Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 170 การต่อสู้แห่งเกียรติยศ
เมื่อเห็นชื่อ ‘ไนท์ คูนเนอร์’ ผู้เล่นทั้ง 10 กว่าคนที่กำลังรุมล้อมทวารบาลปีศาจอยู่ก็พากันตกตะลึง คนคนนี้คืออันดับที่ 2 ในลิสต์จัดอันดับ แถมยังติด 1 ใน 10 ของอันดับเลเวลด้วย ไนท์ คูนเนอร์ถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่เก่งกาจที่สุดในเขตฮัวเซีย ไม่มีผู้เล่นในเขตคนไหนไม่รู้จักชื่อของเธอ
นักรบโล่ผู้ที่เพิ่งจะก้าวเข้าหาทั้ง 3 ด้วยความห้าวหาญ บัดนี้เขากำลังค้นพบว่าตนเองนั้นอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเสียแล้ว
“นะ…นายท่านไนท์ คูนเนอร์…ทวารบาลปีศาจตัวนี้เข้าตาคุณเหรอครับ?”
ท่าทีเย่อหยิ่งของนักรบโล่นั้นหายไปแล้ว มันแทนที่ด้วยความระแวดระวังในทุกการเคลื่อนไหวของเธอแทน ถึงแม้ว่าปาร์ตี้ของพวกเขาจะได้เปรียบด้านจำนวนรวมไปถึงพวกเขาทุกคนล้วนไม่ใช่มือใหม่ แต่ละคนล้วนมีความสามารถในการลงดันเจี้ยนรวมไปถึงกำจัดบอสในระดับสูง หากแต่เมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้าผู้เล่นในตำนานอย่างไนท์ คูนเนอร์แล้ว ยังไงเสียพวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่คู่ควร
อย่างไรก็ตาม นักรบโล่ก็ไม่ได้อยากจะรีบยอมแพ้นัก เขาวางแผนจะต่อรองกับไนท์ คูนเนอร์ดูเผื่อว่าจะได้ข้อตกลงที่ไม่ทำให้เสียเลือดเนื้อ
ตอนนั้นเอง ซูถิงถิงก็เข้าใจได้ถึงแผนของเซียวเฟิง เพราะงั้นเธอรีบเดินขึ้นมาด้านหน้าพร้อมกับพูด “อย่าบอกนะว่าพวกนายยังวางแผนที่จะจัดการทวารบาลตัวนี้อยู่? คิดดูดี ๆ นะว่าทวารบาล 1 ตัวจะดร็อปโทเคนล่าสมบัติ 1 อัน ถ้ายังไงก็ขอให้โชคดีก็แล้วกัน อ้อ แล้วก็ฉันขอเตือนอะไรไว้หน่อย ท่านไนท์ คูนเนอร์น่ะ เป็นพวกพยาบาทสุด ๆ ไปเลยนะ เธอน่าจะจำชื่อของพวกนายไว้หมดแล้วด้วยตอนนี้” หญิงสาวใช้ชื่อของไนท์ คูนเนอร์แบบไม่บอกกล่าวก่อนจะใช้มันเพื่อข่มขู่ฝ่ายตรงข้าม และดูเหมือนว่ามันจะได้ผลเสียด้วย!
“พวกเราใช้ความโชคดีไปหมดแล้วกับการได้เจอนายท่านไนท์ คูนเนอร์ตัวเป็น ๆ ” นักรบโล่พูด “ในเมื่อนายท่านเล็งทวารบาลตัวนี้ไว้ พวกเราก็ไม่ขวางทางหรอกครับ” จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับสมาชิกปาร์ตี้ที่เหลือ “ไปกันเถอะ”
บางทีอาจจะเป็นเพราะคำเตือนของซูถิงถิงมันสมเหตุสมผล หรือไม่ก็เพราะพวกเขาเกรงกลัวกับการที่ถูกไนท์ คูนเนอร์จดจำชื่อ ไม่ว่าจะอะไรมันก็ทำให้นักรบโล่ผู้นี้ถอยหลังกลับไปพร้อมกับฝืนยิ้มให้ปาร์ตี้ของเซียวเฟิง ก่อนจะพาพรรคพวกของเขาออกจากที่นี่โดยเร็ว
เมื่อเห็นว่าผู้เล่นเหล่านั้นถอยออกไปไกลพอสมควรแล้ว ซูถิงถิงก็กอดแขนซือเยี่ยจิ๋งเอาไว้แน่นพลางหัวเราะออกมาเสียงดัง “ฮ่า ๆๆๆ จิ๋งจิ๋ง ชื่อของเธอนี่มีประโยชน์จริง ๆ เจ๋งไปเลย!”
