Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 159 เสี่ยวไป๋ ณ ระดับเทพ
เสี่ยวไป๋ (นางฟ้า 4 ปีก)
เลเวล : 18
ประเภท : สัตว์เลี้ยง
เจ้าของ : แด๊ด
ระดับ : เทพ
ธาตุ : ศักดิ์สิทธ์
พลังชีวิต : 5,600/5,600
มานา : 5,600/5,600
พลังโจมตี : 280-280
พลังป้องกัน : 140/140
ค่าป้องกันเวท : 142/142
ความสามารถพิเศษ : พลังแห่งพระเจ้า, กายาศักดิ์สิทธิ์
พลังแห่งพระเจ้า (เลเวล 11) :
(เอฟเฟค 1) : สกิลใดหรือเป้าหมายใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นศัตรูหรือเพื่อน เมื่อคุณร่ายสกิลใส่เป้าหมาย ถ้าสกิลนั้นเป็นธาตุแสงหรือธาตุธรรมชาติ ผลของการรักษาและเพิ่มพูนความสามารถไปอีก 100%
(เอฟเฟค 2) : สกิลใดหรือเป้าหมายใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นศัตรูหรือเพื่อน เมื่อคุณร่ายสกิลใส่เป้าหมาย ถ้าสกิลนั้นเป็นธาตุมืดหรือธาตุอันเดด ผลของการรักษาจะสร้างความเสียหาย 200% และผลของการเพิ่มพลังจะทำการลดพลังเป้าหมาย 200%
(เอฟเฟค 3) : ความเสียหายที่คุณได้รับจะลดลง 20%
กายาศักดิ์สิทธิ์ (เลเวล 2) :
(เอฟเฟค 1) : เมื่อคุณถูกฆ่าเป็นครั้งแรกของวัน คุณจะไม่ถูกนับว่าเสียชีวิต และจะฟื้นคืนชีพในทันที
(เอฟเฟค 2) : ผลของสกิลจะถูกเพิ่มขึ้น 100% เมื่อคุณได้รับการรักษาหรือสกิลเพิ่มพลัง
(เอฟเฟค 3) : เพิ่มความต้านทานต่อสถานะผิดปกติ รวมถึงลดระยะเวลาที่สถานะผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวคุณ
สกิลติดตัว :
นภาแห่งพระเจ้า (ผลติดตัว : เอฟเฟคของสกิลแสดงผลร่วมกับเจ้าของ) – สกิลรักษาและสกิลเพิ่มพลังไม่มีระยะเวลาในการร่าย ไม่จำกัดเป้าหมายรวมไปถึงผู้ร่ายสามารถใช้สกิลให้แก่ทุกเป้าหมายได้พร้อมกันหากเป้าหมายเหล่านั้นอยู่ในระยะสายตา
ความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า (ผลติดตัว : เอฟเฟคของสกิลแสดงผลร่วมกับเจ้าของ) : เพิ่มค่าความโชคดีในระดับหนึ่ง
โทสะแห่งพระเจ้า (ผลติดตัว : เอฟเฟคของสกิลแสดงผลร่วมกับเจ้าของ) : เลเวลของคุณยังไม่สูงพอ ยังไม่สามารถใช้งานได้
พรแห่งพระเจ้า (ผลติดตัว : เอฟเฟคของสกิลแสดงผลร่วมกับเจ้าของ) – เลเวลของคุณยังไม่สูงพอ ยังไม่สามารถใช้งานได้
สกิลใช้งาน :
การล้างบาปศักดิ์สิทธิ์ (เลเวล 2) : อัญเชิญแสงศักดิ์สิทธิ์ลงไปชำระล้างพื้นที่ที่กำหนดไว้ รักษาพันธมิตรทุกคนและโจมตีศัตรูทุกคนในพื้นที่ อัตราการรักษาและทำความเสียหายมากขึ้นตามแต้ม INT คูลดาวน์ 40 วินาที
ดาบแห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ (เลเวล 2) : อัญเชิญดาวแห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เพิ่มพลังในการโจมตี 120% ของพลังโจมตีธาตุศักดิ์สิทธิ์ในระยะเวลา 20 วินาที คูลดาวน์ 1 ชั่วโมง
