Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 263 กลับเข้าเกม
บทที่ 263 กลับเข้าเกม
ท่ามกลางห้องนั่งเล่นหลักของวิลล่าหลังโต เซียวเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่กลางโซฟาตัวยาวในท่าทีที่ไม่ปกตินัก นี่มันเหมือนจุดตกต่ำของชีวิตเขายังไงก็ไม่รู้
ชายหนุ่มนั่งหมดสภาพเหยียดแขนเหยียดขาโดยที่มีเซียวหลิงนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างขาของตน และเอนหลังมาซบอกเขาไว้ ร่างกายของเธอนั้นผอมบางและเบา ไม่ว่าจะดูจากมุมไหนก็ไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตาที่ถูกบรรจงสร้างขึ้นมาอย่างดีเลยสักนิด
เขารู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังนั่งให้ตุ๊กตาแสนสวยตัวใหญ่ตัวหนึ่งพิงซบอยู่ อุณหภูมิในตัวเซียวหลิงตอนนี้ค่อนข้างสูงกว่าปกตินิดหน่อย และบางทีน่าจะเพราะแบบนี้ ผิวขาวนวลตามร่างกายของเธอจึงมีสีชมพูอ่อน ๆ ระเรื่ออยู่ให้เห็นเป็นนิจและสามารถรับรู้ได้ถึงความร้อนผ่านมาทางผิวที่สัมผัสกัน ดูท่าสาวน้อยคนนี้จะรู้สึกสบายตัวไม่น้อยกับการได้อิงกับผิวเย็น ๆ ของเซียวเฟิง อย่างน้อย ๆ ก็เห็นได้ว่าเธอกำลังเล่นเกมอย่างมีความสุขอยู่
“เซียวหลิง หาเสื้อผ้าใส่ให้มากชิ้นกว่านี้ไม่ได้หรือไง?”
เซียวเฟิงถามอย่างช่วยไม่ได้ นั่นเพราะเสื้อผ้าของเด็กสาวคนนี้มันดูจะน้อยชิ้นเสียเหลือเกิน เจ้าตัวเล่นใส่แค่เสื้อกล้ามลายเพนกวิ้นกับกางเกงในลายลูกไม้เท่านั้น นอกจากจุดสำคัญ ๆ ต่าง ๆ ของร่างกายแล้วที่เหลือก็ไม่มีอะไรปกปิดเลย เธอจะเปิดเผยเนื้อหนังมังสามากเกินไปแล้วนะ…
หากนี่เป็นวันปกติที่อากาศไม่ร้อนแบบนี้ ผิวที่อ่อนนุ่มของเธอคงจะล่อเสือป่าได้มากกว่านี้ ทว่าเพราะเป็นวันนี้ ผิวที่ควรจะขาวมันจึงชมพูอมแดงจนเหมือนโดนต้มแทน
ถึงแม้ว่าเธอจะยังเป็นเด็กที่อายุน้อยกว่า 12 ขวบ และยังไม่ถือว่าเป็นสาวเต็มตัว แต่เด็กสาวที่สวยระดับเธอนั้นก็นับว่ามีน้อยมาก ๆ สามสาวที่มองเซียวหลิงเอนหลังซบเซียวเฟิงอย่างสนิทชิดเชื้อนั้น แม้พวกหล่อนจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ก็พอเดาได้ว่ากำลังคิดอะไรกันอยู่
“ฮึ่ม อากาศร้อนขนาดนี้ นายคิดวางแผนจะให้ฉันร้อนตายจากการหาเสื้อผ้ามาใส่เพิ่มเหรอ?” เซียวหลิงปุ่มเครื่องเกมในมือด้วยความหนักหน่วงขึ้นขณะที่บ่นอย่างไม่พอใจ “ยิ่งไปกว่านั้น นี่ก็เป็นผลประโยชน์อันดีงามที่ฉันมอบให้ทาสผู้ซื่อสัตย์เลยนะ ได้เพลิดเพลินไปกับเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบขององค์หญิงไม่พอใจหรือยังไง?”
