Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 151 บ้านหลังใหม่
เซียวเฟิงเองก็เก็บสัมภาระของเขาเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน พวกเขาทั้งสองพร้อมจะเดินทางได้ทุกเมื่อ
“ไม่ต้องกังวล พวกเราจะปลอดภัย ไม่มีอะไรต้องกลัวทั้งนั้น”
ใบหน้าของเซียวเฟิงไม่ได้แสดงความกังวลหรือวิตกแต่อย่างใด เขายังคงยื่นมือไปลูบหัวของเซียวหลิงตามปกติและช่วยเธอแพ็คของเพิ่มอีกครั้งก่อนจะกลับไปนั่งรอใครบางคนที่ห้องนั่งเล่น
เขากำลังรอเฉียนโตวโตว และที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะชายหนุ่มดันลืมเบอร์มือถือของเธอซะได้ นอกจากนี้เพราะเธอไม่ได้ออนไลน์ในเกมมาซักพักแล้ว มันเลยทำให้เขาทำได้เพียงแค่รออยู่ที่อพาร์ทเมนต์เท่านั้น
ในใจของเซียวเฟิงไม่ได้คิดถึงคุณครูผู้หญิงคนนั้นหรือตงเสวี่ยเหวินเลยแม้แต่น้อย
“พี่เซียว ฉันเสร็จธุระแล้ว!”
โชคดีที่เฉียนโตวโตวที่ออกไปหาซื้อบ้านเดี่ยวตั้งแต่เช้ากลับมาหาเขาอย่างรวดเร็ว
“นี่กุญแจบ้าน แล้วก็เพราะพี่ลืมเอาบัตรประชาชนของพี่มาให้ฉัน เพราะงั้นฉันเลยต้องซื้อมันมาในชื่อของฉันเอง ถ้ายังไงเดี๋ยวฉันโอนให้เป็นชื่อของพี่อีกทีนะ”
“ไม่ต้องรีบร้อนก็ได้ งานในมือฉันมันยังไม่ลงตัวน่ะ ให้มันอยู่กับเธอไปก่อนเถอะ” เซียวเฟิงรับกุญแจดอกนั้นมาแล้วพูดกับเฉียนโตวโตว
“เข้าใจแล้ว! เฮ้ ๆๆ ทำไมเธอคนนี้น่ารักน่าชังแบบนี้ล่ะ!?”
แววตาสดใสของหญิงสาวผู้มาใหม่สังเกตเห็นเซียวหลิงที่นิ่งสงัดเหมือนตุ๊กตาเจ้าหญิงบนโซฟาทันทีที่เธอนั่งลงไปที่โต๊ะ ความงดงามของเด็กคนนี้ ทำเอาเธอถูกอกถูกใจตั้งแต่แรกพบแบบสุด ๆ
“เด็กคนนี้ชื่อเซียวหลิง เป็นน้องสาวของฉัน ถ้ายังไงก็ช่วยดูแลเธอด้วยละกันนะ” เซียวเฟิงพูดกับเฉียนโตวโตวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไว้ใจฉันได้เลยพี่เซียว!” เฉียนโตวโตวหยุดกินอาหารในมือแล้วลุกไปนั่งข้าง ๆ เซียวหลิงทันที เธอพูดด้วยแววตาที่เปล่งประกาย “ฉันเป็นแฟนของพี่ชายเธอ! เพราะงั้นเธอจะเรียกฉันว่าพี่สาวก็ได้นะจ้ะ…อุ่ก!? ฉันเจ็บนะ!!”
ไม่ทันได้พูดจบประโยคดีนัก หญิงสาวก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และสิ่งที่ทำให้เธอเจ็บปวดก็คือกำปั้นของเซียวเฟิงที่ทุบลงมาบนหัวเพื่อให้เธอเงียบ
“โอ้ย! ฉันแค่ล้อเล่นเอง! โหดร้ายชะมัด!”
