Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 154 พวกมือใหม่
นอกจากหัวหน้าปาร์ตี้กับชาแมนสาวที่ทำดาเมจใส่บอสได้มากที่สุดจากการช่วยเหลือของเซียวเฟิงแล้ว คนอื่น ๆ ในปาร์ตี้ก็ทำดาเมจได้แค่นิดหน่อยเท่านั้น ส่วนบางคนจะเรียกว่าเล็กน้อยเลยก็ว่าได้…
ด้วยความเอะใจถึงสิ่งผิดปกติ เซียวเฟิงก็เผลอไปกดหน้าต่างข้อมูลตัวผู้เล่นแต่ละคนดู แล้วมันก็ยิ่งทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มดูตึงเครียดมากขึ้นไปกว่าเดิม
นักรบโล่คนนั้นใส่อุปกรณ์ระดับขาวมาแทบจะทั้งตัว มีระดับเขียวเลเวล 10 แค่ 2 ชิ้น บางทีเขาน่าจะสวมอุปกรณ์พวกนี้มาตั้งแต่ภารกิจในหมู่บ้านเริ่มต้นแล้วก็ได้
อุปกรณ์ที่คนอื่น ๆ ใส่เองก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก ที่เห็นว่าพวกเขามีของใส่กันเต็มตัวนั้น ทุกชิ้นล้วนเป็นระดับขาวกันหมด น้อยชิ้นมากที่จะเป็นระดับเขียว
ผู้ที่สวมใส่อุปกรณ์ที่ดีที่สุดท่ามกลางคนเหล่านี้ก็คือหัวหน้าปาร์ตี้ เขาสวมใส่อุปกรณ์ระดับขาวเลเวล 15 และมีอุปกรณ์สีเขียวอยู่อีกหลายชิ้น นอกจากนี้เขายังมีอาวุธระดับน้ำเงินอยู่ด้วย ดังนั้นหากจะบอกว่าเขามีอุปกรณ์ดีที่สุดในทีมก็คงจะไม่เกินไปนักหรอก
ตอนนี้สีหน้าของชายหนุ่มนั้นหดหู่สุด ๆ ตัวเขามั่นใจแล้วว่าตนเองเผลอเข้าร่วมปาร์ตี้กับพวกคนอ่อนที่ใช้อุปกรณ์กาก ๆ เข้าให้เสียแล้ว…
“ฮีลเลอร์ ช่วยฉันด้วย! พลังชีวิตของฉันจะหมดแล้ว! อย่ายืนเฉย ๆ แล้วดูฉันตายจะได้ไหม!?”
เสียงตะโกนของนักรบโล่ดังขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องเดิม ๆ พลังชีวิตของเขากำลังจะหมดจากการเข้าปะทะแบบไม่คิดจะหลบหลีกท่าโจมตีของเทรนท์มหาภัย คำพูดเหล่านั้นทำให้เซียวเฟิงเริ่มไม่สบอารมณ์ เพราะเมื่อครู่นี้เขาก็เพิ่งจะฮีลอีกฝ่ายไป
และใช่… เพราะเพิ่งจะฮีลอีกฝ่ายไปสกิลโฮลี่ไลท์ของเขาจึงยังคูลดาวน์ไม่เสร็จ
ในตอนท้าย นักรบเถื่อนจึงเข้ามาแทนที่นักรบโล่เพื่อกันไม่ให้เขาตายอย่างทันท่วงที ร่างที่สั่นเทาของเขานั้นสั่นกลัวขณะที่มองไปยังความตายที่เกือบจะมาถึงตรงหน้า…
“ฮีลเลอร์ ทำไมนายถึงไม่ยอมช่วยฉันเมื่อกี้ฮะ? ไม่เห็นหรือไงว่าฉันเกือบจะตายแล้ว!?”
