Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 144 ล้มเหลว
ไนท์ คูนเนอร์สวมชุดรัดรูปสีดำสนิทในขณะที่ดวงตาของเธอจับจ้องมายังเป้าหมายที่ต้องกำจัด แววตาที่เย็นชานั้นเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารราวกับว่าตัวเธอเพิ่งจะถูกทรยศไป
แอสซาซินของกิลด์มิดซัมเมอร์ล้วนแต่แต่งตัวเหมือนกับไนท์ คูนเนอร์ พวกเขาสวมชุดสีดำสนิทเพื่อให้พลางสายตา ร่างที่เพรียวบางเหล่านั้นกระโจนขึ้นไปในอากาศโดยมีเป้าหมายเป็นการลอบสังหารเซียวเฟิง
หากพวกเขาทั้งหมดไม่สามารถเก็บเซียวเฟิงได้ในการโจมตีครั้งเดียว พวกเขาก็จะรีบสับเปลี่ยนกับแอสซาซินคนอื่นเพื่อเข้ามาโจมตีเซียวเฟิงแทน ด้วยเหตุนี้เองแอสซาซินจำนวนมากเหล่านี้จึงแยกกันออกไป และทยอยเข้าโจมตีเซียวเฟิงแบบทีละคนแทน
การฝึกฝนของไนท์ คูนเนอร์ทำให้แอสซาซินกลุ่มนี้มีความแข็งแกร่งในระดับสูงมาก ๆ ถ้าหากเป้าหมายเป็นเพียงผู้เล่นทั่วไปล่ะก็ พวกเขาสามารถปลิดชีพอีกฝ่ายได้เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น เพราะงั้นต่อให้เป็นเซียวเฟิงก็ยังรู้สึกรับมือยากที่ต้องเจอกับแอสซาซินกลุ่มนี้ เขาเริ่มถอยกลับ โดยเฉพาะหลังจากที่ไนท์ คูนเนอร์ปรากฏตัว เซียวเฟิงยิ่งต้องถอยไปเรื่อย ๆ ให้เร็วที่สุด…
ขณะที่เซียวเฟิงกำลังถอยออกอยู่นั้น เขาก็ต้องรับมือกับคมดาบจำนวนมากที่ปาดผ่านหน้าเขาไปโดยที่ไม่เห็นตัวเจ้าของดาบไปด้วย แอสซาซินเหล่านี้ซ่อนตัวอยู่ในความมืด มันก็ทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถโต้กลับได้เลย…
เซียวเฟิงทำได้เพียงถอยออกมาเรื่อย ๆ ด้วยเสี่ยวเสวี่ยเนื่องจากแอสซาซินเหล่านั้นไล่ต้อนเขาออกมาอยู่ฝ่ายเดียวเลย
“ปกป้องท่านอาร์คบิชอป!”
กลยุทธ์ล่าหัวนี้ได้ผล หัวหน้ากองทั้งสองที่เห็นว่าเซียวเฟิงกำลังอยู่ในอันตรายไม่รอช้าที่จะพาเหล่าพาลาดินจำนวนร้อยคนที่กำลังสู้อยู่วกกลับมาช่วยปกป้องเขาทันที มันช่วยทำให้ผู้เล่นแนวหน้าที่สู้พวกเขาไม่ได้อยู่แล้วได้มีโอกาสถอยไปตั้งหลักกันเสียใหม่ ทว่าพาลาดินส่วนที่เหลือก็เติมเต็มเข้ามาได้ทันทีโดยไม่ให้ผู้เล่นมีเวลาได้พัก…
ในจังหวะที่เซียวเฟิงกำลังวุ่นอยู่กับสถานการณ์ตึงเครียดอย่างการรับมือคมดาบมากมายตรงหน้าโดยที่ไม่รู้จะจัดการต้นตออย่างไรดี ตัวเขาต้องขยับไปมาราวกับเป็นงูที่กำลังเต้นระบำอยู่ แต่ก็เพราะระบำงูเช่นนี้ ท้ายสุดจึงไม่มีการโจมตีไหนเข้าถึงตัวเขาได้แม้แต่ครั้งเดียว
การโจมตีจากแอสซาซินล่องหนเหล่านี้ดูจะหนักข้อขึ้น พวกเขาเริ่มโจมตีเข้ามายังจุดที่เซียวเฟิงป้องกันได้ยาก อย่างเช่น กลางลำตัว นั่นทำให้ตัวเลขแสดงความเสียหายปรากฏขึ้นเด่นชัดบนหัวของเขา ส่วนผู้ที่เป็นเจ้าของการโจมตีนั้นก็คือไนท์ คูนเนอร์อย่างที่คาดไว้นั่นแหละ!
