My House of Horrors คฤหาสน์สยองขวัญของผม - ตอนที่ 673
เฉินเกอไม่ได้โกหก ทุกอย่างที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง และกระทั่งผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์สีหน้าก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าคำพูดของเขานั้นมีอะไรไม่ถูกต้อง
“ตอนนี้ ผมเป็นสมาชิกที่ยังมีชีวิตอยู่เพียงคนเดียวของสมาคมเล่าเรื่องผี ผมคือความหวังเดียวของทั้งสมาคม ผมไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงตามหาผม แต่ผมรู้ว่าคุณต้องมีบางอย่างที่สำคัญจะบอกผม!” เฉินเกอสืบเท้าเข้าไป ชูใบปลิวขึ้นเหนือศีรษะ “เมืองหลี่ว่านนั้นยึดเอาสมบัติลับของสมาคมไปถึงหนึ่งในสาม การปิดประตูที่หลุดออกจากการควบคุมนั้นเป็นความปรารถนาก่อนตายของคุณ! วันนี้ ผมมาที่นี่แม้ว่ามันจะเป็นอันตรายและคุกคามชีวิตผมก็เพราะผมวางแผนที่จะนำเอาสิ่งที่เป็นของสมาคมเล่าเรื่องผีกลับคืนมา!”
เงานั้นเก่งกาจในด้านการจัดการ เมื่อมันได้ยินสิ่งที่เฉินเกอพูด มันก็รู้สึกไม่ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ชายคนนี้ดูไม่เหมือนว่ากำลังโกหก และเขาก็มาที่นี่เพื่อช่วยนำทางให้กับหมอคนนั้น
“พวกแกทั้งคู่…”
เฉินเกอไม่ให้โอกาสเงาได้พูด เขาพูดทับขณะจ้องมองเข้าไปในดวงตาของหมอเกา “นึกถึงคำที่ครั้งหนึ่งคุณเคยบอกผมเอาไว้! คิดถึงสัญญาระหว่างเรา! คิดถึงลูกสาวของคุณ เธอยังคงรอคอยให้คุณกลับไปที่บ้าน!”
มนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่พิเศษมาก ๆ ต่อให้กำลังแบกรับความรู้สึกด้านลบเบื้องหลังประตูทั้งหมดเอาไว้ ต่อให้ต้องถูกคำสาปทั้งเมืองกลืนกิน ต่อให้ต้องกลายไปเป็นนรกเดินได้ ก็ยังมีอารมณ์ของมนุษย์อยู่ภายในตัวคุณหมอเกาที่บางทีตัวเขาเองก็ไม่ได้รู้สึก และนั่นก็คือความทรงจำของเขาเกี่ยวกับเกาหรูเซว่
ดวงตาสีแดงขยับช้า ๆ และคุณหมอเกาก็มองไปที่เงาที่ยืนอยู่ที่อีกด้านของดาดฟ้า เสื้อคลุมสีแดงเลือดสะบัดตามลม และเลือดสีดำก็หยาดหยดลงไปตามด้านข้างของตึก
เฉินเกอนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณหมอเกาที่ด้านหลังประตู และเขาก็งุนงงเพราะว่าภรรยาของเขาที่มักจะอยู่กับเขาเสมอนั้นหายไป แต่ว่า มีอย่างหนึ่งที่เขารู้กระจ่าง คุณหมอเกาดูเหมือนจะสูญเสียความมีเหตุผลของตนเองไปหลังจากกลืนกินวิญญาณและวิญญาณสีเลือดเข้าไปมากเกินไป
สูญเสียความทรงจำ เขาจึงได้แต่ทำตามสัญชาตญาณ และคงมีสองเหตุผลให้เขาจดจำเฉินเกอได้ หนึ่ง ก่อนที่คุณหมอเกาจะตาย เขาทิ้งความปรารถนาก่อนตายเอาไว้กับเฉินเกอ ซึ่งก็คือการปิดประตูในเมืองหลี่ว่านและดูแลลูกสาวของเขา เกาหรูเซว่