สาวเจ้ารู้สึกพึงพอใจในคำชื่นชมนั้น เธอเชิดหน้าขึ้นก่อนจะเหลือบมองเซียวเฟิงราวกับจะพูด ‘เห็นไหมเจ้าคนไม่ได้เรื่อง!’
เซียวเฟิงพ่นลมหายใจออกมา ใจหนึ่งก็อยากจะชื่นชมเธอ แต่อีกใจหนึ่งก็แอบอิจฉา นั่นเพราะชื่อของเขาไม่ได้มีประโยชน์แบบซือเยี่ยจิ๋งสำหรับสถานการณ์แห่งนี้ เหตุผลก็เพราะพวกผู้เล่นในเขตฮัวเซียนั้นรู้จักชายหนุ่มในชื่อของ ‘เจ้าแห่งฮีลเลอร์’ เท่านั้น ชื่อตัวละครของเขาอย่าง ‘แด๊ด’ จึงมีเพียงแค่ไม่กี่คนที่จะจำได้ แล้วยิ่งช่วงนี้ความโด่งดังจากการสตรีมมิ่งเริ่มลดน้อยลงแล้วด้วย มันเลยทำให้แทบไม่มีใครจำเขาได้แล้วแม้จะเดินไปตามถนนด้วยชื่อเต็มก็ตาม
ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ชื่อเขาไม่น่ากลัว นั่นก็เพราะผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่ได้กลัวฮิลเลอร์กันเหมือนที่กลัวมือสังหาร
“โอเค มาเข้าเรื่องกันได้แล้ว” เซียวเฟิงพูด “โค่นบอสให้ได้ล่ะ”
เขาร่ายบัฟให้กับพวกเธอทั้งสองอีกครั้งหนึ่ง และถอยออกไปอยู่แนวหลังเพื่อชมการต่อสู้ไปด้วย
บอสระดับสูงนั้นมีพลังชีวิตสูงกว่าบอสปกติถึง 2 เท่า ในขณะที่บอสระดับอิลีตเองก็จะมีพลังชีวิตสูงกว่าบอสระดับสูงอีก 2 เท่าเช่นกัน ยิ่งบอสระดับสูงเท่าไหร่ ความยากในการเอาชนะก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ทวารบาลปีศาจตนนี้เป็นเพียงบอสระดับสูงเท่านั้น ด้วยบัฟของเซียวเฟิง ก็สามารถทำให้ซือเยี่ยจิ๋งและซูถิงถิงมีพลังโจมตีกายภาพสูงกว่า 200 แต้มได้ แล้วไหนจะธาตุที่เป็นคู่ตรงข้ามด้วยแล้ว ต่อให้เป็นการโจมตีธรรมดาก็สามารถสร้างความเสียหายได้ไม่ต่ำกว่า 100 แต้มอย่างแน่นอน ด้วยพลังชีวิตของทวารบาลปีศาจที่มีเพียงหมื่นต้น ๆ ไม่จำเป็นต้องกลัวเลยว่าจะโค่นไม่ได้ นี่เองที่เป็นเหตุผลที่ทำให้เซียวเฟิงเลือกยืนดูทั้งสองจากแนวหลังแทนที่จะร่วมสู้ด้วย
[ปาร์ตี้ของคุณทำการปราบทวารบาลปีศาจ ระดับอิลีต เลเวล 20 ได้สำเร็จแล้ว ได้รับค่าประสบการณ์ 130,000 หน่วย!]