‘นี่ยังกล้ามาถามแบบนี้อีกเหรอ?’ เซียวเฟิงคิด แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปและเลิกสนใจนักรบคนนั้น
ยามไร้ซึ่งอวยพรชีวิตแล้ว นักรบเถื่อนเองก็สูญเสียพลังชีวิตเยอะไม่ต่างกันขณะที่ต้องรับท่าการโจมตีด้วยลมจากบอส ทว่าจู่ ๆ เทรนท์มหาภัยก็หยุดโจมตีพวกเขาไปเสียดื้อ ๆ มันยกมือขึ้นมาลูบคางตนเองราวกับกำลังคิดว่าจะใช้สกิลอะไรต่อไปดีอย่างไม่เกรงกลัว
“มือสังหาร ทำลายสกิลบอสเดี๋ยวนี้เลย!”
“บ้าเอ้ย! ฉันโจมตีพลาด! ภารกิจล้มเหลว!”
“งั้นวิ่งเร็ว! บอสกำลังคิดจะใช้สกิลอื่นอยู่!!”
“แยกกัน… อั่ก!? นายจะมาชนฉันทำไมน่ะ!!”
“ไอ้โง่! แกขวางทางฉันเองนี่หว่า!!”
“กับดักไง! วางกับดักไว้ก่อน!”
ทันทีทันใด ปาร์ตี้ของเซียวเฟิงก็อยู่ในความวุ่นวายเสียแล้ว เหล่าผู้เล่นที่เป็นอาชีพโจมตีระยะใกล้ต่างพากันวิ่งไปทั่วเหมือนแมลงวันไร้หัว ในตอนท้ายมีเพียงผู้เล่นคลาสมือสังหารเท่านั้นที่หนีออกมาได้ ส่วนนักรบอีก 3 คนถูกฆ่าตาย นักรบโล่เองก็เป็นอีกคนที่เกือบจะลงไปกองด้วยหากแต่เพราะจู่ ๆ พลังชีวิตของเขาก็เพิ่มขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“รีบ ๆ ไปเกิดใหม่แล้วกลับมา! ทางเข้ากับจุดนี้อยู่ไม่ไกลกันนะ! นักรบโล่ยังไม่ตาย เพราะงั้นเขายังพอจะยืนยื้อเวลาไว้ได้! ฮีลเลอร์… เพิ่มเลือดให้เขาที บอสกำลังเข้ามาโจมตีอีกครั้งแล้ว!”
หัวหน้าปาร์ตี้พูดขึ้นเสียงดังขณะที่ศพของนักรบทั้งสามก็กำลังกลายเป็นแสงและหายจากที่แห่งนั้นไป
สีหน้าของเซียวเฟิงดูจะเลวร้ายสุด ๆ แล้ว เมื่อครู่นี้ถ้าหากเขาไม่ใช้สกิลโฮลี่ไลท์ช่วยเพิ่มค่าพลังชีวิตให้นักรบโล่ การโจมตีของบอสคงจะพรากเอานักรบไปได้ทั้งหมด 4 คนอย่างไม่ต้องสงสัย
และใช่… นักรบโล่คนนี้ร้องขอให้เขาช่วยฮีลให้อีกแล้ว ในขณะที่สกิลโฮลี่ไลท์นั้นยังเหลือเวลาคูลดาวน์อีกตั้ง 20 วินาที
“ล่อบอสไปติดกับดัก เราจะได้ซื้อเวลาขณะที่รอให้เลือดของนายฟื้นไปด้วย! อย่าเพิ่งโจมตีเด็ดขาด!”
มือสังหารตะโกนบอกนักรบโล่ให้ล่อเทรนท์มหาภัยไปติดกับดักที่ตนติดตั้งเอาไว้แทน
“นายวางกับดักไว้ที่ไหน?” นักรบโล่เอ่ยถามขณะที่มองไปด้านหลังและถอยกลับออกไปด้วย
“ทางนั้น!”
นักธนูเอลฟ์เป็นผู้ตอบแทน คนคนนี้มีทักษะในการวางกับดักเหนี่ยวรั้งเป็นอย่างดี มันเป็นกับดักที่เหมือนกับที่เคยใช้ในแดนทมิฬเมื่อครั้งก่อน
“ดี! งั้นฉันจะล่อมาทางนี้ก็แล้วกัน!”