น้ำเสียงหวานจ้อยบ่นเบา ๆ ขณะที่หางตาก็แอบมีน้ำตาไหลซึมออกมาเล็กน้อย
“ฮึ่ม!”
ทางเซียวหลิงเองก็ดูจะไม่ค่อยพอใจกับสิ่งที่เฉียวโตวโตวพูดเสียเท่าไหร่นัก เธอพ่นลมหายใจแรงออกจากจมูก เห็นได้ชัดเลยว่าเธอไม่ชอบเฉียนโตวโตวเสียแล้ว
ทว่าตอนนั้นเอง จู่ ๆ เสียงไซเรนก็ดังขึ้นมาแทรกช่วงเวลาแห่งความสงบสุข ที่ด้านล่างของอพาร์ทเมนต์มีรถตำรวจมากมายกำลังจอดเรียงรายราวกับจะมาจับฆาตรกรต่อเนื่องที่หนีการจับกุมมานาน
“พี่!”
เซียวหลิงหันไปหาเซียวเฟิงด้วยความกระวนกระวายใจ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ พี่เซียว?”
เฉียนโตวโตวเองก็รู้สึกถึงความผิดปกติที่ด้านนอกเหมือนกัน เธอหันไปมองเซียวเฟิงด้วยความสงสัย
“ไม่ต้องกังวล ดูแลเซียวหลิงไว้ เดี๋ยวฉันจะออกไปข้างนอกซักพัก”
เซียวเฟิงไม่ได้อธิบายอะไรเยอะ เขาเพียงส่ายหน้าเบา ๆ อย่างใจเย็น จากนั้นร่างของเขาก็หายไปจากห้องนั้นอีกครั้ง และครั้งนี้ไม่ได้แม้แต่จะเปิดประตูห้องเลยด้วย
“พี่เซียวนี่ไม่ใช่คนธรรมดาจริง ๆ ด้วย! ฉันนี่ตาดีจริง ๆ ! อ๊ะ พี่ชายของเธอไปข้างนอก ถ้ายังไงเดี๋ยวฉันจะดูแลเธอเอง! มานี่เร็ว มาให้พี่สาวกอดหน่อยน้า…หูยยยยย ทำไมน่ารักน่าชังแบบนี้นะ?!”
แววตาของเฉียนโตวโตวเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น เธอโผเข้ากอดเซียวหลิงโดยไม่สนใจเลยว่าอีกฝ่ายจะต่อต้านขนาดไหน
ตั้งแต่แรกที่เห็นเด็กคนนี้ เฉียนโตวโตวก็สังเกตเห็นแล้วว่าเธอนั้นดูจะกังวลและหวาดกลัวอะไรบางอย่างอยู่ ถึงแม้จะไม่มั่นใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็มั่นใจว่ารถตำรวจที่มาล้อมรอบอพาร์ทเมนต์แห่งนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเซียวเฟิงและเซียวหลิงแน่ ๆ
พอคิดได้แบบนั้น ร่างของเฉียนโตวโตวก็สั่นเทาขึ้นมา ถึงตอนนี้คงปฏิเสธไม่ได้แล้วว่าเซียวเฟิงไม่ใช่คนธรรมดา หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและหารายชื่อคน ๆ หนึ่งที่เธอไม่ได้กดโทรหาเป็นเวลานาน นัยน์ตาที่สดใสนั้นแน่วแน่และพร้อมจะโทรหาอีกฝ่ายได้ทุกเมื่อ
“ถ้าหากฉันยกร้านมหาสมบัติให้เขาล่ะก็ เขาจะต้องช่วยพี่เซียวได้แน่ ๆ ไม่ว่าพี่เซียวจะไปทำอะไรไว้ก็ตาม…”
ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ในห้อง สองสาวได้ยินเสียงไซเรนรถตำรวจเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ที่ด้านนอกนั้นน่าจะมีรถตำรวจไม่ต่ำกว่า 20 คันแล้ว จากการที่แอบชะโงกหน้าไปดู พวกเธอยังพบว่าตำรวจเป็นสิบกำลังเล็งปืนมายังประตูของห้องทุกห้องในอพาร์ทเมนต์แห่งนี้อีกด้วย ซึ่งมันทำให้ผู้อยู่อาศัยห้องอื่น ๆ ต่างพากันหวาดกลัวและไม่กล้าออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นที่ด้านนอก
“จากการสะกดรอยตาม เป้าหมายอยู่ที่นี่แหละ! จับตาดูเอาไว้แล้วรอคำสั่งจากเทศมนตรีตง!”