เกราะแห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ (เลเวล 2) : อัญเชิญเกราะแห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ลงไปสวมใส่ เพิ่มพลังป้องกันด้วยเกราะแห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ 120% ของพลังป้องกันพื้นฐาน นอกจากนั้นยังเพิ่มความเร็วในการหลบหลีก การเคลื่อนไหวและการโจมตีอีกเล็กน้อยในเวลา 20 วินาที คูลดาวน์ 1 ชั่วโมง
ยังไม่ปรากฏ : ยังไม่ปรากฏ
ค่าสถานะของเสี่ยวไป๋นั้นเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากปกติ โดยเฉพาะค่าพลังชีวิตที่สูงถึง 5,600 แต้มแล้ว ซึ่งมันสูงเป็น 10 เท่าของพลังชีวิตที่เซียวเฟิงมีอยู่ด้วยซ้ำไป ยิ่งไปกว่านั้นพลังโจมตีของเธอก็ยังสูงกว่าผู้เป็นเจ้าของอีกถึงเท่าตัว
สมแล้วที่เป็นระดับเทพ! น่ากลัวจริง ๆ!
ในฐานะที่ยังคงเป็นสัตว์เลี้ยง เสี่ยวไป๋ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บางอย่าง ไม่งั้นแล้ว… หากเธอได้รับความสามารถเทียบเท่าบอสระดับเทพเลเวล 18 ละก็ ค่าพลังชีวิตของเธอคงจะแตะหลักหมื่น ในขณะที่พลังโจมตีและพลังเวทอาจจะสูงกว่า 1,000 แต้มแล้วก้ได้!
ถึงจะไม่ใช่ระดับนั้น แต่ตอนนี้พลังของเสี่ยวไป๋ก็สูงเกินกว่าที่ผู้เล่นทั่วไปจะล้มเธอได้แล้ว
ในส่วนของความสามารถพิเศษ พลังแห่งพระเจ้าที่มีเลเวลสูงมาก ๆ นั้นสามารถลดความเสียหายที่ได้รับสูงถึง 20% เลยทีเดียว ทั้ง ๆ ที่ถ้าหากเป็นบอสระดับเทพตนอื่น ๆ ที่มีความสามารถนี้เหมือนกันยังสามารถลดความเสียหายได้เพียง 10% เท่านั้น!
แล้วยิ่งความสามารถกายาศักดิ์สิทธิ์ของเสี่ยวไป๋เองก็ดีไม่แพ้กัน เพราะมันจะช่วยเพิ่มค่าความต้านทานต่อสกิลที่ส่งผลให้เกิดค่าสถานะผิดปกติหรือทำความเสียหายรุนแรงเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย เหมือนกับบอสระดับเทพตัวอื่น ๆ
สกิลติดตัวของเสี่ยวไป๋อย่าง ‘ความเมตตาของพระเจ้า’ ที่สามารถใช้งานได้แล้วก็นับว่าน่าสนใจมาก ๆ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ช่วยค่าความสามารถอื่น ๆ เลยยกเว้นความโชคดี แต่ถ้ามองดี ๆ แล้วค่านี้ก็สำคัญมาก ๆ เลยเช่นกัน นั่นเพราะผลของความโชคดีนั้น ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มความเร็วในการหลบหลีก การโจมตีคริติคอลหรือความแม่นยำ แต่มันยังส่งผลต่อการกระทำของตัวละครด้วย อย่างเช่น สิ่งที่เรียกว่า ‘เสี่ยงดวง’ นั้นก็ต้องพึ่งความโชคดีด้วยเช่นกัน และเซียวเฟิงเป็นพวกชอบเสี่ยงดวง เขาพกความโชคดีมาเยอะ ดังนั้นแล้วหากได้ความโชคดีเพิ่ม มีหรือที่เจ้าตัวจะไม่ชอบ?