“ไอ้บ้าเอ้ย! คุมความเกลียดชังของนายหน่อยสิ! บอสมันกำลังจะมาทางฉันแล้วนะ!”
“มันทำไม่ได้โว้ย! ดูซะ เลือดของฉันจะหมดแล้ว! ถ้าขืนให้ฉันเข้าไปล่อล่ะก็ ฉันก็ได้ตายพอดีล่ะสิ! ทำไมนายไม่ยอมไปทำเองละวะ!”
“เป็นบ้าอะไรไปอีก! นายทำฉันพูดอะไรไม่ออกเลยนะ! รู้หรือเปล่าว่าหน้าที่ของนายต้องทำอะไร?”
“เฮอะ พูดอะไรออกมาละอายใจบ้างหรือเปล่า? คนที่ยืนอยู่ข้างหลังแล้วคอยยิงจากไกล ๆ อย่างนายรู้บ้างหรือเปล่าว่าพวกฉันที่ไปอยู่แนวหน้าต้องรับแรงกดดันกันขนาดไหน? นายที่เป็นนักธนูแท้ ๆ ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าฮิทแอนด์รัน*[1]คืออะไร! นายรู้บ้างไหมว่าหน้าที่ของนายต้องทำอะไรบ้าง!?”
การต่อสู้ตรงหน้านี้วุ่นวายก็จริง แต่ดูเหมือนอารมณ์ของสมาชิกในปาร์ตี้จะวุ่นวายเสียยิ่งกว่า พวกเขากำลังเริ่มทะเลาะกัน ต่างฝ่ายต่างโทษกันเองซึ่งทำเอาเซียวเฟิงหมดคำพูดกับคนพวกนี้
“เลิกทะเลาะกันได้แล้ว! บอสเหลือเลือดครึ่งเดียวแล้วนะ รีบ ๆ ฆ่ามันก่อนสิ!”
ท้ายที่สุด ผู้เป็นหัวหน้าปาร์ตี้ก็ลุกขึ้นและสั่งให้หยุดทะเลาะกัน ซึ่งแน่นอนว่ามันได้ผล เสียงของผู้เล่นที่โหวกเหวกใส่กันเงียบลงไปทันที พวกเขาหันกลับมาสนใจที่จะหาวิธีกำจัดบอสตนนี้กันอีกครั้ง
ตอนนั้นเอง สกิลโฮลี่ไลท์ของเซียวเฟิงก็คูลดาวน์เสร็จพอดี เพราะงั้นเขาจึงฮีลเลือดให้นักรบโล่อย่างรวดเร็ว ทันทีที่เลือดกลับมาเต็ม นักรบโล่ก็เข้าประจัญหน้ากับบอสอีกครั้ง รวมถึงเหล่าผู้เล่นสายสร้างดาเมจทั้งสองคนก็เริ่มโจมตีต่อเมื่อมีตัวยืนให้ ตลอดเวลาที่การต่อสู้ยังดำเนินอยู่ ทั้งยาเพิ่มเลือดและโฮลี่ไลท์ถูกใช้จนแทบจะเรียกว่านับครั้งไม่ถ้วนเลยก็ว่าได้
ในที่สุด เทรนท์มหาภัยก็พ่ายแพ้และลงไปนอนอยู่กับพื้น ต้องขอบคุณหัวหน้าปาร์ตี้และชาแมนสาวจริง ๆ ที่ทำดาเมจได้ถึง 80% ด้วยบัฟที่เซียวเฟิงมอบให้ อย่างที่ว่าไว้… บอสธรรมดาพวกนี้ไม่สามารถยืนต้านได้นานนักหรอกหากใช้จำนวนคนเข้าว่า
แต่ถึงจะพูดเช่นนั้น มันก็ยังต้องใช้เวลากว่า 10 นาทีเพื่อจะฆ่าบอสธรรมดา ๆ ตัวนี้ให้ตาย และมันไม่ประทับใจเซียวเฟิงเป็นอย่างยิ่ง ใบหน้าของเขามืดดำจนแทบจะเป็นถ่านอยู่แล้ว คิดว่าบอสธรรมดาเลเวล 15 นั้นใช้เวลาแค่ 2 นาทีก็เกินพอแล้ว
‘พวกมือใหม่นี่มันอะไรกันวะเนี่ย!’ ชายหนุ่มคิดในใจ
“ว้าว! แรร์ดร็อป! เฮ้ย หมวกเหล็ก! มันมีประโยชน์กับพวกเรามากเลยนะ!”