มันใช้เวลาไม่นานนักในการปราบทวารบาลปีศาจตนนี้ด้วยฝีมือของสองสาว ค่าประสบการณ์ที่ได้รับเองก็ไม่น้อยไปกว่าบอสที่อยู่ในระดับเดียวกันด้วย สิ่งที่แตกต่างกันคงมีแค่ของที่ดร็อปลงมาหลังจากที่มันตายลงนั่นเอง
โทเคนล่าสมบัติ
ประเภท : อุปกรณ์
ผล : เคลื่อนย้ายผู้เล่นที่ถือครองไว้ไปยังหน้าประตูทางเข้าสำหรับล่าสมบัติเมื่อสั่งใช้งาน เมื่อไหร่ที่อีเวนท์ล่าสมบัติเริ่มต้นขึ้น ผู้เล่นที่อยู่หน้าทางเข้าจะถูกย้ายเข้าไปในแผนที่อีเวนท์ทันที
คำแนะนำ : ‘กรุณาไปรอที่หน้าทางเข้าก่อนจะถึงเวลาเริ่มอีเวนท์ อีเวนท์จะเริ่มในอีก 23 ชั่วโมง 31 นาทีข้างหน้า’
ไอเทมที่ดูเหมือนเหรียญสีทองที่ไม่ได้มีอะไรน่าหวือหวานี้ เมื่อถึงเวลาก่อนเริ่มอีเวนท์ มันคงจะถูกสั่งใช้งานจากผู้เล่นมากมายในเวลาพร้อม ๆ กันเพื่อเทเลพอร์ตตนเองไปยังหน้าประตูทางเข้าแผนที่ล่าสมบัติ เซียวเฟิงมองดูสิ่งนี้พลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง กลไกการทำงานของมันก็ไม่ได้แย่อะไรนัก นั่นเพราะเราสามารถสั่งใช้งานไอเทมนี้ได้แม้จะกำลังต่อสู้อยู่ ซึ่งมันจะกลายเป็นเครื่องมือชั้นดีที่จะช่วยให้ผู้เล่นหนีออกจากสถานการณ์คับขันได้อย่างง่ายดาย
ยกตัวอย่างเช่น หากปาร์ตี้หนึ่ง ๆ เพิ่งจะโค่นทวารบาลปีศาจลงได้และดร็อปโทเคนชิ้นนี้มา ใครก็ตามที่เก็บมันได้ก่อนจะสามารถสั่งใช้งานแล้วหนีไปยังปากทางเข้าแผนที่ล่าสมบัติได้เลยก่อนจะโดนรุมกระทืบ
หลังจากที่ได้อ่านความสามารถและรายละเอียดต่าง ๆ ของโทเคนสีทองนี้แล้ว เซียวเฟิงก็ตัดสินใจโยนมันให้ซูถิงถิง ซึ่งซือเยี่ยจิ๋งเองก็ดูจะเห็นด้วยกับการตัดสินใจของเขา จะมีก็แต่ซูถิงถิงเท่านั้นที่ยังงงอยู่อีกพักใหญ่ ๆ แต่เมื่อได้มองทั้งสองคนแล้ว เธอก็เข้าใจถึงความคิดทั้งสองอย่างรวดเร็ว
ด้วยความแข็งแกร่งและสถานะของเซียวเฟิงกับซือเยี่ยจิ๋ง การล่าเอาโทเคนล่าสมบัตินั้นไม่ใช่เรื่องที่ยากขนาดนั้น ท่ามกลางปาร์ตี้ 3 คนนี้ ซูถิงถิงดูจะเป็นคนที่พวกเขาทั้งสองห่วงมากที่สุดแล้ว
เธอยอมรับโทเคนนี้ไว้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและไม่ถามอะไรมาก “ฮ่า ๆๆ ถ้างั้นฉันจะขอรับไว้ด้วยความเต็มใจก็แล้วกันนะ! ให้ตายสิ การได้อยู่ในปาร์ตี้ของพวกโปรเพลเยอร์ถึง 2 คนพร้อม ๆ กันนี่มันดีจริง ๆ!”
