Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 157 เฉียนโตวโตว
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่น่ะ!?”
“ออกให้ห่างจากไฟที่ลุกขึ้นจากพื้น! พวกโจมตีระยะไกลไปอยู่ไหนกันหมด? รีบ ๆ ฆ่าเจ้านั่นด้วยสกิลของพวกนายซะ!”
“กำลังเสริม! ขึ้นมา! ต้านอีกฝ่ายเอาไว้! จับตัวมันให้ได้ แล้วพวกเราจะเข้าไปกำจัดเอง!”
สีหน้าของบราเธอร์ไนน์ออฟกลอรี่ในตอนนี้ดูเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก ขณะที่กำลังมองไปยังเอลฟ์ของเขานับร้อยชีวิตที่กำลังต่อสู้อยู่กับความวุ่นวายนี้
ด้วยพื้นที่ที่มีขนาดไม่เยอะมาก คนจำนวน 1,000 คนนี้ถือว่าเป็นลิมิตของมันแล้ว แค่พวกเขายืนเบียด ๆ กันมันก็กลายเป็นกำแพงมนุษย์ชั้นยอดได้ทันที และเมื่อกำแพงมนุษย์เหล่านี้เคลื่อนที่เข้าบีบเป้าหมายเพื่อกระชับพื้นที่ พวกเขาจะสามารถคุมพื้นที่ได้อย่างง่ายดายโดยที่ไม่ต้องส่งคนลงไปช่วยเพิ่ม อนึ่งก็เพราะจำนวนคนในตอนนี้มากเสียจนยากที่จะมองเห็นเป้าหมายแล้ว และถ้าไม่เห็นเป้าหมายการเข้าไปก็ไร้ซึ่งประโยชน์
เซียวเฟิงเดินไปเดินมาแทรกฝูงคนเหล่านั้นด้วยความคล่องแคล่วราวกับเขาเป็นลูกหลานของเอลฟ์แห่งสายลมก็มิปาน มีบ้างที่ชายหนุ่มหยิบเอายาเพิ่มพลังเวทมาดื่มชดเชยให้กับพลังเวทที่เสียไปกับการใช้เวทมนตร์ไฟอย่างต่อเนื่องนี้
ท่ามกลางความเสียหายที่หนักหน่วงนี้ ไม่มีผู้เล่นคนไหนสามารถยืนหยัดได้เกิน 3 วินาที ดังนั้นแล้วผู้เล่นที่เซียวเฟิงเดินผ่านไปก็จะพากันล้มตายลงไปในไม่ช้าราวกับต้นข้าวที่ถูกเก็บเกี่ยว
ตลอดเวลาที่เซียวเฟิงเดินบุกเข้าไปตรง ๆ เช่นนั้น มันก็มีบ้างที่เขาถูกหยุดไว้ด้วยผู้เล่นบางกลุ่ม ส่วนมากจะเป็นฝีมือของนักรบโล่ที่มีสกิลกระแทก ซึ่งถือเป็นสกิลขึ้นชื่อสำหรับอาชีพนี้เลย พวกเขาใช้สกิลกระแทกพุ่งเข้าใส่เป้าหมายเพื่อทำให้เป้าหมายหยุดและถอยกลับ หากนักรบโล่ผู้นั้นมีพลังโจมตีสูงพอ ก็อาจจะสามารถทำให้เป้าหมายตายจากการกระแทกเลยก็ได้
เพราะตอนนี้เซียวเฟิงต้องเข้าใกล้พวกเอลฟ์จากกิลด์กลอรี่ มันเลยทำให้มีการโจมตีหลายครั้งที่ไม่สามารถหลบได้ แต่อย่างไรก็ตาม สกิลกระแทกของนักรบโล่ก็ไม่ได้ทำให้เขาขยับถอยหลัง มันเป็นอย่างนี้อยู่หลายครั้งจนเหล่านักรบโล่ตระหนักได้เองว่า การโจมตีใส่เซียวเฟิง…ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการโจมตีใส่ภูเขาที่นอกจากเป้าหมายจะไม่บาดเจ็บแล้ว พวกเขายังเป็นฝ่ายถูกดีดกลับออกมาแทนด้วย!
