Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 132 ออกจากหมอกแห่งสงคราม
“ฉิบหาย!?”
หานเฟิงเองก็จำเซียวเฟิงได้อย่างแม่นยำเช่นกัน ไม่ว่าจะด้วยสัตว์วิเศษอย่างเสี่ยวเสวี่ยที่เซียวเฟิงขี่อยู่ หรือจะเป็นชุดที่เซียวเฟิงไม่เคยเปลี่ยนเลยก็ตาม
ชายหนุ่มรีบหันหน้าหนีแล้วเตรียมจะออกวิ่งราวกับเห็นผี นั่นเพราะเขารู้ดีว่าตนเองไม่สามารถสู้เซียวเฟิงได้แน่ ๆ ยิ่งไปกว่านั้น ชื่อของเขาเป็นสีแดงแล้วในตอนนี้ ซึ่งนั่นหมายความว่า…ถ้าเขาถูกฆ่าล่ะก็ ของได้ดร็อปหมดตัวแน่ ๆ ดังนั้นแล้วการหนีคือทางออกสุดท้าย และชายหนุ่มก็เลือกมันโดยไม่ต้องคิดเลย
อย่างไรก็ตาม หานเฟิงก็ยังไม่สามารถหนีพ้นความเร็วระดับสุดยอดของเสี่ยวเสวี่ยและโดนเซียวเฟิงตามทันภายใน 1 นาทีเท่านั้น ด้านหลังเขาเหลือเพียงหมอกแห่งสงคราม เพราะงั้นเขาจึงไม่มีทางให้ไปต่อแล้ว
“อย่าเข้ามานะ! ฉันไม่ใช่คนที่นายคิดจะแกล้งก็แกล้งได้นะเว้ย!”
เขาก้าวขาถอยหลังไปด้วยความหวาดระแวงจนกระทั่งเกือบจะถึงขอบรอบนอกของหมอกแห่งสงคราม เจ้าตัวถึงได้กลืนน้ำลายแล้วตะโกนใส่เซียวเฟิง
“ไม่ต้องกลัว ฉันเป็นสุภาพบุรุษพอ เพราะงั้นฉันไม่แกล้งนายหรอก” เซียวเฟิงยิ้มกว้าง
“ถ…ถ้างั้นนายจะมาขวางทางฉันทำไม! ฉันไม่ได้เข้าไปป่วนอะไรที่ตำหนักขุมทรัพย์แล้วนะ ร…หรือว่าจะมาติดต่อให้ฉันร่วมมือกับนายในเรื่องการค้า?”
“ฉันมาที่นี่เพื่อจะถามความสมัครใจ” เซียวเฟิงไม่สนใจเรื่องที่อีกฝ่ายพูด และมันทำให้ผู้ที่ถูกถามซึ่งมีชื่อสีแดงอยู่แล้วรู้สึกกังวลขึ้นเป็นอย่างมาก
การที่มีชื่อเป็นสีแดงนี้มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลย เพราะนั่นหมายถึงเขาถูกคาดโทษจากระบบเอาไว้แล้ว หากถูกฆ่าล่ะก็ เขาจะต้องสูญเสียไอเทมมากกว่าปกติเยอะมาก และหานเฟิงก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นแน่
“สมัครใจเรื่องอะไร?”
“นายว่องไวดี เพราะงั้นเข้าไปตรวจสอบสภาพของในหมอกแห่งสงครามให้ฉันหน่อย” เซียวเฟิงพูด
“หา! นายจะให้ฉันเข้าไปตายเหรอ? ไม่มีทางเว้ย!” หานเฟิงรีบปฏิเสธทันทีเมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่ต่างอะไรกับให้เขาไปตายในหมอกแห่งสงครามนั้น
“ดูเหมือนว่านายอยากจะทำให้ฉันผิดหวังสินะ” เซียวเฟิงส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง เขาโบกมือและร่ายบัฟให้ตนเองพร้อมกับเปลี่ยนอาวุธเป็นกระบองทองคำเสมือนว่ากำลังเตือน
“ด…เดี๋ยวก่อน!”
หานฟางยกมือขึ้นปรามเซียวเฟิงไว้ก่อนที่จะโดนโจมตี เขากรอกตาไปมาและรู้ว่าตนคงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว แต่อย่างน้อย ๆ ถ้าเข้าไปในหมอกแห่งสงครามนั่น บางทีเขาก็อาจจะมีโอกาสรอด ไม่สิ…เขาต้องรอด!
