Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 299 กุญแจผนึกเคล้าฝุ่น
บทที่ 299 กุญแจผนึกเคล้าฝุ่น
บทที่ 299 กุญแจผนึกเคล้าฝุ่น
“โรส…” มิดซัมเมอร์ฝ่ายขายทวนชื่อนั้นซ้ำ ก่อนจะแสดงท่าทีราวกับว่าได้ยินอะไรผิดหูมา ก็เพราะชื่อนั้นมันเป็นชื่อของหัวหน้ากิลด์ของเขาไม่ใช่เหรอ? นอกจากนี้ยังเป็นชื่อของเทพธิดาของทุก ๆ คนในกิลด์มิดซัมเมอร์ด้วย!
“พี่ชาย อย่ามาล้อเล่นจะดีกว่าน่า!” สีหน้าของมิดซัมเมอร์ฝ่ายขายดูจะเลวร้ายขึ้นมาในทันที น้ำเสียงของเขามันไม่สุภาพอีกต่อไปแล้ว เขาส่งข้อความส่วนตัวไปหาสายตรวจมิดซัมเมอร์ที่ลาดตระเวนอยู่แถวนี้ไปพร้อม ๆ กันด้วย
ที่นี่คือเมืองเทียนหลง! ฐานที่ตั้งของมิดซัมเมอร์กิลด์ ที่ซึ่งเป็นกิลด์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในฟากใต้! เขาจะไม่ยอมให้ใครก็ตามมาก่อความวุ่นวายที่นี่แน่!
ในสายตาของเขา การที่เซียวเฟิงไม่มีชื่อผู้เล่นแสดงให้เห็นบนหัว มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่อีกฝ่ายอาจจะเป็นผู้เล่นตัวปัญหาก็ได้
“ไม่ได้ล้อเล่นสักหน่อย…” เซียวเฟิงไม่ได้อยากจะสู้เลย แต่ตอนนั้นเอง หลิวเฉียงเหว่ยที่เขากดโทรค้างไว้ก็รับสายพอดี ก่อนที่เขาจะต้องอธิบายอะไรเพิ่ม
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
เสียงที่สูงส่งและน่าภิรมย์ใจราวกับเป็นเสียงของนางฟ้าดังออกมา นั่นเพราะมันเป็นเรื่องที่หาได้ยากที่เซียวเฟิงจะเป็นฝ่ายโทรหาเธอก่อน นอกจากนี้เซียวเฟิงยังไม่ใช่คนที่ประเภทที่จะกดโทรหาเธอโดยที่ไม่มีเรื่องอะไรด้วย ดังนั้นแต่ละครั้งที่เขาโทรหา นั่นหมายถึงจะต้องมีเรื่องสำคัญบางอย่างแน่ ๆ เพราะงั้นหญิงสาวจึงถามด้วยความสงสัยเล็กน้อย
แต่นี่เองก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้หลิวเฉียงเหว่ยค่อนข้างหน่ายใจเหมือนกัน ในรายชื่อเพื่อนของเธอนั้นมีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่พยายามจะเข้ามาคุยกับเธอโดยใช้ธุรกิจมาเป็นข้ออ้าง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่กล้าเปิดเผยออกมาโดยตรง แต่ก็สามารถรับรู้ได้ถึงเจตนาที่แอบซ่อนอยู่ภายในนั้น แต่อย่างไรก็ตาม ในฐานะของหัวหน้ากิลด์มิดซัมเมอร์ เธอทำได้เพียงพูดด้วยในแบบที่ธุรกิจควรเป็น แม้จะอยากลบเพื่อนคนเหล่านี้ทิ้งไปเหมือนผู้เล่นหญิงคนอื่น ๆ ที่ทำกัน เธอก็ไม่สามารถทำได้
