My House of Horrors คฤหาสน์สยองขวัญของผม - ตอนที่ 707
“ใช่ ใช่ ยังไงเธอก็เป็นวิญญาณสีเลือดน่ะนะ” เฉินเกอยักไหล่ขณะเดินเข้าไปในห้องโถง
“เฮ้! คุณกำลังวางแผนจะทำอะไรน่ะ? ผมกลับมาแล้วนะ!” เหมินหนานกระวนกระวาย เขามีความรู้สึกว่าเฉินเกอพาเขากลับบ้านอย่างมีจุดประสงค์แอบแฝง ในใจเขา เฉินเกอเป็นคนแบบนั้น
เฉินเกอยืนนิ่งอย่างประหลาดใจและพูดออกมาตามจริง “ในเมื่อฉันก็มาอยู่ที่นี่แล้ว เธอจะไม่เชิญฉันไปดูหลังประตูหน่อยเหรอ?”
“คุณ…” เหมินหนานเองก็ไม่รู้จะบอกเฉินเกออย่างไรดี ในเมื่อเขาเป็นคนเป็นคนแรกที่ขอเข้าไปด้านหลังประตู “ตอนเที่ยงคืน ประตูเปิดได้แค่หนึ่งนาทีเท่านั้น ดังนั้นคุณก็อยู่ในประตูผมได้แค่นาทีเดียว ถ้าคุณอยู่นานกว่านี้ คุณก็ต้องรอจนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้ถึงจะกลับออกไปได้”
“แค่นาทีเดียว?” เฉินเกอไม่ต้องการรบกวนเหมินหนานเกินไป “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ยังมีโอกาสอีกมากในอนาคต ทางที่ดีเธอไปซ่อมหน้าต่างก่อน ฉันไม่รบกวนเธอแล้ว”
“อย่างนั้นผมไปได้แล้วใช่ไหม?” เหมินหนานมองเขาอย่างระแวดระวังเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าเฉินเกอจะจู่ ๆ ใจดี
“ไปเถอะ เธอช่วยฉันมาหลายครั้ง ต่อไปถ้าเธอเจอปัญหาอะไรที่แก้ไม่ได้ก็มาหาฉันได้ทุกเวลา”
“นั่นไม่มีทาง ตราบใดที่ผมไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับคุณผมก็จะไม่เจอปัญหาอะไรทั้งนั้น” เหมินหนานบ่นเบา ๆ
“นั่นอาจจะไม่จริงก็ได้ เงาที่พวกเราฆ่าไปก่อนหน้านี้นั้นเป็นแค่หุ่นชักใยของวิญญาณสีเลือดชั้นสูง ถ้าพวกเราไม่ฆ่าตัวจริงของมัน อย่างนั้นวิญญาณสีเลือดชั้นสูงนั่นก็จะมายุ่งกับพวกเราแน่นอน”
“วิญญาณสีเลือดชั้นสูง?” ใบหน้าของเหมินหนานซีดลงและดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง เขาคิดว่าเงานั่นเป็นปิศาจที่น่ากลัวที่สุดแล้ว แต่ว่ามันกลับยังมีร่างหลักอีก
“ร่างจริงของปิศาจนั่นเรียกว่าผีทารก สร้างขึ้นจากคำสาปและความอาฆาตแค้น มันผูกพยาบาทมาก ดังนั้นเธอต้องระวังตัว” จากนั้นเฉินเกอก็กลับออกไป เดินออกจากหอผู้ป่วยสามแล้วเฉินเกอก็พลิกหน้าหนังสือการ์ตูนพลางคิดถึงสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ
“ฉันเป็นคนรักษาคำพูด ฉันยังไม่ได้เริ่มทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับ จางเหวินอวี้ โอเปอเรเตอร์สายด่วนฆ่าตัวตายเลย เมื่อไหร่ที่ฉันช่วยเขาทำตามความปรารถนาก่อนตายของเหยื่อฆ่าตัวตายสำเร็จ เขาก็จะช่วยฉันตอบแทน” เฉินเกอนั้นมีกำลังคนจำกัด ตามหาผีทารกซึ่งอาจจะอยู่ที่ไหนก็ได้ในจิ่วเจียงนั้นยากมาก แต่ว่าจางเหวินอวี้นั้นต่างไป เขาแบกรับวิญญาณสัมภเวสีของเหยื่อฆ่าตัวตายทั้งหมดที่เขาเคยมีปฏิสัมพันธ์ด้วยเอาไว้ เขาต้องช่วยคนทั้งหมดเพื่อเป็นการไถ่บาป แต่เพราะอย่างนั้น เหล่าวิญญาณสัมภเวสีที่ติดอยู่กับเขาก็ยังมอบพลังของพวกเขาให้
จางเหวินอวี้นั้นเป็นวิญญาณสีเลือดที่พิเศษออกไป และกระทั่งเฉินเกอก็ไม่รู้เลยว่าเขามีพลังแค่ไหน เฉินเกอนั้นแค่คิดถึงกำลังคนที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อการตามหาคนผู้หนึ่ง
“ฉันช่วยทำตามความปรารถนาของผู้ชายที่ป่วยภาวะโนบิตะ-ไจแอ้นท์ไปเรียบร้อยแล้ว ตามที่พวกเราตกลงกันไว้ ฉันสามารถขอความช่วยเหลือเขาได้ครั้งหนึ่ง” เฉินเกอดึงโทรศัพท์ออกมากดหมายเลขที่เขาจดจำเอาไว้ หลังจากเสียงสัญญาณดังสามครั้ง สายก็ถูกรับ แต่ว่าไม่มีเสียงทักทายเขา
“ผมจะช่วยคุณทำตามความปรารถนาของเหยื่อให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่ว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ผมเจอกับปัญหายุ่งยากมากเรื่องหนึ่งและคิดว่าคุณน่าจะช่วยผมได้” เฉินเกอพูดเข้าประเด็นและบอกสิ่งที่เขาต้องการออกไป
“คุณต้องการให้ผมทำอะไร?” เสียงแหบ ๆ ของจางเหวินอวี้ดังผ่านโทรศัพท์มา
“ผมต้องการตามหาเด็กที่ยังไม่เกิดคนหนึ่ง ผมเคยเห็นหน้าเขา และอีกเดี๋ยวผมจะส่งภาพวาดใบหน้าเขาให้คุณ” เฉินเกอให้เอี๋ยนต้าเหนียนวาดรูปใบหน้าของเด็กที่หน้าอกของเงานั่นที่น่าจะเป็นหน้าตาของผีทารก
“ถึงผมจะรู้ว่าเขาหน้าตายังไง แต่เขายังไม่เกิด แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าเขาอยู่ที่ไหน?”
“คุณเป็นวิญญาณสีเลือด คุณน่าจะมีวิธีการของคุณ”
ทั้งสองฝ่ายเงียบไปก่อนที่ในที่สุดจางเหวินอวี้จะพูด “ได้ ผมจะพยายามดู”
“ร่างหลักของเด็กคนนั้นคือผีทารก มันน่าจะเป็นวิญญาณสีเลือดขั้นสูงและยังอันตรายมาก ดังนั้นคุณต้องระมัดระวังระหว่างการค้นหา” หลังจากจัดการเรื่องนั้น เฉินเกอก็เปลี่ยนเรื่อง “ก่อนหน้านี้ คุณบอกความปรารถนาของวิญญาณสัมภเวสีให้ผมสามอย่าง ผมทำสำเร็จไปแล้วสอง– ผู้ป่วยภาวะโนบิตะ-ไจแอ้นท์ และผู้ป่วยมะเร็งที่ตายบนทางรถไฟ แต่ว่าความปรารถนาที่สามยุ่งยากเล็กน้อย”
“ความปรารถนาที่สาม?”