สิ่งนี้ทำให้เซียวเฟิงเริ่มรู้สึกโดนยั่วยุขึ้นมาจริง ๆ แววตาของเขาแสดงความเยือกเย็นออกมาผ่านหน้ากากกระโหลกที่ปิดบังใบหน้าไว้ คทาแห่งการรักษาถูกเปลี่ยนเป็นกระบองที่ดูเหมือนจะถูกสร้างขึ้นมาจากทองคำแทน จากนั้นบัฟทุกอย่างก็ถูกร่ายใส่ตนเอง ไม่ว่าจะเป็นพรชีวิต พรสรรพาวุธรวมถึงพรความกล้าด้วย อีกทั้งใต้เท้าของเขาก็มีเปลวเพลิงลุกโชนขึ้นมาด้วย ไม่ว่าจะก้าวไปที่ไหน รอยเท้าของเขาก็จะมีไฟลุกพรวดขึ้นมาในทันทีจนราวกับบริเวณนั้นกำลังเกิดไฟไหม้เสียอย่างนั้น
ยิ่งเซียวเฟิงไม่หยุดเคลื่อนที่ เพลิงก็เริ่มกินพื้นที่มากขึ้นเรื่อย ๆ จนมันกว้างพอที่จะใช้เป็นทุ่งสังหารได้ ทันใดนั้นเอง ค่าแสดงความเสียหายก็ปรากฏขึ้นจากร่างที่คอยแต่จะล่องหนอยู่ตลอด แอสซาซินเหล่านั้นโดนโต้กลับแล้ว!
-113!
-121!
-109!
-118!
…
เปลวไฟเหล่านี้เป็นผลของสกิลไฟของรองเท้าซาลาเมนเดอร์ทองคำ เมื่อไหร่ก็ตามที่สกิลถูกสั่งใช้ ทุกย่างก้าวของเขาจะเกิดเปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นมาเป็นเวลา 30 วินาที ความเสียหายที่สร้างได้นั้นก็ค่อนข้างรุนแรงเพราะมันนับเอา 50% ของพลังเวทมาคำนวนความเสียหายเลย
ตอนนี้เซียวเฟิงเลเวล 18 หลังจากที่ร่ายพรความกล้าให้ตนเองแล้ว พลังเวทของเขาจึงเพิ่มสูงขึ้นราว ๆ 3-400 หน่วย แม้ว่ามันจะไม่ได้รุนแรงเทียบเท่าพลังโจมตีกายภาพ แต่มันก็นับว่ามากสำหรับการใช้คู่กับสกิลนี้
นั่นเพราะสกิลจะนำเอา 50% ของพลังเวทมาเป็นความเสียหายแก่ผู้ใดก็ตามที่เข้ามาสัมผัสกับไฟที่เกิดขึ้นจากสกิลนี้ สิ่งที่น่ากลัวคือ มันสามารถสร้างความเสียหายได้ทีละ 3 หลักเลยทีเดียว!