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะน้ำหนักของเซียวเฟิงตอนนี้มากพอสมควร เพราะภายในกระเป๋าที่เก็บของของชายหนุ่มถูกบรรจุไว้ด้วยแผ่นหินที่ใช้ในการสร้างหอส่งสัญญาณเต็มไปหมด พวกมันหนักแต่ก็บางมาก ๆ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้สกิลที่เน้นทำให้เปลี่ยนทิศทางจากการปะทะจึงไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย
กับดักที่ถูกติดตั้งไว้บนพื้นจำพวก กับดักเยือกแข็งสำหรับทำให้เคลื่อนที่ช้า หรือจะเป็นกับดักเถาวัลย์ที่ถ้าหากเหยียบลงไปแล้วจะเคลื่อนที่ไม่ได้ ทั้งหมดทั้งมวลนั้นไม่มีสิ่งใดสามารถอยู่เหนือพลังอันมากล้นของกระโหลกมังกรที่เซียวเฟิงใส่อยู่ได้ ดังนั้นแล้วกับดักเหล่านี้จึงถูกทำลายไปโดยง่าย
แม้ว่าเซียวเฟิงจะหลบการโจมตีส่วนใหญ่ได้ และหมวกกระโหลกมังกรจะสามารถช่วยป้องกันการโจมตีจากด้านบนได้ก็ตาม แต่การโจมตีแบบปูพรมนั้นก็ยังเป็นปัญหากับเขาอยู่บ้าง… การโจมตีบางครั้งสร้างความเสียหายให้ชายหนุ่ม และไอ้การโจมตีบางครั้งที่ว่าก็ยังเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย แม้มันจะไม่มากแต่มันก็ต่อเนื่อง ทำให้ค่าพลังชีวิตของชายหนุ่มลดอยู่ตลอดเวลา
แต่ถึงอย่างนั้นแล้วปัญหาที่ว่ามันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางแก้ เพราะตราบใดที่นักบวชเช่นชายหนุ่มไม่ได้ถูกสังหารในดาบเดียว เขาก็ยังสามารถฟื้นฟูเลือดของตนเองได้ด้วยโฮลี่ไลท์เช่นเดียวกับที่อีกฝ่ายยังสามารถโจมตีแบบปูพรมได้เรื่อย ๆ นั่นแหละ
“นี่มัน…เป็นไปไม่ได้…”
ระหว่างที่เซียวเฟิงยังคงใช้เวทมนตร์เพลิงอยู่อย่างนั้น สมาชิกกิลด์กลอรี่ก็ค่อย ๆ พากันล้มตายเป็นผักปลาอยู่ตลอด และยิ่งเวลาผ่านไป มันก็ทำให้ตอนนี้พวกเขาเหลือเพียงผู้เล่นแนวหลังกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
สีหน้าของไนน์ซีดเผือดไปแล้ว เขาไม่ได้พูดคำอื่นเลยนอกจาก “นี่มันเป็นไปไม่ได้” ซ้ำไปซ้ำมา ภาพที่ประจักษ์ต่อหน้าเขาและสมาชิกระดับสูงอีก 2 คนมันเป็นอะไรที่น่าตกตะลึง!
“มะ…ไม่จริงน่า ทั้งหมดนี่น่ะเป็นผู้เล่นระดับสูงถึง 2 กลุ่มเลยนะ! 2 กลุ่มเลยนะเว้ย!!”
“นี่เหรอพลังของผู้เล่นระดับสูงสุดของเขตฮัวเซีย? ถึงฉันจะเคยได้ยินมาว่าเบลดมาสเตอร์จะสามารถสู้กับคนนับพันได้ด้วยตัวคนเดียว แต่ฉันก็ไม่เคยเชื่อมาก่อนเลย…”
ทุก ๆ คนที่ยังมีชีวิตอยู่ตอนนี้ต่างพากันตกตะลึงไปกับภาพของร่างที่ยืดหยัดอยู่ท่ามกลางสนามรบนั่น ร่างของบุรุษผู้สวมหมวกหัวกระโหลกที่มีดวงตาสีเขียวเปล่งประกายออกมา ไม่ว่าจะต้องเจอศัตรูอีกซักกี่ร้อยคน ร่างนั้นก็ดูจะไม่หวั่นไหวใด ๆ ทั้งนั้น เขาสามารถเข้าสู้และจบการต่อสู้ได้โดยที่ HP ยังเต็มหลอดอยู่เช่นนั้น
ไร้ซึ่งรอยขีดข่วนใด ๆ ทั้งสิ้น…
ไม่มีความเมตตาใด ๆ ที่เซียวเฟิงมอบให้กับเหล่าสมาชิกกิลด์กลอรี่ทุกคนรวมถึงไนน์ผู้เป็นหัวหน้ากิลด์ด้วย ชายหนุ่มไล่ฆ่าและส่งคนเหล่านั้นกลับไปยังจุดเกิดราวกับตนเองคือบอสในดันเจี้ยนก็มิปาน
