาต้องทุ่มเทเรี่ยวแรงไปกับเสี่ยวปู้มาก แต่ตอนนี้ ทุกอย่างถูกทำลายลงโดยเฉินเกอ
เงานั่นเข้าถึงเพียงแขนข้างเดียวของเสี่ยวปู้ การควบคุมเมืองหลี่ว่านของมันอ่อนกว่าที่เสี่ยวปู้สามารถควบคุมได้
“ทำไมพวกแกถึงอยากช่วยคนผู้นี้กัน? เขาอาศัยอยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ อาบความหวัง ล้อมรอบด้วยเสียงหัวเราะ แต่ฉันคือคนที่ต้องรับความเกลียดชังและคำสาปทั้งปวงของเขา!”
เมื่อไม่สามารถเคลื่อนย้ายหมอกเลือดจากเมืองหลี่ว่านมาได้อีก เงาร่างเล็ก ๆ ก็พุ่งกลับเข้าไปในร่างของเงา มันจ้องมองเฉินเกอ ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย เฉินเกอไม่เถียงกับเงานั่น นิ้วของเขาลูบไปบนเส้นผมสีดำที่ทิ้งตัวผ่านเขา “ฉันไม่เคยอาบอยู่ในความหวังหรืออาศัยอยู่ใต้ดวงอาทิตย์ และยิ่งไม่อยู่ท่ามกลางเสียงหัวเราะ ฉันก็แค่โชคดีพอที่จะได้พบคนจิตใจดีกลุ่มหนึ่ง”
เส้นผมสีดำปิดกั้นการมองเห็นของเฉินเกอ สีแดงที่สดใสที่สุดเดินผ่านเฉินเกอไป ปลายนิ้วเรียวเอื้อมออกไปหยิบหิมะสีดำที่เกือบจะตกต้องร่างของเขา ปลายนิ้วนั้นกดแน่นเข้าและคำสาปของเงานั่นก็เปลี่ยนไปเป็นขี้เถ้าก่อนที่มันจะได้ร้องขอความเมตตา จางหยายืนอยู่หน้าเฉินเกอและเอียงคอมองซู่อินที่ถูกเงานั่นบีบคออยู่
“แกอยากช่วยเขาเหรอ?” เงานั่นตะปบหัวของซู่อินเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง ก่อนที่มันจะได้พูดประโยคที่สอง หัวของมันก็ถูกแขนซีด ๆ ข้างหนึ่งล็อกเอาไว้ เส้นผมสีดำพุ่งไปเหมือนคลื่นอย่างแน่วแน่ จางหยาคว้าหัวของเงานั่นเอาไว้แล้วกระแทกมันลงกับพื้น
ปัง!
เกิดหลุมหนึ่งขึ้นที่บนพื้น และพวกเขาก็หล่นลงไป แต่ว่านั่นเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น!
เมื่อไม่สามารถควบคุมหมอกเลือดจากเมืองหลี่ว่าน ไม่สามารถใช้พลังด้านหลังประตูได้ และเพิ่งต่อสู้รุนแรงกับคุณหมอเกามา เงานั่นก็อ่อนแอที่สุดเท่าที่มันเคยเป็นมา มันไม่คิดว่าจางหยาจะจู่ ๆ ก็ลงมือ และมันก็ไม่คิดว่าแค่ไม่กี่วัน วิญญาณสีเลือดดวงนี้ก็กลายเป็นน่าหวาดเกรงมากขึ้นอีก!
เมื่อจางหยาสู้กับเงานั่น เฉินเกอก็หาซู่อินที่ทั้งร่างเกือบจะฉีกขาดออกจากกันเจอที่ริมดาดฟ้า
“นาย…” เหมือนรู้ว่าตนได้วางชีวิตของบอสไว้ในมือที่แข็งแกร่งแล้ว เสียงแทรกจากเครื่องเล่นเทปก็เบาลงเรื่อย ๆ มือของเขาที่วางอยู่เหนือหน้าอกเลื่อนหลุด เผยให้เห็นหัวใจที่ถูกย้อมเป็นสีแดงจนหมด
ใบหน้าบูดบึ้งของเขาค่อย ๆ คลี่ออก ซู่อินมองเฉินเกอ และมุมปากของเขาก็บิดเหมือนเขาต้องการทำสีหน้าอื่นที่ไม่เคยทำมาก่อน แต่ว่า ความพยายามหลายครั้งก็ล้มเหลวและเขาก็กลับมามีสีหน้าตามปกติ
“ไม่เป็นไรแล้วนะ” เฉินเกอพยุงซู่อินขึ้นจากพื้น เสียงแทรกหายไป และเลือดที่บนตลับเทปก็หยุดไหล ซู่อินที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสกลับเข้าไปในเครื่องเล่นเทป
“เมื่อกี้นี้เขาพยายามยิ้มอยู่เหรอ?” เฉินเกอลุกขึ้นแล้วรับกระเป๋าจากไป๋ชิวหลิน หนังสือการ์ตูน เครื่องเล่นเทป ปากกาลูกลื่น และตุ๊กตาล้วนอยู่ข้างใน “ทุกคนยังอยู่กับพวกเรา ฉันว่านี่ก็โชคดีพอแล้ว”