หัวหน้าตำรวจที่ทำการเข้าล้อมชุดนี้หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาเพื่อสั่งการตำรวจจำนวนมากที่มารวมตัวกันตอนนี้ แม้ตำรวจเหล่านี้จะพร้อมรับคำสั่งแล้ว แต่มันก็น่าแปลกใจที่เทศมนตรีตงไม่ยอมสั่งการอะไรเสียที
ก่อนหน้านี้เขาได้ยินข่าวเรื่องลูกชายของเทศมนตรีตงถูกผู้ปกครองของเด็กคนอื่นทำร้ายที่โรงเรียนจนอาการน่าเป็นห่วง แม้ตอนนี้จะอยู่ในมือหมอแล้ว แต่อาการของเด็กคนนั้นก็ยังอยู่ในขั้นอันตรายอยู่ดี!
ช่างบ้าบิ่นอะไรขนาดนี้!
เขาไม่รอช้าที่จะจัดเตรียมกำลังคนทันทีที่ทราบข่าว แล้วรีบบึ่งมายังบ้านของผู้ต้องสงสัยให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ นอกจากนี้ยังขอใช้สิทธิ์เข้าจับกุมเพื่อขอดูกล้องวงจรปิดภายในอพาร์ทเมนต์เพื่อคอยสังเกตการณ์ด้วยว่าไม่มีใครหนีออกมาขณะที่ส่งคนเข้าไปจับกุมแน่ ๆ ดังนั้นถ้าเมื่อไหร่เทศมนตรีตงสั่งให้ลงมือ พวกเขาก็จะสามารถลงมือได้โดยไม่รีรอ
แต่ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าจู่ ๆ ชายแปลกหน้าคนหนึ่ง จะย่องเข้าไปในรถที่เทศมนตรีนั่งมาได้โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยแม้แต่นิด
“นายเป็นใคร?”
รถคันนี้เป็นรถที่ใช้เพื่อการพาณิชย์โดยเฉพาะ มันมีป้ายทะเบียนสีเหลืองเห็นเด่นชัด แถมยังจอดอยู่ด้านหลังสุดของขบวนรถตำรวจที่กำลังจอดเรียงรายกันอยู่รอบอพาร์ทเมนต์ด้วย เทศมนตรีอ้วนในตอนนี้รู้สึกตกใจและหวาดกลัวมากกว่าโกรธเคืองเรื่องลูกชายเสียอีก
นอกจากตัวเขาที่นั่งอยู่ในรถ ที่นั่งด้านหน้ายังมีตำรวจฝีมือดีพกพาอาวุธอีก 2 คนนั่งมาด้วย ทว่าสองคนนั้นชิงสลบไปก่อนแล้ว
เขาไม่รู้ตัวเลยว่าทั้งสองคนนี้สลบไปตั้งแต่เมื่อไหร่ และไม่รู้ด้วยว่ามีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลามานั่งอยู่ที่เบาะผู้โดยสารจนกระทั่งอีกฝ่ายหันหน้ากลับมามองตน
“ฉันคือคนที่นายกำลังตามหาอยู่”
ชายคนนี้คือเซียวเฟิง เขาหยิบเอาปืนมาจากตำรวจที่สลบไปแล้วมาดูซ้ายทีขวาทีด้วยความสบายอกสบายใจ
“ว่ายังไงนะ! นายเองเหรอที่กล้ามาทำร้ายลูกชายของฉัน! นายต้องการอะไรกันแน่!!”
