Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 107 ฉันจะช่วยนายเอง
ไลฟ์ของดูมส์เดย์ก็อดเงียบกริบและไม่มีข้อความโผล่ขึ้นมาเลย ทุกคนมัวแต่ตะลึงกับภาพของผู้เล่นจำนวนกว่า 3500 คนถูกฆ่า
หลังจากที่ดูมส์เดย์ก็อดถูกฆ่าและกลับมาที่เมืองเทียนหลง ก็มีข้อความเด้งขึ้นมาในช่องแชท
“วอร์สปิริตสกายได้ส่งซุปเปอร์แชท 250 เหรียญเงิน : กิลด์วอร์สปิริตฮอลล์หวังว่าดูมส์เดย์ก็อดจะมีความสุขในวันนี้นะ!”
“บราเธอร์ไนน์ออฟกลอรี่ได้ส่งซุปเปอร์แชท 250 เหรียญเงิน : กิลด์กลอรี่หวังว่าดูมส์เดย์ก็อดจะได้พบกับความสุขในทุก ๆ วัน!”
“…ได้ส่งซุปเปอร์แชท 250 เหรียญเงิน…”
…
บอลลูนข้อความสีแดงเด้งขึ้นรัว ๆ เหล่าผู้นำของกิลด์อื่นต่างก็ดูไลฟ์นี้และกดส่งซุปเปอร์แชท*กันอย่างวุ่นวาย
*ซุปเปอร์แชท – ข้อความพิเศษที่ต้องจ่ายเงินก่อนถึงจะทำการส่งข้อความได้ และข้อความจะปรากฏบนหน้าจอของไลฟ์ด้วย
ซุปเปอร์แชทสีแดงมีค่าเท่า 1 เหรียญทอง หรือก็คือ 250 เหรียญเงิน
หลาย ๆ คนเริ่มกดติดตามดูมส์เดย์ก็อดกันอย่างไม่หยุดจนยอดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังกดส่งซุปเปอร์แชทรัว ๆ อีกต่างหาก!
ดูมส์เดย์ก็อดมองช่องแชทและหน้าจอของเขาที่มีข้อความซุปเปอร์แชทเด้งขึ้นรัว ๆ ก็ทำให้เขาปิดไลฟ์ด้วยความโมโหทันที…
ผู้นำกิลด์คนอื่นต่างก็หัวเราะด้วยความชอบใจ ไม่เว้นแม้แต่มิดซัมเมอร์โรสเองก็เช่นกัน
แต่เธอก็ไม่ได้ส่งข้อความอะไรออกไปและปิดไลฟ์อย่างเงียบเชียบ
“ดูหน้ามันสิ! โคตรฮาเลย! เห็นหน้าตอนมันโดนฆ่าไหม ฮ่าๆๆๆๆ!”
“เชี่ยเอ๊ย! พวกเราแม่งซ้ำเติมคนแพ้เหรอเนี่ย? โคตรสารเลวเลยว่ะ ก๊าก ฮ่าๆๆๆๆ”
“ดูมส์เดย์ก็อดแม่งโคตรโง่ มาสเตอร์ฮีลเลอร์แม่งโคตรเก่ง! ไลฟ์นี้แม่งโคตรเด็ดเลย! อย่างงี้มาสเตอร์ฮีลเลอร์คงกลายเป็นศัตรูตลอดกาลของกับพวกดูมส์เดย์ลีกแน่!”
“มาสเตอร์ฮีลเลอร์เป็นสุดยอดผู้เล่นของเขตฮัวเซียอยู่แล้ว เขาไม่กลัวหรอก ไอ้พวกดูมส์เดย์นี่แหละที่ต้องกลัวเขา!”
“ฉันกังวลจนต้องรีบบอกมาสเตอร์ฮีลเลอร์ว่าอย่าเพิ่งออกจากเมืองแต่ก็ไม่ทัน…แต่ก็ไม่นึกว่าดูมส์เดย์ก็อดจะแพ้อย่างหมดรูปแบบนี้…”
“มาสเตอร์ฮีลเลอร์เป็นใครกันแน่นะ?”
“ไม่รู้เหมือนกัน ฉันเคยถามเรื่องนี้หลายรอบแล้วแต่ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรเลย เขาน่าจะเป็นมือใหม่ในโลกออนไลน์จริง ๆ น่ะแหละ”
“ไม่น่าเชื่อ! ผู้เล่นใหม่จะเก่งขนาดนี้เลยเหรอ?”