หลิวเฉียงเหว่ยปล่อยข่าวออกไปว่า เธอกับเซียวเฟิงนั้นกำลังคบหากันอยู่ให้เหล่าผู้เล่นระดับสูงของแต่ละกิลด์รู้ ทั้งนี้ก็เพื่อลดการคุกคามจากเหล่าผู้เล่นระดับสูงพวกนี้ เพราะยังไงเสียก็ไม่มีใครคนไหนในเขตฮัวเซียที่กล้าคุกคามผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงของเจ้าแห่งฮีลเลอร์แน่นอน…
ถึงแม้ว่าจะกระจายข่าวออกไปแบบนั้น เซียวเฟิงเองก็ยังไม่รู้ ตัวเขานั้นยังไม่เคยคุกคามเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว อย่าว่าแต่คุกคามเลย พูดจาหรือทำตัวเจ้าชู้ใส่ก็ยังไม่เคยเลยด้วยซ้ำ สิ่งนี้มันจึงทำให้หลิวเฉียงเหว่ย แอบไม่พอใจอยู่นิดหน่อยไม่ว่าเธอจะสูงส่งขนาดไหนก็ตาม
เธอรีบถามเซียวเฟิงกลับไปอย่างรวดเร็วเมื่อรับสาย นั่นเพราะคิดว่าเขาต้องกำลังมีเรื่องสำคัญให้ช่วย
“ฉันถูกผู้เล่นของกิลด์เธอที่ชื่อมิดซัมเมอร์ฝ่ายขายรั้งตัวไว้ ช่วยบอกให้เขาปล่อยตัวฉันไปทีสิ”
หลังจากที่เธอฟังสิ่งที่เซียวเฟิงได้ไม่นาน เสียงจากระบบก็บอกเธอว่าสายถูกตัดไปโดยอีกฝ่าย ซึ่งทำเอาปากที่เพิ่งอ้าขึ้นมาของหลิวเฉียงเหว่ยไม่ทันได้พูดอะไรทั้งสิ้น เธอทำได้เพียงเปิดแชตกิลด์ขึ้นมาเท่านั้น
“พี่ชาย มิดซัมเมอร์ของพวกเราไม่ใช่อะไรที่พี่จะมาทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการนะ เพราะงั้นขอความกรุณาออกจากเขตนี้ไปด้วย”
มิดซัมเมอร์ฝ่ายขายพูดด้วยแววตาเยือกเย็น เขาเริ่มจะแข็งกร้าวกับเซียวเฟิงแล้ว เพราะเขามองว่าเซียวเฟิงกำลังกล่าววาจาล่วงเกินโรส ผู้เป็นหัวหน้าของกิลด์อยู่ สิ่งนี้ถือเป็นสิ่งต้องห้ามที่สมาชิกกิลด์ทุกคนต่างตระหนักกันได้ดี
ทว่าก่อนที่เขาจะได้ฟังเซียวเฟิงพูดอะไรเพิ่ม มิดซัมเมอร์ฝ่ายขายก็ต้องแข็งทื่อไปทั้งตัว นั่นเพราะเขาได้รับข้อความส่วนตัวมาจากช่องแชตกิลด์
และเมื่อเห็นว่าใครเป็นผู้ส่งข้อความ มันก็ยิ่งทำให้เขาตกใจจนต้องตาเบิกกว้างมากขึ้นไปอีก นั่นเพราะเจ้าของข้อความเหล่านั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นผู้ที่มีระดับสูงที่สุดในกิลด์อย่างหัวหน้าโรส!
“ปล่อยเขาไป”
ภายในช่องแชตนั้นมีเพียงข้อความที่มีสามพยางค์นี้เท่านั้น แต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้มิดซัมเมอร์ฝ่ายขายไม่สามารถระงับอาการตื่นเต้นไว้ได้ เพราะนี่เป็นข้อความส่วนตัวจากผู้เป็นหัวหน้ากิลด์ แถมเธอคนนั้นยังเป็นเทพธิดาอันดับ 1 ของเขตอีก!
