My House of Horrors คฤหาสน์สยองขวัญของผม - ตอนที่ 727
“เฉินเกอ แกแน่ใจเหรอว่าแกอยากไปซินไห่?” ลุงซูยังกังวล
“ผู้อำนวยการลั่วเคยบอกผมว่าพวกเราต้องมองภาพรวม การไปซินไห่ครั้งนี้มีสองจุดประสงค์– เตือนสถาบันฝันร้าย และทำความเข้าใจตลาดให้ดีขึ้น” เฉินเกอพูดท่าทางจริงจัง “มันไม่มีอะไรครับ ไม่ต้องห่วง”
เปิดประตูแล้วเฉินเกอกับจางจิงจิ่วก็เข้าไปในบ้านผีสิง
“รอฉันที่นี่ ฉันต้องไปที่ฉากใต้ดินหยิบของบางอย่าง” เฉินเกอให้พนักงานส่วนใหญ่กลับไปประจำที่เดิมและเก็บเอาไว้เพียงแค่ไม่กี่ตนที่เขาไม่สามารถควบคุมได้เต็มที่อย่างเช่น รองเท้าส้นสูงสีแดง ผีผู้หญิงไร้หัว และชิวเหมย เขาไม่ได้ทำไปเพื่อแก้แค้นสถาบันฝันร้าย– เขาแค่เป็นห่วงว่าวิญญาณสีเลือดอาจจะสร้างปัญหาให้กับบ้านผีสิงของเขาเมื่อเขาไม่อยู่
เพื่อประโยชน์ของความสมดุล เฉินเกอจึงพากลุ่มของเอี๋ยนต้าเหนียนกับซู่อินไปด้วย
“ค้อนนี่น่าจะไม่ผ่านจุดรักษาความปลอดภัยไปได้ ดังนั้นฉันต้องทิ้งมันเอาไว้ที่นี่” หลังจากเอาค้อนออกไป กระเป๋าก็เบามากจนเฉินเกอต้องทำความคุ้นเคยอยู่ครู่หนึ่ง กลับไปที่ด้านบนแล้วเฉินเกอกับจางจิงจิ่วก็รอให้พนักงานคนอื่น ๆ มาถึงและเฉินเกอก็ช่วยพวกเขาแต่งหน้าก่อนที่จะออกไป
ห้าโมงเช้า เฉินเกอกับจางจิงจิ่วก็ขึ้นรถไฟมุ่งหน้าไปยังเมืองซินไห่ ทั้งสองเมืองนั้นอยู่ติดกัน แต่ว่าอุณหภูมินั้นต่างกันมาก อุณหภูมิเฉลี่ยของซินไห่นั้นสูงกว่าของจิ่วเจียงเพราะเหตุผลบางอย่างที่เฉินเกอไม่อยากพูดถึง
“จิงจิ่ว นายไปเยี่ยมพ่อของนายได้เลย” เฉินเกอยัดซองแดงใส่มือจางจิงจิ่ว “ใช้นี่ซื้อของให้ท่านด้วย ฉันคงไม่ได้ไปเป็นเพื่อนนายนะ ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉัน”
ก่อนที่จางจิงจิ่วจะทันได้ปฏิเสธเขา เฉินเกอก็คว้ากระเป๋าสะพายหลังวิ่งออกจากสถานีรถไฟไปแล้ว เฉินเกอโบกแท็กซี่และบอกให้ขับไปยังที่อยู่ของสถาบันฝันร้ายที่เขาพบบนออนไลน์
ไม่เหมือนบ้านผีสิงของเฉินเกอ สถาบันฝันร้ายนั้นตั้งอยู่บนถนนที่มีการค้าพลุกพล่านที่สุดในเมืองซินไห่ ในฐานะบ้านผีสิงที่เก่าแก่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดของซินไห่ พวกเขาเช่าตึกทั้งหลัง
