Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 134 คืนก่อนที่จะไป
“ภารกิจสำเร็จแล้ว” เซียวเฟิงพูด
“อาจารย์ฝ่าหมอกแห่งสงครามไปได้แล้วไม่ใช่เหรอ ? งั้นทำไมถึงตายแล้วกลับมาที่เมืองแบบนี้ได้ล่ะ ?”
“ฉันเผอิญไปเจอบอสฝีมือร้ายกาจเข้า ก็เลยโดนฆ่าในคราวเดียวน่ะ” พอพูดถึงเรื่องนี้ เซียวเฟิงก็อดที่จะกัดฟันไม่ได้ เพราะนี่มันเป็นครั้งแรกเลยที่เขาถูกฆ่าตาย
“บอสแบบไหนกัน ? มันแข็งแกร่งมากเลยเหรอ ?” ซูถิงถิงได้ยินดังนั้นก็ยิ่งอยากรู้มากกว่าเดิม
“บอสเทพเจ้าเลเวล 30”
“…”
เมื่อรู้เช่นนี้ เธอถึงกับเงียบสนิทไปเลย เพราะบอสเลเวลสูงขนาดนั้นมันไม่ใช่อะไรที่ผู้เล่น 1-2 คนจะสามารถโค่นมันได้อยู่แล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเซียวเฟิงถึงถูกฆ่าแล้วส่งกลับมาแบบนี้
“ไปส่งภารกิจกันก่อนเถอะ”
ทั้งสองกลับไปยังเมืองเทียนหลงพร้อม ๆ กัน เพราะเมืองเกิดของซูถิงถิงก็เป็นเมืองนี้เช่นกัน แต่เพราะความใหญ่โตของเมืองมันเลยทำให้เซียวเฟิงไม่เคยเจอเธอเลยจนกระทั่งไม่นานมานี้
พวกเขาส่งภารกิจให้กับบิชอปไคเซอร์ คน ๆ นี้เป็น NPC ที่ค่อนข้างใส่ใจผู้เล่นระดับหนึ่งเลย เมื่อเขารับรู้ว่าเซียวเฟิงต้องได้รับความทุกข์ยากเพราะตนเอง ของรางวัลที่ให้มาจึงมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีกหน่อย มันเป็นต่างหูที่เซียวเฟิงกำลังต้องการอยู่พอดี
พระเจ้าอวยพร
ระดับ : เงิน
เลเวล : 15
ประเภทอุปกรณ์ : ต่างหู
ข้อจำกัดการใช้งาน : ใช้ได้ทุกคลาส
ค่าสถานะ :
ความโชคดี +1
ค่าความฉลาด +1
ความสามารถพิเศษ +1
มันเป็นต่างหูระดับเงิน ที่ซึ่งคุณภาพนับว่าดีอยู่ มันช่วยเพิ่มค่าสถานะลับทั้ง 3 ค่าอย่างละ 1 แต้มเลย !