“แบบนี้สิดี”
แววตาของเซียวเฟิงมองไปตามอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ถูกดร็อปทิ้งไว้ที่พื้นด้วยความสุขใจ เขาเลือกเอาสิ่งของดี ๆ ท่ามกลางกลุ่มแสงของเหล่าผู้วายชนม์ที่กำลังทยอยกลับไปเกิดตาม ๆ กันไป จนกระทั่งของดี ๆ นั้นไม่เหลือแล้ว เจ้าตัวถึงค่อย ๆ เดินทางกลับเมืองเทียนหลงไปอย่างสบาย ๆ
“พี่เซียว ออฟไลน์ได้แล้ว ถึงเวลาอาหารแล้วนะคะ ฉันซื้อทุกอย่างตามที่พี่บอกมาครบแล้วด้วย”
เมื่อเฉียนโตวโตวออนไลน์ เซียวเฟิงก็ส่งไอเทมปริมาณมหาศาลให้อีกฝ่ายเพื่อจัดการกระเป๋าของตนเองให้ว่าง จากนั้นก็บอกกับเธอให้ติดต่อโรสเป็นการทิ้งทายและออฟไลน์ออกเกมไป
….
ณ จุดเกิดในเมืองซุ่ยหราน ที่นั่นในตอนนี้เต็มไปด้วยคนจากกิลด์กลอรี่ที่อยู่ในสภาพเงียบงันราวกับกองทัพรูปปั้นทหารดินเผาที่ปล่อยบรรยากาศหดหู่ออกมาตลอดเวลา
“ลูกพี่ไนน์…” หัวหน้าทีมสูงพูดขึ้นขณะหันไปมองไนน์ที่กำลังสั่นกลัวอยู่ นี่เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่เหล่าสมาชิกกิลด์กลอรี่จะเรียกไนน์ว่า ‘ลูกพี่ไนน์’ แทนที่จะเป็นหัวหน้า
“พวกเราไม่เคยต้องอัปยศกันขนาดนี้มาก่อนเลยตั้งแต่ก่อตั้งกิลด์มา! ไอ้เจ้าแห่งฮีลเลอร์เส็งเคร็งนั่น! เจ้านั่นมันจะหยามเกียรติฉันมากไปแล้ว!”
ความหวาดกลัวของไนน์หายไปและแทนที่ด้วยความโกรธเคืองขณะที่คิดถึงเรื่องที่โดนกระทำมา
“ลูกพี่ไนน์ เจ้าแห่งฮีลเลอร์นั้นแข็งแกร่งเกินกว่าเราจะรับมือไหวในตอนนี้นะครับ คน ๆ นั้นน่ะ สามารถแย่งชิงเอาอันดับมาจากเบลดมาสเตอร์ในลิสต์จัดอันดับมาได้เลยนะครับ!!” หัวหน้าทีมสูงยังคงพูดต่อด้วยความระมัดระวัง
“ฮึ่ม! เจ้านั่นอาจจะฆ่าพวกเราเป็นพันคนได้ แต่มันไม่ได้หมายความว่าเจ้านั่นจะสามารถฆ่าพวกเราเป็นหมื่นเป็นล้านคนได้หรอก! ไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยอะไรก็ตาม ฉันจะต้องโยนมันออกไปจากลิสต์นี่ให้ได้! กระจายข่าวซะว่าฉันกำลังล่าตัวมันอยู่!” ขณะที่พูดออกไปเช่นนั้น สีหน้าของไนน์ก็ดูเยือกเย็นสุด ๆ
“ลูกพี่…เข้าใจแล้วครับ” หัวหน้าคนเดิมอยากจะพูดอะไรต่อสักอย่าง แต่เมื่อเห็นสีหน้าของไนน์แล้ว เขาก็ตัดสินใจกลืนคำพูดนั้นลงไปและตอบรับผู้เป็นนายไปแทน
“ฉันจะให้หมอนั่นได้รับรู้ ว่าการที่มามีเรื่องกับฉันมันแย่ขนาดไหน! ฉันจะให้มันไม่กล้าออกมาจากหมู่บ้านเริ่มต้นอีกเลย! เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่มันก้าวออกมาจากที่นั่น ฉันก็จะฆ่าแล้วให้มันกลับไปเกิดที่เดิมซ้ำ ๆ ให้ได้! และไม่ว่ากิลด์ไหนก็ตามที่ให้ความช่วยเหลือมันล่ะก็ ฉันก็จะถือว่ากิลด์นั้นเป็นศัตรูกับฉันด้วย!” ไนน์พูดต่อ “ไปตามล่าหาข่าวมาว่ามีใครที่สนิทกับไอ้เจ้านั่นบ้าง ฉันจะถอนรากถอนโคนมันให้หมด! ถ้าจำไม่ผิดเหมือนมันจะมีเพื่อนร่วมปาร์ตี้อีก 3 คนที่เข้าไปทำภารกิจในดันเจี้ยนมาด้วยกันหรือเปล่า? ไปตามฆ่าไอ้พวกนั้นด้วย!”