“ได้เวลาไปต่อแล้ว” เซียวเฟิงพูดและเดินนำกลับไปยังดันเจี้ยนเมืองร้าง “เคลียร์ดันเจี้ยนนี่อีกครั้ง จากนั้นเราจะไปหาโทเคนกันต่อ” ซึ่งทั้งสองสาวก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ในขณะเดียวกัน เฉียนโตวโตวก็ส่งข้อความมาหาเซียวเฟิง เพื่อขอให้เขาเก็บโทเคนมาให้ได้เยอะ ๆ หากเป็นไปได้ เพราะเธอรู้สึกว่าโทเคนนี้น่าจะขายได้ดีเลยทีเดียว
เฉียนโตวโตวพกหมวกเล่นเกมมาด้วยในการมาคฤหาสน์ครั้งนี้ เพราะงั้นเธอจึงสามารถออนไลน์ได้ อันที่จริงตอนนี้เธอก็นั่งอยู่ข้าง ๆ เซียวเฟิงแล้วด้วย
เซียวเฟิงไม่ได้สนใจหรือตอบกลับข้อความของเธอเลย เขาไม่ได้ต้องการให้เธอมาย้ำเตือนว่ามูลค่าของโทเคนพวกนี้จะมีมากขนาดไหน ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะไม่ต้องมาคิดด้วยว่าจะต้องจัดการขายในราคาเท่าไหร่เมื่อเทียบกับจำนวนผู้เล่นและเหล่าพ่อค้าแม่ค้าคนอื่น ๆ ในเขตฮัวเซีย
ทั้งสามจัดการเคลียร์ดันเจี้ยนเมืองร้างได้อย่างรวดเร็ว แต่ครั้งนี้ดูเหมือนดวงพวกเขาจะลดน้อยลงไปมากกว่าเดิม เพราะของที่ดร็อปลงมามีเพียงอุปกรณ์ระดับเงินเพียง 2 ชิ้นเท่านั้น ซึ่งมันไม่ได้ล่อตาล่อใจเซียวเฟิงเลย ด้วยเหตุนี้เขาจึงยกให้สองสาวซือเยี่ยจิ๋งและซูถิงถิงแบ่งของกันเอง ส่วนตัวเขารับเพียงค่าประสบการณ์ที่ได้จากดันเจี้ยนก็พอแล้ว
ซูถิงถิงไม่รอช้าที่จะถามหลังจากที่ออกมาจากดันเจี้ยนแล้ว “พวกเราจะไปไหนกันต่อดี? จะไปตามหาทวารบาลปีศาจพวกนั้นต่อหรือเปล่า จะได้มีโทเคนกัน?” เธอในตอนนี้มีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้สูงมาก ๆ สังเกตได้จากคำถามที่ดูคึกคักนั่นแหละ ในวันนี้เพียงวันเดียว เธอก็ได้ของติดไม้ติดมือกลับไปอย่างคุ้มค่ามาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธระดับทอง อุปกรณ์ระดับเงิน ไหนจะโทเคนล่าสมบัติอีก ซูถิงถิงในตอนนี้เหมือนหนูตกถังข้าวสารเลย
แต่แล้วทันใดนั้นเอง ซือเยี่ยจิ๋งก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ถิงถิง” เสียงนั้นหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “เธอยังไม่ลืมใช่ไหมว่าพวกเรามีสอบไฟนอลกันวันพรุ่งนี้?”
สิ้นคำถามซูถิงถิงก็กรีดร้องออกมาทันที “กรี๊ดดดดดดดดด ทำไมเธอไม่เตือนฉันให้เร็วกว่านี้! บ้าจริง นี่มันก็ตีหนึ่งแล้ว แถมฉันยังไม่ได้เตรียมสอบเลยซักนิด! ให้ตายเถอะ แย่ที่สุด!”
ซือเยี่ยจิ๋งนั้นไม่ยอมโดนอีกฝ่ายกล่าวโทษอยู่แล้ว เพราะงั้นเธอจึงเถียงกลับ “ฉันคิดว่าเธอจำได้! ฉันเห็นว่าเธออยู่ในเกมด้วย ก็นึกว่าเธอมั่นใจแล้วว่าสอบได้แน่ ๆ วันพรุ่งนี้ แต่ไหงมันกลายเป็นว่าเธอเอาแต่เล่นเกมจนลืมเรื่องสอบไปได้ฮะ!”
ยิ่งโดนพูดเช่นนั้นซูถิงถิงก็ยิ่งกรีดร้อง เธอสะบัดหน้าไปมาก่อนจะชี้หน้าใส่ซือเยี่ยจิ๋ง “เธอคิดว่าทุกคนจะเหมือนเธอเหรอ ที่มีความสามารถในการสอบผ่านโดยไม่ต้องเตรียมตัวกันได้น่ะ!? ไม่ได้การ! ไม่ได้การแล้ว ฉันไม่มีเวลามาคุยกับเธอแล้ว! เพราะงั้นไปล่ะ!” เสียงและร่างของซูถิงถิงหายวับไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันให้เซียวเฟิงและซือเยี่ยจิ๋งกล่าวคำลา ทันทีที่ออกมาจากดันเจี้ยนได้ สาวเจ้าก็ออฟไลน์หายไปเลย
เมื่อซูถิงถิงหายตัวไปแล้ว ซือเยี่ยจิ๋งก็เดินเข้าไปหาเซียวเฟิงใกล้ ๆ “เฮ้ นายจะไปไหนต่อ? หาโทเคนเหรอ?”