แต่ถึงอย่างนั้นบิชอปไคเซอร์ก็ยังดูอมทุกข์มากขึ้นกว่าเดิมแม้ภารกิจจะเสร็จสิ้นแล้ว เขาทุกข์ใจเสียจนลืมที่จะมอบหมายภารกิจต่อไปให้เซียวเฟิงแล้วรีบวิ่งออกจากที่นี่ไปอย่างรวดเร็วด้วย
ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินออกจากวิหารแห่งแสง ณ จุดเทเลพอร์ต กลุ่มแสงมากมายก็ปรากฏขึ้น เมื่อแสงจางลง ก็พบว่าพวกเขาคือสังฆราชกับเหล่าพาลาดินที่กำลังพากันเดินต่อด้วยความเร่งรีบ
เซียวเฟิงคาดเดาไว้ว่าจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่ ๆ เพราะเผ่าพันธุ์แห่งความมืดสามารถสร้างเมืองของมันเองได้แล้ว บางทีอีกไม่นานอาจจะเป็นเวลาที่แสงสว่างจะต้องสู้กับพวกมันแล้วก็ได้ อย่างไรก็ตามกว่าจะได้สู้กันจริง ๆ เหล่าผู้เล่นที่ยังอยู่ในระดับเริ่มต้นก็น่าจะพัฒนาฝีมือกันไปไกลแล้ว
เนื่องจากเซิร์ฟเวอร์มิทได้เปิดให้บริการมาพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้ผู้เล่นก็ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นกันหมด ผู้เล่นส่วนใหญ่หากไม่เลเวล 15 กัน พวกเขาก็เพิ่งจะเลเวล 10 เท่านั้น
แล้วท่ามกลางผู้เล่นเหล่านี้ต่างก็ยังไม่มีไอเทมแบบครบเซ็ตใช้กันด้วย ดีไม่ดีบางคนช่องเก็บของแทบจะร้างเลยด้วยซ้ำ ไม่ต้องมองไปที่ไหนเลย ขนาดเซียวเฟิงเองก็ยังมีของไม่ครบ เพราะงั้นคนอื่นก็อย่าหวัง…
และเครื่องประดับก็ถือเป็นไอเทมที่หายากที่สุดในบรรดาไอเทมทั้งหมด พวกมันช่วยเพิ่มค่าสถานะพิเศษหรือค่าสถานะลับให้ได้ อย่างเช่น คริติคอล ความเร็ว ความโชคดี หรือสร้อยคอบางเส้นก็สามารถเพิ่มพลังชีวิตให้ได้ด้วย เป็นต้น
นอกจากเครื่องประดับแล้ว ผู้เล่นอีกเป็นจำนวนมากยังจำเป็นต้องหาเกราะที่เหมาะสมกับตนมาใช้ ตามปกติแล้วเกราะจะมีทั้งหมด 7 ชิ้น ประกอบด้วยส่วนหัว ลำตัวช่วงบน เอว มือทั้งสองข้าง ลำตัวช่วงล่างและเท้า และในเขตฮัวเซียที่มีผู้เล่นมากมายนั้น มีผู้เล่นเพียงไม่ถึงครึ่งที่มีเกราะถึง 5 ชิ้น
ยกตัวอย่างจากคลาสนักรบ พวกเขาส่วนใหญ่จะมีพลังชีวิตอยู่ที่ 170 และมีพลังโจมตีอยู่ที่ 80 หน่วย ราว ๆ นี้
หากมีการต่อสู้กันของนักรบสองคน ในขณะที่คนหนึ่งสวมใส่ไอเทมไว้ ต่อให้เป็นไอเทมทั่วไปเลเวล 15 ก็ยังสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้อีก 10 หน่วยหรือไม่ก็ค่าความทนทานแล้วแต่ของชิ้นนั้นจะกำหนด หรือของชิ้นนั้นอาจจะเป็นอาวุธที่เพิ่มพลังโจมตีได้อีก 10 หน่วยหรือเพิ่มพลังชีวิตให้อีก 20 หน่วย ไม่ว่าจะอะไรมันก็ช่วยสร้างความได้เปรียบให้อีกมากเลย
สิ่งเหล่านี้เป็นภาพที่สามารถเห็นได้หากมีการต่อสู้ระหว่างผู้เล่นด้วยกันเอง มันจะต้องมีฝ่ายหนึ่งถูกฝ่ายที่มีไอเทมแข็งแกร่งกว่าไล่ฆ่าอยู่เสมอ