ได้ฟังเช่นนั้นเซียวเฟิงก็หมดคำพูดไปเลย ชายหนุ่มละสายตาจากเซียวหลิง และหันไปมองตัวภาระที่เกาะอยู่ที่แขนขวาแทน
ตัวภาระที่ว่าคือเฉียนโตวโตวที่เกาะแขนเขาเหมือนตัวสล็อต ครึ่งตัวบนของเธอนั้นเกาะติดแขนของเซียวเฟิงราวกับจะสิงด้วยสีหน้าสบายใจ เธอเกือบจะหลับในทันทีเมื่อแก้มของเธอได้อิงซบไปกับไหล่ของเซียวเฟิง บางทีอาจจะเป็นเพราะตัวของเขาเย็นจนเธอสบายก็ได้
ซือเยี่ยจิ๋งดึงทิชชู่มาอีกแผ่นเพื่อปาดเหงื่อบนหน้าผากและกระดูกไหปลาร้าของตัวเอง เพียงแค่การปาดครั้งเดียวทิชชู่แห้ง ๆ แผ่นนั้นก็กลายเป็นทิชชู่เปียกในทันทีและมันก็ถูกโยนลงถังขยะใกล้ ๆ ตัวไปในทันทีเพื่อเตรียมจะหยิบแผ่นใหม่ด้วย
ด้วยความรู้สึกร้อนระอุนี้ เธอมองไปยังเซียวเฟิงและสองสาวที่คลุกคลีอยู่กับเขา แววตาเฉียบคมนั้นจ้องมองไปยังเฉียนโตวโตวที่กอดแขนของเซียวเฟิงไว้แน่นเป็นพิเศษก่อนจะเปิดปากพูดออกมาอย่างอดไม่ได้
“เธอไม่ร้อนบ้างเหรอ? จะใกล้ชิดอะไรกันขนาดนั้น?”
“ไม่เลย ฉันรู้สึกดีมาก ๆ ที่ได้ซบพี่เซียวแบบนี้ ตัวเขาเย็นสุด ๆ ไปเลยล่ะ” เฉียนโตวโตวพูดตอบด้วยน้ำเสียงเคลิบเคลิ้ม เธอไม่แม้แต่จะลืมตามามองด้วยซ้ำไป
จริง ๆ ทั้งซือเยี่ยจิ๋งและหลิวเฉียงเหว่ยก็แอบมองทั้งสามที่กำลังรวมกันเป็นกลุ่มก้อนมาพักหนึ่งแล้ว และพอได้ยินคำตอบเช่นนั้น มันก็ทำให้พวกเธอเริ่มตระหนักได้ถึงความผิดปกติ ไม่เพียงแต่เซียวเฟิงที่ไม่มีเหงื่อมาตั้งแต่ต้น แต่เฉียนโตวโตวและเซียวหลิงเองก็พลอยไม่มีเหงื่อไปด้วยหลังจากได้อิงซบเซียวเฟิงพร้อมกับสีผิวที่เริ่มกลับมาขาวสว่างอีกครั้ง
“จริงเหรอ?”
ซือเยี่ยจิ๋งรีบลุกขึ้นด้วยความประหลาดใจและเดินเข้าไปหาเซียวเฟิงอย่างรวดเร็ว เธอยื่นมือเรียวสวยไปจับแขนซ้ายของเซียวเฟิงอย่างลังเล ทันใดนั้นเอง สีหน้าของซือเยี่ยจิ๋งก็แสดงความตกใจออกมา
“พระเจ้า!? ทำไมผิวนายเย็นจัง? นายทำได้ยังไงน่ะ? อุณหภูมิข้างนอกมันเกือบจะ 40 องศาแล้วนะ นายไม่รู้สึกร้อนบ้างเหรอ?” เธอจ้องไปยังเซียวเฟิงด้วยความสงสัยขณะที่มืออีกข้างของตัวเองก็ถูกยกไปจับแขนของเขาและแสดงให้เห็นว่าไม่อยากจะปล่อยมือออกด้วย
“ฉันควบคุมอุณหภูมิที่ผิวของฉันได้” เซียวเฟิงเงยหน้าขึ้นมาและพิงไปกับโซฟาขณะพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า
“นี่นาย… คิดว่าตัวเองเป็นตัวอะไรกันเนี่ย?”
