My House of Horrors คฤหาสน์สยองขวัญของผม - ตอนที่ 702
ยืนอยู่ในตรอกมืด ๆ จางจิงจิ่วและหลี่ซางอิ๋นต่างมองกันและกัน ไม่มีใครพูดอะไร พวกเขาไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับผีโดยตรงมาก่อน และบรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นประหลาดและกระอักกระอ่วน
จางจิงจิ่วกระแอมครั้งหนึ่ง เขาเคยทำงานขายมาก่อน ดังนั้นบุคลิกภาพของเขาจึงเปิดเผยมากกว่าหลี่ซางอิ๋น เขารู้ว่าพวกเขาไม่สามารถยืนอยู่อย่างนี้กันทั้งวันได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจดำเนินบทสนทนาต่อ
“ไม่ต้องกังวลนะครับ คุณบอกผมได้ไหมว่าเขาหน้าตาแบบไหน? อย่างขนาด หรือความยาว หรือว่าเขามีลักษณะพิเศษอย่างไร?”
“อธิบายถึงเขาให้คุณฟัง? ขนาด ความยาว และลักษณะพิเศษ?” หลี่ซางอิ๋นอึ้งไปกับคำถามของจางจิงจิ่ว นี่เป็นคำถามที่คนเป็น ๆ ควรถามเหรอ?
เขาก็แค่สร้างเรื่องขึ้นมาเท่านั้นเอง เขาไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะจริงจังกับมันขนาดนั้น แต่ในเมื่อเรื่องนี้มันหมุนไปทางนั้นแล้ว หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลี่ซางอิ๋นก็พูด “ใบหน้าของเขาพร่ามัว และเขาก็เต็มไปด้วยเลือด เขาเอาแต่ร้องไห้ บอกว่าหนาวแค่ไหน”
“ได้ มันอาจจะลำบากหน่อยถ้าหน้าตาของเขาพร่ามัว” จางจิงจิ่วกุมคางและพูดออกมาอย่างจริงจัง “ถ้าเขาบอกว่าเขาหนาวมาก อย่างนั้นเขาน่าจะอยู่ในตู้เย็น แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น เลือดของเขาก็น่าจะแข็งไปแล้ว ดังนั้นความเป็นไปได้จึงไม่สูงนัก ให้ผมคิดดูก่อนว่าจะมีที่ไหนที่ทำให้เขารู้สึกหนาวได้ โอ้ ใช่แล้ว! ห้องเก็บศพที่โรงพยาบาล! ลูกของคุณอาจจะแอบเข้าไปในโรงพยาบาล ผมคิดว่าคุณควรลองไปดูที่นั่น คอยฟังเสียงร้องไห้เอาไว้– ห้องที่มีเสียงร้องไห้ดังที่สุดน่าจะเป็นที่ที่ลูกของคุณแอบอยู่”
“นี่คุณจริงจังเรอะ?” หลี่ซางอิ๋นนั้นเคยมั่นใจในฝีมือแต่งหน้าและการแสดงของตัวเองมาก เขาเป็นนักแสดงที่ดีที่สุดของสถาบันฝันร้าย แต่ว่าเขาเริ่มสงสัยในตัวเองเมื่ออยู่ต่อหน้าจางจิงจิ่ว ผู้ชายคนนี้ให้ความร่วมมือกับเรื่องเล่าของเขาอย่างสุดความสามารถแต่ว่านั่นกลับกระตุ้นความสงสัยในหัวใจของหลี่ซางอิ๋นขึ้นมาว่าเขามองทุกอย่างออกและพยายามชักนำเขาไปยังห้องเก็บศพ
จางจิงจิ่วนั้นไม่ได้คิดอะไรอย่างที่หลี่ซางอิ๋นกำลังคิดเลย เขาพยักหน้า “หากเขาไม่อยู่ที่โรงพยาบาล อย่างนั้นก็ไม่ต้องห่วง อย่างไรเสียที่นี่ก็ใหญ่แค่นี้เอง ในที่สุดแล้วผมแน่ใจว่าคุณจะได้เจอกับเขา”
หลี่ซางอิ๋นไม่เข้าใจเลยว่าเขากำลังถูกผีปลอบใจอยู่ได้อย่างไร– จะอธิบายความรู้สึกนี้อย่างไรดี? มันค่อนข้างน่ากลัวอยู่บ้าง และก็น่าตื่นเต้นมาก
“ขอบคุณ ฉันคิดว่าฉันจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้” เสียงของหลี่ซางอิ๋นสั่น เขาซ่อนตัวเองอยู่ในเงาก้มหน้าต่ำเพื่อซ่อนลูกกระเดือก
“ไม่เป็นไรครับ อย่างไรเสียพวกเราก็เป็นครอบครัวกันแล้ว” จางจิงจิ่วคิดว่าผีตนนี้ค่อนข้างสุภาพและรู้ว่านี่เป็นวิธีการแสดงความขอบคุณของเธอ ดูเหมือนว่าพนักงานคนอื่น ๆ ของบ้านผีสิงก้ไม่ได้เข้าถึงยากอย่างที่เขาคิดทีแรก
“พวกเราเป็นครอบครัว? คุณหมายความถึงอะไร?” หัวใจของหลี่ซางอิ๋นเต้นรัวเร็ว ผีตนนี้กำลังจะฆ่าเขาแล้วผนึกวิญญาณของเขาเอาไว้ในบ้านผีสิงเพื่อผูกมัดให้เขาอยู่ที่นี่ไปตลอดกาลเหมือนกันงั้นหรือ?