อย่างเช่น เมื่อครั้งที่เซียวเฟิงยังเป็นมือใหม่อยู่ในหมู่บ้านเริ่มต้น การที่เขาสามารถฆ่าผู้เล่นคนอื่นได้ในการโจมตีครั้งเดียว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครหน้าไหนก็ตาม มันเป็นเพราะไอเทมที่เซียวเฟิงมีนั้นระดับสูงกว่าคนอื่นอีกหลายเท่าตัวนัก เขาได้รับขนานนามจากระบบว่าเป็นผู้เล่นคนแรกที่ทำการฆ่าได้และเกือบจะไร้เทียมทานด้วยชุดราชาหมาป่า แม้ว่าผู้เล่นคนอื่นจะสามารถทลายการป้องกันของเขาเข้ามาได้ก็จริง แต่ในขณะเดียวกัน ชายหนุ่มก็สามารถฆ่าผู้เล่นคนนั้นด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวกลับไปด้วย
แต่ในตอนนี้ผู้เล่นธรรมดาต่างก็มีไอเทมที่เริ่มจะดีขึ้นมาบ้างแล้ว ถึงจะยังไม่สามารถเทียบเท่าไอเทมที่เซียวเฟิงมีได้ แต่มันก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเหล่านี้มีการพัฒนาขึ้นในทางที่ดี
นับได้ว่าไอเทมที่ดีถือเป็นตัวแปรที่สำคัญให้กับผู้เล่นเลยก็ว่าได้ ดังคำกล่าวที่ว่า ‘ผู้เล่นตัวเปล่าเลเวล 100 ไม่มีทางชนะผู้เล่นเลเวล 50 ที่สวมใส่อุปกรณ์เต็มตัวได้หรอก’
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเมื่อถึงเลเวล 15 ผู้เล่นจึงต้องลงดันเจี้ยน เพราะภายในดันเจี้ยนนั้นมีไอเทมที่จะดร็อปจากมอนสเตอร์รอพวกเขาอยู่มากมาย รวมไปถึงไอเทมดี ๆ เองก็เริ่มมีวางขายกันแล้วด้วย
เมื่อพวกเขามีไอเทมเพียบพร้อมที่จะออกจากหมู่บ้านเริ่มต้นในช่วงเลเวล 15 แล้ว ต่อจากนี้โลกแห่งเกมก็คือเวทีของพวกเขา เวทีที่เปิดกว้างให้แสดงออกถึงศักยภาพที่สั่งสมมาอย่างเต็มที่และต่อยอดไปในทางที่วาดฝันไว้ !
คาดว่าเวลาที่เหล่าผู้เล่นเกือบทั้งหมดจะออกมาจากหมู่บ้านเริ่มต้นคงจะอีกไม่นานแล้ว เช่นเดียวกับเวลาของเนื้อเรื่องหลักที่จะเปิดเผยเองก็เช่นกัน มันมีแนวโน้มว่าทั้งสองช่วงเวลานี้อาจจะเกิดขึ้นพร้อมกันได้ หากระบบวางจุดประสงค์ให้เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว…
เซียวเฟิงมุ่งหน้าไปยังส่วนพักผ่อนภายในเมืองเทียนหลง ที่นั่นเป็นย่านการค้าที่มีทั้ง บาร์ โรงน้ำชา รวมไปถึงเวทีสำหรับเต้นถูกติดตั้งเอาไว้ด้วย ดูเหมือนตอนนี้โลกเสมือนใบนี้จะคึกคักเสียยิ่งกว่าโลกจริง ๆ เสียอีก
เหตุผลที่เขามายังที่นี่ก็เพราะซูถิงถิงนัดเขาไว้ที่บาร์เอลฟ์ภายในย่านนี้ มันเป็นบาร์ที่อุดมไปด้วยธรรมชาติและสว่างไสว แน่นอนว่ามันถูกบริหารโดยเอลฟ์ NPC เด็กเสิร์ฟทุกคนภายในนี้เป็นเหล่าเอลฟ์สาวผู้งดงามกันหมด นอกจากนี้ที่นี่ยังมีไวน์เลิศรสไว้คอยเสิร์ฟผู้ที่เข้ามาใช้บริการอีก นับว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ในเมืองเทียนหลงที่พลาดไม่ได้เลยทีเดียว