บังเอิญที่ตอนที่ผู้รับเหมาออกแบบถนนการค้าเส้นนี้นั้นมีจุดบกพร่องเล็กน้อย มีตึกเล็ก ๆ หลังหนึ่งที่ถูกตึกสูงเสียดฟ้าล้อม ทำให้เกิดสภาพที่ตึกนี้ไม่เคยได้รับแสงอาทิตย์เลยไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนของวัน หลายคนปฏิเสธที่จะเช่าตึกซึ่ง ‘ไม่เคยพบเห็นแสงตะวัน’ ในที่สุดมันก็ถูกเลือกให้กลายเป็นที่ตั้งของสถาบันฝันร้าย พวกเขาเช่าตึกฝั่งที่ไม่มีโอกาสสัมผัสแสงอาทิตย์ได้นี้ในราคาที่ถูกมากและเปลี่ยนมันไปเป็นบ้านผีสิงที่ใหญ่ที่สุดในซินไห่
ตึกข้างที่ได้รับแสงอาทิตย์บ้างเป็นบางครั้งนั้นมีร้านอาหารและร้านค้าตั้งอยู่มากมาย ขณะที่อีกข้างนั้นมีหน้าต่างที่ปิดไว้ตลอดเวลา หนึ่งหยิน หนึ่งหยาง ในที่สุดมันก็กลายไปเป็นจุดสำคัญของเมืองซินไห่และยังเป็นที่นิยมมากในออนไลน์
แต่นั่นก็หลายปีมาแล้ว ความนิยมของบ้านผีสิงนั้นลดลง และมีคนมาที่สถาบันฝันร้ายน้อยลงไปเรื่อย ๆ พวกเขาพยายามปรับปรุงสิ่งใหม่ ๆ แต่ว่ามันก็ไม่ได้ทำให้ความนิยมที่ลดลงนั้นชะลอได้
หลังจากจ่ายค่าโดยสารแล้วเฉินเกอก็ยืนอยู่ที่ทางเข้าถนนการค้า มีพาหนะมากมาย และตึกก็สูงเสียดฟ้า ถึงแม้ว่าจะเป็นวันทำงาน ที่นี่ก็ยังมีคนเต็มไปหมด
“คนพวกนี้ไม่ต้องทำงานหรือยังไง?” เฉินเกอที่แบกกระเป๋าสะพายหลังเก่าโทรมและไม่ได้ดูปกตินักนั้นโดดเด่นสะดุดตาอยู่ในถนนการค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองใหญ่นี้ แต่ว่า เฉินเกอก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้น เทียบกับรูปลักษณ์แล้ว เขาให้ความสนใจที่จิตใจของคนมากกว่า
เฉินเกอเดินไปตามแผนที่ที่บนโทรศัพท์ของเขา ไม่ช้าก็เจอสถาบันฝันร้าย ตั้งอยู่ที่มุมเงียบ ๆ มุมหนึ่งของถนนการค้า คนที่ตรงนี้น้อยลงมาก
ก่อนที่เขาจะเข้าไปใกล้ เฉินเกอก็เห็นพนักงานหลายคนยืนอยู่ที่ทางเข้า ตะโกนผ่านลำโพงเสียงดัง
“ประสบการณ์บ้านผีสิงแบบสี่มิติ! ประสบการณ์สยองขวัญที่สุดในชีวิตของคุณ! บ้านผีสิงมาตรฐานระดับโลก– สถาบันฝันร้าย– เริ่มเปิดภาคการศึกษาใหม่พร้อมกับเสียงกรีดร้อง!
“ประสบการณ์ที่สถาบันฝันร้ายนั้นผสานเอาบ้านผีสิง ห้องปิดตาย การสำรวจ และการตอบโต้เสมือนจริงเอาไว้! มันเป็นสวนสนุกในร่มแห่งใหม่! มีเพียงแค่สติปัญญาอันเฉียบแหลม ความกล้าหาญ และสมรรถภาพร่างกายอันยอดเยี่ยม คุณถึงจะรอดชีวิตออกมาได้!
“ในด้านการออกแบบ อุปกรณ์ประกอบฉาก ฉาก และการแต่งหน้า พวกเราล้วนยอดเยี่ยมกว่าบ้านผีสิงอื่น ๆ ในท้องตลาด!”