แต่เดิมแอสซาซินก็ไม่ได้มีพลังชีวิตเยอะกันอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถต้านทานความเสียหายนี้ได้เกิน 2 วินาที และด้วยเหตุนี้พริบตาเดียวบนกองไฟเหล่านั้นจึงมีศพของแอสซาซินจำนวนมากล้มกองกันอยู่อย่างน่าเวทนาก่อนจะสลายกลายเป็นกลุ่มแสงสีขาวไป
สกิลนี้กินมานาค่อนข้างสูงเลยทีเดียว การที่มันใช้มานาวินาทีละ 10 หน่วยเช่นนี้ ทำให้มานาของเซียวเฟิงมีพอที่จะใช้ได้แค่ 40 วินาทีเท่านั้น ถ้าหากเซียวเฟิงใช้น้ำแห่งการชำระล้าง เขาจะใช้ได้ถึง 50 วินาที และถ้าใช้ผลของอุปกรณ์ระดับเทพเจ้า…วัฎจักรชีวิตที่สามารถเปลี่ยนพลังชีวิตเป็นมานาได้ ก็จะยิ่งนานไปกว่าเดิมอีก…
แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ไม่ได้อยากทำเช่นนั้น เขาจะไม่ยอมเอาพลังชีวิตตนเองมาเสี่ยงบนสนามรบเช่นนี้แน่ ๆ ถ้ามันจะได้แค่ 40 วินาทีก็ใช้แค่ 40 วินาทีพอ
ทะเลเพลิงที่เซียวเฟิงสร้างไว้ฆ่าผู้เล่นไปเป็นจำนวนมาก และนั่นก็ทำให้มีไอเทมจำนวนมากตกอยู่บนพื้นที่พวกเขาตายด้วย
เพราะแอสซาซินของกิลด์มิดซัมเมอร์นั้นเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีเซียวเฟิงก่อน ดังนั้นชื่อของเซียวเฟิงจึงไม่กลายเป็นสีแดงหลังจากที่ทำการสังหารพวกเขาไปแล้ว มันถือเป็นการโต้กลับ ดังนั้นทุก ๆ คนที่ตายเพราะเซียวเฟิงจึงดรอปอุปกรณ์อย่างน้อย 1 ชิ้นเอาไว้ด้วย
พื้นไฟเหล่านี้ค่อย ๆ มอดลงอย่างช้า ๆ แต่กว่าจะมอดมันก็ทิ้งระยะไว้นานพอที่จะทำให้รอบ ๆ ตัวเซียวเฟิงไม่มีแอสซาซินเหลืออยู่อีกแล้ว พวกเขาทั้งหมดกลายเป็นกลุ่มแสงสีขาวแล้วกลับเมืองไปตามระเบียบ
ทันใดนั้นเอง สายลมหวนแปลกประหลาดก็ก่อตัวขึ้นมาด้านหลังเขา ความรุนแรงของมันมากพอที่จะทำให้เปลวเพลิงบนพื้นถึงกับสั่นคลอน เซียวเฟิงรีบหันกลับไปมองอย่างรวดเร็วพร้อมกับกำกระบองกระทิงทองในมือไว้แน่นเพื่อรับมีดสั้นที่จู่ ๆ ก็โผล่พรวดมาจากไหนไม่รู้
บล็อก!
เป็นไนท์ คูนเนอร์อีกครั้ง เพราะเธอนั้นสวมใส่อุปกรณ์ระดับสูงอยู่จึงทำให้เธอมีพลังชีวิตกับพลังป้องกันเวทมนตร์ที่ค่อนข้างสูง และสามารถอยู่บนทะเลเพลิงได้เกิน 3 วินาที แต่เพราะความต้องการที่จะฆ่าเซียวเฟิงของเธอนั้นแรงกล้าเอาเสียมาก ๆ เธอจึงไม่ได้ใช้โอกาสนั้นหนีและเลือกที่จะโจมตีใส่เซียวเฟิงแทน
ไนท์ คูนเนอร์สั่นสะท้านไปทั้งร่างพร้อมกับแววตาที่เย็นชา เธอตวัดมีดสั้นในมืออย่างบ้าคลั่งซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไร้กระบวนท่าเพียงหมายให้เซียวเฟิงได้รับบาดเจ็บ
บล็อก!
บล็อก!
บล็อก!
…
สีหน้าที่อยู่ภายใต้หน้ากากกระโหลกของเซียวเฟิงนั้นเคร่งเครียดในระดับหนึ่งเลย เขาไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้นขณะที่คอยใช้กระบองกระทิงทองคำบล็อกการโจมตีต่อเนื่องที่บ้าระห่ำของไนท์ คูนเนอร์ไปด้วย
ทะเลเพลิงยังคงเผาผลาญพลังชีวิตของไนท์ คูนเนอร์ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเธอไม่เหลือพลังชีวิตให้ใช้อีกแล้ว ร่างของหญิงสาวล้มลงไปบนกองเพลิงนั้น แต่ถึงเธอจะกลายเป็นศพไปแล้ว แววตาของเธอก็ยังมองเซียวเฟิงด้วยความเกลียดชังอยู่ดังเดิม
“ท่านอาร์คบิชอป! เป็นอะไรไหมคะ!?”