เขาไม่ได้ตั้งใจจะสู้กับเซียวเฟิงผู้ที่เรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาเกมเมอร์ทั่วทั้งเขตฮัวเซียอยู่แล้ว แถมตัวเขาเองก็เคยประจัญหน้ากับพลังนั้นมาแล้วด้วย
“บ้าเอ้ย! ก็ได้ นายชนะ!”
หานเฟิงกัดฟันแน่นขณะที่ยอมแพ้ให้เซียวเฟิง ก่อนจะถอยกลับไปด้วยความขุ่นเคือง ทันทีที่เขาเดินเข้าไปในหมอกแห่งสงครามนั้น ค่าความเสียหายก็ปรากฏขึ้นบนหัว ไม่ทันไรมันก็ทวีคูณเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นดั่งหมอกหนาที่แยกไม่ออกแล้วว่าตอนนี้เขาเสียพลังชีวิตไปขนาดไหนแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
ซูถิงถิงถามขึ้นมาหลังจากเดินตามเซียวเฟิงทัน เมื่อครู่นี้จู่ ๆ เขาก็ทิ้งเธอแล้วเดินมาทางนี้เลย
“ไม่มีอะไร”
เซียวเฟิงส่ายหน้าและมองไปยังมุมอื่นของหมอกแห่งสงครามนี้ เขาต้องทำให้มั่นใจว่าหานเฟิงจะไม่แอบหนีออกมาทางมุมอื่นแทน เพราะปกติเจ้าตัวก็เป็นคนอย่างที่ต้องควรระวังไว้อยู่แล้ว
“ว่าแต่อาจารย์คิดไว้แล้วหรือยังว่าจะผ่านภารกิจยังไงดี?” ซูถิงถิงรีบถามต่อหลังเห็นว่าเซียวเฟิงดูจะไม่ยอมพูดเรื่องก่อนหน้าแน่ๆ
“ดูเหมือนว่าพวกเราจะต้องฝ่ามันเข้าไป”
ขณะที่ตาจ้องมองไปยังหมอกแห่งสงคราม เซียวเฟิงก็ส่ายหน้าและตอบกลับไปด้วย มันยังไม่มีแสงสว่างวาบออกมาจากหมอกดำนี้ ซึ่งนั่นเป็นสัญลักษณ์ว่าหานเฟิงยังมีชีวิตอยู่
เพราะด้วยสถานการณ์ที่บีบบังคับทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่น ดังนั้นหานเฟิงจึงพยายายมอย่างมากเพื่อให้ตนเองมีชีวิตรอด และถ้าหากตัวเขาเองยังไม่สามารถฝ่าหมอกแห่งสงครามนี้ไปได้ ภารกิจนี้คงจะมีคนผ่านเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
“ถ้ามันเหลือแค่ทางนั้น ฉันจะไปเอง เพราะยังไงซะฉันก็เป็นฮันเตอร์ ทั้งความคล่องตัวแล้วก็ความเร็วย่อมมีมากกว่าอาจารย์อยู่แล้ว น่าเสียดายที่สัตว์ขี่ใช้ในนั้นไม่ได้ ไม่งั้นฉันคงขี่ต้าเฮ่ยฝ่าไปแล้ว” ขณะที่พูด ซูถิงถิงก็เตรียมยาฟื้นฟูพลังชีวิตระดับกลางเอาไว้ในมือด้วย
แม้ว่าทักษะการขี่สัตว์ระดับสูงจะสามารถทำให้ขี่สัตว์ในขณะต่อสู้ได้ แต่กับการฝ่าหมอกแห่งสงครามนี้ไม่สามารถใช้ได้ เซียวเฟิงรู้เรื่องนี้จากการได้ลองด้วยตนเองครั้งก่อน ไม่งั้นป่านนี้เขาคงไปถึงใจกลางของดินแดนแห่งความมืดแล้วด้วยการขี่เสี่ยวเสวี่ยด้วยความเร็วสูงสุดฝ่าเข้าไป
“ไม่ ฉันไปเองจะดีกว่า เพราะฉันน่าจะสามารถอยู่ได้นานกว่าด้วยสกิลฮีลของฉันเอง”
ไม่มีทางที่เซียวเฟิงจะปล่อยให้เธอเป็นฝ่ายเข้าไปอย่างแน่นอน เพราะเขาน่าจะคล่องตัวกว่าเธอรวมถึงการฟื้นฟูของเขานั้นน่าจะได้ผลดีกว่าแม้จะอยู่ท่ามกลางหมอกแห่งสงครามด้วย
“โอเค ถ้างั้นฉันจะรออาจารย์อยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน” ซูถิงถิงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเห็นด้วยกับเขา
“เธอเองก็ระวังตัวด้วย” เซียวเฟิงพยักหน้าและเตือนเธออีกครั้ง เพราะบางคนที่อยู่ด้านนอกหมอกนั้นก็อันตรายไม่แพ้ด้านในเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น ชู้ดเตอร์เลเวล 15 คนนั้น หรือแม้แต่หานเฟิงเองก็ด้วย เซียวเฟิงกลัวว่าถ้ามีคนจำพวกที่พูดมานั้นกำลังจ้องรอจังหวะที่ซูถิงถิงอยู่คนเดียวอยู่ มันจะกลายเป็นเรื่องที่ยากที่จะออกมาช่วยทันเอา
“ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ได้อ่อนปวกเปียกหรอกนะ!”