“แล้วเธอจะถามฉันแบบนั้นทำไม? ไม่ใช่ว่าเธอเองก็จะออฟไลน์แล้วเหมือนกันหรือไง?” เซียวเฟิงนั้นเตรียมตัวจะออกจากที่นี่แล้วเพราะเขาคิดว่าซือเยี่ยจิ๋งเองก็เตรียมจะออฟไลน์ตามเพื่อนไปด้วยแน่ ๆ
“สอบปลายภาคนั่นต่อให้ฉันไม่อ่านหนังสือก็ผ่านได้สบาย ๆ น่า” เธอเชิดหน้าโอ้อวดอีกครั้ง
เซียวเฟิงพยักหน้า “ อ้อ งั้นเหรอ โอเค ถ้างั้นก็ใช่ ฉันจะไปหาโทเคนเพิ่ม” เขาพูดแล้วเตรียมที่จะมุ่งหน้ากลับไปที่เมือง
เห็นเช่นนั้นซือเยี่ยจิ๋งก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที “ไอ้บ้านี่! นี่นายไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าฉันอยากจะตั้งปาร์ตี้กับนายน่ะ!?” เธอเริ่มไม่มั่นใจจริง ๆ แล้วว่าเซียวเฟิงไม่รู้จริง ๆ หรือแค่แกล้งไม่รู้
“ทำอย่างกับว่าเธอฆ่าบอสด้วยตัวคนเดียวไม่ได้ซะอย่างงั้นแหละ แถมทำไมเธอไม่ทักไปสร้างปาร์ตี้กับคนในกิลด์เธอเล่า?” เซียวเฟิงถามด้วยความสงสัย
ทันทีทันใด ซือเยี่ยจิ๋งก็พูดขึ้นมาด้วยความกระสับกระส่ายและตะกุกตะกัก “ฉะ…ฉะ…ฉัน อั่ก! ก็ได้! ฉันอยากให้นายช่วยรักษาให้!”
ท้ายสุดเซียวเฟิงก็ยอมก่อนจะพูด “งั้นก็กลับไปที่เมืองก่อน จะนั้นก็เทเลพอร์ตไปเมืองรี่ลั่ว จากที่นั่นเราจะเดินทางไปภูเขากระดูกกัน มันจะต้องมีทวารบาลปีศาจเกิดที่นั่นด้วยแน่ ๆ ” ในเมื่อระบบบอกไว้ว่า ทวารบาลปีศาจจะเกิดได้ทั่วแผนที่ เซียวเฟิงก็คิดขึ้นได้ว่าที่ภูเขากระดูกอาจจะมีพวกมันสักตัวถึงสองตัวเกิดด้วยก็ได้
อีกอย่างหนึ่ง ในเวลานี้น่าจะไม่มีผู้เล่นคนไหนเข้าไปในส่วนนั้นได้ด้วย ผนวกกับเขาจะได้สามารถเก็บเลเวลไปเรื่อย ๆ ตลอดทางอย่างไม่เสียเวลาอีก
“ฟังดูดีนี่”
ซือเยี่ยจิ๋งเคยไปที่ภูเขากระดูกกับเซียวเฟิงมาก่อน เพราะงั้นเธอรู้ดีว่าที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ดีในการล่าทวารบาลขนาดไหน และมันยังดีในแง่การเก็บเลเวลด้วย มือสังหารอย่างเธอไม่มีสกิลโจมตีพื้นที่เหมือนคลาสอื่น ๆ ดังนั้นการเก็บเลเวลของเธอจึงเป็นไปได้ด้วยความยากลำบาก การที่เธอได้มาอยู่เลเวลนี้ได้ก็เพราะครั้งหนึ่งเคยไปเก็บเลเวลกับเซียวเฟิงที่ภูเขากระดูกเนี่ยแหละ
แต่หลังจากนั้น กิลด์มิดซัมเมอร์ก็ถูกขัดขวางภารกิจโดยเซียวเฟิง ความจริงนี้ยังคงคอยย้ำเตือนและทำให้ซือเยี่ยจิ๋งกัดกรามตนเองแน่นทุกครั้งที่นึกขึ้นมาได้ สงครามป้องกันฐานที่ตั้งครั้งนั้น… หลังจากนั้นอันดับของเธอก็ร่วงลงมาอีกเยอะ แต่ในครั้งนี้ เธอมีโอกาสได้กลับมาที่ภูเขากระดูกกับเซียวเฟิงอีกครั้งแล้ว และเธอจะใช้โอกาสนี้เลื่อนอันดับกลับขึ้นไปให้ได้!