“ครับ นักเขียนที่ต้องการให้ผลงานของเขาได้ทำหนัง” เฉินเกอนั้นเป็นเจ้าของบ้านผีสิง ดังนั้นเขาจึงไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการทำหนัง มันยากที่จะทำตามความปรารถนานี้ “คุณบอกความปรารถนาของวิญญาณสีเลือดตนอื่นได้ไหม? ผมจะลองช่วยพวกเขาก่อน”
“พวกนั้นไม่สำคัญ วิญญาณของนักเขียนนั่นทรงพลังมากและผมก็ควบคุมเขาได้อย่างลำบาก หากพวกเราไม่จัดการกับความปรารถนาของเขาให้เร็วที่สุด ผมก็อาจจะถูกเขากลืนกินไปได้” จางเหวินอวี้พูดอย่างจนปัญญา “คุณต้องช่วยเขาเติมเต็มความปรารถนา นั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผมมาหาคุณ”
“งั้นก็ได้ ผมจะพยายามหาทางดู” หลังจากวางสาย เฉินเกอก็เดินไปตามถนนอย่างไร้จุดมุ่งหมาย
“ไม่เป็นไร ทิ้งเรื่องการตามหาผีทารกให้จางเหวินอวี้ แต่ว่าการถ่ายหนังนี่ก็ยุ่งยากจริง ๆ” เฉินเกอดึงโทรศัพท์ของเขาออกมา และจู่ ๆ เขาก็คิดออก “หนังสยองขวัญก็ยังคงเป็นหนัง ถึงแม้ว่าฉันจะไม่มีความเกี่ยวข้อง มันก็ไม่ได้หมายความว่าทั้งจิ่วเจียงไม่มี”
เขาพิมพ์ลงไปในแถบค้นหา– กองถ่ายผีสิง ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติตอนถ่ายหนัง– และก็เจอบางอย่างเข้าจริง ๆ
“นักเขียนบทที่มีชื่อเสียงตายจากอุบัติเหตุกลางดึก เป็นแผนการตลาดอันชาญฉลาดหรือว่าเป็นอะไรที่น่าขนลุกยิ่งกว่านั้น? นี่เป็นอุบัติเหตุครั้งที่เจ็ดระหว่างการถ่ายทำ ‘ดวงตาข้างซ้าย’ เบื้องหลังคือเหตุการณ์เหนือธรรมชาติจริง ๆ หรือ?”
เมื่อเปิดเข้าไปดู ฟางหยวนจึงได้พบว่าบทความถูกลบไปแล้ว เขาเปลี่ยนคำค้นหาก่อนที่จะพบข้อมูลที่เขาต้องการ
ดวงตาข้างซ้ายนั้นเป็นชื่อหนังสยองขวัญ แต่ว่าระหว่างการถ่ายทำนั้นเกิดอุบัติเหตุขึ้นหลายครั้ง ครั้งแรกเลยคือการตายจากอุบัติเหตุของนักเขียนบทที่อยากเปลี่ยนบทที่เขียน จากนั้นจู่ ๆ นักแสดงนำหญิงก็เกิดเสียสติขึ้นมา และการหายตัวไปของนักแสดงนำชาย หลังจากเปลี่ยนนักแสดงแล้ว ในที่สุดหนังก็ถ่ายทำได้จนเสร็จ แต่ว่าก่อนที่จะเปิดตัว กองถ่ายก็ถูกเพลิงไหม้ เสื้อผ้าและอุปกรณ์ประกอบฉากถูกเผาเป็นเถ้าไปหมด
หลายคนพูดว่านี่เป็นแค่แผนการตลาดจนกระทั่งผู้กำกับหายตัวไป และจากนั้นข่าวก็ถูกปิด ในที่สุด หนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้เปิดตัว จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีใครได้ดูหนังนั่นเลย ยังมีข่าวซุบซิบบนออนไลน์ แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วเป็นข่าวปลอม
“กระทั่งบทก็ยังถูกเผาไปด้วย นี่น่าสนใจทีเดียว” ความสนใจของเฉินเกอถูกกระตุ้นแล้ว เขาเรียกแท็กซี่กลับไปบ้านผีสิงแล้วก็วิ่งเข้าไปในห้องพักพนักงานทันที เขาจดโน้ตไว้ขณะค้นหาทุกอย่างที่หาได้เกี่ยวกับ ดวงตาข้างซ้าย เขาวุ่นวายอยู่จนกระทั่งตีสอง และในที่สุดก็เจอข้อมูลที่มีประโยชน์หลายชิ้น
“นักแสดงนำหญิงที่เสียสติไปยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้พักอยู่ที่โรงพยาบาลจิตเวชจิ่วเจียง
“กองถ่ายครั้งหนึ่งเคยใช้ภูเขาหยงหลิงจิ่วเจียงตะวันตกเป็นฉาก
“บทเดิมที่กองถ่ายใช้นั้นไม่ใช่นักเขียนบทเขียนขึ้นมาแต่เป็นผู้กำกับเจออยู่ในโรงเรียนร้างแห่งหนึ่งในจิ่วเจียงตะวันตก
“ว่ากันว่า ผู้กำกับไม่ได้หายตัวไป แต่ว่าเขาถูกขังอยู่ในหนัง”