แม้คำตอบของซือเยี่ยจิ๋งจะดูเยาะเย้ย แต่เธอก็ไม่ยอมปล่อยมือจากแขนของเซียวเฟิงเลย ในใจของเธอมันกำลังลังเล เพราะใจหนึ่งนั้นอยากจะกอดแขนของเขาไว้เหมือนกัน แต่อีกใจก็เขินอายไม่น้อยเพราะชุดที่ใส่มันค่อนข้างน้อยชิ้นระดับหนึ่ง… ทั้งเสื้อกล้ามครึ่งตัวทั้งกางเกงขาสั้น เห็นได้ชัดเลยว่าเธอเองก็แอบเคร่งศีลธรรมอันดีงามอยู่เหมือนกัน
เซียวเฟิงไม่ได้พูดอะไรต่อรวมถึงไม่อยากจะพูดต่อด้วย เพราะเขาพูดความจริงกับเธอไปแล้ว แต่เธอเลือกที่จะไม่เชื่อเอง
“นี่ ตาบ้า ปล่อยให้ฉันซบนายซักพักนะ ห้ามคิดจะแตะต้องตัวฉันเชียว”
ท้ายที่สุด ความร้อนก็ชนะศีลธรรมอันดีงามที่ค้ำใจเธอจนได้ ซือเยี่ยจิ๋งไม่อยากละทิ้งผิวเย็น ๆ ของเซียวเฟิงไปตอนนี้ ดังนั้นจึงพูดออกไปด้วยน้ำเสียงลังเลและเข้าไปนั่งใกล้ ๆ เขาเพื่อที่จะค่อย ๆ เอนตัวซบได้อย่างหวาดหวั่น
“สบายใจได้ ฉันไม่สนใจผู้หญิงผอมแห้งแบบเธอ กลัวว่าถ้าจับไปแล้วจะโดนกระดูกแหลม ๆ บาดมือเอา” เขายังคงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนปวกเปียกต่อไป
“แกว่ายังไงนะ! อยากลงไปทำความเย็นในนรกหรือไงวะ!”
ซือเยี่ยจิ๋งก้มลงมองหน้าอกของตนที่ไม่ได้ใหญ่อะไรนักก่อนจะกัดฟันด้วยความคับข้องใจ ถ้าไม่ใช่ว่าการที่ได้อิงซบเซียวเฟิงเช่นนี้มันเป็นอะไรที่รู้สึกดีมาก ๆ ป่านนี้เธอไม่ทนกัดฟันตนเองหรอก คงจะหันไปกัดแขนเขาแทนแล้ว …แต่ตอนนี้น่ะ เธอไม่อยากจะเสีย ‘มนุษย์น้ำแข็ง’ คนนี้ไปหรอกนะ
ดังนั้นแล้ว ตอนนี้จึงเหลือเพียงหลิวเฉียงเหว่ยที่ดูจะสวมเสื้อผ้ามากชิ้นที่สุดถูกทิ้งไว้ให้อยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่น มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยถ้าจะบอกว่าตอนนี้เจ้าตัวเองก็เหงื่อแตกพลั่กไม่ต่างอะไรกับสาวน้อยที่เพิ่งไปตกน้ำมาก็มิปาน ชุดชีฟองมันชื้นจนแนบติดไปกับผิวนวลชุ่มจนกลายเป็นเหมือนผ้าโปร่งแสงไปแล้ว หากมองดี ๆ ล่ะก็ จะสามารถมองเห็นผิวสวย ๆ นั้นได้อย่างไม่ยากอะไรนัก
รอบ ๆ ตัวของหลิวเฉียงเหว่ย กลิ่นหอมจากกายเธอมันเริ่มจะหนาแน่นขึ้นเพราะเหงื่อที่ไหลออกมาไม่หยุด
เธอจ้องไปยังเซียวเฟิงอยู่หลายครั้งจนกระทั่งเซียวเฟิงปล่อยให้เซียวหลิงเข้าไปนั่งตรงกลาง โดยที่มีเฉียนโตวโตวเกาะแขนซ้ายและซือเยี่ยจิ๋งเกาะแขนขวา เพราะความลังเลของหญิงสาวมันจึงทำให้ตอนนี้รอบ ๆ ตัวเซียวเฟิงไม่เหลือพื้นที่ว่างแล้ว
“เอ่อ…ทานแตงโมกันก่อนนะคะ…”
หนิงเคอเค่อถือถาดใบใหญ่ไว้ด้วยท่าทียากลำบาก เธอเดินออกมาจากห้องครัวเข้ามายังห้องนั่งเล่นก่อนจะพูดถามด้วยความตื่นเต้น บนถาดใบใหญ่นั้นมีแตงโมถูกหั่นเป็นชิ้นที่เย็นเฉียบบรรจงวางไว้อยู่
ตู้เย็นนั้นถูกตัดไฟไปพร้อม ๆ กับไฟฟ้าในเมืองแล้วก็จริง แต่ความเย็นที่กักเก็บไว้ก็ยังคงสภาพไว้ได้อีกพักใหญ่ ๆ
“ว้าว! เคอเค่อ เธอนี่มันนางฟ้ามาโปรดจริง ๆ! ฉันเอาชิ้นหนึ่ง!”