“ตอนนี้ พวกเรายังไม่คุ้นเคยกันเพราะว่านี่เป็นการพบกันครั้งแรกของพวกเรา แต่หลังจากพวกเราทำงานด้วยกันนานเข้า พวกเราย่อมรู้จักกันและกันดีขึ้น” จางจิงจิ่วเค้นรอยยิ้มประหลาดขึ้นบนหน้า
“ทำงานด้วยกันนานไป?” หัวใจของหลี่ซางอิ๋นหดตัวแน่น และเขาก็กำหมัดแน่น! จุดประสงค์ที่แท้จริงเผยออกมาแล้ว! ดังนั้น ตลอดเวลามานี้ ผีตนนี้ก็เพ่งเล็งเขาเอาไว้! ผู้ชายที่มีรอยยิ้มประหลาดคนนี้นั้นมองการปลอมตัวของเขาออกและต้องการให้เขาอยู่ที่บ้านผีสิงนี่ไปตลอดกาล!
เหงื่อไหลชุ่มเครื่องสำอางที่บนหน้าผากของเขา หลี่ซางอิ๋นรู้ว่าพนักงานบ้านผีสิงธรรมดา ๆ จะไม่เข้าหาเขาและพูดเกี่ยวกับการร่วมงานกันในอนาคตของพวกเขาเมื่อพบเจอเข้ากับคนแปลกหน้าที่กำลังท้องในบ้านผีสิง
ยิ่งหลี่ซางอิ๋นคิด เขาก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมเขาถึงรู้สึกไม่ดีตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาที่นี่ ที่นี่มีผีสิงจริง ๆ!
“พวกเราค่อยคุยกันตอนนั้นแล้วกัน” หลี่ซางอิ๋นรีบร้อนจะกลับออกไป
“โรงพยาบาลอยู่ทางซ้ายมือนะครับ!” จางจิงจิ่วมองหลี่ซางอิ๋นรีบร้อนจากไปแล้วก็เกาจมูก “นี่ฉันพูดอะไรล่วงเกินเธอไปหรือเปล่า? มันเหมือนว่าฉันทำอะไรสักอย่างผิดไป”
ก่อนที่หลี่ซางอิ๋นจะเดินออกไปลับตา วิทยุสื่อสารในกระเป๋าของจางจิงจิ่วก็ดังขึ้น เขารีบดึงมันออกมา
“จิงจิ่ว คุณเรียกหาผมมีอะไรหรือเปล่า?” เสียงของเฉินเกอดังออกมาจากวิทยุ
“มีพนักงานเก่าที่นี่มาหาผมและถามคำถามผม แต่ไม่ต้องห่วง พวกเรามีปฏิสัมพันธ์กันค่อนข้างดีที่เดียว”
“พนักงานเก่ามาหาคุณ?” เฉินเกองุนงง “พนักงานธรรมดาจะไม่ออกจากตึกของตัวเองนะ ถ้าไม่มีที่สิงสถิต พวกเขาจะอ่อนแอลงเรื่อย ๆ แล้ววิญญาณสีเลือดทั้งสองตนนั่นก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส และพวกเขาก็สัญญากับผมว่าจะไม่เป็นฝ่ายออกไปตามหาผู้เข้าชมด้วยตนเอง จิงจิ่ว คนผู้นั้นที่คุณเจอหน้าตาแบบไหน?”
