My House of Horrors คฤหาสน์สยองขวัญของผม - ตอนที่ 681
เฉินเกอนั้นวุ่นวายกับการรับมือเหตุการณ์ในและนอกบ้านผีสิง การผจญภัยครั้งนี้ของเขานั้นกินเวลาทั้งคืน และเขาก็ยังไม่มีโอกาสได้พักผ่อนดี ๆ เลยเช้านี้ ดังนั้นพอถึงตอนบ่าย เขาก็แทบจะร่างสลายแล้ว
เขาเปิดกระเป๋าสะพายหลังปล่อยเหล่าโจวและคนที่เหลือออกมา เขาเลือกพนักงานสองสามคนที่หน้าตาพอดูได้ และให้พวกเขาเข้าไปที่ฉากใต้ดินช่วยดูแลเรื่องพื้นฐานที่นั่น นอกจากซู่อินแล้ว พนักงานส่วนใหญ่นั้นไม่ได้รับผลกระทบจากคำสาป กลับกัน พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนได้รับสารอาหารจากหมอกเลือดและได้รับประโยชน์บางอย่าง พออาการบาดเจ็บของพวกเขาหายดีแล้ว พลังของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“สำหรับวันนี้ การหลอกผู้เขาชมนับเป็นเรื่องรองจากทุกอย่าง พวกเธอพักผ่อนให้ดี อย่าได้หักโหมมากเกินไป” เฉินเกอบอกพนักงานของเขา บอกให้พวกเขาผ่อนปรนแก่เหล่าผู้เข้าชม ถึงแม้ว่าเหล่าพนักงานจะไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเฉินเกอถึงได้ทำเหมือนเป็นปรปักษ์กับบ้านผีสิงของตัวเอง แต่ส่วนใหญ่ก็ยังทำตามคำสั่งของเขา
เที่ยงครึ่ง เสี่ยวกู่และซูว่านออกไปพักคนละครึ่งชั่วโมง ผู้เข้าชมส่วนใหญ่ก็ไปรับประทานอาหารกลางวัน และแถวที่หน้าบ้านผีสิงก็ลงความยาวลง ขณะที่จำนวนผู้เข้าชมลดลง ผู้ชายสองคนก็เดินฝ่าฝูงชนมา
พวกเขาคนหนึ่งมีใบหน้าที่มีผ้าพันแผลพันเอาไว้ ขณะที่อีกคนนั้นยืนตรงตัวแข็งทื่อ ฝ่ายหลังนั้นสวมสูท สีหน้าดูค่อนข้างกระวนกระวาย
“ขอโทษนะครับ แต่ว่าบอสเฉินอยู่ที่นี่หรือเปล่า?” ชายในชุดสูทถามลุงซูที่กำลังควบคุมการขายตั๋วอยู่
“พวกคุณเป็นผู้เข้าชมหรือว่าญาติของผู้เข้าชม?” เมื่อลุงซูเห็นชายที่พันผ้าพันแผลไว้ที่บนหน้า หัวใจของเขาก็กระตุก และความคิดแรกของเขาก็คือเฉินเกอสร้างเรื่องอีกแล้ว
“พวกเรามาที่นี่เพื่อทำงาน บอสเฉินน่าจะแจ้งคุณไว้แล้วใช่ไหมครับ?”
“โอ้ คุณก็คือพนักงานใหม่? ได้ รอตรงนี้เดี๋ยวนะ ฉันจะไปเรียกเขา”
หลายนาทีให้หลัง เฉินเกอก็เดินออกมาจากบ้านผีสิง เขาเองก็ค่อนข้างตกใจเมื่อเห็นแขกสองคนของเขา สองคนนี้ต่างไปจากที่เขาจดจำได้
ใบหน้าครึ่งหนึ่งของมือกรรไกรนั้นมีผ้าพันแผลพันเอาไว้ เขารูปร่างผอมสูง ผิวขาวเผือดอย่างน่ากลัว เขาดูเหมือนจะดำเนินชีวิตห่างไกลจากแสงอาทิตย์มาเป็นเวลานาน แวบแรกเขาดูไม่เหมือนฆาตกรเลย แต่ดูเหมือนผู้ป่วยโรคร้ายแรงมากกว่า ขณะที่ชายขี้เมาจางจิงจิ่วนั้นตรงกันข้ามกับมือกรรไกรอย่างสิ้นเชิง หลังจากอาบน้ำและสวมชุดสูท เขาก็ดูสดใสและน่าเข้าหา ดูเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จแบบที่จะอยู่บนปกนิตยสาร
“พวกคุณมาได้เวลาพอดีเลย ในเมื่อตอนนี้ไม่มีผู้เข้าชมอยู่พอดี ผมจะพาพวกคุณเดินดูรอบ ๆ” เฉินเกอต้อนรับสองคนเข้าไปในบ้านผีสิง “แล้วก็ หมอเล่า? เขาไม่ได้มากับพวกคุณเหรอ?”