เฉียนโตวโตวกระโจนออกมาจากโซฟาและคว้าเอาแตงโมมาสองชิ้นจากในถาดที่หนิงเคอเค่อถือมาอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจกิริยามารยาทอะไรทั้งนั้น
“องค์หญิงหลิง มากินแตงโมกันดีกว่า! เย็น ๆ เลยน้า!” เฉียนโตวโตวส่งแตงโมอีกชิ้นหนึ่งให้เซียวหลิงอย่างรู้งาน
“เซียวหลิงกินอาหารเย็น ๆ ไม่ได้”
เซียวหลิงเตรียมจะรับแตงโมมาจากมือเฉียนโตวโตวแล้ว หากแต่ว่าเธอกลับโดนเซียวเฟิงหยุดเอาไว้โดยไม่ทันตั้งตัวก่อน เขายื่นมือมาหยิบแตงโมชิ้นนั้นและกินมันเข้าไปเอง
“หนอยแน่ เจ้าทาสพฤติกรรมแย่!”
เด็กสาวแสดงความไม่พอใจออกมาและไม่ได้พูดอะไรต่อ ยังไงเสียเธอก็ไม่ได้สนใจอยากจะกินอยู่แล้ว พอไม่มีอะไรให้กินจึงหันกลับไปตั้งหน้าตั้งตาเล่นเกมต่อ
“องค์หญิงหลิงคะ… ตรงนี้ยังมีแตงโมที่ไม่เย็นอยู่ด้วยนะคะ”
หนิงเคอเค่อหยิบเอาแตงโมที่ไม่ได้เย็นจนเป็นน้ำแข็งมาและส่งให้เซียวหลิง
“มันไม่อร่อย ฉันไม่กินแล้ว”
เซียวหลิงกัดแตงโมไม่เย็นนั้นไปแค่สองคำเท่านั้นก็ต้องหยุดกินต่อ จากรอยฟันที่ทิ้งไว้บนชิ้นแตงโมสองคำเล็ก ๆ มันน่าจะบอกได้ชัดเจนแล้วว่าเธอไม่อยากกินเพราะมันไม่เย็นพอ ด้วยสภาพอากาศแบบนี้ แตงโมที่ไม่เย็นน่ะรสชาติก็ไม่ได้ต่างอะไรกับแตงโมอบเลย
ด้วยความไม่อยากให้ของมันเหลือทิ้ง เซียวเฟิงจึงหยิบเอาแตงโมที่เซียวหลิงกินเหลือไว้มากินต่อโดยไม่ใส่ใจอะไร ขณะเดียวกันหญิงสาวอีกสามคนก็มองมายังการกระทำของเขาเป็นตาเดียวกันด้วย
“ฉันจะไปอาบน้ำหน่อยนะ”
หลิวเฉียงเหว่ยผู้ที่ไม่สามารถทนต่อความร้อนที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นี้ได้ ตัดสินใจลุกขึ้นหลังจากกินแตงโมแช่แข็งไปสองชิ้นแล้วยังไม่รู้สึกหายร้อนเท่าที่ควร เธอเหลือบตาไปมองเซียวเฟิงก่อนจะเดินขึ้นบันไดไป
ติ๊ง!