ทางด้านสกิลกดใช้ของเสี่ยวไป๋ก็มีการเปลี่ยนแปลง มี 2 สกิลที่ถูกพัฒนาให้แข็งแกร่งขึ้นและมีอีก 1 สกิลที่มาใหม่ ซึ่งนั่นก็คือ เกราะแห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ หากยึดจากชื่อแล้ว เกราะแห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เองก็น่าจะมีความสามารถคล้ายคลึงกับดาบแห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เพียงแค่เปลี่ยนจากการเพิ่มพลังโจมตีเป็นพลังป้องกันแทน หรือพูดง่าย ๆ คือ มันสามารถเพิ่มความสามารถในการอยู่รอดของเสี่ยวไป๋ได้ ยกตัวอย่างเช่น ขณะที่ต้องต่อสู้จริง ๆ เป็นต้น
จากการอ่านความสามารถทั้งหมดแล้ว ถือได้ว่าพลังของเสี่ยวไป๋นั้นเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และการที่เธอเติบโตขึ้นและก้าวเข้าสู่ระดับเทพเจ้านั้น มันก็เป็นสิ่งที่ดึงดูดให้เทพธิดาแห่งแสงมายังที่นี่ด้วยเช่นกัน
ถึงอย่างไรชายหนุ่มก็ยังรู้สึกเสียใจกับเรื่องนี้อยู่ เพราะเซียวเฟิงไม่สามารถใช้พลังของเสี่ยวไป๋ได้ทั้ง ๆ ที่ด้วยพลังระดับนี้ ตัวเขาจะต้องสามารถโค่น 2 ผู้พิทักษ์ในดันเจี้ยนสุสานใต้ดินได้แท้ ๆ
เซียวเฟิงไม่สามารถยอมรับความเสียใจนี้ได้ เขาตัดสินใจส่งเสี่ยวไป๋กลับไปยังบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ดังเดิมและพาตนเองไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์เพื่อพบกับเทพธิดาแห่งแสงทันที เขาอยากจะต่อรองกับเธอ อย่างน้อย ๆ ก็ขอเพียงครู่เดียวก็ยังดีที่จะสามารถพาเสี่ยวไป๋ออกไปกับเขาได้
“ไม่”
เทพธิดาแห่งแสงตัดบทเซียวเฟิงในทันทีขณะที่เธอกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์สูงของตนเอง แววตาที่สูงส่งและทรงพลานุภาพคู่นั้น ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกมองลงมารู้สึกว่าตนเองต่ำต้อยกว่าเธอทั้งหมด เธอไม่แม้แต่จะคิดตริตรองคำขอของเขาเสียด้วยซ้ำ…
“ทำไมล่ะครับ?” เซียวเฟิงถามต่อ เขายังคงไม่อยากจะยอมแพ้
“ทูตสวรรค์องค์นี้สูญเสียพลังแห่งแสงไปมาก ดังนั้นเธอจึงจำเป็นต้องอยู่ในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปก่อนจนกว่าจะฟื้นพลังกลับมาและเข้าสู่ระดับตำนานได้อีกครั้ง มิเช่นนั้นหากเธอออกไปตอนนี้ มีแต่จะสูญเสียพลังไปอย่างรวดเร็ว” เทพธิดาแห่งแสงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานหากแต่ก็เย็นชาและยากที่จะโต้เถียง
เขายังคงหมดหนทางต่อต้านดังเดิม ทว่าด้วยคำพูดของเธอนั้น ทำให้เซียวเฟิงฉุกคิดอะไรได้บางอย่าง “เมื่อกี้เธอเพิ่งจะพูดว่า ‘จนกว่าเธอจะกลับไปสู่ระดับตำนานได้อีกครั้ง’ แบบนี้แสดงว่าเสี่ยวไป๋เคยอยู่ในระดับตำนานเลยงั้นเหรอ? ไม่สิ เป็นไปได้หรือเปล่าว่าเธออาจจะเคยอยู่สูงกว่าระดับนั้นอีก?”