“หลังจากแยกกับคุณ พวกเราก็แลกเบอร์กัน แต่ไม่รู้ทำไม พวกเราไม่สามารถติดต่อหมอผ่านโทรศัพท์ได้” เมื่อพูดถึงหมอ สีหน้าของจางจิงจิ่วก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “ผมสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา หรือว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง? ผมไปตามที่อยู่ที่เขาให้ผมไว้ แต่หลังจากถามเพื่อนบ้านแถวนั้นแล้ว ผมก็พบว่าเขาไม่ได้อาศัยอยู่ที่นั่นด้วยซ้ำ
“หมายความว่าตอนนี้หมอหายตัวไป?” เฉินเกอคิดก่อนจะพยักหน้า “ไม่เป็นไร ผมเชื่อเขา พวกเราผ่านอะไรด้วยกันมามากเกินกว่าที่เขาจะทำร้ายพวกเราลง ต้องมีเหตุผลที่เขาหายตัวไป”
อันที่จริง พูดตามตรง เฉินเกอก็ไม่ได้เชื่อถือในตัวหมอเท่าไหร่นัก เขาเชื่อโทรศัพท์เครื่องดำมากกว่า หมออาจจะไม่ใช่ตัวละครธรรมดา แต่อย่างน้อยที่สุดเขาก็ไม่ได้คิดจะทำร้ายคนอื่น
นำพนักงานทั้งสองคนเข้าไปในบ้านผีสิง เฉินเกอก็อธิบายแต่ละฉากให้ฟังสั้น ๆ ไม่เหมือนเสี่ยวกู่และซูว่าน เฉินเกอวางแผนที่จะฝึกพวกเขาให้เป็นพนักงานบ้านผีสิงเต็มตัว แทนที่จะให้พวกเขาดูแลฉากใดฉากเดียว
“ตอนที่พวกเรากลับมาทำงานหลังพักเที่ยง ผมแนะนำให้คุณสองคนตามหลังผู้เข้าชมไปสัมผัสแต่ละฉากในบ้านผีสิงเริ่มตั้งแต่ฉากระดับหนึ่งดาว” เฉินเกอใช้น้ำเสียงใจดีและเป็นมิตรที่สุดพูดประโยคนั้นกับมือกรรไกรและชายขี้เมาที่ยังไม่รู้ว่าความจริงโหดร้ายแค่ไหน “ในเมื่อพวกคุณกำลังจะมาทำงานที่นี่ในอนาคต ก็ไม่มีทางที่พวกคุณจะมัวมากลัวสิ่งที่อยู่ที่นี่”
“ไม่ต้องห่วง พวกเราจะพยายามอย่างสุดความสามารถ” มือกรรไกรและชายขี้เมาสัญญาอย่างง่ายดาย บางทีจากมุมมองของพวกเขาแล้ว ในเมื่อพวกเขารอดพ้นจากสถานที่อย่างเมืองหลี่ว่านมาได้ จะยังมีอะไรที่พวกเขาต้องกลัวอีกบนโลกนี้?