เหตุบังเอิญเกิดขึ้นหลังจากที่หลิวเฉียงเหว่ยเดินขึ้นชั้นบนไปได้ไม่กี่นาที ไฟฟ้าในห้องนั่งเล่นก็กลับมาใช้งานได้และทำให้แอร์ภายในห้องนี้เริ่มทำงานสร้างความเย็นให้ห้องที่ร้อนอบอ้าวนี้อีกครั้ง
“พี่เซียว! ไฟฟ้าติดแล้ว! ดูเหมือนการไฟฟ้าจะแก้ไขปัญหาเร็วกว่าที่คิดแฮะ!” เฉียนโตวโตวเป็นคนแรกที่รับรู้ได้ถึงเสียงแจ้งเตือนของแอร์ที่ดังขึ้นและตื่นเต้นจนออกนอกหน้า
“อืม ไปกันเถอะ พวกเรากลับไปออนไลน์ได้แล้ว”
เซียวเฟิงเองก็รู้สึกโล่งใจ ในที่สุดชายหนุ่มก็จะได้กลับไปยังโลกของมิธที่เขาคุ้นเคยได้เสียที การที่ต้องจำใจถูกตัดออกจากโลกแห่งเกมนั้นมันเป็นอะไรที่เริ่มไม่ชินเอาเสียแล้ว
ทว่าในขณะที่เซียวเฟิงลุกและเตรียมจะขึ้นไปด้านบนบ้าง ความคิดบางอย่างก็ผุดเข้ามาในหัว ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนจะพยายามข่มตัวเองว่าตัวเองคิดมากไปและส่ายหน้าเพื่อไล่ความคิดแปลก ๆ นั้นทิ้ง เซียวเฟิงอุ้มเซียวหลิงออกไปวางบนโซฟาก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังห้องของเขาเพื่อเตรียมจะล็อกอินเกม
ระบบไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตนั้นกลับมาทำงานพร้อม ๆ กัน ดังนั้นเมื่อเข้าห้องไป เซียวเฟิงจึงเห็นแสงสว่างจากหมวกเล่นเกมของตนเองสว่างโล่ขึ้นมาด้วย มันเป็นสัญญาณว่าเขาสามารถล็อกอินเข้าไปในเกมได้แล้ว แต่ก่อนจะเดินเข้าไปสวมหมวก เซียวเฟิงก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ มาจากทางห้องอาบน้ำของตน ทว่าความสงสัยนั้นก็ไม่ได้อยู่นาน เพราะเจ้าของเสียงอย่างหลิวเฉียงเหว่ยก็เดินออกมาจากห้องน้ำโดยที่ทั้งตัวเธอมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวห่อหุ้มร่างกายเอาไว้เสียแล้ว
“ทะ…ทำไม…ทำไมนายถึงขึ้นมาเร็วนักล่ะ?”
สีหน้าของหลิวเฉียงเหว่ยนั้นแสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่าเธอตกใจที่เห็นเซียวเฟิงกลับมายังห้องของตัวเองเร็วขนาดนี้ หญิงสาวกระชับผ้าเช็ดตัวที่เป็นอาภรณ์เพียงหนึ่งเดียวของเธอให้แน่น เพื่อให้มันช่วยปกปิดเรือนร่างตั้งแต่ต่ำกว่าไหล่จนเกือบถึงหัวเข่าไว้ให้ดี
“ไฟฟ้ามันกลับมาใช้งานได้แล้ว… ไม่ นั่นควรเป็นคำถามของฉัน ทำไมเธอถึงไม่ยอมอาบน้ำที่ห้องของเธอเอง?” เซียวเฟิงมองไปยังเรือนร่างของหลิวเฉียงเหว่ยหัวจรดเท้าก่อนจะถามด้วยความสงสัย
“หะ… ห้องของฉันเครื่องทำน้ำอุ่นมันไม่ทำงาน ฉะ… ฉันก็เลยมายืมห้องน้ำของนายใช้นิด ๆ หน่อย ๆ …” เธอหลบสายตาของเซียวเฟิงด้วยการก้มหน้าลงต่ำขณะพูด
