My House of Horrors คฤหาสน์สยองขวัญของผม - ตอนที่ 719
โทรศัพท์ในหนังสั่น ชิวเหมยหยุดจัดของแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เธอรับสายโดยไม่ดูหมายเลขโทรเข้า “ฮัลโหล นั่นใครคะ?”
“พวกเราเพิ่งคุยกันบนอินเตอร์เนต ผมเห็นคุณทิ้งเบอร์โทรศัพท์เอาไว้บนหน้าส่วนตัว ดังนั้นจึงโทรมา” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังมาจากอีกปลายสาย คนผู้นี้นั้นดูเหมือนยังไม่แก่ชรานัก เสียงของเขานั้นยังฟังดูเหมือนเป็นหนุ่มอยู่
“พวกเราเพิ่งคุยกันบนอินเตอร์เนต?” ชิวเหมยดึงโทรศัพท์ออกมาดูหน้าจอ “คุณคือคนที่ไม่มีอยู่จริง!”
“นั่นเป็นชื่อออนไลน์ของผม”
“ทำไมคุณถึงตั้งชื่ออย่างนั้น?”
“นั่นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญก็คือผมต้องคุยกับคุณ” ชายหนุ่มคนนั้นลดเสียงลงราวกับว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้เสียงของเขาดูเป็นผู้ใหญ่และลึกลับมากขึ้น
“เบอร์ที่ฉันทิ้งเอาไว้บนหน้าส่วนตัวน่ะเป็นเบอร์จริง แล้วมันจะน่าประหลาดใจตรงไหนที่นายโทรมา? นายโทรหาเด็กสาวคนอื่น ๆ ด้วยเบอร์ของพวกเธอมาก่อนใช่ไหม แล้วก็ลงท้ายด้วยการถูกหลอก?” เหวินอวี้ไม่คิดจริงจังไปกับชายหนุ่มด้วย
“ผมโทรหาคุณด้วยโทรศัพท์ของคนที่ตายไปแล้วการที่คุณสามารถรับสายนี้ได้แสดงว่าสิ่งที่คุณพูดมีบางส่วนเป็นเรื่องจริง”
“นายมีวิธีการพิสูจน์คำพูดของคนอื่นที่ประหลาดดีนะ” ท่าทีของเหวินอวี้เย็นชาขึ้นกว่าเดิม น่าแปลก เธอไม่ได้ประหลาดใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มพูด “ว่ามาสิ โทรหาฉันมีอะไร?”
“ผมแค่อยากจะช่วยชีวิตคุณเฉย ๆ– ผมกลัวว่าคุณจะได้ทำภารกิจฆ่าตัวตาย” เสียงของชายหนุ่มไม่ได้แก่แต่กลับฟังเหมือนเขาผ่านอะไร ๆ ในชีวิตมาเยอะ
“ภารกิจฆ่าตัวตาย?”
“ทำไมคุณถึงจะอยากกลับไปในเมื่อคุณหนีออกมาได้แล้ว? ผมรู้ว่าคุณจำหลายอย่างไม่ได้ แต่คุณได้เคยคิดไหมว่าความทรงจำเหล่านั้นคือสิ่งที่คุณใช้แลกกับการหนีออกมา?” ชายหนุ่มพยายามโน้มน้าวเธอ “เพื่อที่จะหนีออกมา ความทรงจำของคุณถูกยึดไป แต่ว่า เพื่อที่จะได้รับความทรงจำที่หายไปกลับคืนคุณยินดีที่จะกลับไป คุณเคยได้ยินอะไรที่โง่กว่านี้อีกไหมบนโลกนี้?”