เรื่องนี้มันอดไม่ได้ที่จะทำให้ชายหนุ่มประหลาดใจ เขาครุ่นคิดอย่างหนักเกี่ยวกับเรื่องที่จะหาสิ่งที่ให้ผลเหมือนกับ ‘ต้นกำเนิดแห่งมู่กวาง’ มาให้เสี่ยวไป๋กินอีก เพราะหลังจากที่เธอได้กินสิ่งนั้นเข้าไปก็สามารถพัฒนาเข้าสู่ระดับเทพได้เลย บางทีถ้าหากหาสิ่งพวกนี้ให้เธอกินได้เรื่อย ๆ เป็นไปได้ว่าวันหนึ่งเมื่อเธอแข็งแกร่งพอ เซียวเฟิงก็จะสามารถอัญเชิญเธอลงไปได้
ดังนั้นแล้วเซียวเฟิงจึงไม่ปฏิเสธที่จะให้เสี่ยวไป๋อยู่ในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปก่อน ยังไงเสียตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าจะไปหาของที่มีคุณลักษณะแบบ ‘ต้นกำเนิดแห่งมู่กวาง’ ได้จากที่ไหน อีกทั้งบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์เองก็สามารถเพิ่มค่าประสบการณ์ให้เสี่ยวไป๋ได้เรื่อย ๆ ด้วย
เซียวเฟิงไม่เคยแชร์ค่าประสบการณ์ของเขาให้เสี่ยวไป๋แม้แต่ครั้งเดียว แต่เลเวลของเธอก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามเขามาตลอด เป็นไปได้ว่าตัวบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์นี่เองที่เป็นตัวดึงประสบการณ์จากเจ้าของมาสู่เสี่ยวไป๋ได้โดยตรง และถ้ามันเป็นแบบนี้จริง ๆ แสดงว่ายิ่งเขาเพิ่มระดับตนเองได้มากขึ้นเท่าใด ระดับของเสี่ยวไป๋ก็จะเพิ่มตามเขาด้วยโดยอัตโนมัติ
เพราะแบบนี้มันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเซียวเฟิงจึงสามารถขึ้นสู่อันดับ 1 ในอันดับเลเวลได้ ชายหนุ่มไม่จำเป็นต้องแบ่งประสบการณ์ที่ได้รับกับสัตว์เลี้ยง ในขณะที่ผู้เล่นคนอื่นยังต้องแบ่งค่าประสบการณ์เหล่านั้นให้สัตว์เลี้ยงของตนเองเรื่อย ๆ
ในเมื่อตอนนี้เขาคงทำอะไรที่นี่ไม่ได้แล้ว เซียวเฟิงจึงทำเพียงแค่เติมน้ำแห่งชีวิตกับน้ำแห่งความบริสุทธิ์เก็บเอาไว้ก่อนจะออกจากนครศักดิ์สิทธิ์ไปเท่านั้น
“พี่ชาย ทำอะไรอยู่ไหม? แบบว่า… ว่างหรือเปล่า?”