ไม่นานนักหลังจากที่ทั้งสองเดินทางจากเมืองรี่ลั่วมาถึงภูเขากระดูก เซียวเฟิงก็ได้รับข้อความมาจากคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งแต่ละคนก็พากันโทรเข้ามาหาเขากันให้จ้าละหวั่น ในตอนนั้นเซียวเฟิงงุนงงสุด ๆ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนพวกนี้มีอะไรกับเขาหรือเปล่า
“พี่เซียว! พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ไม่ว่าพี่ทำอะไรลงไป อย่าไปที่นั่นเด็ดขาดเลยนะ!” ข้อความแรกมาจากเฉียนโตวโตว
“เจ้าแห่งฮีลเลอร์! เกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณกับกิลด์กลอรี่? พวกเราสามารถช่วยคุณได้นะถ้าคุณมีข้อโต้แย้งอะไร เพราะงั้นห้ามผลีผลามทำอะไรไปก่อนล่ะครับ!” คราวนี้มาจากไนฟ์ ซึ่งข้อความที่มาจากสกายและจืออี้เองก็มีเนื้อความใกล้ ๆ กัน
“พี่ชาย! ถ้าพี่วางแผนจะไปเตะปากใครพี่ต้องพาฉันไปด้วยนะ!” ส่วนข้อความนี้มาจากซางกวน อาโอเชิน เด็กหนุ่มคนนี้ดูจะตื่นเต้นมาก ๆ ฟังได้จากน้ำเสี่ยงที่ส่งผ่านมาในข้อความ
“ต้องการความช่วยเหลือไหม พี่เซียว? พี่น้องในห้องของพวกเราออนไลน์กันหมดเลยนะ แถมพวกเรายังสามารถเรียกเพื่อนที่โรงเรียนมาช่วยพี่ได้อีกด้วย!” แม้แต่พี่น้องนิโคลัสเองก็ยังส่งข้อความมา
“กิลด์มิดซัมเมอร์พร้อมจะช่วยชดเชยให้นายได้ ถ้านายต้องการ” และข้อความสุดท้ายมาจากหลิวเฉียงเหว่ย แม้ถ้อยคำนั้นจะไม่สุภาพอะไรขนาดนั้น แต่มันก็แสดงจุดยืนของเธอคนนี้ได้ดีว่าเธอยืนอยู่ข้างเขา
…
“เกิดอะไรขึ้นกันนะ?” เซียวเฟิงแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาไม่รู้เลยจริง ๆ ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ซือเยี่ยจิ๋งเองก็ดูจะงุนงงเหมือนกับเขาครั้นเมื่อโดนถาม
“นายลองรีบเช็คฟอรั่มเกมดูสิ!” เห็นได้ชัดเลยว่าซือเยี่ยจิ๋งมีประสบการณ์ในโลกของเกมมากกว่าเขา เพราะเธอรู้ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น ที่แรกที่ควรไปตรวจสอบดูก็คือฟอรั่มของเกมเนี่ยแหละ
ทันทีที่เซียวเฟิงเข้าไปในฟอรั่มได้ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
บราเธอร์ไนน์ ออฟ กลอรี่ ได้ตั้งกระทู้เอาไว้ในนามของกิลด์กลอรี่
“ทุก ๆ คนคงได้รู้กันดีอยู่แล้วว่าเมื่อสองวันก่อน ชื่อของเจ้าแห่งฮีลเลอร์ ได้ถูกเพิ่มเข้าไปในรายชื่อล่าหัวของกิลด์กลอรี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรื่องในครั้งนี้เกิดขึ้นจากความไม่ลงรอยกันระหว่างเจ้าแห่งฮีลเลอร์และกิลด์กลอรี่ ในตอนนี้ อย่างที่ทุกคนทราบกันว่าอีเวนท์เซิร์ฟเวอร์กำลังจะเริ่ม ใครก็ตามที่เข้าร่วม ไม่ว่าจะอยู่เขตไหน ก็จะถูกส่งไปยังแผนที่พิเศษสำหรับอีเวนท์นี้กันเมื่อถึงเวลา ในฐานะที่เจ้าแห่งฮีลเลอร์เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเขตฮัวเซีย ฉันไม่แปลกใจเลยหากเขาเองจะสนใจร่วมอีเวนท์นี้ด้วย ซึ่งกิลด์กลอรี่เองก็ตั้งใจจะร่วมด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่ทางกิลด์กลอรี่และเจ้าแห่งฮีลเลอร์ จะได้ชำระเรื่องที่บาดหมางกันก่อนที่จะเข้าร่วมอีเวนท์นี้ จากนั้นพวกเราจะกลับมาร่วมมือกันอย่างสงบสุขเพื่อนำชัยชนะกลับมาให้เขตฮัวเซียให้ได้ ดังนั้นแล้ว ที่นี่และเวลานี้ ฉันขอเรียกร้องให้เจ้าแห่งฮีลเลอร์ ตอบรับคำท้าในการต่อสู้แห่งเกียรติยศกับกิลด์กลอรี่ของพวกเรา ซึ่งเมื่อไหร่ที่การต่อสู้นี้จบลง ฉันสัญญาว่าความบาดหมางทุกอย่าง จะถูกขจัดให้หมดไปด้วยเช่นกัน!”