“พวกเรารู้ว่าเล่าสวีทั้งเก่งทั้งฉลาด เขาอาจจะรู้ตัวตนของมาสเตอร์ฮีลเลอร์แต่ก็อาจไม่อยากบอกใครก็ได้”
“อะไรนะ? เล่าสวีไม่บอกงั้นเหรอ? บ้าน่า…!”
…
ณ สนามรบแห่งเดิม…
เซียวเฟิงกับกองทัพของเขาก็เคลื่อนที่ต่อโดยไม่มีใครกล้าตามมาเลย
ชายหนุ่มเดินทางมาได้สักพักก็สั่งให้กองทัพของเขาพักผ่อน ทหารบางส่วนก็จัดการเตรียมอาหารมาให้
มีคนมากมายอยากจะส่งข้อความเพิ่มความสัมพันธ์มาด้วย ส่วนใหญ่มาจากผู้นำกิลด์อื่นทั้งนั้น เซียวเฟิงตอบรับทั้งหมดและคุยโต้ตอบด้วย
หลังจากพาทหารมาส่งแล้ว เขาตรวจสอบดูว่าจะไม่มีภารกิจอันไหนที่เขาหลงเหลืออยู่ให้แน่ชัดก่อนจะตัดสินใจออกจากที่นี่ เขามีงานต้องทำอีกมาก
อย่างแรกเลยคือเขาต้องเก็บเลเวลตัวเองให้สูงเพราะคนอื่นกำลังจะตามเขามาทันแล้ว ไนท์คูนเนอร์กำลังไล่ตามเขามาได้อย่างรวดเร็ว…
นอกจากนี้สกิลของเขาก็สามารถอัพเลเวลได้จากการฆ่ามอนสเตอร์เช่นกัน
อย่างที่สองคือ เขาต้องทำภารกิจที่ได้จากเฉียนโตวโตวให้สำเร็จก่อน เขาต้องหาอุปกรณ์ดี ๆ สำหรับการประมูลในวันพรุ่งนี้และไม่อยากเสียไอเทมระดับเทพเจ้าไป
เขาสามารถกำจัดบอสได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว ยิ่งเป็นบอสธาตุมืดด้วยล่ะก็ยิ่งง่ายใหญ่ สกิลโฮลี่ไลท์ของเขาแทบจะฆ่ามันได้ในครั้งเดียว
“กัปตันโบลตัน มีมอนสเตอร์ธาตุมืดเจ๋ง ๆ สักตัวแถวนี้ไหม?” เซียวเฟิงถามโบลตัน เพราะอีกฝ่ายน่าจะคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ดี
“คุณอาร์คบิชอป ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ?” น่าแปลกที่โบลตันถามกลับมาแบบนี้
“ฉันแค่อยากจะชำระล้างมันน่ะ ในฐานะของอาร์คบิชอปแห่งแสง ฉันจะสังหารพวกมัน!” เซียวเฟิงพูดอย่างจริงจัง
“แต่คุณไม่เก่งขนาดนั้นนะ…” โบลตันลังเล
“นายกล้าดียังไงถึงมาถามความเก่งของฉันกัน?! ฉันช่วยนายฆ่าลิชมาแล้วนะ” เซียวเฟิงพูดอย่างมีน้ำโหพร้อมทั้งหยิบตราอาร์คบิชอปออกมาด้วย
“ต้องขออภัยด้วยจริง ๆ ท่านอาร์คบิชอป แถวนี้มีมอนสเตอร์มากมายที่รอคอยให้พวกเราไปกำจัดอยู่ทางตะวันตก มันเป็นพวกออร์ค ท่านอาร์คบิชอปได้โปรดจัดการมันด้วยเถิด” โบลตันรีบเปลี่ยนท่าทีรวดเร็ว ทำให้เซียวเฟิงพอใจมากก่อนจะเดินจากไป
“ตอนนั้นฉันมีการคุ้มครองแห่งแสงอยู่… ถึงตายไปก็เกิดใหม่ได้ ลิชตัวนั้นสู้ฉันไม่ได้หรอก” โบลตันถอนหายใจ
พวกนักบวชรับผิดชอบด้านการสร้างจุดวาร์ป ช่างฝีมือก็สร้างม้วนวาร์ปแล้วก็ยารักษา NPC บางตัวก็ตั้งจุดค้าขายให้ผู้เล่นมาที่นี่ได้อย่างอิสระ
เซียวเฟิงได้มาถึงตำแหน่งที่โบลตันบอกเอาไว้ และกำลังประสบปัญหาอย่างแรง
มันคือพื้นที่หนองน้ำ เซียวเฟิงจมลงไปในโคลนและพยายามกลับขึ้นมาแต่ก็ไม่สามารถทำได้…
เขาตั้งสติและคิดว่าตัวเองน่าจะน้ำหนักเกินอยู่เป็นแน่แท้ ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาแต่มันไม่ปกติสำหรับระบบของเกมนี้
เขาจึงยืนนิ่งไม่งั้นเขาจะจมลึกยิ่งกว่าเดิม เขาพยายามหยิบเอาม้วนวาร์ปกลับเมืองออกมา
“เฮ้? ต้องการความช่วยเหลือไหม?”