เขาเจอห้องส่วนตัวที่ซูถิงถิงนั่งอยู่ภายในแล้ว แต่ก่อนจะเข้าไป ชายหนุ่มก็ได้ยินใครสักคนกำลังพูดคุยอยู่ด้านใน ตามด้วยเสียงของซูถิงถิงให้สัญญาอะไรบางอย่าง
“จิ๋งจิ๋ง ฉันเอาหัวเป็นประกันเลยว่าเธอจะต้องไม่เสียใจที่มาแน่ ๆ เขาน่ะแข็งแกร่งมากเลยนะ! คนที่ฉันเคยบอกเธอไว้ก่อนหน้าน่ะ วันนี้ฉันไปเจอเขามา ถึงเขาจะเป็นนักบวชแต่ก็มีพลังที่น่ากลัวสุด ๆ ไปเลย ไม่เพียงแต่จะฮีลได้แรงกว่านักบวชคนอื่น ๆ ได้ถึงเท่าตัวหรือสองเท่า พลังในการต่อสู้ของเขาเองก็สุดยอดมาก ๆ ด้วย! เธอคิดดูสิว่านักบวชที่สามารถสู้ได้เก่งกว่านักรบน่ะมันจะน่ากลัวขนาดไหน! ห้ามดูถูกเขาเชียว! ฉันไม่เคยคิดเลยว่าคนที่เก่งขนาดนี้อย่างเขาจะซ่อนตัวอยู่ในร้านอินเตอร์เน็ตตรงหน้ามหาลัยของพวกเรามาโดยตลอด”
ดูเหมือนเขาจะพอเดาได้แล้วว่าใครที่อยู่กับซูถิงถิง ถึงอย่างนั้นก็ยังอดที่จะส่ายหน้าหน้าไม่ได้ขณะก้าวขาเดินเข้าไปภายในห้องนั้น
ห้องส่วนตัวนี้ไม่ได้มีขนาดใหญ่อะไรนัก การจัดแต่งภายในให้อารมณ์เหมือนบ้านต้นไม้ ซูถิงถิงที่นั่งรออยู่แล้วในครั้งนี้ไม่ได้สวมหน้ากากปิดบังใบหน้า เธอดูจะเอาจริงเอาจังกับการพูดเป็นอย่างมากเลย
อีกคนหนึ่งที่อยู่ภายในห้องนั้น เป็นผู้ที่มีร่างผอมบางซึ่งถูกปกคลุมด้วยชุดสีดำ เธอไม่ใช่ใครอื่นหากแต่เป็นไนท์ คูนเนอร์ คนนั้นเอง…
หรือตัวจริงก็คือ ราชินีแห่งมหาวิทยาลัยประจำเขตเซี่ย ซือเย่จิ๋ง
“อ๊า อาจารย์เซียวมาแล้ว! ฉันขอแนะนำให้รู้จัก จิ๋งจิ๋ง…”
ซูถิงถิงรีบลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นเซียวเฟิงเดินเข้ามา กระนั้นแล้วไนท์ คูนเนอร์ก็หยุดเธอไว้ก่อน
“ไม่จำเป็น พวกเรารู้จักกันอยู่แล้ว” ไนท์ คูนเนอร์มองไปยังเซียวเฟิง ในแววตานั้นดูแฝงไปด้วยความหนักอกหนักใจและช่วยไม่ได้อยู่ด้วย
เธอไม่เคยคิดเลยว่า คนที่ซูถิงถิงบอกว่าแข็งแกร่งนักแข็งแกร่งหนามาตลอดนั้นจะเป็นตานี่
“เอ๊ะ ? เธอรู้จักเขาแล้วเหรอ ?” ซูถิงถิงหันมองด้วยความประหลาดใจ
“ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ ? นี่น่ะ ท่านเจ้าแห่งฮีลเลอร์ผู้โด่งดังเลยนะ”
ไนท์ คูนเนอร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงประชดประชันพร้อมกับสายตาที่มองไปยังเซียวเฟิงด้วยความไม่พอใจอีก หญิงสาวหันกลับไปยังซูถิงถิงก่อนจะพูดด้วยความโกรธ “ฉันบอกแล้วว่าให้อ่านฟอรั่มไม่ก็ข่าวเกมบ่อย ๆ แต่เธอไม่ยอมฟังฉันเอง”
“แต่ในเมื่อเธอสองคนรู้จักกันแล้ว เรื่องคงง่ายขึ้น อาจารย์เซียว สนใจอยากจะเข้ากิลด์ของพวกฉันไหม ? อาจารย์แข็งแกร่งมาก ๆ ฉันเชื่อว่าจะต้องได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้ากลุ่มนักบวชแน่ ๆ อาจารย์จะโดนนักบวชสาว ๆ รายล้อมเต็มไปหมดเลยน้า…กลายเป็นนักบวชที่ร้อนแรงสุด ๆ ไปเลยไงล่ะ !”