สอง มันอาจจะเป็นเพราะว่าคุณหมอเกานั้นวางแผนทุกอย่างเอาไว้รอบตัวเฉินเกอ และเขายังวางแผนไว้ถึงกระทั่งหลังจากตายไป ทุกอย่างเกี่ยวข้องกับเฉินเกอและบ้านผีสิงของเขา เป็นเหตุผลให้เขาสามารถจดจำเฉินเกอได้อย่างชัดเจน
ผู้ชายคนนี้นั้นเสียสติไปเพราะหลายเหตุผล และมันก็ยากอย่างเหลือเชื่อที่จะรักษาคนเสียสติเช่นนี้ให้หายขาด เพราะว่าศัตรูคนแรกที่เขาต้องเผชิญหน้าด้วยก็คือตัวเขาเอง
เฉินเกอรู้เรื่องนั้น และมันก็ทำให้เขาก้าวเท้าเข้าไปอีกก้าว เขารู้ว่าคุณหมอเกานั้นจะไม่ดีขึ้นด้วยแค่คำพูดไม่กี่คำของเขา และเขาก็ไม่คิดว่าคุณหมอเกาจะหยุดโจมตีเขา เขาแค่ต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของหมอเกาจากเขาไปยังเงานั่น หลังจากจัดการกับความไม่แน่ไม่นอนของเงานี่แล้ว ทุกอย่างที่เหลือก็สามารถจัดการให้เรียบร้อยได้ในภายหลัง
“คุณหมอเกา ถึงแม้ว่าคุณจะสูญเสียความทรงจำ ถึงแม้ว่าคุณจะกลายไปเป็นวิญญาณสีเลือด ในใจของคุณ คุณก็ยังคงเป็นประธาน เป็นคุณที่ให้ผมได้เห็นเรื่องผีที่แท้จริงว่าเป็นอย่างไร และเป็นคุณที่ทำให้ผมเข้าใจคามหมายที่แท้จริงของสมาคมเล่าเรื่องผี!
“ดังนั้น เลิกลังเล ประตูในเมืองหลี่ว่านครั้งหนึ่งเคยเป็นของสมาคม และมันจะกลับมาเป็นของสมาคมต่อไปในอนาคต!”
โซ่ที่สลักใบหน้ามนุษย์พุ่งออกจากตึกและเลื้อยขึ้นไปบนกำแพง– เป้าหมายของพวกมันก็คือเงา เงาไม่คิดว่าเฉินเกอจะสามารถโน้มน้าววิญญาณสีเลือดบ้าคลั่งได้จริง ๆ แต่ในไม่ช้าเขาก็พบว่ามีสิ่งที่เลวร้ายกว่ากำลังรอตนอยู่ เมื่อโซ่เลื้อยมาทางเงา เส้นผมสีดำก็ขวางทางเขาเอาไว้เหมือนกำแพงที่ทำลายไม่ได้ จางหยาลงมือในเวลาเดียวกัน
“เขาไม่ใช่วิญญาณสีเลือด และเขาฟื้นตัวได้ดีกว่าวิญญาณสีเลือด พวกเราควรจะล้อมเขาเอาไว้แล้วหาวิธีการทำลายเขาให้สิ้นซาก” ชายเสียสติคนหนึ่ง กับชายอีกคนที่ดีกว่าชายเสียสติไม่มาก นี่คือประธานคนเก่าและคนปัจจุบันของสมาคมเล่าเรื่องผี คงต้องพูดว่าคุณหมอเกานั้นมีสายตาที่เฉียบแหลมในการเลือกผู้สืบทอด
“ฉันเป็นเงาของแก ถ้าแกต้องการฆ่าฉัน ก็ง่ายมาก– ตายซะสิ” เงานั้นอ่อนแอมาก แต่มันก็ไม่ได้มีทีท่าจะยอมแพ้ ราวกับการเผยจุดอ่อนออกมาต่อหน้าเฉินเกอนั้นเป็นสิ่งที่น่าอับอาย
“ตั้งแต่วินาทีที่ฉันเผาจดหมายรัก แกก็ไม่ใช่เงาของฉันอีกต่อไปแล้ว ฉันไม่รู้ว่าจะสามารถฆ่าแกได้หรือไม่ แต่ฉันหวังว่าแกจะหุบปากเงียบและสนุกไปกับเรื่องผีที่ฉันสร้างให้แกโดยเฉพาะ คิดเสียว่านี่คือของขวัญส่วนสุดท้ายจากฉัน”
เฉินเกอถอยออกมา เงาใต้เท้าเขาเชื่อมอยู่กับจางหยางขณะที่เงายืนอยู่โดดเดี่ยวที่อีกด้านของดาดฟ้า
“ของขวัญ?” เสียงหัวเราะน่ารังเกียจระเบิดออกจากเงานั่น “ของขวัญชิ้นแรกที่ฉันได้รับในชีวิตก็คือเรื่องผี?”