“ยอดเยี่ยมมาก ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ขอให้พวกคุณสนุกสนานไปพร้อม ๆ กับผู้เข้าชมช่วงบ่ายนี้” เฉินเกอไม่ได้มอบหมายภารกิจอะไรให้กับมือกรรไกรและชายขี้เมา เขาแค่บอกให้ทั้งคู่ตามผู้เข้าชมเข้าไป– นั่นเป็นวิธีการที่ดีที่สุดให้พวกเขาเรียนรู้
พักกลางวันหมดลงในไม่ช้า และมือกรรไกรกับชายขี้เมาก็เริ่มต้นวันที่น่าจดจำที่สุดในชีวิตของพวกเขา
ได้ยินเสียงกรีดร้องและตะโกนดังมาจากในฉาก เฉินเกอก็เกาคาง “พวกเขายังตกใจกลัวง่ายเกินไป ยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นพนักงานบ้านผีสิง ฉันกลัวว่าก่อนที่พวกเขาจะหลอกผู้เข้าชม เขาจะถูกเพื่อนร่วมงานหลอกจนกลัวแทบตายไปก่อน แต่ว่า ฉันก็ต้องเริ่มใช้ฉากเมืองหลี่ว่านเร็ว ๆ นี้แล้ว ดังนั้นฉันต้องฝึกพวกเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ตอนที่เฉินเกอกำลังคิด เสียงลุงซูก็ดังมาจากข้างนอก และเฉินเกอก็วิ่งออกไปขานรับเสียงเรียกอย่างรวดเร็ว ลุงซูยืนอยู่ข้าง ๆ ผู้อำนวยการลั่วที่ทางเข้า และพวกเขาก็ดูเหมือนจะมีอะไรมาบอกเฉินเกอ
“ผู้อำนวยการลั่ว ทำไมคุณถึงตัดสินใจมาหาผมด้วยตัวเองล่ะครับวันนี้?” เฉินเกอประหลาดใจ “ไม่ใช่ว่าสวนสนุกแห่งอนาคตปล่อยกลยุทธ์ใม่อีกนะครับ?”
“คนของสวนสนุกแห่งอนาคตเริ่มการโฆษณาแล้ว แต่ว่าผมมาที่นี่วันนี้เพื่อคุยกับเธอเรื่องอื่น” ผู้อำนวยการลั่วโบกมือให้เฉินเกอแล้วทั้งสองคนก็เดินยังมุมที่ลับตามากขึ้น “เฉินเกอ ผมตรวจดูแอพพลิเคชั่นเล็ก ๆ ที่พวกเราออกแบบกันก่อนหน้านี้ ผมพบว่าจำนวนผู้เข้าชมที่ผ่านฉากระดับสามดาวได้แล้วสูงพอสมควรทีเดียว อันที่จริง ผู้เข้าชมบางคนเกือบจะผ่านทุกฉากของบ้านผีสิงได้แล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป บ้านผีสิงของเธอก็จะถูกเคลียร์ได้ทั้งหมดก่อนที่สวนสนุกนิวเซนจูรี่จะเปิดให้บริการเสียอีก ถ้าเป็นอย่างนั้น แรงดึงดูดของบ้านผีสิงต่อผู้เข้าชมก็จะลดลงเป็นอย่างมาก และด้วยวิธีเล่นใต้โต๊ะของคนจากสวนสนุกแห่งอนาคต สถานการณ์ของพวกเราก็ดูจะไม่ดีนัก”
ผู้อำนวยการลั่วนั้นอยู่ในธุรกิจนี้มาหลายปี ถึงแม้ว่าเขาจะดูไม่เหมือนอย่างนั้น แต่อันที่จริงเขาก็เป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง “จุดดึงดูดใหญ่ที่สุดของสวนสนุกของพวกเราก็คือนานถึงขนาดนี้แล้วก็ยังไม่มีใครสามารถเคลียร์ฉากบ้านผีสิงของเธอได้ครบ ผมรู้ว่านี่จะเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ของเธอ แต่ตอนนี้ พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว และพวกเราก็แพ้ไม่ได้ นี่เป็นสิ่งเดียวที่พวกเราทำได้”
“ผู้อำนวยการลั่ว คุณมาที่นี่เพราะเรื่องนี้เหรอครับ?” เฉินเกอประหลาดใจที่วิธีการคิดของผู้อำนวยการลั่วนั้นคล้ายคลึงกับเขา “ไม่ต้องห่วงครับ ผมตั้งใจผ่อนปรนให้พวกเขาเองครับวันนี้”
“เธอตั้งใจ? แต่ว่าจำนวนผู้เข้าชมที่ผ่านฉากได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วจะเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเราได้ยังไง?” ผู้อำนวยการลั่วนั้นเชื่อในตัวเฉินเกอ แต่ว่าเขาก็คิดไม่ออกว่าทำไมเฉินเกอถึงทำอะไรอย่างนี้
“ครับ ยิ่งมีคนผ่านฉากระดับสามดาวได้มากเท่าไหร่ จำนวนคนที่จะสามารถเข้าไปสนุกกับฉากใหม่ที่น่ากลัวขึ้นก็มากขึ้นตาม ถ้าไม่มีใครท้าทายฉากที่เปิดใหม่ ไม่มีกระทั่งความตื่นเต้น มันก็ไม่เป็นการดีกับการโฆษณาของพวกเรา” เฉินเกออธิบายด้วยน้ำเสียงสงบ
“ฉากใหม่?” ผู้อำนวยการลั่วจับจุดหลักของสิ่งที่เฉินเกอพูดได้อย่างรวดเร็ว “เธอสร้างฉากใหม่เสร็จแล้ว?”