เซียวเฟิงได้ยินเสียงหญิงสาว จึงได้รีบหันไปอย่างรวดเร็ว
เขาพบกับผู้เล่นสาวคนหนึ่งที่ดูคุ้นตา แต่ชื่อถูกปกปิดเอาไว้
หญิงสาวคนนี้น่าจะเป็นนักเวทย์ เธอสวมชุดคลุมนักเวทย์อีกทั้งยังมีไม้เท้าอยู่ด้วย เซียวเฟิงเดาว่าอีกฝ่ายน่าจะยังมีเลเวลที่ไม่สูงมากหากสังเกตจากอุปกรณ์ที่เธอใช้อยู่
“เธอช่วยฉันไม่ได้หรอก” เขาพูดอย่างเฉยเมยก่อนจะพยายามขยับแขนอีกครั้ง
“นายติดโคลนเหรอ? ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวฉันช่วยดึงให้” หญิงสาวพูดขึ้นอย่างมาดมั่น
“ไม่ต้องหรอก เธอดึงฉันไม่ขึ้นแน่” เซียวเฟิงเมินเธออีกครั้ง
“ฉันน่ะเก่งที่สุดในเกมนี้แล้วล่ะ!” หญิงสาววางไม้เท้าและพับแขนเสื้อ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้บ่อโคลน
เธอคุกเข่าลงแล้วคว้าหัวของเซียวเฟิงเอาไว้แล้วดึงขึ้นมาเหมือนกับดึงหัวไชเท้าขึ้นมาจากทุ่งอย่างง่ายดาย
ชายหนุ่มหน้าแดงมากเมื่อได้รู้ว่าเธอแกร่งอย่างที่บอกไว้ และแรงของเธอก็เกือบดึงหัวเขาออกจากบ่าได้เลยด้วยซ้ำ ถึงกระนั้นแล้วครึ่งตัวล่างของเขาก็ยังติดอยู่ในโคลน
“อ๊า! หนักชะมัด!” หญิงสาวนั่งลงบนพื้นแล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า
“ฉันไหว้ล่ะ ปล่อยไว้แบบนี้เถอะ” เซียวเฟิงพูดอย่างไม่พอใจและตอนนี้เขาก็ยิ่งจมลึกหนักลงไปอีก
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะดึงนายขึ้นมาให้ได้!” แต่หญิงสาวก็ตอบกลับอย่างเต็มใจและลุกขึ้นโบกไม้เท้าของเธอ
“จงออกมา เสี่ยวฮัว!”
พื้นที่เบื้องหน้าเธอเปิดออกและปรากฏดอกทานตะวันสูงกว่าหนึ่งเมตรขึ้นมา…มันคือสัตว์เลี้ยงของเธอ
ลักษณะของมันค่อนข้างประหลาด มันคือต้นไม้ที่มีขาสี่ข้างเล็ก ๆ กำลังวิ่งอย่างมีความสุข
“เสี่ยวฮัว ดึงเขาขึ้นมา!”
มันส่งเสียงร้องอย่างดีใจและงอกเถาวัลย์ออกมารัดคอของเซียวเฟิงดึงเขาขึ้นมา
“อ่ะ…อ๊อก!” สีหน้าของเซียวเฟิงเปลี่ยนจากแดงเป็นม่วงจากการขาดอากาศหายใจ
ทานตะวันดอกนี้ออกแรงเต็มที่จนไม่ได้สังเกตอะไรทั้งนั้น
เซียวเฟิงเริ่มหน้ามืดและกำลังจะหมดสติในทุกวินาที
สุดท้ายแล้วเจ้าทานตะวันก็ยอมปล่อยมือเพราะมันไม่สามารถดึงอีกฝ่ายขึ้นมาได้ เซียวเฟิงรีบสูดหายใจทันที
ชายหนุ่มยิ่งจมลงไปลึกกว่าเดิมจนตอนนี้ปากของเขาพูดไม่ได้แล้ว…