“อาบน้ำเย็นมันก็ถือว่าเป็นการอาบน้ำไม่ใช่หรือไงน่ะ? แค่เครื่องทำน้ำร้อนใช้งานไม่ได้มันจะเป็นอะไรไป? แล้วถึงจะเป็นอย่างที่เธอว่า ทำไมเธอไม่ไปใช้ห้องน้ำของลูกพี่ลูกน้องเธอแทน?” เซียวเฟิงหมดคำพูดหลังพบว่าหลิวเฉียงเหว่ยนั้นเริ่มทำตัวเหมือนเซียวหลิงขึ้นมาทุกที อย่างครั้งนี้เธอก็แอบเข้าห้องของเขาโดยไม่ขออนุญาต ดูเหมือนว่าต่อจากนี้เซียวเฟิงคงจะต้องล็อกห้องไว้ซะแล้ว
“น้ำเย็นที่ว่านั่นมันแทบจะเป็นน้ำแข็งเลยนะ จะให้ฉันอาบแบบนั้นได้ยังไงกัน? ส่วนจิ๋งจิ๋ง… ฉันทะเลาะกับเธออยู่…” หลิวเฉียงเหว่ยแอบเหลือบมองเซียวเฟิงขณะพูดด้วยเสียงเบา
“ลืม ๆ มันไปซะ ฉันไม่สนใจแล้ว ตอนนี้ฉันจะล็อกอินเกม ออกไปจากห้องฉันได้แล้ว” เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกรำคาญกับท่าทีของเธอจนขี้เกียจจะพูดต่อ
“อืมมม… สมาชิกกิลด์มิดซัมเมอร์ของฉันเคยทำไม่ดีกับนายก่อนหน้า ถ้ายังไงฉันต้องขอโทษนายแทนพวกเขาด้วยนะ”
หลิวเฉียงเหว่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวขอโทษเซียวเฟิงขึ้นมา เมื่อตอนที่พวกเธอและเขาเปิดทางเข้าดันเจี้ยนสุสานนายพลได้นั้น เหล่าผู้เล่นจากมิดซัมเมอร์ต่างก็พากันทำตัวไม่เชื่อฟังและหยามเกียรติเซียวเฟิงอยู่หลายครั้ง ครั้งนั้นหลิวเฉียงเหว่ยไม่สามารถพูดอะไรได้มาก ดังนั้นตอนนี้พอจะมีโอกาสจึงใช้มันกล่าวขอโทษแทน
“ไม่เป็นไร”
เซียวเฟิงที่กำลังนอนอยู่บนเตียงและสวมหมวกเล่นเกมตอบกลับโดยไม่ได้ใส่ใจอะไร
“อืม…” แต่ถึงอย่างนั้นหลิวเฉียงเหว่ยก็ยังดูลังเล
“เธอหมดธุระแล้วหรือยัง? ถ้าหมดแล้วก็ช่วยออกไปแล้วปิดประตูให้ฉันด้วย” เซียวเฟิงพูดเชิงเร่งเร้า และไม่อยากพูดให้มากความกว่านี้ เพราะเกมกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
หญิงสาวมองไปยังแสงสัญญาณต่าง ๆ ที่หมวกใบนั้นที่แสดงให้เห็นว่าตัวเซียวเฟิงเข้าไปในโลกของเกมแล้ว ก่อนจะมองลงมายังเรือนร่างเบื้องล่างของตนเองที่ถูกผ้าเช็ดตัวปกคลุมเอาไว้พร้อมกับถอนหายใจ และเดินออกจากห้องไปโดยที่ไม่ลืมสวมรองเท้าแตะของตนกลับไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เดินไปถึงประตู หลิวเฉียงเหว่ยก็วกกลับมาอีกรอบ เธอยืนอยู่ข้าง ๆ เตียงเซียวเฟิงและครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจค่อย ๆ เลิกเสื้อยืดของเขาขึ้นเล็กน้อย และวางมือลงไปที่หน้าท้องแบนราบนั้น ความรู้สึกเย็น ๆ ที่ส่งผ่านมาจากการสัมผัสมันทำให้เธอหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อยและสามารถเดินออกจากห้องไปได้ด้วยความพึงพอใจ