“เอ่อ สำหรับเอลฟ์ทั้ง 2 คนนั้นไม่ใช่เรื่องยากหรอกครับ แต่ผู้เล่นหญิงอีกคนที่เป็นเผ่าออร์ค… เธอเป็นสมาชิกของกิลด์วูล์ฟครับ…” หัวหน้าหน่วยอีกคนกล่าวขึ้นด้วยความหนักใจ
“กิลด์วูล์ฟงั้นเหรอ? งั้นปล่อยเธอไป ฉันหวังว่านี่จะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ กิลด์วูล์ฟคงจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยหรอกนะ” ไนน์ขมวดคิ้วลงมานิดหน่อย เพราะกิลด์วูล์ฟน่ะเป็น 1 ใน 10 กิลด์ที่ทรงพลังที่สุดในเขตฮัวเซียเหมือนกัน และในบรรดากิลด์ทั้ง 10 นั้น วูล์ฟก็เป็นกิลด์ที่โค่นยากมากที่สุด ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีข่าวอะไรหลุดออกมาเลยแท้ ๆ แต่จู่ ๆ ก็ดันมีข่าวว่ากิลด์นี้เลือกเข้าร่วมกับออร์คซะได้
“รับทราบครับ”
“อาวุธของสมาชิกระดับสูงของพวกเราบางคนได้รับความเสียหายหนัก ถ้ายังไงก็หาชิ้นใหม่ให้พวกเขา ตอนนี้ฉันจะไปเยี่ยมกิลด์มิดซัมเมอร์เสียหน่อย ฉันเชื่อว่าหัวหน้ากิลด์นั้นจะต้องยินดีที่จะร่วมมือกับพวกเราแน่ ๆ นั่นเพราะว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์เป็นคนที่ทำลายฐานที่ตั้งของเธอ รวมไปถึงมันยังอยู่ในลิสต์ล่าหัวของเธอด้วย โอ๊ะ จริงสิ เจ้านั่นเคยไปมีเรื่องกับดูมส์เดย์ลีกด้วยนี่? ฮึ คราวนี้มันไม่รอดแน่ สร้างศัตรูไปทั่วแบบนี้ ได้เวลาชำระแค้นแล้ว!”
ไนน์แสยะยิ้มก่อนจะวาร์ปหายไปจากจุดนั้นอย่างรวดเร็วจนไม่ได้ยินคำเตือนที่หัวหน้าหน่วยคนหนึ่งเอ่ยตามหลังมา
“เดี๋ยวก่อนครับลูกพี่ไนน์ กิลด์มิดซัมเมอร์ลบเขาออกจากลิสต์ล่าหัวแล้ว…”
…
เซียวเฟิงเข้ามาในห้องรับประทานอาหารทีหลัง เขาพบว่าภายในห้องนั้นมีเฉียนโตวโตวกับเซียวหลิงนั่งอยู่ด้วยกันก่อนแล้ว โดยที่เฉียนโตวโตวนั้นกำลังพยายามเอาใจเซียวหลิงผู้ที่ไม่สนใจเธออยู่
“ไม่ใช่ว่าเธอเรียกฉันมาเพื่อกินข้าวเย็นหรอกเหรอ?” เซียวเฟิงถามด้วยความสงสัย
ใช่แล้ว ภายในห้องรับประทานอาหารที่กว้างใหญ่นี้ ไม่มีอาหารใด ๆ เลยอยู่บนโต๊ะอาหาร
“เรียกมากินก็จริงนะคะ แต่พวกเราก็รอให้พี่เซียวมาทำอาหารให้ด้วย”
เฉียนโตวโตวพยักหน้าตอบรับก่อนจะรีบพูดเสริม “อย่าบอกนะคะว่าพี่คิดว่าฉันทำอาหารเป็นอยู่แล้ว?”