หญิงสาวตีอกนูนของตนก่อนจะเริ่มวางกับดักเยือกแข็งและกับดักเถาวัลย์ไว้รอบ ๆ ตัว นอกจากนี้เธอยังมีทักษะการขี่สัตว์ระดับสูงที่สามารถช่วยให้เธอขี่ต้าเห่ยได้แม้จะต่อสู้อยู่ ยังไงเสียนี่น่าจะเพียงพอต่อการให้เธอหลบหนีออกมาแล้ว
ในจังหวะที่เซียวเฟิงก้าวเข้าไปในหมอกแห่งสงครามนั้น เขาก็ไม่เห็นอะไรเลยนอกเสียจากความมืด ซึ่งขณะเดียวกันตัวเลขแสดงความเสียหายที่ได้รับก็ปรากฏขึ้นเหนือหัวเขาทันทีเลยด้วย
[ท่านได้รับผลกระทบจาก หมอกแห่งสงคราม พลังชีวิตของท่านจะลดลงวินาทีละ 1 เปอร์เซ็นต์!]
[พลังชีวิตของท่านสูญเสียเพิ่มมากเป็น 2 เท่าจากการที่ท่านมีธาตุศักดิ์สิทธิ์เป็นธาตุประจำตัว!]
-8!
-8!
-8!
…
ดูเหมือนว่าการเสียพลังชีวิตทุกวินาทีนั้นจะไม่ได้มากสักเท่าไหร่ แต่ปัญหามันอยู่ที่อาณาเขตซึ่งถูกหมอกแห่งสงครามปกคลุมต่างหาก ที่กว้างจนไม่มั่นใจแล้วว่าต่อให้ใช้เวลาเป็น 10 นาที จะเจอทางออกอีกฟากหนึ่งหรือเปล่า และสิ่งนี้แหละที่จะทำให้พลังชีวิตหมดจริงๆ
ที่น่าเป็นห่วงที่สุดจากการทดลองครั้งก่อน เซียวเฟิงพบข้อเสียเปรียบ 2 ข้อ ข้อหนึ่งคือภายในนั้นมันมีมอนสเตอร์ระดับสูงซ่อนตัวกันอยู่ บางตัวน่าจะเลเวลสูงถึง 30 กันเลย ส่วนอีกข้อหนึ่งดูเหมือนจะมีผลกับเขาเป็นพิเศษ นั่นคือ หมอกแห่งสงครามทำปฏิกริยากับธาตุศักดิ์สิทธิ์สูงเป็น 2 เท่า!
หมอกนี่อย่างกับว่าเกิดมาเพื่อกำจัดเขาเสียอย่างนั้นแหละ! น่ากลัวจริง ๆ!