แม้จะอยู่ท่ามกลางความคุกกรุ่นของคนสองคน ซูถิงถิงก็หาได้สนใจไม่ กลับกันเจ้าตัวก็หันไปเชิญชวนเซียวเฟิงเข้ากิลด์ราวกับไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น นิ้วเรียวชี้ไปที่เหนือหัวตนเองตรงจุดที่เป็นชื่อกิลด์ ซึ่งมันก็ขึ้นว่ามิดซัมเมอร์เห็นเด่นชัดอยู่
กิลด์นี้เป็นกิลด์เดียวที่ถูกจัดตั้งภายในเขตฮัวเซีย หรือดีไม่ดีก็อาจจะเป็นกิลด์เดียวจากทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์ด้วย
การที่มีชื่อกิลด์มิดซัมเมอร์ปรากฏอยู่บนหัวซูถิงถิงได้นั้น แสดงให้เห็นว่าเธอได้เข้าร่วมกับกิลด์นี้ไปแล้ว หญิงสาวรีบพูดต่อ “พวกเราเกือบจะตั้งแคมป์กิลด์เสร็จแล้ว จากนี้ไปพวกเราจะต้องกลายเป็นกิลด์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเขตฮัวเซียอย่างแน่นอน ! เพราะงั้นอาจารย์เลือกเข้าร่วมกับพวกเราก็ไม่เสียหายหรอกนะ !”
“โอ้ ? มิดซัมเมอร์ตั้งแคมป์กันจะเสร็จแล้วเหรอ ? อยู่ที่ไหนกันล่ะ ?” เซียวเฟิงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ถามทำไม ?” ไนท์ คูนเนอร์ที่ระมัดระวังตัวอยู่เสมอถามเซียวเฟิงพร้อมกับจ้องเขาอย่างไม่เป็นมิตรด้วย เธอไม่เคยลืมว่าทั้งพวกเธอและเซียวเฟิงมีความไม่ลงรอยกันอยู่ ดังนั้นหญิงสาวจึงกลัวว่าเซียวเฟิงจะเข้ามาปั่นป่วนที่แคมป์
ยิ่งไปกว่านั้น คน ๆ นี้แข็งแกร่งจนไม่ว่าใครก็ไม่อาจจะหยุดเขาไว้ได้หากเขาต้องการจะทำอะไรสักอย่าง
“เปล่า ก็แค่ถาม”
เซียวเฟิงส่ายหัว ต่อให้เขาจะรู้หรือไม่รู้ที่ตั้งแคมป์ของพวกเธอ มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรอยู่แล้ว เพราะยังไงเสียเมื่อแคมป์ถูกตั้งเสร็จแล้ว มอนสเตอร์จำนวนมากมายจะพากันไปรุมล้อมยังแคมป์แห่งนั้น ทุกคนก็จะต้องรู้ว่าตรงจุดนั้นคือแคมป์ของมิดซัมเมอร์ในท้ายที่สุดอยู่ดี
ตัวเขานั้นไม่ได้อยากจะไปจุ้นจ้านระหว่างที่แคมป์กำลังถูกสร้างอยู่แล้ว นอกจากนี้ก็ยังหวังให้แคมป์ของพวกเธอสร้างเสร็จในเร็ววันด้วย
ทุกสิ่งทุกอย่างจะล่มสลายกันไปทั้งหมดถ้าหากไม่สามารถป้องกันการโจมตีของเหล่ามอนสเตอร์ได้
ในเมื่อตอนนี้แคมป์ใกล้จะเสร็จแล้ว ก็มีความเป็นไปได้ว่าอีกวันหรือไม่ก็สองวันมอนสเตอร์ก็น่าจะเข้าโจมตีกันแล้ว
“นายจะทำอะไรกันแน่ ? คิดจะป่วนแคมป์กิลด์ของพวกฉันงั้นเหรอ ?”