“เป็นผู้หญิงท้องคนหนึ่ง…”
“เอาละ ผมเข้าใจแล้ว นั่นไม่ใช่พวกเรา เป็นอีกฝ่ายที่แทรกซึมเข้ามาในที่ของพวกเรา”
“พวกเราควรจะทำยังไงดีครับ?” จางจิงจิ่วตื่นตระหนก เขาไม่คิดจริง ๆ ว่าคนท้องคนนั้นจะไม่ใช่พนักงานบ้านผีสิง
“คุณก็เคยเห็นผีกับสัตว์ประหลาดที่ในจิ่วเจียงตะวันออก เมื่อโลกนี้มีแสงสว่าง ย่อมมีความมืด ถ้ามีคนอย่างผมที่ยึดมั่นในความยุติธรรม ก็ย่อมต้องมีคนที่มีความชั่วร้ายอยู่ในหัวใจ แต่ไม่ต้องห่วง ไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้าพวกเขากล้าสร้างปัญหาที่ในบ้านผีสิงของผม พวกเขาก็ควรจะเตรียมสนุกกับประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตได้เลย”
“เข้าใจแล้วครับ” จางจิงจิ่วบรรยายหน้าตาของหญิงท้องอย่างละเอียดให้เฉินเกอฟังก่อนจะวางสาย
…
เฉินเกอยืนอยู่ตรงทางแยก เก็บวิทยุสื่อสารลงไป ตอนแรกที่ได้ยินจางจิงจิ่งรายงาน เขาคิดว่าเงาส่งลูกน้องออกมา แต่ยิ่งฟัง เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง หญิงท้องนั่นน่าจะเป็นคนเป็น ๆ ปลอมตัวมา
มีนักแสดงมืออาชีพจากบ้านผีสิงอื่นแทรกซึมเข้ามาในกลุ่ม พวกเขาตามนักไลฟ์สตรีม หวงหลาง เข้ามาและเพื่อสร้างเอฟเฟ็คท์ บางคนก็แกล้งทำตัวเป็นผี
“หวังว่าฉันจะกังวลไปเอง” บ้านผีสิงนั้นเป็นฐานทัพของเฉินเกอ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถละเลยอะไรเกินไปได้ ส่วนเรื่องความปลอดภัย เฉินเกอติดต่อถงถงและให้เขาปลุกผีทั้งหมดในฉากขึ้นมา ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถระบุตำแหน่งผู้เข้าชมที่สงสัยได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
เสียงหัวเราะและเสียงร้องไห้ก้องอยู่ในเมืองเล็กนี้ เงาปีนป่ายออกจากกำแพงและมุมต่าง ๆ วิญญาณที่ซ่อนตัวอยู่ตื่นขึ้น และพวกเขาก็เริ่มออมาเดินไปตามถนน แค่ไม่กี่วินาที เฉินเกอก็ได้รับข้อความจากถงถงและมือกรรไกร
ถงถงเจอผู้ชายคนนั้นแล้ว แต่ว่ามือกรรไกรทำได้ดีกว่า เขาบอกเฉินเกอว่าเขากำลังตามชายคนนั้นอยู่ ผู้ชายคนนั้นน่าสงสัยมากไม่เหมือนผู้เข้าชมทั่วไป
“รอก่อน พวกเราจะลงมือพร้อมกันเมื่อฉันไปถึง” เฉินเกอมองเวลาบนโทรศัพท์ของเขา ยังพอมีเวลาก่อนที่การเข้าชมครั้งนี้จะจบลง
…
หลี่ซางอิ๋นโยนชุดคนท้องกับผ้าปูเตียงเข้าไปในห้องมั่ว ๆ ห้องหนึ่ง แล้วก็เบียดตัวเองไปยังทางออกในใจโดยไม่ล้างเครื่องสำอางออก เขาไม่กล้าทำเสียงอะไรมากนักเพราะไม่อยากดึงดูดสิ่งเหนือธรรมชาติ เขาโทรหาเพื่อนของเขา แต่ว่าไม่มีใครรับสายเหมือนกับเขาอยู่ในอีกโลกหนึ่งที่แยกออกมา
ตอนที่การเข้าชมกำลังจะหมดเวลาลง เมืองเล็กก็เปลี่ยนเป็นน่ากลัวขึ้นและมืดขึ้น ถนนที่ควรจะว่างเปล่าเต็มไปด้วยเงา หมอกรอบ ๆ เมืองหนาขึ้น และก็ยังได้กลิ่นเลือดอยู่ในหมอกนั่น
“มันเหมือนมีดวงตาคู่หนึ่งจับจ้องฉันอยู่” หลี่ซางอิ๋นเกาหลังคอ เขารู้สึกกระวนกระวายและไม่สบายใจ พอมีลมพัดเขาก็มักจะหันหลังไปมอง “มีคนอยู่ข้างหลังฉัน!”
หลังจากวิ่งไปถนนหนึ่ง หลี่ซางอิ๋นจู่ ๆ ก็เพิ่มความเร็ว เขาเปิดไฟฉายบนโทรศัพท์แล้วส่องไปด้านหลังตัวเอง ในหมอก มีชายแปลกหน้าในชุดคลุมยาวถือกรรไกรใหญ่เล่มหนึ่งไล่ตามหลังเขามา
“ฉันรู้อยู่แล้ว!” หลี่ซางอิ๋นยังค่อนข้างใจเย็น เขารู้ว่าแสงจากโทรศัพท์คงจะเผยตำแหน่งของเขาออกมา ดังนั้นเขาจึงปิดมันลงทันที “ฉันเคยมาที่ตึกนี้มาก่อน หลังจากผ่านประตูหน้าเข้าไป ก็สามารถกระโดดออกจากหน้าต่างด้านหลังได้ ฉันจะใช้โอกาสนี้สลัดตัวประหลาดนั่นทิ้ง”
นั่นเป็นความคิดที่ดี แต่เมื่อเขาเริ่มวิ่งไปข้างหน้า เขาก็ชะงัก
ที่มุมถนน มีผู้ชายคนหนึ่งสวมชุดคลุมแบบหมอ มีโซ่พันตัวเอาไว้ ลากค้อนหน้าตาน่ากลัวเดินตรงเข้ามาหาเขาช้า ๆ