“ฉันไม่ได้จะกลับไปตามหาความทรงจำของฉัน ฉันจะไปที่นั่นเพื่อตามหาคน” เหวินอวี้ปลดล็อกลิ้นชักและมองสมุดจดที่ในนั้น “เหวินอวี้เป็นชื่อของร่างนี้ แต่ว่านั่นไม่ใช่ชื่อของฉัน”
ปลายนิ้วของเธอไล้ไปตามปกของสมุด และมันก็ลูบผ่านชื่อชิวเหมย
“ผมไม่สนใจว่าคุณจะกลับไปทำอะไร แต่ผมไม่แนะนำให้กลับไปที่นั่น จำเอาไว้! อย่ากลับไปที่นั่น!” มีเสียงบางอย่างหนัก ๆ ถูกลากดังมาจากอีกปลายสายโทรศัพท์ จากนั้นโทรศัพท์ก็ถูกตัดไปอย่างรีบร้อน
“ฉันรู้ว่าที่นั่นอันตรายมาก แต่บางอย่างมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้” ตัวละครหลักจัดเอกสารที่หัวเตียงและจากนั้นก็ขึ้นไปนอนบนเตียง กอดโทรศัพท์เอาไว้ เธอพยายามติดต่อคนที่ไม่มีอยู่จริง แต่ไม่มีการตอบกลับ
“ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยนี้ที่ฉันเจอบนออนไลน์ ล้วนบอกว่าเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนและสร้างขึ้นโดยผู้บริจาคคนหนึ่ง แต่ว่าตามรูปที่บนออนไลน์แล้ว ขนาดของมันนั้นใหญ่กว่าโรงเรียนทั่วไป มันยังใหญ่กว่ามหาวิทยาลัยทั่วไปด้วย”
เหวินอวี้วางแผนจะไปดูที่มหาวิทยาลัยนี้ เธอดึงกระดาษกับปากกาออกมาจดข้อมูลทั้งหมดที่เธอพบในโทรศัพท์
“บางรูปนั้นมีลายน้ำติดเอาไว้ ดังนั้นน่าจะไม่ใช่ของปลอม แต่ทำไมรูปอื่น ๆ ถึงดูประหลาดขนาดนี้?”
บางทีอาจจะเป็นเพราะมุมกล้องหรือว่าเพราะลักษณะของตึก แต่ว่าในบางรูป ไม่ว่าจะถ่ายตอนกลางวันหรือกลางคืน ในห้องก็มืดสลัวดูน่ากลัว เด็กสาวปิดไฟหัวเตียงเหลือไว้แค่โคมไฟข้างเตียง เธอนอนอยู่บนเตียงและเริ่มรวบรวมข้อมูล เห็นเด็กสาวบนจอแล้ว เฉินเกอก็นึกถึงตัวเอง ก่อนที่จะเริ่มภารกิจแต่ละครั้ง เขาก็มักจะรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเหมือนเหวินอวี้
“เรื่องผีนี่ทำให้ฉันนึกถึงตัวเองมาก” เวลาผ่านไป และเหวินอวี้ก็ค่อย ๆ ผลอยหลับไปบนเตียง ปากกาหลุดออกจากมือของเธอตกลงไปที่พื้น มันกลิ้งไปไกลจนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำ
เธอทำงานตอนกลางวันและอ่านหนังสือตอนกลางคืน เหวินอวี้เหนื่อยมาก และเธอก็หลับสนิทมาก กล้องถูกดึงถอย และมันก็ไปจับอยู่ที่เหวินอวี้ที่กำลังหลับ มันยากที่จะบอกว่าผู้กำกับต้องการทำอะไร เขาถ่ายเหวินอวี้ที่กำลังหลับยาวเป็นสิบวินาที
พนักงานของเฉินเกอนั้นไม่ได้ออกมาพูดหนังบ่อยนัก พวกเขามองหน้าจอด้วยความสงสัยอย่างเปิดเผย พวกเขาจดจ่อและพยายามไล่ตามจังหวะของผู้กำกับ พยายามเข้าใจมุมมองของเขา