ตอนนั้นเองหัวหน้ากองทั้งชายและหญิงก็รีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับพาลาดินอีก 100 นายด้านหลัง พวกเขามาล้อมเซียวเฟิงไว้เพื่อไม่ให้มีผู้เล่นสามารถเข้าใกล้เซียวเฟิงได้ แน่นอนว่าพวกเขาสามารถลงมือฆ่าผู้เล่นเหล่านั้นได้เลยหากย่างกรายเข้ามาใกล้
“ไม่เป็นไร ทำลายเป้าหมายต่อไปเถอะ”
เซียวเฟิงหันหลังกลับ เขาเดินตรงไปยังแคมป์ของมิดซัมเมอร์ช้า ๆ
ในตอนนี้ทางทิศเหนือของแคมป์นั้นเตียนโล่งไปหมดแล้ว เพราะถึงแม้พาลาดินที่บุกทะลวงอยู่จะมีจำนวนไม่มาก แต่ด้วยพลังของผู้เล่นในตอนนี้น่ะ ไม่เพียงพอที่จะหยุดพวกเขาหรอก ดังนั้นพาลาดิน 1 คน ก็สามารถรับมือผู้เล่นได้เป็นพันอย่างไม่รู้สึกตึงมือแต่อย่างใด
กัปตันโบลตันและคนของเขาเริ่มแทรกแซงเข้าไปภายในแคมป์ได้ทีละนิด แม้ว่าเหล่าสมาชิกหลักที่สู้จนตัวตายกลายเป็นศพจะไม่ยอมไปเกิดที่เมืองเพื่อใช้ศพกองพะเนินของพวกเขาคอยขวางทางไว้ ท้ายสุดแล้วเหล่าพาลาดินก็ยังคงมุ่งหน้าเข้าไปภายในแคมป์ได้อยู่ดี
หลังจากที่เซียวเฟิงและผู้คุ้มกันของเขากลับมารวมทัพดังเดิม ภาคีพาลาดินก็กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง เหล่าผู้เล่นที่คอยป้องกันแคมป์ก็แตกพ่ายโดยสมบูรณ์ พาลาดินที่เดินหน้าเต็มกำลังประดุจศรสีเงินนั้นปะทะเข้ากับกำแพงผู้เล่นอย่างรุนแรงจนร่างของผู้เล่นทั้งหลายต่างกระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง
แม้ว่าภายในแคมป์จะยังมีผู้เล่นอยู่มากที่ห้อมล้อมทัพพาลาดินไว้ แต่เหล่าสมาชิกหลักและสมาชิกระดับสูงของกิลด์ต่างก็มองหน้ากันเองด้วยความสิ้นหวังเมื่อเห็นพาลาดินเคลื่อนทัพเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาค่อย ๆ ถอยช้า ๆ เพราะรู้ดีว่าพวกตนทำได้เต็มที่ก็ยืนกันไว้สักวินาทีหนึ่งเท่านั้น ภาคีพาลาดินพวกนี้ไม่มีทางหยุดได้อย่างแน่นอน ดังนั้นต่อให้พวกเขาสละชีวิตไป มันก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาชีวิตไปทิ้ง
เมื่อเหล่าพาลาดินเดินทางเข้ามาถึงภายในแคมป์สำเร็จ พวกเขาก็หยุดก่อนจะกระจายตัวไปล้อมศูนย์บัญชาการด้านในเอาไว้ถึง 2 ชั้น เหล่าทหารพาลาดินในชุดเกราะสีเงินทั้งหมดนี้ ยังคงมีพลังชีวิตเต็มเปี่ยมไม่ว่าจะเคลื่อนทัพมานานเท่าไหร่แล้วก็ตาม ราวกับว่าพวกเขาเป็นอมตะเสียอย่างนั้น
เคร้ง!
ภาคีพาลาดินที่ห้อมล้อมแคมป์ด้านในไว้แหวกทางออกเพื่อให้พาลาดินอีกกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา ซึ่งพาลาดินกลุ่มที่เข้ามาทีหลังนั้น มีเซียวเฟิงที่นั่งอยู่บนเสี่ยวเสวี่ยเดินนำมาด้วย พร้อมกับหัวหน้ากองอีก 2 คน
“ท่านอาร์คบิชอป”
กัปตันโบลตันเดินขึ้นมารับหน้า เขาในตอนนี้กลายเป็นที่หวาดหวั่นของเหล่าผู้เล่นจากมิดซัมเมอร์ไปหมดแล้ว ในฐานะที่เป็นบอสระดับเทพเจ้าเลเวล 30 พลังในการต่อสู้ของเขาไม่มีใครสามารถจินตนาการได้ว่ามันแข็งแกร่งขนาดไหน แต่จากการต่อสู้ก่อนหน้า ผู้เล่นก็พอจะเห็นได้ว่า เพียงแค่สกิลบางสกิลของกัปตันโบลตัน มันก็สร้างความเสียหายได้อย่างน้อย ๆ ก็หลักหมื่นแล้ว!