“แนวคิดกับวัตถุดิบนั้นพ่อกับแม่ของผมเตรียมเอาไว้แล้ว ดังนั้นผมก็แค่ต้องประกอบฉากขึ้นมาเท่านั้น ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมรับรองว่าฉากใหม่นี้จะน่ากลัวยิ่งกว่าฉากเดิมของพวกเรา” เฉินเกอมองผู้อำนวยการลั่ว โดยไม่ต้องพูดอะไรอย่างอื่นอีก พวกเขาทั้งสองคนต่างมีรอยยิ้มปริศนาให้กัน
“เอาละ อย่างนั้นก็ทำอย่างที่เธอกำลังทำต่อได้เลย ถ้าเธอต้องการอะไรอย่างอื่น ก็มาบอกผม ผมจะพยายามให้ความร่วมมือกับเธออย่างเต็มที่” ผู้อำนวยการลั่วรู้สึกดีขึ้นมากและเขาก็ถือเอกสารที่อยู่ในมือกลับไป
“มีเจ้านายที่ทุ่มเททุกอย่างให้กับสวนสนุกอย่างนี้ แล้วผู้เข้าชมจะกลัวไม่สนุกได้ยังไง?” เฉินเกอกลับไปที่บ้านผีสิง เขาก็วิ่งขึ้นลงชั้นใต้ดิน ตอนที่เขาตามดูสภาพของมือกรรไกรกับจางจิงจิ่ว เขาก็ดูให้แน่ใจไปด้วยว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับผู้เข้าชมที่ในฉาก
หกโมงครึ่ง บ้านผีสิงก็ส่งผู้เข้าชมกลุ่มสุดท้ายกลับออกไป เฉินเกอให้ซูว่านและเสี่ยวกู่กลับไปก่อนก่อนที่จะกลับเข้าไปในบ้านผีสิงอีกครั้ง มือกรรไกรกับจางจิงจิ่วนอนอ่อนแรงอยู่ที่บนพื้น สติสัมปชัญญะของพวกเขาอ่อนล้า
อันที่จริง พวกเขาจำได้ชัดเจนว่าตัวเองหมดสติไปในบ้านผีสิง ตอนที่พวกเขากำลังสวดภาวนาอยู่เงียบ ๆ ว่าได้รับการปล่อยตัวออกจากบ้านผีสิงแล้ว พวกเขาก็ลืมตามาและพบว่าตัวเองยังอยู่ในบ้านผีสิง พวกเขามองเวลาที่บนโทรศัพท์ และมันก็บอกพวกเขาว่าเวลาเพิ่งผ่านไปแค่สิบนาทีตั้งแต่ที่พวกเขาหมดสติไป
หลังจากถูกทรมานรอบแล้วรอบเล่า พวกเขาก็เริ่มหวาดกลัวน้อยลง ถึงแม้ว่าใบหน้าจะยังซีดขาวราวกับกระดาษเพราะความตกใจ แต่อย่างน้อยที่สุด พวกเขาก็ไม่หมดสติแล้ว
“เป็นไง รู้สึกยังไงบ้าง?” เฉินเกอยื่นน้ำแร่สองขวดให้ เขาวางแผนจะฝึกมือกรรไกรและจางจิงจิ่วเป็นพนักงาน ดังนั้นเพื่อป้องกันอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับพวกเขา เฉินเกอไปขอกลุ่มคุณหมอเว่ยให้ตามดูพวกเขา และให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์เมื่อจำเป็น
“ผมบอกไม่ถูกจริง ๆ มันเหมือนกับไม่ว่าในอนาคตจะเจอบททดสอบชีวิตอะไรอีก ผมก็คงสามารถยิ้มรับมือกับมันแล้วก็ชนะมันได้” จางจิงจิ่วฟื้นตัวได้ดีทีเดียว เขาพยายามหมุนเปิดฝาขวดน้ำด้วยมือสั่น ๆ แต่พยายามอยู่หลายครั้งก็ยังไม่สำเร็จ
“แล้วนายล่ะ มือกรรไกร?”