เมื่อรู้เช่นนั้น ความโกรธที่เคยถูกบดบังหายไปก่อนหน้าก็กลับมาปรากฏให้เห็นในทันที กระนั้นแล้วเทศมนตรีอ้วนก็ไม่ได้พูดเสียงดังแต่อย่างใด เขาเลือกใช้เสียงเบาขณะที่สายตาก็จับจ้องอยู่ที่ปืนในมือของเซียวเฟิงอย่างหวาดระแวง
“ฉันต้องการอะไรงั้นเหรอ? ฉันไม่อยากเห็นหน้านายเป็นครั้งที่สอง เพราะงั้นคิดว่าฉันควรทำยังไงดีล่ะ?”
เซียวเฟิงถอดและประกอบปืนในมือใหม่ด้วยความเร็วที่ตาของอีกฝ่ายมองแทบไม่ทัน เขาเชี่ยวชาญเรื่องนี้มาก ๆ ซึ่งระหว่างนั้นเขาก็เอ่ยปากถามเทศมนตรีอ้วนตรงหน้าไปด้วยราวกับใช้ปืนนี่เป็นตัวขู่
“อย่ามาล้อเล่นน่า! นายรู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นข้าราชการพลเรือน!” ขณะที่พูดนั้นเอง เหงื่อเม็ดเล็กเม็ดน้อยก็เริ่มปรากฏให้เห็นบนหน้าผากของเขาแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าเขาเองก็พยายามขู่เซียวเฟิงกลับเช่นกัน
คนคนนี้เป็นใครกันแน่? ชายหนุ่มที่สามารถย่องเข้ามาในรถพร้อมกับทำให้ตำรวจถึง 2 นายสลบไปพร้อม ๆ กัน ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีคนที่อันตรายระดับนี้อยู่ในเมืองเฉิงไห่ด้วย! การมีอยู่ของชายคนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับระเบิดเวลาที่ไม่มีใครสามารถควบคุมได้เลยชัด ๆ !
“ฉันก็ไม่ได้อยากจะฆ่านายอยู่แล้ว! ฉันมาที่นี่ก็เพื่ออยากจะเตือนนายเอาไว้ ว่าอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก! ไม่งั้นแล้ว ฉันจะได้กลายเป็นฝันร้ายของนายแน่ คอยดู!”
แววตาที่จ้องมองเทศมนตรีอ้วนของเซียวเฟิงนั้นเยือกเย็น เขาบีบขย้ำปืนในมือด้วยความรุนแรงจนมันกลายเป็นเพียงก้อนเหล็กกลม ๆ เท่านั้น ซึ่งตลอดเวลาที่เขาขยำรวมมันเป็นก้อน เสียงของเหล็กที่ถูกบีบอัดจนเปลี่ยนรูปก็ดังให้ได้ยินเรื่อย ๆ จนผู้ที่ได้เห็นต่างก็มั่นใจว่ามันเป็นปืนจริงอย่างแน่นอน
“นายเข้าใจหรือเปล่า?”
ชายหนุ่มใช้จังหวะที่สามารถสร้างแรงกดดันนี้เพื่อสร้างความห่างชั้น ทั้งนี้อย่างน้อย ๆ เขาก็จะได้เลี่ยงปัญหาใหญ่ ๆ ที่อาจจะตามมาได้ เขาต้องจัดการเรื่องนี้แบบไม่ให้ใครรู้ ไม่งั้นแล้วชีวิตที่แสนสงบสุขจะต้องถูกพังทลายลงไปแน่ ๆ หากสถานการณ์มันเลวร้ายมากขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้ หากตัวตนของชายหนุ่มถูกเปิดเผยออกไป เขาจะยิ่งเคลื่อนไหวลำบากมากขึ้นไปอีกอย่างไม่ต้องสงสัย
โชคดียังเข้าข้างเขา นั่นเพราะเทศมนตรีอ้วนคนนี้ไม่ใช่คนที่หนักแน่นอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“ขะ…เข้าใจแล้ว ฉันเข้าใจแล้ว! เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น! เดี๋ยวฉันจะรีบไปให้พ้นหน้านายเลย! นายจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าฉันอีก ฉันสัญญา!”