ขณะที่เซียวเฟิงกำลังคิดว่าจะหาต้นกำเนิดจากมู่กวางได้จากที่ไหนอีก เขาก็ได้รับข้อความจากซางกวน อาโอเชิน
“ถามทำไม?” เซียวเฟิงตอบกลับตามปกติ
“มาช่วยฉันหน่อยได้ไหม? ฉันอยากจะปราบบอสน่ะ” ซางกวน อาโอเชินตอบกลับ เด็กหนุ่มรู้ดีถึงความสามารถในการฮีลระดับสูงของเซียวเฟิง ซึ่งมันทำให้ตัวเขาแทบจะเป็นอมตะได้เลย ดังนั้นแล้วจึงหวังว่าเซียวเฟิงจะให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้ด้วย
“ช่วยนายงั้นเหรอ? ไม่มีวันซะหรอก! ถ้าเชิญไปต่อยจะไม่ลังเลเลย!” สีหน้าของเซียวเฟิงนั้นบูดบึ้งไปในทันทีหลังจากที่เห็นข้อความของซางกวน อาโอเชิน นั่นเพราะเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เขาเพิ่งจะทนทุกข์ทรมาณกับพวกเพื่อนร่วมปาร์ตี้อ่อนแอไปนั่นแหละ
ทว่าจู่ ๆ เซียวเฟิงก็เปลี่ยนความคิดไปหลังจากคิดได้ว่าซางกวน อาโอเชินก็ไม่ได้ด้อยฝีมืออะไรนัก เพราะงั้นเขาจึงถามกลับไปใหม่ “นายอยากฆ่าบอสระดับไหนน่ะ?”
“ระดับเงิน เลเวล 20 ที่มีพลังป้องกันสูง! ฉันไม่สามารถทำอะไรมันได้เลย พี่ชายอยากจะมาช่วยฉันไหม?”
หากยึดตามที่อีกฝ่ายพูด เซียวเฟิงรู้ว่าซางกวน อาโอเชินกำลังสู้กับบอสด้วยตัวคนเดียว เจ้าตัวไม่สนใจเรื่องแพ้ชนะและโฟกัสไปที่การทำความเสียหายเท่านั้น ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าซางกวน อาโอเชินคนนี้แข็งแกร่งพอที่จะวัดกับบอสระดับสูงตามลำพัง แต่ก็นั่นแหละ มันน่าเสียดายตรงที่พลังโจมตีของเขาไม่เยอะขนาดที่ทำความเสียหายให้กับบอสได้ตามที่เจ้าตัวว่ามา
“อืม ฉันคิดว่าสู้กับบอสระดับนี้ไปมันก็ได้อะไรไม่เยอะ ถ้ายังไงนายสนใจล่าตัวที่ใหญ่กว่าหรือเปล่า?” เซียวเฟิงพยายามใช้น้ำเสียงเป็นมิตรขณะถามเด็กหนุ่มกลับไป
“ใหญ่กว่านี้เหรอ? พี่ชายรู้จักบอสที่เลเวลสูงกว่าเจ้าตัวนี้ใช่ไหม?” ซางกวน อาโอเชินถามด้วยความตื่นเต้น
“แน่นอน ฉันรู้จัก บอสระดับเทพเจ้า! นายก็รู้ว่าฉันได้พวกอาร์ติแฟคท์มาจากไหน” เซียวเฟิงยิ้ม
“พี่กำลังพูด…เอาเป็นว่า ตอนนี้พี่ชายอยู่ที่ไหน? เดี๋ยวฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้เลย!” เด็กหนุ่มหายใจถี่ด้วยความคึกคักและน้ำเสียงของเขาก็ฟังดูตื่นเต้นมากขึ้นไปอีกระดับที่ไม่สนใจบอสระดับเงินนั่นเลย
เซียวเฟิงรู้สึกเป็นสุขไม่น้อยที่ซางกวน อาโอเชินนั้นฉลาดและหัวไว ชายหนุ่มนัดอีกฝ่ายให้มาพบกันที่หมู่บ้านในป่าในระหว่างที่ตัวเขาก็เดินทางกลับเมืองเทียนหลงเพื่อใช้เทเลพอร์ตไปที่นั่นด้วยเช่นกัน
“พี่ชาย! พี่ชายสุดที่รัก ไม่สิ พี่ชายที่รักที่สุด! อาร์ติแฟคท์อยู่…ไม่สิ บอสที่ว่านั่นอยู่ไหนเหรอ?”