ได้ยินเช่นนั้นเซียวเฟิงก็จำเป็นต้องยอมรับความจริงอันขมขื่นนี้ ชายหนุ่มยอมเดินเข้าห้องครัวไปขณะที่พยายามข่มความโกรธเอาไว้ โชคยังดีที่เขาสั่งให้เฉียนโตวโตวซื้อวัตถุดิบทำอาหารมามากมาย ไม่งั้นเย็นนี้ได้ยุ่งกันแน่
….
อาหารที่ทำง่าย ๆ หลากหลายชามถูกนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว ทำให้แววตาของเฉียนโตวโตวเปล่งประกายราวกับอยากจะพุ่งเข้าไปกัดกินพวกมันเดี๋ยวนี้เลย “ว้าวววววว พี่เซียว ฉันล่ะอยากจะชมตัวเองจริง ๆ ที่พาตัวเองมารู้จักกับพี่ในโลกจริงแบบนี้” หญิงสาวร้องออกมาด้วยความตกตะลึงกับฝีมือการทำอาหารของเซียวเฟิงที่นับว่ายอดเยี่ยมเช่นนี้
“ได้โปรดเถอะนะคะพี่เซียว แต่งงานกับฉันเถอะ! ฉันน่ะเป็นพวกกินเก่ง ฉันสัญญาเลยว่าจะไม่ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ อาหารที่พี่ทำให้กินอย่างแน่นอน!”
แก๊ง! แก๊ง! แก๊ง!
เสียงเคาะจานด้วยส้อมดังขึ้นจากเซียวหลิง สาวน้อยกำลังจ้องมองเฉียนโตวโตวด้วยดวงตาสีน้ำทะเลที่เปี่ยมไปด้วยความโกรธอยู่
“กินอาหารของเธอไปเลยไป” สำหรับเซียวเฟิงนั้น เขาชินกับท่าทีเช่นนี้ของเฉียนโตวโตวแล้ว เพราะงั้นเขาจึงมองอีกฝ่ายโดยไม่ได้ใส่ใจอะไรเหมือนดังปกติ
เพราะในวันนี้มันเกิดเรื่องมากมายขึ้นที่โรงเรียน เซียวหลิงจึงดูเหนื่อยเป็นอย่างมากหลังจากกินมื้อเย็นเสร็จแล้ว ดังนั้นเซียวเฟิงจึงพาเจ้าตัวเล็กของเขากลับขึ้นไปนอนด้านบนก่อนจะกลับมาทำความสะอาดห้องครัวในภายหลัง
เฉียนโตวโตวยืนพิงประตูห้องครัวและจ้องมองเซียวเฟิงผู้กำลังทำงานบ้านอย่างขยันขันแข็งพลางพูดขึ้น “พี่เซียว พี่รู้ใช่ไหมว่าฉันมีดวงตาที่เหนือกว่าตาของคนทั่วไป ฉันไม่เคยลืมทุก ๆ สิ่งที่ฉันเคยอ่าน และฉันสามารถเดาการกระทำล่วงหน้าของสิ่งต่าง ๆ ได้ แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็เดาทางพี่ไม่ออกเลย”
ใบหน้าของเธอแสดงให้เห็นถึงความจริงจังชั่วขณะ เพราะเธอกำลังคิดถึงเรื่องที่จู่ ๆ เซียวเฟิงก็สามารถหายแวบไปจากสายตาเมื่อตอนบ่ายได้ นี่มันเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากที่คนอย่างเธอจะแสดงสีหน้าจริงจังเช่นนี้ออกมา
อย่างที่ได้พูดออกไป ดวงตาของเธอนั้นสามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เคลื่อนไหวในโหมดสโลวโมชันได้ แต่เมื่อกลางวันหญิงสาวกลับไม่สามารถจับการเคลื่อนไหวของเซียวเฟิงได้เลย ไม่เห็นแม้กระทั่งร่องรอยด้วยซ้ำไป!
เธอมั่นใจมากว่าเซียวเฟิงน่ะไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ไม่งั้นแล้วเขาคงไม่สามารถทำให้ชื่อของตัวเองขึ้นไปเป็นอันดับ 1 ในลิสต์จัดอันดับได้หรอก
อย่างไรก็ตาม การได้ยืนดูเซียวเฟิงที่กำลังทำความสะอาดบ้านอย่างชำนาญเช่นนี้ มันก็ทำให้เขาไม่ได้ดูต่างจากคนธรรมดาทั่ว ๆ ไปเลย เฉียนโตวโตวจึงรู้สึกสับสนขึ้นมา
เซียวเฟิงเดินกลับไปล้างจานแล้วจึงเอ่ยถามเธอกลับบ้างโดยไม่ได้หันไปมอง “มันนี่ฮังกรี้คนนั้นเป็นพ่อของเธอใช่หรือเปล่า?”