“นี่มันเกราะหนักนี่! เจ้านี่ต้องเป็นของฉัน เพราะฉันเป็นนักรบโล่คนเดียวในปาร์ตี้!”
“ไม่มีทาง! นี่มันให้ทั้งค่าความแข็งแกร่งแล้วก็ค่าความคล่องตัวเลยนะ เพราะงั้นมันเหมาะกับนักธนูกว่าเป็นไหน ๆ !”
“อย่าพูดงั้นสิ มันก็มีประโยชน์กับคลาสมือสังหารแบบพวกเราเหมือนกันแหละน่า!”
บางทีอาจจะเป็นเพราะบอสตัวนี้ถูกฆ่าบ่อยครั้งแล้ว ดังนั้นของที่ดร็อปจึงมีแค่อุปกรณ์ระดับน้ำเงินเท่านั้น แต่ถึงจะมีแค่สีน้ำเงิน ผู้เล่นเหล่านี้ก็กำลังจะทะเลาะกันเองเพื่อจะแย่งมันอยู่ดี
“งั้นในเมื่อของชิ้นนี้ไม่มีประโยชน์อะไรกับชาแมนกับฮีลเลอร์ ถ้างั้นพวกเรามาวัดกันด้วยแต้มสูงสุดเป็นไง?”
ผู้เล่นเหล่านี้ดูจะไม่สนใจทั้งเซียวเฟิงและชาแมนสาวเลย พวกเขาเอาแต้มของตนเองออกมาเปรียบเทียบกัน ส่วนชาแมนสาวนั้นเงียบมาตลอด มันก็จริงที่พวกเขาบอกว่าชาแมนอย่างเธอน่ะไม่ต้องการเกราะหนักหรอก เพราะสิ่งที่เธอต้องการจริง ๆ คืออุปกรณ์ที่ช่วยเสริมค่าพลังเวทให้ต่างหาก
เซียวเฟิงเองก็ไม่อยากจะใส่ใจ เขาเมินหน้าหนีกับอุปกรณ์ระดับน้ำเงินชิ้นนั้น แต่ถึงจะบอกไม่อยากใส่ใจ ชายหนุ่มก็แอบรู้สึกหงุดหงิดกับการที่โดนปัดออกโดยไม่ไถ่ถามอะไรทั้งนั้นของคนเหล่านี้ แม้ว่าตนเองจะไม่ได้อยากจะทวงเครดิตอะไรมากนัก แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว หากไร้ซึ่งเซียวเฟิงพวกเขาก็ไม่สามารถจัดการบอสได้เหมือนกัน
แล้วนี่อะไร? พอจัดการบอสได้พวกเขาก็เขี่ยหัวนักบวชทิ้งโดยไม่ลังเลเลย แบบนี้จะไม่ให้เขารู้สึกหงุดหงิดได้อย่างไรกัน?