เสียงหัวเราะนั้นเจือเสียงร้องไห้ไม่รู้จบของเด็ก ๆ พวกเขาร้องไห้ระหว่างความตายแต่ละครั้งจนกระทั่งชินชาต่อความตาย จนกระทั่งสามารถหาความสนุกได้จากการถูกฆ่า
“ฉันจะฆ่าแก ฉันรอจนผีทารกถือกำเนิดไม่ไหวแล้ว!” หลังจากมันพูดอย่างนั้น ร่างกายของเงาก็ปรากฏชัดขึ้น ใบหน้าของมันค่อย ๆ ชัดขึ้นขณะที่เครื่องหน้าจริงนั้นดูเหมือนคนที่เพิ่งโผล่ขึ้นจากผิวน้ำ เงานั่นเปลี่ยนไปเป็นเฉินเกอคนที่สอง “ฉันคือแก และแกก็คือฉัน!”
มันทิ่มมือของตัวเองเข้าไปในร่างกายตัวเองและคำสาปก็วิ่งผ่านปลายนิ้วของมัน รอยแผลใหญ่ปรากฏขึ้นบนร่างกายของมันและพวกมันก็เปลี่ยนไปเป็นสัญลักษณ์เฉพาะ ไม่ช้า สัญลักษณ์ทั้งหมดก็รวมกันอยู่รอบ ๆ หัวใจของมันเกิดเป็นรูปร่างของทารกคนหนึ่ง
แต่ว่า ทารกคนนี้นั้นต่างไปจากเด็กทั่วไป หัวใจของมันนั้นเต้นตุบ และทุกจังหวะการเต้น ก็แผ่รัศมีอาฆาตแค้นไร้ที่สิ้นสุดออกมา มองมันแล้วก็เหมือนกับมองภาพวาดปิศาจที่บนประตูห้องน้ำที่บ้านผีสิง
“ผีทารก!” เด็กคนนั้นเหยียดแขนของมันออก และร่างของเงาก็ถูกฉีกทึ้ง แขนขาผอมบางสี่ข้างยื่นออกมาจากร่างของเงา สีหน้าของมันนั้นเหมือนกับของเด็กทารก สีหน้าเกลียดชังต่อทุกสิ่งที่อยู่บนโลกนี้
โซ่ที่สลักใบหน้ามนุษย์เอาไว้ตวัดเข้าใส่เงา ฝ่ายหลังนั้นหน้าตาบิดเบี้ยวขณะที่มีแขนขาคืบคลานออกมาจากแผ่นหลังของมัน พวกมันแทงทะลุร่างของเงา และของเหลวสีดำที่ก็คือคำสาปก็ทะลักออกมาจากร่าง พริบตาเดียว บนดาดฟ้าก็ปกคลุมไปด้วยฝนสีดำ
“ฉันจดจำทุกความเจ็บปวดของความสิ้นหวังที่ฉันเคยเจอได้ และทุกความตายก็มีแต่ทำให้ฉันแข็งแกร่งขึ้น แกบอกว่าแกต้องการฆ่าฉัน อย่างนั้นฉันก็หวังว่าแกจะโชคดี เพราะว่าฉันเองก็ยังไม่รู้วิธีการฆ่าตัวเองเลย!”
ใบหน้าของเงาแตกออกราวกับหน้ากากที่แตกร้าว รอยแตกปรากฏขึ้นขณะที่หลอดเลือดคืบคลานออกจากเด็กทารกที่อกของเขา ดูดซับร่างกายของเงา เด็กทารกเติบโตขึ้น– อาจจะพูดได้ว่ามันกลืนกินเงาลงไปเพื่อเร่งการเติบโตของมันเอง
“ฉันเป็นตัวตนที่ใกล้ชิดกับความตายที่สุด ฉันยินดีกับความตาย และฉันก็เชื้อเชิญพวกแกทั้งหมด มาลิ้มรสความตายกับฉัน”
ใบหน้าของเงานั่นแตกออกเป็นชิ้น ๆ เด็กที่ในอกของเขาจู่ ๆ ก็ลืมตาขึ้น และสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและเกลียดชังนั้นก็ราวกับจะถอดแบบมาจากของเงา
“อย่าให้โอกาสมัน ดึงเด็กคนนั้นออกมาจากร่างของมัน!” เฉินเกอร้องสั่ง ตอนที่เขาพูด คุณหมอเกาก็พุ่งเข้าไปแล้ว สีหน้าของเขานั้นบ้าคลั่งเหมือนคนกำลังอยู่ภายใต้ฤทธิ์ของยาเสพติด เขาดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ทรงพลังยิ่งกว่าวิญญาณสีเลือดในเงานั่น