เสื้อเชิ้ตสีขาวของชายอ้วนเต็มไปด้วยเหงื่อไคล แล้วยิ่งเห็นก้อนเหล็กสองก้อนที่อยู่ในมือของเซียวเฟิงนั้น เหงื่อมันก็ยิ่งไหลชุ่มออกมามากกว่าเดิมจนเขาต้องใช้แขนเสื้อคอยเช็ดอยู่ตลอด น้ำเสียงของเทศมนตรีตงในตอนนี้ เต็มไปด้วยความกลัวแบบสุด ๆ
“ดี…ฉันหวังว่านายจะเป็นคนฉลาดเหมือนที่พูดนะ”
ทันทีที่พูดจบ ร่างของเซียวเฟิงก็หายไปในทันที เหลือไว้เพียงก้อนเหล็ก 2 ก้อนนั้นที่ตกกระทบกันบนรถจนเกิดเสียงดัง
เทศมนตรีตงสั่นเทาไปด้วยความกลัว เขาไม่กล้าขยับตัวไปไหนเลยจนกระทั่งมั่นใจแล้วว่าปีศาจร้ายในคราบชายหนุ่มไม่ได้อยู่บนรถของเขาแล้ว มือที่สั่นเป็นเจ้าเข้านั้นเอื้อมไปหยิบลูกเหล็กบนพื้นขึ้นมาดูอย่างใกล้ชิด… มันเคยเป็นปืนมาก่อนจริง ๆ ทั้งปืนทั้งกระสุนเลยถูกบีบอัดกันจนกลายเป็นก้อนเหล็กกลม ๆ เช่นนี้ ความจริงที่น่าสะพรึงกลัวและไม่สามารถหลีกหนีได้มันทำให้ใบหน้าที่ชุ่มเหงื่อถอดสี รวมไปถึงกางเกงในของเขาเองในตอนนี้มันก็เริ่มชื้นขึ้นมาเสียแล้ว
“ทุกคน พร้อมเข้าจู่โจ…เอ๊ะ? ว่ายังไงนะครับ หยุดเหรอ?”
หัวหน้าชุดจับกุมที่อยู่ด้านหน้าสุดของขบวนเข้าใจว่าเทศมนตรีตงคงจะสั่งโจมตีแน่ ๆ ทว่าสิ่งที่เขาได้รับกลับกลายเป็นคำสั่งถอนกำลัง มันทำให้เขางุนงงสุด ๆ
ในตอนนี้เซียวเฟิงกลับเข้าไปในห้องเรียบร้อยแล้ว เขายืนพิงหน้าต่างและดูสถานการณ์ภายนอกอย่างใจเย็นเพื่อให้รอจนกว่ารถตำรวจพวกนั้นจะถอยออกไปจนหมด
“พี่เซียว ตำรวจพวกนั้นมาเพราะพี่เหรอ?”
เฉียนโตวโตวโล่งใจ เธอวางโทรศัพท์ลงก่อนจะเอ่ยถามถึงต้นเหตุ
“เปล่า พวกนั้นก็แค่มาตามจับตัวผิดคนน่ะ”
เขาส่ายหน้าเบา ๆ และยื่นมือไปลูบหัวของเซียวหลิงที่เข้ามาซบแขนเขาอย่างอ่อนโยน
“โอเค ถ้างั้นเราจะไปบ้านหลังใหม่กันเลยไหม?”