การต่อสู้เพื่อแย่งชิงอุปกรณ์ชิ้นนี้ใช้เวลาร่วม 10 นาที แถมพวกเขายังแย่งกันเพื่อจะเอาอุปกรณ์ระดับขาวบางชิ้นอีกด้วย ยิ่งได้เห็นเซียวเฟิงก็ยิ่งพูดอะไรไม่ออก
“นี่มันก็ซักพักใหญ่แล้วที่เราฆ่าบอกตัวแรกได้ เพราะงั้นไปกันต่อเถอะ”
หลังจากที่ผู้เล่นในปาร์ตี้จัดแจงแบ่งอุปกรณ์ไอเทมกันเสร็จแล้ว คนเหล่านี้ก็มุ่งหน้าต่อไปยังพื้นที่ของบอสตัวที่ 2
“ยังไงก็เถอะ ฮีลเลอร์ อยากจะได้อุปกรณ์หรือไอเทมอะไรสักหน่อยไหม? ฉันเห็นนายเงียบมาตลอดเลยเมื่อตอนที่เราแบ่งของกัน”
ตอนนั้นเอง หัวหน้าปาร์ตี้ก็เริ่มคิดถึงเซียวเฟิงขึ้นมา เขาจึงเอ่ยถามด้วยความเขินอายนิด ๆ
“ฮีลเลอร์ที่เลเวลสูงขนาดนี้น่ะ เขาไม่สนใจอุปกรณ์ระดับล่างหรอก สิ่งที่เขาต้องการก็มีแต่พวกอุปกรณ์ระดับเงินเท่านั้นแหละ” นักรบโล่ตอบแทน
ตัวเขาน่ะรับรู้ด้วยตนเองถึงพลังของเซียวเฟิง นอกจากนี้เขายังรู้ด้วยว่าอุปกรณ์ที่เซียวเฟิงใช้อยู่นั้นต้องเป็นระดับสูงมาก ๆ ด้วย แต่ถึงจะรู้มันก็แค่ผิวเผิน เพราะเขายังไม่รู้ว่าสิ่งที่เซียวเฟิงต้องการจริง ๆ ไม่ใช่อุปกรณ์ระดับเงิน หากแต่เป็นระดับสุดยอดหรือระดับทองเลยต่างหาก!
“ทำไมฉันถึงหาข้อมูลอุปกรณ์ของฮีลเลอร์คนนี้ไม่ได้นะ?” ใครซักคนที่พยายามตรวจสอบอุปกรณ์ที่เซียวเฟิงใช้อยู่พูดขึ้นหลังจากที่เขาไม่สามารถตรวจสอบสิ่งเหล่านี้ได้
“ฉันเองก็เหมือนกัน ฉันเองก็ไม่สามารถหาเลเวลหรืออาชีพของเขาได้เลย” ชายอีกคนเองก็เริ่มตระหนักถึงความผิดปกตินี้ได้แล้ว พวกเขาทั้งหมดเริ่มพากันงุนงง
ชัดเจนเลยว่าหน้ากากกะโหลกที่เซียวเฟิงสวมอยู่นั้น มันไม่ได้ช่วยให้เขาดูเท่ในฐานะของแฟชั่นอย่างเดียว แต่มันยังช่วยซ่อนข้อมูลส่วนตัวได้อีกด้วย ซึ่งมันไม่แปลกใจเลยหากอุปกรณ์ระดับเทพเจ้าชิ้นนี้จะมีความสามารถถึงเพียงนี้ เพราะงั้นต่อให้จะอยู่ในปาร์ตี้เดียวกัน ก็ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลใด ๆ ของเซียวเฟิงได้เลยต่อให้เช็คจากข้อมูลผู้ร่วมปาร์ตี้ก็ตาม
“ฮีลเลอร์ นายเป็นคนที่มาจากโถงเกียรติยศหรือเปล่าน่ะ? ฉันจำได้ว่าใครก็ตามที่ได้บรรจุอยู่ในโถงเกียรติยศเมื่อตอนเกมเปิด ระบบจะส่งของแฟชั่นให้คน ๆ นั้นเพื่อซ่อนข้อมูลส่วนตัว นายเองก็มีเหมือนกันใช่ไหม? ฮีลเลอร์” ชายคนหนึ่งถาม
“อ๊ะ จริงสิ! นายทำให้ฉันจำได้ว่าเมื่อตอนที่ฉันได้พบกับยอดฝีมือที่ชื่อว่าเฮฟเว่นเบลด ฉันเองก็ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวเขาได้เหมือนกัน หรือว่านายคือ…พาลาดินแห่งการรักษาคนนั้น!?”
“นี่มันเรื่องจริงงั้นเหรอ ฮีลเลอร์?”