เซียวเฟิงรีบวิ่งฝ่าเข้าไปในหมอกสลัวโดยที่ตนเองก็คอยระวังตนจากอันตรายทุกอย่างที่อาจจะเข้ามาได้ตลอดด้วย แม้จะด้วยความเร็วที่ไม่ได้เต็มที่ แต่ถึงอย่างนั้นร่างของเซียวเฟิงก็ยังคงพุ่งไปอย่างรวดเร็วอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ไม่เกิน 30 วินาที พลังชีวิตของเซียวเฟิงก็หายไปกว่าครึ่งหลอดแล้ว เห็นได้ชัดว่าการได้รับผลกระทบแบบ x2 นั้นมันหนักหนาสำหรับเขาจริงๆ
เขาร่ายโฮลี่ไลท์ใส่ตนเองและทำให้หลอดพลังชีวิตกลับมาเต็มอีกครั้ง พร้อมกับใช้น้ำแห่งการชำระล้างเพื่อฟื้นฟูมานาของเขาด้วย จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปต่อด้วยความเงียบ
ภายในเวลา 30 วินาที เซียวเฟิงจะเสียพลังชีวิตถึง 240 หน่วย แต่ด้วยพลังของโฮลี่ไลท์มันจะช่วยเพิ่มพลังชีวิตให้เขาถึง 160 หน่วย น้ำแห่งชีวิตอีก 50 หน่วยในขณะที่ถุงเครื่องหอมจะช่วยเพิ่มอีก 10 ดังนั้นรวม ๆ แล้ว พลังชีวิตของเขามันก็ไม่ได้ลดรุนแรงมาเกินไปหนัก อย่างน้อย ๆ ก็ราว ๆ 40 หน่วยต่อนาที เท่านั้น
นอกจากนี้ เซียวเฟิงยังมีคทาแห่งการรักษาที่จะช่วยลดคูลดาวน์ของโฮลี่ไลท์ให้อีก 3 วินาที นั่นหมายถึงถ้าเขาใช้แสงศักด์สิทธิ์ครบ 10 ครั้ง เขาจะเหมือนได้ใช้ฟรีครั้งหนึ่งไปด้วย ดังนั้นตอนนี้สำหรับเซียวเฟิง ทุก ๆ 5 นาที เขาจะได้พลังชีวิตฟรีมา 160 หน่วยนั่นเอง
หรือจะให้พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทุก ๆ 5 นาที พลังชีวิตของเซียวเฟิงจะเสียเพียง 40 หน่วยเท่านั้น
ด้วยพลังชีวิตกว่า 390 หน่วย เซียวเฟิงน่าจะสามารถอยู่รอดภายในหมอกแห่งสงครามนี้ได้ราว ๆ 50 นาทีก่อนจะเริ่มรักษาตนเองไม่ไหว ซึ่งด้วยเวลาระดับนี้มันน่าจะเพียงพอต่อการเอาชีวิตรอดจนออกจากหมอกแห่งสงครามนี้ได้
ในส่วนของพรชีวิต เขาไม่สามารถร่ายมันให้กับตนเองได้ในตอนนี้ เพราะมันเปรียบเสมือนดาบสองคม ผลการเพิ่มพลังชีวิตสูงสุดของมันนั้น จะทำให้หมอกแห่งสงครามสามารถลดพลังชีวิตของเขาได้มากยิ่งขึ้นเพราะคิดตามเปอร์เซ็นต์เลือดสูงสุด
อย่างไรก็ตาม มันกลายเป็นว่าเซียวเฟิงนั้นมองโลกในแง่ดีมากเกินไป การอยู่ได้ถึง 50 นาทีนั้นเป็นได้เพียงความคิดเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงแล้ว เขาจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ระดับสูงที่ซ่อนตัวและคอยไล่ล่าเขาอยู่ในหมอกแห่งสงครามนี้ตลอดเวลา
เพราะเหตุนี้มันจึงไม่สามารถทำให้เขาใช้สกิลตามที่คำนวนไว้ได้ และเพียงครึ่งชั่วโมงหลังจากที่เข้ามา เขาก็เหลือพลังชีวิตเพียง 50 หน่วยเท่านั้น!
-8!
-8!
-8!
…
พลังชีวิตที่เหลืออยู่นั้นดิ่งลงจนเหลือ 0 ในเวลา 7 วินาที ด้วยความที่โฮลี่ไลท์และน้ำแห่งชีวิตยังคูลดาวน์ไม่เสร็จ ดังนั้นสองสิ่งนี้จึงไม่สามารถช่วยเขาได้ในครั้งนี้
-8!
-8!
-8!