แต่ในตอนนี้ กัปตันโบลตันที่เปรียบเสมือนฝันร้ายของผู้เล่นคนนั้น กำลังกล่าวด้วยความสุภาพกับผู้เล่นคนหนึ่งที่สวมหน้ากากกระโหลกเอาไว้
“เขาคือ…เจ้าแห่งฮีลเลอร์แน่ ๆ ผู้เล่นอันดับหนึ่งในเขตฮัวเซีย…อันดับหนึ่งของทุกตาราง…”
“ศัตรูที่เลวร้ายที่สุดของกิลด์พวกเรา…ตอนนั้นพวกเราได้รับคำสั่งให้ไปฆ่าเขา…หรือว่านี่คือการแก้แค้นเหรอ?”
ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกหลักหรือผู้เล่นระดับสูงทั้งหลายที่มารวมตัวกันอยู่ด้านนอกศูนย์บัญชาการต่างเฝ้ามองด้วยความกังวล ตัวตนของเซียวเฟิงนั้นปิดพวกเขาไม่ได้มาพักใหญ่ ๆ แล้ว และในตอนนี้ทุกสายตาก็กำลังมองไปยังเซียวเฟิงด้วยความสับสน
โรสเองก็อยู่กับพวกเขาเหล่านั้นด้วย เธอถูกล้อมไว้ด้วยเหล่าสมาชิกหลักของกิลด์มิดซัมเมอร์ราวกับเป็นดอกบัวดอกงามที่งอกขึ้นมาท่ามกลางบึงที่มีแต่ความโหดร้าย ใบหน้าสวยไม่ได้กล่าวอะไรออกมาขณะที่จ้องมองเซียวเฟิงอยู่แบบนั้น
“ท่านหญิงคะ…พวกเราไม่น่าไปมีเรื่องกับหมอนั่นจริง ๆ…ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะกลับมาแก้แค้นพวกเราเร็วขนาดนี้…แถมยังน่ากลัวมาก ๆ ด้วย…เขาต้องเป็นคนพาพาลาดินพวกนี้มาถล่มพวกเราแน่ๆ…”
ลิลลี่นั้นยืนหลบอยู่ด้านหลังโรส เธอไม่กล้าที่จะหยิ่งผยองอีกต่อไปแล้ว น้ำเสียงที่หวาดหวั่นนั้นกระซิบพูดกับผู้เป็นนายด้วยความเสียใจพร้อมกับใบหน้าที่ซีดลง
“หัวหน้าโรส เธอยังมีข้อเสนอของผมอยู่นะ เมื่อไหร่ที่เธอตกลงเห็นด้วย ผมก็จะเคลื่อนทัพเข้ามาและช่วยเธอจากสถานการณ์เช่นนี้ทันทีเลย”
บราเธอร์ไนน์ออฟกลอรี่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เองก็เอ่ยขึ้นเช่นกัน เขายิ้มอ่อน ๆ และมันทำให้เขาดูหล่อเหลามากขึ้นในลุคของเอลฟ์หนุ่มเช่นนี้
“…ถ้านายแก้ปัญหานี้ได้ ฉันจะยอมทำตามข้อตกลงนั่นก็ได้…”
ไม่มีใครคาดคิดว่าโรสจะเห็นด้วยกับเขา ในขณะที่พูดนั้นแววตาของเธอก็ยังจ้องมองไปยังเซียวเฟิงอย่างไม่ละไปไหน
“ฮ่ะฮ่า! ได้เลย!”
เสียงหัวเราะของบราเธอร์ไนน์ออฟกลอรี่ดังไปทั่ว เขาเดินออกจากฝูงชนตรงหน้าและเข้าไปหาเซียวเฟิงก่อนจะพูด “เจ้าแห่งฮีลเลอร์ ฉันคือบราเธอร์ไนน์ออฟกลอรี่ เผอิญว่าฉันได้ยินมาหนาหูเลยถึงเรื่องความยิ่งใหญ่ของนายน่ะ ใช่ไหม? ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้มาเจอกันตัวเป็น ๆ พร้อมกับสิ่งที่นายทำกับสงครามป้องกันแคมป์ของกิลด์มิดซัมเมอร์เช่นนี้ ประทับใจจริง ๆ ”
เซียวเฟิงหันไปมองอีกฝ่ายโดยที่ไม่ได้พูดอะไร ดูเหมือนว่าเขากำลังมองต่ำใส่ผู้ที่เข้ามาหา แต่นั่นก็เพราะเขาอยู่บนหลังเสี่ยวเสวี่ยที่มีรูปร่างสูงและแข็งแกร่งต่างหาก ซึ่งภาพที่ว่าก็ทำให้บราเธอร์ไนน์ออฟกลอรี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เขายังคงพูดต่อ
“เอาล่ะ นี่เป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจจะบอกนาย ฉันมาที่นี่เพื่อแก้ปัญหาระหว่างนายกับกิลด์มิดซัมเมอร์ มันยังพอมีทางที่จะหลีกเลี่ยงการนองเลือดอยู่ใช่ไหมล่ะ? ฉันหวังว่านายจะเห็นด้วยกับข้อเสนอของฉันนะ”
หลังจากได้ฟังสิ่งที่บราเธอร์ไนน์ออฟกลอรี่พูดจบแล้ว เซียวเฟิงก็หันหน้าไปทางอื่นโดยไม่สนใจอีกฝ่ายอีกทันที เขามองไปยังศูนย์บัญชาการตรงหน้า ก่อนจะโบกมือ
“ถล่ม”
“ทำลายให้หมด!”