“พะ…พี่รู้เรื่องนั้นได้ยังไง?”
พลันเมื่อโดนถามสวนกลับเช่นนั้น เฉียนโตวโตวก็ชะงักไป เธอไม่เคยคาดคิดด้วยซ้ำว่าเซียวเฟิงจะพูดชื่อนั้นออกมา รวมถึงเรื่องความสัมพันธ์ด้วย
“บังเอิญน่ะ” เขาตอบอย่างไม่ต้องคิด ถึงแม้เขาจะดูไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่ตนเองทำอยู่อย่างการเก็บจาน แต่ขณะที่จานกำลังวางกระทบกัน เจ้าตัวก็ไม่ได้ทำให้มันกระทบกันแรงจนเกิดเสียงรบกวนขึ้นมา
“…ใช่แล้วล่ะค่ะ…เฉียนหมานหมาน…เขาเป็นพ่อของฉันเอง เป็นผู้ชายที่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากเงิน เขาโด่งดังอยู่ในวงการการลงทุน พอเขาเห็นว่าเกมออนไลน์กำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในชีวิตของผู้คน เขาก็เล็งเห็นโอกาสที่จะลงทุนไปด้วย เพราะงั้นเขาจึงลงทุนกับมันและกลายเป็นพ่อค้าอันดับ 1 ในเขตฮัวเซีย ภายใต้ชื่อมันนี่ฮังกรี้ คนนั้นประสบความสำเร็จในฐานะพ่อค้าจริง ๆ นั่นแหละค่ะ แต่เขาไม่คู่ควรที่จะเป็นพ่อของฉันหรอก” เฉียนโตวโตวอธิบายด้วยความรู้สึกหดหู่ผ่านน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความไม่พอใจ
“ดูเหมือนว่าเธอทั้งสองคนจะไม่กินเส้นกันสินะ” เซียวเฟิงเช็ดมือให้แห้งก่อนจะพูดขณะเดินกลับมานั่งที่โซฟา
“ในสายตาของเขา ทุก ๆ สิ่งสามารถตีค่าได้ด้วยเงินน่ะค่ะ รวมไปถึงความรักด้วย” เฉียนโตวโตวเดินตามเซียวเฟิงออกจากห้องครัวและไปนั่งข้าง ๆ เขา เธอยิ้มออกมาอย่างขมขื่นขณะที่พูดต่อ “แม่ของฉันเขาก็ซื้อมาด้วยเงิน”
ชายหนุ่มหยุดการกระทำของตนไว้และนิ่งเงียบไปทันทีหลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนอย่างเฉียนโตวโตวที่ดูจะเข้ากับคนอื่นเก่งและไร้กังวลนั้น ลึก ๆ แล้วจะต้องแบกความทุกข์ใจไว้ขนาดไหน
เธอเอนหัวไปซบไหล่ของเซียวเฟิงเบา ๆ ก่อนจะพูดต่อ “ฉันเกลียดเขามาก ๆ และคิดจะทำลายเขาให้ได้ในทุกวันทุกคืนที่ผ่านมา อยากจะทำลายจนเขาไม่มีอะไรเหลือให้ทำลายอีก!”
“แต่ตลอดมาฉันยังไม่เห็นโอกาสนั้นเลย ทุกอย่างมันมืดมนไปหมดจนฉันคิดว่า ซักวันหนึ่งฉันเองก็อาจจะกลายเป็นสินค้าของเขา หรือไม่ก็กลายเป็นเครื่องมือต่อรองของเขาก็ได้ จนกระทั่งฉันได้มาเจอกับพี่… พี่เซียว พี่ช่วยมอบความหวังใหม่ให้กับฉัน”
เฉียนโตวโตวหันมากอดเซียวเฟิงทันทีพร้อมกับใช้ริมฝีปากสีชมพูสวยของเธอจุมพิตลงไปที่ริมฝีปากของเขาด้วย สาวเจ้าพยายามอยู่หลายต่อหลายครั้งเพื่อที่จะสอดลิ้นนุ่มนิ่มของตนเข้าไปในปากของอีกฝ่าย แต่มันก็ไม่สำเร็จเลย!