หญิงสาวเลิกถามต่อในเรื่องนี้เมื่อตระหนักได้ว่าเซียวเฟิงดูท่าจะไม่อยากพูดอะไรมากนัก เธอหันไปมองกระเป๋าเดินทางของทั้งสองก่อนจะเปลี่ยนเรื่องด้วยตนเอง
“อืม…ไปกันเถอะ”
เซียวเฟิงพยักหน้าและพูด ตลอดหลายวันมานี้มันมีเรื่องต่าง ๆ มากมายเกิดขึ้นกับตัวเขาอยู่เรื่อย ๆ เห็นทีว่าอพาร์ทเมนต์แห่งนี้จะไม่น่าปลอดภัยเหมือนแต่ก่อนแล้ว
“งั้นไปกันเลย!”
ได้ยินเช่นนั้นเฉียนโตวโตวก็พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น เธอเข้าไปนั่งที่นั่งคนขับของรถออร์ดี้สีขาวเพื่อที่จะพาเซียวเฟิงและเซียวหลิงไปยังบ้านใหม่ของพวกเขา
คฤหาสน์หลังงามที่อยู่บนยอดเขานี้ยังคงอยู่ในเขตเมืองของเมืองเฉิงไห่ มันอยู่ใกล้กับอุทยานขนาดใหญ่ เพราะงั้นรอบ ๆ ที่แห่งนี้จึงได้มีธรรมชาติที่งดงามและถือว่าเป็นเขตที่มีราคาขายสูงมาก ๆ อีกเขตหนึ่งด้วย คฤหาสน์หลังอื่นที่อยู่ใกล้ ๆ กันก็ตั้งราคาขายไว้กันหลายร้อยล้านหยวนเหมือนกันหมด หากไม่ใช่ว่าขายสัญลักษณ์กิลด์ในเกมได้ล่ะก็ เซียวเฟิงคงไม่สามารถซื้อมันได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงจากการทำงานทั่ว ๆ ไปของเขาแน่ ๆ
บ้านใหม่ของพวกเขาอยู่สูงกว่าเขตที่อยู่อาศัยอื่น ๆ เล็กน้อย เพราะงั้นเมื่อยามราตรีมาถึง พวกเขาจะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองที่ประดับประดาไปด้วยแสงไฟได้อย่างชัดเจน ซึ่งเซียวเฟิงเองก็พึงพอใจกับสิ่งนี้มาก ๆ
ภายในบ้านหลังโตมีทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตของทั้งสองอยู่แล้ว เพราะงั้น ต่อให้ทั้งสองจะมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบไม่ใหญ่มาก พวกเขาก็สามารถอยู่อาศัยที่นี่ได้เลย จะมีก็แต่ต้องทำความสะอาดและออกไปหาซื้อของกินกับของใช้จำเป็นกลับมาเท่านั้น
“ห้องนอนใหญ่ทางนี้เป็นของพี่เซียว”
เฉียนโตวโตวขับรถซิกแซกขึ้นไปบนถนนที่ตัดผ่านบนภูเขาก่อนจะจอดลงที่ด้านหน้าคฤหาสน์ จากนั้นเธอก็เดินนำสองพี่น้องขึ้นไปยังชั้นสองเพื่อพาแต่ละคนไปดูห้องนอนของตนเอง
“โอเค”
เซียวเฟิงพยักหน้า ห้องนอนใหญ่ตรงหน้าเขานี้ครบครันไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ดูหรูหรา มันดูสะดวกสบายและน่าอยู่ราวกับห้องของประธานธิบดีก็มิปาน และสิ่งที่ดูจะสะกดสายตาเขาจนอยู่หมัดเห็นทีคงจะไม่พ้นเตียงขนาด 3×3 ที่วางไว้กลางห้องนั่นแหละ
“ส่วนห้องที่อยู่ตรงข้ามห้องนอนใหญ่เป็นของเซียวหลิง”
ไกด์นำทางเฉียนโตวโตวเดินออกไปและผายมือไปยังห้องฝั่งตรงข้ามของเซียวเฟิงต่อ ที่เธอสามารถพาชมได้อย่างคล่องแคล่วนั้นก็เพราะว่าเมื่อเช้านี้เธอเข้ามาสำรวจในบ้านหมดแล้ว
“โอเค”
ชายหนุ่มเดินตามไปดูห้องของผู้เป็นน้องสาว แล้วก็รู้สึกพึงพอใจเช่นกัน
“แล้วก็นี่เป็นห้องนอนของฉัน อยู่ถัดจากห้องนอนใหญ่” เฉียนโตวโตวเดินนำไปให้ดูอีกห้องก่อนจะพูด
“โอเค…เดี๋ยว! ว่ายังไงนะ?”