เหล่าผู้ร่วมปาร์ตี้เริ่มพากันห้อมล้อมเซียวเฟิงไว้และมองเขาด้วยแววตาประหลาดใจสลับกับสงสัย ทว่าเซียวเฟิงก็ยังคงเงียบและไม่พูดไม่จาอะไรทั้งสิ้น
“เอ่อ… พาลาดินแห่งการรักษา ที่ว่ากันน่ะ เขาเป็นพาลาดินนะ…ไม่ใช่ผู้ประกอบพิธีกรรม” ชาแมนสาวเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเบา
“โอ้ จริงสิ พาลาดินแห่งการรักษาก็ต้องเป็นพาลาดินนี่เนอะ คงจะเป็นผู้ประกอบพิธีกรรมไม่ได้หรอก”
ด้วยข้อเท็จจริงนี้ มันเลยทำให้ผู้เล่นเหล่านั้นเลิกสนใจในตัวเซียวเฟิงและมุ่งหน้าต่อไปยังจุดที่บอสตนที่ 2 อยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ
จะมีก็แต่ชาแมนสาวเท่านั้นที่ยังคงแอบมองเซียวเฟิงอยู่เรื่อย ๆ ความสงสัยมันคืบคลานขึ้นมาบนสีหน้าของเธอ แต่แล้วมันก็ต้องหายไปเมื่อหญิงสาวสะบัดหน้าไล่ความคิดแปลก ๆ เหล่านั้น
ไม่นานนัก บอสตนที่สอง ‘ต้นไม้ปีศาจยักษ์’ ก็ปรากฏให้เห็นในระยะสายตาของพวกเขา ปีศาจตนนี้มีรูปร่างเป็นต้นไม้สีแดงที่สูงกว่า 3 เมตรและไม่สามารถขยับไปไหนได้ แต่มันถูกจัดว่าเป็นบอสระดับอิลีตเลเวล 15 เลย แน่นอนว่าเจ้านี่จะต้องแข็งแกร่งว่าเทรนท์มหาภัยตนนั้นอย่างแน่นอน!
เฉกเช่นแมทช์ก่อนหน้า เซียวเฟิงยังคงร่ายบัฟให้กับนักรบโล่ หัวหน้าปาร์ตี้และชาแมนสาวก่อนเปิดศึก ซึ่งทางฝั่งชาแมนสาวก็ร่ายดีบัฟ*[2] 3 ประเภทอันประกอบด้วย ลดความเร็วการเคลื่อนที่ ลดพลังการโจมตีและลดพลังป้องกันใส่ต้นไม้ปีศาจยักษ์ตนนั้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของต้นไม้ปีศาจยักษ์ตนนี้เทียบกับเทรนท์มหาภัยไม่ได้เลย นั่นเพราะมันมีค่าพลังชีวิตที่สูงมาก ๆ ไหนจะการโจมตีที่หนักหน่วงอีก
….ก่อนที่คนในปาร์ตี้จะลดเลือดมันได้ถึง 10% แนวหน้าบางคนก็ถูกฆ่าไปเสียแล้ว มันเลยทำให้ทัพหน้าคนอื่น ๆ อลหม่านกันไปหมด ด้วยจังหวะนั้นเอง บอสยักษ์ตรงหน้าก็ทุ่มสกิลของมันใส่ทุกคนจนตายกันหมดเหลือแต่เพียงเซียวเฟิงที่มีพลังชีวิตเหลือเพียง 20% เท่านั้น
เมื่อเห็นว่าเพื่อนร่วมทีมพากันตายหมดแล้ว เซียวเฟิงก็โกรธมาก เขาหมดคำจะพูดจริง ๆ ชายหนุ่มยอมแพ้และเลิกดิ้นรนก่อนจะถอดอุปกรณ์ทุกอย่างออก เพื่อให้บอสฆ่าและกลับไปเกิดยังจุดเกิดหน้าทางเข้าดันเจี้ยนพร้อม ๆ กับเพื่อนร่วมทีมอีกครั้ง
“พวกแนวหน้าเป็นบ้าอะไรกันไปหมดฮะ?! ยืนต้านบอสไว้ไม่ได้เลยหรือไง?”