“ในอีก 1 ชั่วโมงข้างหน้า สมาชิกกิลด์กลอรี่ทุกคนจะรวมตัวกันที่พื้นที่ราบด้านตะวันออกของเมืองซือหราน พวกเราจะรอให้เจ้าแห่งฮีลเลอร์ตอบรับคำท้า หลังจากจบการต่อสู้ ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาแบบไหนก็ตาม เรื่องบาดหมางระหว่างพวกเราจะถูกขจัดให้หมดไป!”
กระทู้นี้ถูกตั้งไว้โดยไนน์เมื่อ 3 นาทีที่แล้ว และเพียงแค่ 3 นาที กระทู้นี้ก็ถูกดันขึ้นเป็นกระทู้อันดับต้น ๆ ด้วยยอดวิวที่สูงลิ่วพร้อมกับข้อความตอบกลับที่เหลือล้น
“การต่อสู้แห่งเกียรติยศเหรอ?” เซียวเฟิงพูดหลังจากอ่านกระทู้จบ เขาหัวเราะ “น่าสนใจดีนี่”
“ซ่อนอะไรไว้อีกล่ะสิ?” เขาครุ่นคิด
เขาไม่ได้อยากจะมีเรื่องอะไรกับกิลด์กลอรี่เลยแม้แต่นิด แม้ว่าไนน์จะเคยซุ่มโจมตีเขาแล้วครั้งหนึ่งแต่ก็ไม่สำเร็จ เซียวเฟิงก็ไม่ได้เก็บเรื่องนั้นมาใส่ใจ เขามองว่ามันเป็นแค่การทะเลาะวิวาทกันทั่ว ๆ ไปเฉย ๆ ไม่มีอะไร แต่นั่นกลับกลายเป็นว่า มันทำให้ไนน์รู้สึกว่าตนเองกลายเป็นเบื้องล่างของเซียวเฟิงมาโดยตลอด และด้วยสิ่งที่ไนน์ได้ลงมือทำล่าสุดนี้ มันทำให้เซียวเฟิงเริ่มจะหมดความอดทนกับเขาขึ้นมาจริง ๆ แล้ว สังเกตได้จากแววตาที่เยือกเย็นของชายหนุ่มตอนนี้ได้เลย
ฉากหน้านั้นดูเหมือนนี่จะเป็นการท้าต่อสู้ผ่านกระทู้ที่ไม่มีอะไรแอบแฝง มันดูเปิดเผยให้ทุกคนเข้าใจว่านี่คือการต่อสู้แห่งเกียรติยศของคนสองคน เป็นการต่อสู้ที่ถูกต้องและทรงเกียรติเพื่อที่จะได้สร้างเกียรติยศอันน่ายกย่องให้กับเขตฮัวเซียต่อไป
แต่แล้วจริง ๆ มันคืออะไรรู้ไหม? นี่น่ะมันก็แค่กลลวงเพื่อที่จะล่อให้เซียวเฟิงออกมา
หากเซียวเฟิงปฏิเสธ มันก็จะเดาได้ไม่ยากเลยว่าผู้คนในเขตฮัวเซียจะพูดอะไรกัน ไม่ว่าจะเป็น อ่อนแอ ขี้ขลาด และอีกมากมาย และที่แย่ไปกว่านั้น ใครบางคนที่เกลียดเขาอยู่แล้วอาจจะใช้โอกาสนี้ยุยงปลุกปั่นผู้เล่นในเขตฮัวเซียเกลียดชังเขามากกว่าเดิมด้วยก็ได้ นี่มันเป็นเรื่องง่ายมากเลยหากมีคนคิดจะทำ พวกเขาเพียงแค่พูดว่า ‘ไอ้หมอนี่มันไม่สนใจชื่อเสียงของเขตฮัวเซียเลย” และถ้าเป็นแบบนั้น เขาเองก็อาจจะโดนผู้เล่นในเขตฮัวเซียนี้บอยคอตเอาก็ได้