“ทำไมมันถึงเหมือนว่าผมรู้สึกดีกว่าตอนที่อยู่ในเมืองหลี่ว่าน? บางทีอาจจะมีความบ้าคลั่งแอบซ่อนอยู่ในตัวผมจริง ๆ ก็ได้” มือกรรไกรยกมือกุมหน้าตัวเอง ก่อนที่จะมาที่นี่ เขาไม่คิดจริง ๆ ว่าบ้านผีสิงของเฉินเกอจะน่ากลัว บาดแผลที่ค่อย ๆ ฟื้นฟูอย่างช้า ๆ บนหน้าของเขาเกือบจะฉีกจนมีเลือดซึมออกมาใหม่จากความหวาดกลัว
“ดีมาก ตอนนี้พวกนายก็ได้สัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ ในมุมของผู้เข้าชมแล้ว ฉันจะพาพวกนายไปสัมผัสกับทุกอย่างอีกครั้งในมุมมองของพนักงาน” เฉินเกอลุกขึ้นแล้วไปเอารถเข็นมาจากห้องโถงพักรอ
“อะไรนะ? อีกครั้ง?” มือกรรไกรและจางจิงจิ่วเบียดตัวเข้าหากัน สหายที่ผ่านความหวาดกลัวมาด้วยกัน
“ถ้าพวกนายเดินไม่ไหว ฉันจะเข็นนายไปรอบ ๆ เองด้วยรถเข็นนี่ ไม่ต้องห่วง มันปลอดภัย ฉันวิ่งเล่นอยู่ในนี้มาจะเป็นสิบปีแล้ว ไม่มีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้นหรอก”
ด้วยการกระตุ้นจากเฉินเกอ มือกรรไกรและจางจิงจิ่วก็เข้าไปในบ้านผีสิงอีกครั้ง แต่ว่า การเข้ามาของพวกเขาครั้งนี้ต่างไปจากครั้งก่อน เฉินเกอเริ่มสอนพวกเขาถึงวิธีการหลอกให้ผู้เข้าชมหวาดกลัว
“นักแสดงในบ้านผีสิงน่ะไม่มีบท ดังนั้นทักษะการแสดงของแต่ละคนจึงสำคัญมากขึ้นไปอีก พวกนายต้องมองตัวเองเป็นตัวละครที่พวกนายกำลังสวมบทบาทอยู่จริง ๆ แล้วบทบาทของตัวละครนั้นก็จะหลั่งไหลออกมาจากตัวนายได้อย่างเป็นธรรมชาติ”
จากการเรียนรู้วิธีการฟื้นชีพที่ดีที่สุดด้วยการเป่าปาก จากการเรียนรู้วิธีการใช้กลไกเล็ก ๆ ที่เกลื่อนอยู่ในบ้านผีสิง จนถึงการทำความเข้าใจเกี่ยวกับจิตวิทยาของคนบ้าคลั่ง มือกรรไกรและจางจิงจิ่วถึงได้ตระหนักว่าคนผู้หนึ่งต้องรู้เรื่องมากมายแค่ไหนถึงจะเป็นพนักงานบ้านผีสิงที่มีคุณภาพได้
“ดึกมากแล้ว พวกนายกลับบ้านไปพักผ่อนได้ มาที่นี่เช้าพรุ่งนี้ แล้วฉันจะมอบหมายงานให้พวกนายทำ ให้นายเข้าใจความสนุกและเสน่ห์แท้จริงของการทำงานในบ้านผีสิง
เมื่อมือกรรไกรและจางจิงจิ่วกลับไปแล้ว เฉินเกอก็ส่งโบนัสให้พวกเขาแต่ละคน นับเป็นค่านอกเวลา
หลังจากหนึ่งวันหนึ่งคืนของการไม่ได้พักผ่อน ร่างกายของเฉินเกอก็ถึงขีดจำกัด เขาตั้งนาฬิกาปลุกแล้วล้มลงไปบนเตียง
ตอนตีสี่เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินเกอก็ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงปลุก เขาอุ้มเจ้าแมวขาวที่ตะกายขึ้นมาขดอยู่ข้างหมอนของเขาจากที่บนเตียงแล้วรีบเปิดโทรศัพท์เครื่องดำ
“ฉากระดับ 3.5 ดาว– เมืองหลี่ว่าน สร้างเสร็จแล้ว!