“ก็มันไม่มีทางเลือกนี่! บอสนั่นโจมตีแรงจะตายไป! ฉันรับมือมันไม่ได้หรอก!”
“แล้วนายไม่รู้จักวิธีหลบหรือยังไง? นายจะไปให้มันเป่าเป็นใบไม้ทำไม?”
“พูดอะไรละอายแก่ใจตัวเองบ้างหรือเปล่า? คนที่อยู่ข้างหลังอย่างนายน่ะ ช่วยยืนค้ำบอสไว้ให้นานอีกสักหน่อยขณะที่ฉันกำลังฟื้นเลือดตัวเองไม่ได้เหรอ?”
“นายกำลังบอกให้ฉันทำเรื่องที่นักรบโล่อย่างนายยังทำไม่ได้ให้งั้นเหรอ?”
“เป็นถึงแนวหน้าเสียเปล่า น่าจะรู้ดีไม่ใช่หรือไง จังหวะรุกจังหวะรับเวลาเจอบอสน่ะ? มีกันหลายหัวแต่เรื่องแค่นี้ก็คิดกันไม่ได้? ทั้ง ๆ ที่นักรบโล่ควรจะเป็นกำลังหลักในการยืนค้ำบอสแท้ ๆ กลับกลายเป็นว่าชิงตายก่อนตั้งแต่ที่ฉันยังไม่ได้เติมดาเมจให้เลยด้วยซ้ำไป”
“แล้วตอนที่พวกฉันยืนค้ำให้อยู่ ดาเมจของพวกนายไปอยู่ไหนกันหมดล่ะ พวกแนวหลัง? 5 นาทีลดเลือดบอสได้แค่ 20% เนี่ยนะ? เฮอะ!”
“5 นาทีที่พวกนายยืนทำได้แค่นั้นก็ดีแค่ไหนแล้ว?”
“ชาแมน เธอได้ดีบัฟบอสจริง ๆ หรือเปล่าเนี่ย? ทำไมพลังโจมตีมันยังแรงแบบนั้น ฮะ?”
“ฮีลเลอร์ นายไม่รู้เหรอว่าตัวเองต้องโฟกัสกับการฮีลให้เพื่อนร่วมทีมน่ะ? ทำไมนายไม่ฮีลให้ฉันก่อนฉันจะตาย?”
“ใช่! นายควรจะร่ายอวยพรชีวิตให้พวกเราเมื่อตอนนักรบโล่ตายด้วย! ไม่งั้นแล้วพวกเราจะยืนต่อได้ยังไงกัน?”
“ฮีลเลอร์เองก็ไม่ได้เพิ่มเลือดให้ฉันเหมือนกัน! ในฐานะนักรบเถื่อน ฉันเองก็ไม่ได้มียาเพิ่มเลือดเยอะอะไรขนาดนั้น จะให้ฉันเอาอะไรไปยืนให้พวกนาย?”
หลังจากที่กลับมาเกิดที่หน้าทางเข้าดันเจี้ยนกันแล้ว เพื่อนร่วมปาร์ตี้ของเซียวเฟิงก็เริ่มพากันทะเลาะกันเองอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ชาแมนสาวถูกลากเข้าไปเกี่ยวด้วย และมันทำให้เธอเสียความมั่นใจกับรู้สึกผิดไม่น้อยเลย เรื่องมันเริ่มบานปลายจนกระทั่งเซียวเฟิงเองก็ถูกลากเข้าไปเกี่ยวในตอนท้าย ผู้เล่นเหล่านี้ต่างพากันโทษว่าเขานั้นเป็นตัวทำให้ทีมพ่ายแพ้แทนที่จะย้อนมองดูตนเอง
“หุบปากไปได้แล้ว ไอ้พวกมือใหม่ไม่ได้เรื่อง!”
เมื่อความโมโหมันถึงลิมิต เซียวเฟิงก็ไม่สามารถกักเก็บมันได้อีกต่อไป…
[1] ฮิทแอนด์รัน การโจมตีและถอยออกไปด้วย
[2]ดีบัฟ ค่าสถานะผิดปกติ