อีกมุมหนึ่ง ถ้าหากเซียวเฟิงรับคำท้า เขาก็จะต้องโค่นกิลด์กลอรี่ กิลด์ที่ได้ชื่อว่าใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ภายในเขตฮัวเซีย ‘ด้วยตัวคนเดียว’! แม้แต่คนโง่ยังรู้เลยว่าผลของการต่อสู้จะเป็นยังไง
เรื่องนี้มันถูกคิดเอาไว้แล้ว ถ้าเซียวเฟิงปฏิเสธกิลด์กลอรี่ก็ไม่เสียอะไรเลย หรือต่อให้เซียวเฟิงไม่ตอบอะไร ท้ายสุดกฏก็จะบีบให้เขากลายเป็นผู้แพ้ไปโดยอัตโนมัติเมื่อไม่ปรากฏตัวออกไป
แล้วถ้าเซียวเฟิงตอบรับคำท้า กิลด์กลอรี่ก็จะสามารถฆ่าเซียวเฟิงได้ในท้ายที่สุด ก็จริงอยู่ที่ถ้าหากเป็นแบบนี้ กิลด์กลอรี่จะต้องเสียสละสมาชิกเป็นจำนวนมากเพื่อโค่นเขา แต่มันก็เป็นการลงทุนที่พวกเขายอมเสีย เพื่อแลกมากับการตายของเซียวเฟิง จากนั้นกิลด์กลอรี่ก็จะลบชื่อของเขาออกจากรายการล่าหัว ในการกระทำเช่นนี้กิลด์กลอรี่ก็จะสามารถรักษาภาพลักษณ์ของกิลด์ที่แข็งแกร่ง ทรงพลัง และเถรตรงในสายตาผู้เล่นคนอื่นในเขตฮัวเซียไว้ได้ นี่มันก็ไม่ต่างอะไรกับประชาสัมพันธ์ฟรีเลยซักนิด
มีแต่พระเจ้าเท่านั้นแหละที่จะรู้ว่าหลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ ความบาดหมางระหว่างเซียวเฟิงกับกิลด์กลอรี่จะจบลงหรือเปล่า
ดู ๆ แล้วไม่ว่าจะเลือกทางไหน ท้ายสุดก็จะจบลงที่ความพ่ายแพ้ของเซียวเฟิงอยู่ดี จริง ๆ การต่อสู้เพื่อเกียรติยศนี่ก็ไม่มีอะไรมาตั้งแต่แรกแล้ว เป็นเพียงข้ออ้างที่กิลด์กลอรี่จะเอาไว้ใช้เพื่อสร้างโอกาสที่เหนือกว่าก็เท่านั้น
ตอนนั้นเอง ซือเยี่ยจิ๋งที่เพิ่งอ่านกระทู้จบเหมือนกันก็ต้องตกใจเมื่อเห็นสีหน้าของเซียวเฟิงที่ดูเอาจริงสุด ๆ “เฮ้ ๆ อย่าบอกฉันนะว่านายคิดจะไปจริง ๆ น่ะ? ไอ้บ้าเอ้ย นายบ้าไปแล้วจริง ๆ หรือไงเนี่ย!? นายรู้หรือเปล่าว่าสมาชิกกิลด์กลอรี่มีกันกี่คน? แค่พวกชนชั้นล่างของกิลด์ก็มากกว่า 1 ล้านคนแล้วนะ!”
ซือเยี่ยจิ๋งไม่ใช่ผู้เล่นธรรมดา เพราะงั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เธอจะรู้ได้ว่าการต่อสู้แห่งเกียรติยศครั้งนี้มีกับดักซ่อนอยู่!