“คำเตือน! พื้นที่ภายในของบ้านผีสิงเต็มแล้ว กรุณาขยายพื้นที่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!”
“ต้องขยายพื้นที่อีกครั้งเร็วขนาดนี้เลยเหรอ? ฉากเมืองหลี่ว่านใหญ่แค่ไหนกันแน่?” บ้านผีสิงของเฉินเกอนั้นเลื่อนระดับขึ้นเป็นวงกตสยองขวัญแล้ว หลังจากขยายอีกสองครั้ง มันก็จะเลื่อนระดับถึงขั้นต่อไป “ฉันต้องปล่อยเรื่องการขยายพื้นที่ออกไปจนกว่าจะสะดวกกว่านี้ ส่วนตอนนี้ ฉันควรลงไปตรวจดูฉากใหม่”
ฉากเปิดสู่สาธารณชนเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีกับเฉินเกอ เขาสวมเสื้อผ้า แบกกระเป๋า แล้วมุ่งหน้าไปที่ชั้นใต้ดิน ทางเดินที่นำไปสู่เมืองหลี่ว่านนั้นอยู่ถัดไปจากหมู่บ้านโลงศพ ทั้งสองฉากนั้นเชื่อมถึงกัน แต่ฉากใหม่นี้ใหญ่กว่าหมู่บ้านโลงศพรวมกับหอผู้ป่วยสามเสียอีก
“มีทะเลสาบสำหรับผีน้ำ และอุโมงค์ที่นำไปสู่ที่ไหนไม่รู้ ติดกับหมู่บ้านโลงศพ และยังมีโรงพยาบาลและโรงเรียนอยู่ข้างใต้นี่ ที่นี่กำลังจะกลายไปเป็นเมืองใต้ดินที่มีบริการต่าง ๆ ครบครัน”
เดินไปตามถนน ตึกที่รอบตัวเฉินเกอนั้นกลับปลูกลงไปด้านล่างแทนที่จะปลูกขึ้นมาด้านบน มีชั้นใต้ดิน และชั้นใต้ดินส่วนใหญ่ล้วนเชื่อมต่อกัน เกิดเป็นวงกตในตัวมันเอง
เพราะคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้เข้าชม เฉินเกอตรวจสอบทุกตึกทีละหลัง แค่นี้ก็ใช้เวลาเกินหนึ่งชั่วโมงแล้ว ขนาดของที่นี่นั้นช่างน่าดูชมจริง ๆ นั่นแหละ
“แต่ที่กว้างใหญ่อย่างนี้ก็มีข้อดีของมันเอง ฉันจะทำให้ที่นี่กลายไปเป็นสิ่งที่ฉันต้องการได้อย่างอิสระ” เฉินเกอเรียกพนักงานทั้งหมดของเขาออกมาแล้วเริ่มปรับปรุงฉาก นี่รวมถึงเอาสิ่งของที่มีคนและอันตรายออก จากนั้นเขาก็จัดวางพนักงานที่ ‘ฝึกฝน’ แล้วคนใหม่เข้าไปในฉากของพวกเขา
“มีจุดสยองขวัญหลัก ๆ สามจุด– โรงแรม โรงพยาบาล และเขตที่พักอาศัย ตอนนี้ ฉันยังมีผีน้อยเกินไป หลังจากพระอาทิตย์ขึ้น ฉันจะให้มือกรรไกรกับจางจิงจิ่วเข้ามาเติมจำนวนพนักงานที่นี่ แต่นอกจากนั้นแล้ว ฉันยังต้องทำหุ่นอีกชุดหนึ่ง”