พนักงานตะโกนสุดเสียง แต่ว่ามีผู้เข้าชมเพียงไม่กี่คนที่สนใจ กระทั่งต่อให้มีคนหยุดดูอย่างอยากรู้อยากเห็น พวกเขาก็จะจากไปในไม่กี่วินาทีให้หลัง
“คุณครับ คุณอยากมาลองท้าทายบ้านผีสิงของพวกเราดูไหม?” พนักงานสังเกตเห็นเฉินเกอมาสักครู่ใหญ่แล้ว เขาเห็นเฉินเกอยืนอยู่ที่เดิมนานแล้วแต่เห็นเสื้อผ้าที่ดูไม่ทันสมัยนักของเฉินเกอ เขาก็ไม่รีบร้อนตรงเข้ามาทักทาย เขาไม่คิดว่าเฉินเกอจะเป็นผู้เข้าชมได้
“บ้านผีสิงของพวกคุณน่ากลัวจริง ๆ น่ะเหรอ?” เฉินเกอสงสัย ถึงแม้ว่าศีลธรรมของพวกเขาจะตกต่ำ สถาบันฝันร้ายก็คงต้องมีอะไรบางอย่างที่โดดเด่น ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงไม่สามารถเป็นบ้านผีสิงที่ใหญ่ที่สุดในซินไห่ได้
“คุณคงไม่เชื่อหรอกต่อให้ผมบอกว่ามันน่ากลัว– ทางที่ดีที่สุดคือคุณต้องไปสัมผัสด้วยตัวคุณเอง” พนักงานพยายามขาย แต่บางทีอาจจะกลัวว่าเฉินเกอจะผละไปเขาจึงรีบเสริม “ผมบอกได้แค่ว่าบ้านผีสิงมาตรฐานระดับโลกไม่ใช่เรื่องตลก บ้านผีสิงของพวกเราน่ะ สามสิบสามเปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าชมขอยอมแพ้ และอัตราการเคลียร์ฉากได้ก็แค่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น และยังมีสถิติสูงสุดของการเข้าแถวรอถึงสามชั่วโมงแต่ว่ายอมแพ้ภายในสามนาทีด้วย”
“อัตราการเคลียร์ฉากได้คือสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น?”
“จริง ๆ ครับ ผมไม่โกหกคุณ ความสยองขวัญที่ด้านในสถาบันฝันร้ายของพวกเราไม่ใช่ความน่ากลัวพื้น ๆ แต่เป็นการสำรวจลึกเข้าไปในจิตใจของมนุษย์” พนักงานพูดอย่างวางท่า “คุณว่ายังไงดีครับ? คุณอยากจะเข้าไปสัมผัสประสบการณ์หน่อยไหม? ในเมื่อนี่เป็นวันธรรมดา ก็เลยมีโปรโมชั่น ปกติค่าตั๋วสองร้อย แต่ว่าวันนี้แค่ร้อยแปดสิบครับ”
“แพงขนาดนั้น?” เฉินเกออดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบ สำหรับบ้านผีสิงของเขา ผู้เข้าชมต้องซื้อตั๋วเข้าสวนสนุกก่อน แต่ว่าสถาบันฝันร้ายนั้นมีเพียงแค่บ้านผีสิงให้เข้าเท่านั้น ต่อไป ตอนที่ฉันขยายสาขามายังซินไห่ ฉันต้องเพิ่มค่าตั๋วตามคุณลักษณะของพื้นที่
เฉินเกอยังคิดอยู่แต่ว่าพนักงานเริ่มหมดความอดทน “คุณภาพสมกับราคาครับ บ้านผีสิงของพวกเราต้องมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้คุณได้อย่างแน่นอน”
“เอาละถ้างั้นก็ขอตั๋วใบหนึ่ง” เฉินเกอเข้าไปในบ้านผีสิง การตกแต่งภายในได้บรรยากาศ ห้องขายตั๋วนั้นตกแต่งเหมือนเป็นสถานที่ลงทะเบียนของนักเรียนใหม่ และลิฟท์เข้าฉากก็ตกแต่งเป็นประตูโรงเรียน และยังมีรูปภาพกับโปสเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องผีติดอยู่บนกำแพง
ก่อนที่จะเข้าฉากจริง ๆ บรรยากาศก็นำมาก่อนแล้ว– สถาบันฝันร้ายนี่ไม่ธรรมดาทีเดียว
ตอนที่เฉินเกอเข้าไปในนั้น ก็มีผู้เข้าชมคนอื่นอีกสองคนอยู่ในห้อง และพวกเขาก็ดูเหมือนจะรออยู่นานแล้ว
“ขอโทษด้วยนะคะ จำนวนผู้เข้าชมน้อยที่สุดต่อครั้งคือห้าคนค่ะ รบกวนคุณรออีกสักนิดได้ไหมคะ?” พนักงานผู้หญิงที่ในห้องขายตั๋วบอกเฉินเกอ “ทำไมคุณไม่ลงชื่อก่อนล่ะคะ? พอพวกเรามีคนครบ พวกเราก็จะเริ่มการเข้าชมได้ทันที”
“ได้ครับ” เฉินเกอดึงบัตรประจำตัวออกมาแล้วเดินไปที่ห้องขายตั๋ว
พนักงานที่ด้านในก้มหน้าลง แต่เมื่อเห็นบัตรของเฉินเกอเธอก็เงยหน้ามองขึ้นมาทันที
“เฉินเกอ?”