ไนท์ คูนเนอร์ยังคงจ้องเซียวเฟิงอย่างไม่วางตา มันเป็นสัญชาติญาณของผู้หญิงที่รับรู้ได้จาง ๆ ว่ากำลังจะมีอันตรายเกิดขึ้นจากการที่ได้เผชิญหน้ากับเซียวเฟิงเช่นนี้
สัญชาตญาณนี้มันชัดเจนมากยิ่งขึ้นหลังจากที่เธอได้เรียนศิลปะการต่อสู้
“จะคิดอะไรมันก็ไม่เกี่ยวกับเธอ”
เขาส่ายหน้าอีกครั้งและเลิกพูดต่อ เซียวเฟิงไม่ได้อยากจะมีปัญหาอะไรกับเธอคนนี้อยู่แล้ว อันที่จริงชายหนุ่มก็ไม่ได้อยากจะมีปัญหากับโรสคนนั้นด้วย เป้าหมายเดียวของเขายังคงเป็นมิดซัมเมอร์กรุ๊ปอยู่เท่านั้น
แต่เพราะตอนนี้โรสได้ขึ้นเป็นผู้นำของมิดซัมเมอร์กรุ๊ปแล้ว ดังนั้นเธอจึงถือว่าถูกผูกติดกับปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ไปโดยที่ถอนตัวไม่ทันแล้ว !
“นาย…”
ก่อนที่ไนท์ คูนเนอร์จะได้พูดอะไรต่อ เธอก็โดนขัดด้วยเสียงโทรศัพท์เสียก่อน แววตาที่ไม่เป็นมิตรจ้องเซียวเฟิงทิ้งท้ายก่อนจะรับสายนั้น ปลายสายพูดธุระด้วยเสียงเบา แต่ถึงอย่างนั้นก็พอจะเดาได้ว่าปลายสายจะต้องเป็นลูกพี่ลูกน้องของซือเย่จิ๋ง เป็นมิดซัมเมอร์โรสแน่ ๆ!
“ฉันต้องไปแล้ว แต่ฉันจะกลับมาจัดการนายแน่ !”
เธอคุยโทรศัพท์ไม่นานก็วางสายไป ก่อนที่หญิงสาวจะจูงมือซูถิงถิงแล้วรีบเดินออกจากที่นั่น ดูเหมือนว่าโรสคงจะต้องเจอปัญหาบางอย่างแน่ ๆ มันถึงได้เป็นแบบนี้
“ไปกันได้แล้วถิงถิง ฉันไม่อยากอยู่กับเจ้านี่นานกว่านี้แล้ว คน ๆ นี้ไม่ใช่คนดีอะไรหรอกนะ”
“เอ๊ะ ? ไม่ใช่ว่าพวกเธอรู้จักกันเหรอ ? ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ ?”
“ก็เพราะรู้จักยังไงล่ะ ถึงได้รู้ว่าเขาเป็นคนร้ายกาจขนาดไหน ! เป็นเจ้าบ้าหน้าไม่อาย ! จำได้หรือเปล่า เมื่อครั้งสุดท้ายที่ฉันบอกเธอ…”
ครู่หนึ่งร่างของทั้งสองก็พากันเดินหายจากสายตาเขาไป ส่วนเซียวเฟิงไม่ได้สนใจสิ่งที่ไนท์ คูนเนอร์พูดแต่อย่างใด และนี่มันก็เป็นเวลาเกือบจะกลางคืนแล้ว เพราะงั้นเขาจึงล็อกเอาท์ออกจากเกมหลังจากคิดได้ว่าตลอดหลายวันมานี้เขายังไม่ได้ดูแลเซียวหลิงเท่าที่ควรเลย ดังนั้นชายหนุ่มคงจะต้องไปอยู่กับเธอบ้างเสียแล้ว