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดเกี่ยวกับโรงแรมก็คือห้องลับด้านหลังตู้เย็น โชคร้าย ผีผู้หญิงหิวโหยนั้นถูกฆ่าไปแล้ว และต้นกำเนิดความสยองชิ้นใหญ่จึงหายไป เฉินเกอพยายามคิดหาวิธีชดเชยเรื่องนั้น เขาวางแผนจะฟื้นฟูเมืองหลี่ว่านให้อยู่ในสภาพเหมือนจริงที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อสร้างความรู้สึกสิ้นหวังที่ทุกมุมนั้นมีวิญญาณซุ่มซ่อน และทุกเลี้ยวนำไปสู่ฆาตกรเหี้ยมโหด
“ฉากอื่นนั้นมีจุดสยองไม่ถึงสิบจุด และฉันก็วางจุดสยองขวัญเอาไว้ในเมืองหลี่ว่านมากกว่านั้น ด้วยความถี่ของความน่ากลัวสูงขนาดนี้ ฉันอยากรู้นักว่าผู้เข้าชมจะรอดจากฉากนี้ไปได้ไหม” เฉินเกอนั้นพอใจกับการทำงานของตนที่เมืองหลี่ว่าน เขาใช้เวลาอยู่ที่นี่จนถึงแปดโมงเช้า ตอนที่เขาเข้าไปในฉาก หนังสือการ์ตูนของเขาอ้วนไปด้วยเนื้อหาด้านใน แต่ตอนที่เขากลับออกมา มันแทบจะว่างเปล่า
“เมื่อวานนี้ มีคนผ่านฉากระดับสามดาวได้มากมาย พอพวกเขาเริ่มผ่อนคลาย ก็ต้องมีคนที่ยินดีอาสาเข้าฉากระดับสามดาวครึ่งฉากใหม่ที่ฉันจะเปิดให้เข้าชมวันนี้ ถ้าฉันโชคดีพอ ฉันก็อาจจะเจอพวกโทรลล์อยู่ในพวกเขาด้วย จะดีที่สุดถ้าเป็นคนที่สวนสนุกแห่งอนาคตส่งมา”
ออกจากฉากใต้ดินแล้ว เฉินเกอก็ไปอาบน้ำเย็น ๆ และเตรียมเริ่มงาน วันนี้เป็นวันแรกที่มือกรรไกรและจางจิงจิ่วจะเริ่มงานของตน และพวกเขาก็มาถึงเช้ามาก
“บอส มีสิ่งที่ผมต้องบอกคุณด้วย” จางจิงจิ่วยังคงสวมสูท ดูธรรมดาเป็นอย่างมาก “ผมยังไม่สามารถติดต่อกับหมอได้ มันเหมือนเขาหายตัวไป”
“ฉันเข้าใจแล้ว ตอนนี้ ยังไม่ต้องห่วงเรื่องเขา” เฉินเกอนำทั้งสองคนเข้าไปในห้องแต่งตัว “ไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตรอง ทำตัวตามสบายเหมือนอยู่บ้านตัวเองเลยนะ”
ใช้พรสวรรค์ที่ได้รับมาจากโทรศัพท์เครื่องดำ เฉินเกอก็แสดงสุดยอดทักษะในการแต่งหน้าพนักงานใหม่ทั้งสองคน นี่ทำให้มือกรรไกรและจางจิงจิ่วประหลาดใจ– บอสคนใหม่ของพวกเขานั้นเป็นอัจฉริยะในทุกด้านอย่างแท้จริง
“จะเปิดบ้านผีสิงก็ต้องแต่งหน้าเป็นละนะ” เฉินเกอแต่งจางจิงจิ่วเป็นบอสเจ้าของโรงแรมเมืองหลี่ว่าน จากนั้นก็หาชุดแจ็ค เดอะริปเปอร์ ในห้องเก็บของมาส่งให้มือกรรไกร “ตัวละครของนายก็คือฆาตกรบ้าคลั่ง ฉันเคยเจอพวกคนบ้ากว่าสิบแบบ ฉันจะจดรายละเอียดให้นายทีหลัง หวังว่านั่นจะช่วยให้นายมีแรงบันดาลใจ”