…
เมื่อพลังชีวิตของเซียวเฟิงเหลือเพียง 1 มันก็หยุดลดต่อในขณะที่ค่าแสดงความเสียหายทั้งหลายก็เปลี่ยนเป็นสีฟ้าด้วย
ผลของต่างหูระดับเทพเจ้าอย่างวัฏจักรชีวิตทำงานขึ้นมาแล้ว มันทำให้เซียวเฟิงสามารถใช้มานาแทนพลังชีวิตได้ และถ้าหากเมื่อไหร่ที่ทั้งสองค่านี้ไม่เหลือให้ใช้ เมื่อนั้นเขาถึงจะตาย…
สิ่งนี้ทำให้เซียวเฟิงโล่งใจได้เปราะหนึ่ง สมแล้วที่เป็นไอเทมระดับเทพเจ้า ตอนนี้เขาเพียงแค่ต้องใช้น้ำแห่งชีวิตและน้ำแห่งการชำระล้างเพื่อช่วยฟื้นฟูพลังชีวิต 100 หน่วยเท่านั้น เท่านี้น่าจะเพียงพอให้เขาเดินต่อได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม สกิลทั้งสองนี้ไม่สามารถทำให้พลังชีวิตของเขากลับมาฟื้นเต็มได้ นั่นเพราะเมื่อไหร่ที่มีพลังชีวิตให้หมอกแห่งสงครามสามารถหักได้ เขาจะกลับเข้าสู่การโดนตัดพลังชีวิตอีกครั้ง ต่อให้ใช้ยาช่วยมันก็ไม่คุ้มค่าที่จะแลก
เพราะฉะนั้น ภายใต้ความสามารถของไอเทมระดับเทพเจ้าชิ้นนี้ เขาสามารถนำมานา 300 หน่วยของเขานั้นมาใช้แทนพลังชีวิตได้ก่อน
แต่แล้วหลังจากได้ยินเสียงระบบประกาศ เขาก็ต้องขมวดคิ้วอีกครั้ง
[ท่านได้เข้าสู่จุดศูนย์กลางของหมอกแห่งสงครามแล้ว พลังชีวิตของท่านจะลด 2 เปอร์เซ็นต์ต่อวินาที!]
[พลังชีวิตของท่านจะลดมากขึ้นเป็น 2 เท่าต่อวินาทีเนื่องจากธาตุของท่านคือธาตุศักดิ์สิทธิ์]
-16!
-16!
-16!
…
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เซียวเฟิงรู้สึกว่าธาตุศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้นเป็นอะไรที่เสียเปรียบมาก ๆ พลังชีวิตของเขาลดเร็วอย่างกับท่อประปาแตก ไม่ว่าจะเป็นพลังชีวิตหรือมานา พวกมันต่างไหลฮวบ ๆ จนรู้สึกว่าไม่สามารถหยุดได้แล้ว
เซียวเฟิงยังคงเงียบสงัด แต่ในตอนนั้นเขาไม่เหลือทางเลือกอื่นนอกจากวิ่งตรงไปด้านหน้าแล้ว สายตาที่กวัดแกว่งมองไปรอบ ๆ ตัวเพื่อระวังอันตราย ขณะเดียวกันชายหนุ่มก็หวังว่าจะสามารถออกจากหมอกแห่งสงครามนี่ได้ก่อนที่พลังชีวิตและมานาจะเหลือ 0 ด้วย!
เขาอยู่ภายในหมอกแห่งสงครามนี่มาร่วมชั่วโมงแล้ว แถมระบบก็บอกอีกด้วยว่าตนนั้นอยู่ใจกลางของหมอกแล้ว ดังนั้นแสดงว่าอีกไม่นานเขาจะต้องสามารถออกจากหมอกนี่ได้แน่ๆ
แต่ก่อนที่เซียวเฟิงจะหลุดออกจากหมอกได้ ภาพทุกอย่างก็มืดดำไปหมด ทั้งพลังชีวิตและมานาของเขาลดลงจนเหลือ 0 เสียแล้ว
[พลังชีวิตของท่านไม่เหลือแล้ว ท่านถูกฆ่า]
[สกิลกายาศักดิ์สิทธิ์ทำงาน ท่านถูกชุบชีวิตและจะไม่ได้รับการลงโทษจากการเสียชีวิตเมื่อครู่นี้ สกิลนี้สามารถใช้ได้เพียง 1 ครั้งต่อวัน และสกิลจะรีเซ็ตใหม่ในอีก 24 ชั่วโมง]
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นอีกครั้งเมื่อพลังชีวิตของเซียวเฟิงเหลือ 0 และทันทีทันใดทั้งพลังชีวิตและมานาก็กลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้ง!
เซียวเฟิงยังคงเงียบนิ่งขณะวิ่งตรงออกไปด้านหน้า เขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะตายจริง ๆ จนจำเป็นต้องใช้สกิลฟื้นคืนชีพเช่นนี้ หากชีวิตสำรองนี่ยังไม่สามารถพาเขาไปสู่ด้านนอกหมอกเวรนี่ได้ล่ะก็ เขาคงต้องยอมรับการตายครั้งนี้แล้วกลับเมืองไปจริงๆ
แต่ก่อนที่เขาจะได้วิ่งไปไกลนัก แสงสว่างก็สาดผ่านหมอกมืดเข้ามากระทบตา ไม่เพียงเท่านั้นมันยังส่องสว่างให้แก่พื้นที่อันมืดมิดรอบ ๆ ตัวด้วย
[ท่านได้ค้นพบ เมืองแห่งความโศกเศร้า! ค่าชื่อเสียง +100 แต้ม!]