ตึกที่ใต้เท้าเขาสะเทือน นอกจากเส้นผมสีดำของจางหยาและหิมะที่เกิดจากคำสาปของเงานั่น ยังมีโซ่ที่สลักใบหน้ามนุษย์เอาไว้แทรกเข้ามาในตึก เสียงกรีดร้องก้องอยู่ในหูของเขา เฉินเกอมองไปที่ริมขอบดาดฟ้า คุณหมอเกา ที่ลงไปคลานสี่ขาปีนขึ้นมาจากด้านข้างตึกราวกับสัตว์ร้าย ดวงตาของเขาเป็นสีแดงเลือดจ้องตรงมาที่เฉินเกอ
“ฉันเจอแกแล้ว เฉินเกอ…”
ตอนที่คุณหมอเกาตรงเข้ามา มือซีดเผือดข้างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเฉินเกอ เทียบกับเงานั่นแล้ว คุณหมอเกานั้นเป็นสิ่งที่คุกคามจางหยาได้มากกว่า สีแดงเต้นระยิบอยู่บนพระจันทร์– จางหยาในสภาพยอดเยี่ยมที่สุดของเธอนั้นเหมือนกับพระอาทิตย์สีแดงเลือดขณะที่คุณหมอเกา ที่แบกคำสาปของทั้งเมืองหลี่ว่านอยู่นั้นดูราวกับ ‘นรก’ ความรู้สึกด้านลบและคำสาปพันเกี่ยวอยู่ตลอดร่างของเขา เขาเพียงผู้เดียวก็เป็นตัวแทนของนรกของความสิ้นหวังไร้ก้นบึ้งได้แล้ว
“หมอบ้า ทำไมแกไม่ร่วมมือกับฉันล่ะ? ฉันรู้ว่าแกอยากได้ของบางอย่างจากผู้ชายคนนั้น ฉันสามารถมอบเขาให้แกและยังบอกความลับทั้งหมดเกี่ยวกับเขาให้แกได้” ชีวิตของเงานั้นกำจัดยากกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้ มันเหมือนปิศาจที่ฆ่าไม่ได้ที่เพียงแค่อ่อนแอลงแต่ว่าไม่ได้หายไปจริง ๆ
คุณหมอเกาไม่ตอบคำเงานั่น สถานะของเขานั้นประหลาดมาก เขาดูเหมือนจะเคลื่อนไหวไปตามความทรงจำน้อยนิดที่เขายังเหลืออยู่ในใจ เฉินเกอไม่รู้ว่าหมอเกาต้องการทำอะไร แต่เขารู้ว่าหากตนไม่ทำอะไร จางหยาก็อาจจะถูกโจมตีทั้งจากหมอเกาและเงา
การต่อสู้ครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น เฉินเกอเรียกซู่อินให้คืนใบปลิวของสมาคมเล่าเรื่องผีให้เขา บนใบปลิวคุ้นเคยนั้น ประตูที่เป็นตัวแทนสามาคมเล่าเรื่องผีถูกผลักเปิดและมือซีดเผือดข้างหนึ่งก็เอื้อมออกมาจากข้างใน
เมื่อได้เจอหน้ากัน เฉินเกอก็นึกถึงแขนข้างนั้น คุณหมอเกาวางกับดักบางอย่างเอาไว้บนใบปลิวทั้งหมด แต่แผนการของเขานั้นผิดพลาดอะไรสักอย่างไร การเชื่อมโยงในแผนการของเขาจึงหลุดออกจากกัน
ถือใบปลิวเอาไว้ เฉินเกอยืนอยู่ด้านหลังจางหยาและบอกหมอเกา “คุณลืมอะไรไปหลายอย่างมาก ผมจะช่วยคุณนึกเอง! ครั้งหนึ่งคุณเคยเป็นประธานสมาคมเล่าเรื่องผี และผมก็เป็นสมาชิกที่คุณเลือกให้เข้าร่วม ใบปลิวนี่เป็นหลักฐานที่ดีที่สุด!”
การพูดถึงสมาคมเล่าเรื่องผีนั้นทำให้เกิดประกายขึ้นในดวงตาแดงก่ำของคุณหมอเกา
“อย่าฟังมัน! ทำตามหัวใจของแก!” เงานั่นตะโกนอย่างตระหนก มันไม่กล้าคิดภาพเมื่อถูกโจมตีจากทั้งจางหยาและหมอเกา
“ใช่ คุณต้องทำตามหัวใจของคุณ!” เฉินเกอชูใบปลิวขึ้นสูง “ก่อนที่คุณจะจากไป คุณส่งต่อสมาคมเล่าเรื่องผีให้ผม ผมเป็นเพื่อนที่คุณเชื่อถือที่สุด และนั่นคือสาเหตุที่คุณจำชื่อผมได้! ใช่ ผมคือเฉินเกอ! ผมคือประธานคนปัจจุบันของสมาคมเล่าเรื่องผี เฉินเกอ! และที่ด้านหลังผม วิญญาณและวิญญาณสีเลือดเหล่านี้ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับผม พวกเขาตอนนี้คือทุกอย่างที่สมาคมเล่าเรื่องผีมี!”