“ฉันยอมรับว่าเด็กสาวคนนี้ค่อนข้างน่ารัก แต่ไม่ใช่ว่าฉากนี้จะยาวไปสักหน่อยหรือไง?” ในที่สุดไป๋ชิวหลินก็พูดออกมา “ตอนที่เธอลืมตา รอบตัวเธอมีบรรยากาศของความอาฆาตแค้น แต่ว่าน่าแปลก หลังจากที่เธอหลับตาลง บรรยากาศแบบนั้นกลับหายไปหมดเลย”
“ผู้กำกับเก่งมาก จากหนังสั้นเรื่องก่อนหน้านี้ของเขา ผมรู้ว่าเขาไม่ถ่ายอะไรที่ไม่มีประโยชน์ ต้องมีจุดประสงค์อะไรสักอย่าง” เฉินเกอรออย่างอดทน และหลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็พบบางอย่าง “ที่มุมล่างซ้ายของจอ ใช่! นั่น ตรงที่ปากกากลิ้งไปหยุดอยู่เมื่อกี้นี้”
ประตูห้องน้ำถูกเปิดทิ้งเอาไว้ และปากกาก็ไปหยุดอยู่ตรงนั้น แสงเดียวในห้องนั้นมาจากโคมไฟข้างเตียง เพราะมุมกล้อง จึงเห็นได้ว่าห้องน้ำนั้นไม่ได้มืดสนิท และมีลำแสงอ่อนจางสายหนึ่งกระทบที่กระจกในห้องน้ำ
หนังดูเหมือนจะหยุดไปเมื่อตัวละครหลักหลับสนิทแต่เมื่อมองไปแล้ว ความรู้สึกไม่ถูกต้องบางอย่างกลับเพิ่มขึ้น เหตุผลก็เพราะฉากนั้นไม่ได้นิ่งจริง ที่มุมจอ ในห้องน้ำ มีบางอย่างเคลื่อนไหว!
ภาพบนจอนั้นดูอบอุ่น– แสงสีเหลืองนวล ผ้าห่มนุ่มฟู และคนงามหลับใหล แต่ว่า เมื่อมองไปที่ตรงมุมจอและเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในห้องน้ำ ความแตกต่างนี้ทำให้คนดูขนลุก
ในห้องน้ำสลัว ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดแดงยืนอยู่หน้ากระจก เธอบิดคอไปมาแต่ดวงตากลับจับจ้องเขม็งอยู่ที่กล้อง!
ใบหน้านั่นซ่อนอยู่ในความมืด และเมื่อผู้ชมมองไป มันก็รู้สึกเหมือนใบหน้านั่นกำลังจับจ้องที่พวกเขาผ่านหน้าจอ
“ฉันรู้แล้วว่าต้องมีบางอย่างไม่ถูกต้อง!”
ไม่ว่าหนังจะมีบรรยากาศอบอุ่นแค่ไหน แต่ถึงที่สุดแล้วมันก็ยังเป็นหนังสยองขวัญ ปากกาที่บนพื้นนั้นขยับได้ด้วยตัวเอง ผู้หญิงที่ในห้องน้ำนั้นหายไปจากกระจกแล้ว และยังมองเห็นได้ว่าผู้หญิงชุดแดงคนนั้นเดินเข้าไปในห้อง
ส่วนใหญ่ของจอนั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง สิ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงก็คือเงาสะท้อนของกระจกในห้องน้ำ
ห้องเช่าก็ใหญ่แค่นี้ ไม่มีห้องนั่งเล่นและเตียงก็อยู่ติดกับห้องน้ำ ภาพบนจอยังคงอบอุ่น แต่บางครั้งก็มีเสียงแปลก ๆ
ปากกากลิ้งไปบนพื้น และจิ้งจกที่บนกำแพงก็ไต่หนี แสงไฟจากโคมไฟข้างเตียงก่อให้เกิดเงา แต่ว่าเงานั่นไม่ได้เป็นของเจ้าของห้องที่กำลังหลับอยู่
กระดาษที่บนโต๊ะพลิกและล็อกของลิ้นชักก็ขยับเหมือนมีคนพยายามเปิดมัน
ครู่ต่อมา ทุกอย่างก็กลับไปเงียบสงบ แต่จากนั้นภาพที่น่ากลัวที่สุดก็ปรากฏขึ้น
หมอนบนเตียงยุบลงเหมือนมีคนนอนลงที่ข้าง ๆ ตัวละครหลัก