เขากำลังจะเออออไปตามระเบียบ หากแต่สมองก็สั่งให้รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างในประโยคบอกเล่านั้นเสียก่อน แววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยเหลียวมองไปยังเฉียนโตวโตวอย่างไม่รอช้า
หญิงสาวรีบหันไปมองเขาแล้วขอร้องด้วยความออดอ้อน “พี่เซียว ได้โปรด อย่าไล่ฉันไปไหนเลยนะ! ฉันจะยอมทำทุกอย่างให้พี่เลยก็ได้! พี่จะให้ฉันเป็นพี่เลี้ยงเด็กก็ได้ แต่ให้ฉันอยู่ที่นี่เถอะนะ!”
มันค่อนข้างเป็นอะไรที่พูดได้ยาก เพราะยังไงซะคฤหาสน์หลังนี้ เฉียนโตวโตวก็เป็นคนจัดหามา เขาไม่สามารถไล่เธอไปไหนได้อยู่แล้ว
นอกจากนี้เขาเองก็คิดว่านักธุรกิจที่ชื่อมันนี่ฮังกรี้นั่น… พ่อของเฉียนโตวโตว ก็แสดงออกชัดเจนแล้วว่าทั้งเธอและพ่อไม่ค่อยลงรอยกันเสียเท่าไหร่
“ก็ได้”
ด้วยเหตุนี้ เซียวเฟิงจึงพยักหน้าและให้เธออยู่ที่นี่ด้วยหลังจากคิดทบทวนอยู่พักหนึ่ง แม้ว่าเซียวหลิงจะพยายามกระตุกแขนเสื้อของผู้เป็นพี่ชายเพื่อให้เขาคิดทบทวนใหม่ก็ตาม
“เยี่ยมไปเลย! เซียวหลิง พวกเราได้อยู่ด้วยกันแล้วนะ!”
เฉียนโตวโตวร้องออกมาด้วยความดีอกดีใจในขณะที่เซียวหลิงจะบุ้ยปากด้วยความผิดหวังและไม่พอใจก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ความดีใจของเฉียนโตวโตวก็อยู่ได้ไม่นานนัก เพราะเซียวเฟิงไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาลิสต์รายการต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ก่อนจะส่งมันให้กับบุคคลที่ 3 ที่เพิ่มเข้ามาในบ้านหลังนี้
ในฐานะพี่เลี้ยงแล้ว เฉียนโตวโตวจึงไม่ปฏิเสธแล้วรีบขับรถออกจากบ้านไปด้วยความตื่นเต้นทันที
เซียวเฟิงเดินเข้าไปในห้องนอนใหญ่ของเขาอีกครั้งหลังจากทำความสะอาดห้องให้เซียวหลิงไปแล้ว วันนี้เขาเกือบจะเสียเวลาทั้งวันไปกับโลกแห่งความเป็นจริง เห็นทีคงจะได้เวลากลับสู่โลกออนไลน์เสียที