ซางกวน อาโอเชินดูจะตื่นเต้นมากกว่าที่เซียวเฟิงคาดคิดไว้ซะอีก อีกฝ่ายโดนความโลภเข้าครอบงำขนาดที่มาถึงหมู่บ้านป่าแห่งนี้ก่อนเซียวเฟิงเสียด้วยซ้ำ
ที่หมู่บ้านป่าแห่งนี้มีผู้เล่นมากมายที่มาตามล่าบอสหรือมาทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ในตอนนี้พวกเขาทุกคนล้วนมองมายังซางกวน อาโอเชินราวกับว่ากำลังมองลิงแสมที่กำลังกระโดดโลดเต้นไปมาโดยไม่ใส่ใจอะไร ทว่าเพราะอุปกรณ์ที่เซียวเฟิงสวมใส่อยู่นั้นมันไม่ใช่ระดับธรรมดา ทำให้พวกเขาหันมาสนใจทั้งสองคนนี้ไม่น้อย
“ช้าลงหน่อยแล้วตามฉันมา”
เซียวเฟิงเรียกเสี่ยวเสวี่ยออกมาก่อนจะนำพาซางกวน อาโอเชินไปยังภูเขากระดูกทันที
บอสทุกตัวในภูเขากระดูกลูกนี้ล้วนแต่มีเลเวลมากกว่า 20 กันทั้งสิ้น นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีกองทัพอันเดดมากกว่า 1 กองอาศัยอยู่ภายในภูเขาด้วย เพราะแบบนี้จึงไม่มีผู้เล่นคนไหนที่สามารถเข้าไปในจุดที่ลึกที่สุดของภูเขาได้เท่ากับที่เซียวเฟิงและซางกวน อาโอเชินเข้ามาได้
เมื่อพวกเขาผ่านทางเข้ามาในภูเขาแล้ว เซียวเฟิงก็จัดการกับพวกทหารกระดูกตามปกติ แต่ถึงอย่างนั้นค่าประสบการณ์ที่ชายหนุ่มได้รับนั้นกลับน้อยนิดเพราะต้องแบ่งมันให้กับซางกวน อาโอเชินและเสี่ยวเสวี่ยไปด้วย ตอนนี้เสี่ยวเสวี่ยเลเวลยังค่อนข้างต่ำ ดังนั้นเซียวเฟิงจึงอยากจะช่วยเสี่ยวเสวี่ยเพิ่มเลเวลไปด้วย เพราะยังไงเสียสัตว์เลี้ยงที่เก่งกาจมากขึ้น ก็จะช่วยเพิ่มความสามารถให้ผู้เป็นนายด้วยเช่นกัน
ซางกวน อาโอเชินตกตะลึงไปกับภาพของเซียวเฟิงที่ไล่ทุบทหารโครงกระดูกที่โถมเข้าใส่อย่างง่ายดาย เพียงไม่กี่นาทีพื้นที่รอบ ๆ ตัวพวกเขาก็อุดมไปด้วยเศษซากของกระดูกที่กองสุมกันราวกับเป็นทะเลไปแล้ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เด็กหนุ่มสะพรึงเป็นอย่างมาก
“พี่ชาย… ตั้งแต่ฉันติดตามพี่มา ในที่สุดฉันก็ได้รู้สักทีว่าทำไมพี่ถึงสามารถขึ้นเป็นอันดับหนึ่งได้! เพราะงั้นพี่ต้องเหลือโอกาสไว้ให้ผู้เล่นธรรมดาได้ไต่อันดับบ้างนะ!!” ซางกวน อาโอเชินร้องออกมาและกอดขาเขาไว้ราวกับจะไม่ยอมให้เซียวเฟิงเก็บเลเวลต่อ
“อย่ามาเกาะแข้งเกาะขาฉันน่า!”
“ไม่! พี่ชาย! ได้โปรด พาฉันไปเก็บเลเวลกับพี่ด้วย! เอาเป็นให้ฉันแนะนำลูกพี่ลูกน้องของฉันให้พี่รู้จักดีไหม? เธออยู่อันดับ 3 ในอันดับเทพธิดาเลยนะ!”
“หลงประเด็นไปใหญ่แล้วโว้ย!!”