ภาคีพาลาดินทั้ง 1,000 นายเคลื่อนทัพไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียงกันประดุจศรสีเงินอีกครั้ง พวกเขาเข้าเข่นฆ่าสมาชิกหลักที่ห้อมล้อมศูนย์บัญชาการของมิดซัมเมอร์เอาไว้ได้อย่างง่ายดายราวกับเป็นเพียงเศษกระดาษ ซึ่งมันทำให้ผู้เล่นไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้เลย
“กล้าดีนักนะ!”
การกระทำหักหน้าเช่นนี้ทำให้บราเธอร์ไนน์ออฟกลอรี่โกรธเป็นอย่างมาก เขาไม่คาดคิดเลยว่าเซียวเฟิงจะเมินเขาเช่นนี้ ทว่าอย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรสักอย่าง กองทัพพาลาดินที่วิ่งด้วยความเร็วก็กระแทกเขาจนตายกลายเป็นศพอย่างรวดเร็วโดยที่แม้แต่ตัวพาลาดินเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น พวกเขาเหยียบศพของบราเธอร์ไนน์ออฟกลอรี่อย่างไม่มียั้งเท้าแม้แต่นิด
ผลลัพธ์นี้เป็นอะไรที่ไม่ได้แปลกไปจากสิ่งที่คาดหวังไว้อยู่แล้ว พาลาดินที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้เหล่านี้มีกำลังในการบุกมากมายราวกับเป็นโขลงช้างตกมันที่พร้อมปะทะเข้ากับทุกสิ่งอย่างที่ขวางหน้า ผู้เล่นที่คอยคุ้มกันศูนย์บัญชาการนั้นไม่สามารถยืนได้ถึง 10 วินาทีเสียด้วยซ้ำ พวกเขาทั้งหมดถูกกำจัดไปตามระเบียบ
[ประกาศถึงผู้เล่นในเขต! แคมป์ของมิดซัมเมอร์ได้ถูกทำลายลงแล้ว! และเพราะมิดซัมเมอร์ไม่ประสบผลสำเร็จในการทำสงครามป้องกันแคมป์! กิลด์มิดซัมเมอร์จึงถูกยกเลิกการขึ้นทะเบียน ส่งผลให้พื้นที่โดยรอบจะถูกระบบยึดคืน มอนสเตอร์ถิ่นจะกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งใน 10 นาที!]
[ประกาศถึงผู้เล่นในเขต! แคมป์ของมิดซัมเมอร์ได้ถูกทำลายลงแล้ว! และเพราะมิดซัมเมอร์ไม่ประสบผลสำเร็จในการทำสงครามป้องกันแคมป์! กิลด์มิดซัมเมอร์จึงถูกยกเลิกการขึ้นทะเบียน ส่งผลให้พื้นที่โดยรอบจะถูกระบบยึดคืน มอนสเตอร์ถิ่นจะกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งใน 10 นาที!]
[ประกาศถึงผู้เล่นในเขต! แคมป์ของมิดซัมเมอร์ได้ถูกทำลายลงแล้ว! และเพราะมิดซัมเมอร์ไม่ประสบผลสำเร็จในการทำสงครามป้องกันแคมป์! กิลด์มิดซัมเมอร์จึงถูกยกเลิกการขึ้นทะเบียน ส่งผลให้พื้นที่โดยรอบจะถูกระบบยึดคืน มอนสเตอร์ถิ่นจะกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งใน 10 นาที!]