“สหาย! เป็นความผิดของฉันเอง! นายรู้จักท่านหัวหน้าจริง ๆ ด้วย! เชิญเลย ทำตัวตามสบาย!”
ทันใดนั้น มิดซัมเมอร์ฝ่ายขายก็รีบเข้าไปขอโทษขอโพยเซียวเฟิง พร้อมกับเปิดทางให้เขาด้วยความสุภาพเหมือนก่อนหน้า แม้จะไม่ได้ตั้งใจแต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันมองเซียวเฟิงอีกรอบ ผู้เล่นที่ไม่ได้เป็นบุคคลพิเศษ ไม่มีชื่อกิลด์แถมยังซ่อนกระทั่งชื่อของตัวเองแบบนี้ กลับทำให้ท่านหัวหน้าถึงกับมาพูดกับเขาด้วยตนเอง คนคนนี้คือใครกันนะ? พวกปรมาจารย์ที่ทำตัวติดดินเหรอ?
เซียวเฟิงไม่ได้พูดอะไร เขาเดินผ่านกลุ่มคนที่กำลังเก็บวัตถุดิบไปเงียบ ๆ เพื่อตรงไปยังทะเลสาปมู่กวางที่อยู่ ณ กลางป่ามู่กวางอย่างเร็วที่สุด
แต่แล้วมิดซัมเมอร์ฝ่ายขายก็ต้องแข็งไปทั้งตัวอีกครั้ง เมื่อเขาได้รับข้อความส่วนตัวมาจากหัวหน้ากิดล์มิดซัมเมอร์อีก
“แอบตามเขาไปให้ดี เขาจะต้องไปสักที่หนึ่งที่ไม่ธรรมดาแน่ ๆ ดูว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วมารายงานให้ฉันฟังด้วย”
ภารกิจที่ได้รับมอบหมายนี้มันทำให้เขาช็อกเสียยิ่งกว่าเดิมเสียอีก นั่นเพราะบริเวณแห่งนี้เป็นเพียงแม็ปทั่ว ๆ ไป ที่ไม่ควรจะมีอะไรให้สนใจเลยแท้ ๆ แต่ปรมาจารย์ลึกลับคนนั้นกลับมุ่งหน้าเข้ามาที่นี่ แถมตอนนี้หัวหน้ากิลด์คนสวยเองก็ยังพูดว่าที่นี่มีอะไรพิเศษอีก
…
ตั้งแต่ที่ป่ามู่กวางแห่งนี้ถูกยึดและกลายเป็นพื้นที่เก็บเกี่ยวของกิลด์มิดซัมเมอร์ มันก็ทำให้ภายในป่ามู่กวางยาวไปจนถึงทะเลสาปมู่กวาง ไม่มีผู้เล่นคนอื่นปรากฏตัวให้เห็นเลย
ทะเลสาปมู่กวางนี้ยังคงดูศักดิ์สิทธิ์ดังเดิม ภายใต้ทะเลสาปแห่งนี้ดูเหมือนจะเปล่งแสงออกมาอยู่ตลอดเวลา อันที่จริงน้ำจากที่นี่ก็สามารถทำให้ผู้เล่นสามารถเพิ่มพลังชีวิตได้ด้วยหากดื่มมันเข้าไป แต่โชคร้ายมันไม่สามารถตักออกไปได้ เนื่องจากเมื่อน้ำเหล่านี้ออกจากแหล่งที่อยู่ของมัน ผลการรักษาก็จะหายไปเช่นกัน
เซียวเฟิงคิดว่ามันน่าจะเกี่ยวของกับเทวรูปที่อยู่ด้านใต้ทะเลสาปนี้แน่ ๆ และการที่บริเวณรอบ ๆ นี้มีต้นชีหยางเติบโตเยอะจนกลายเป็นป่าชีหยางได้ ก็น่าจะเป็นเพราะเทวรูปนี่ด้วยเช่นกัน
เขาไม่รอช้าที่จะกระโดดลงไปในทะเลสาปนั้นทันที ร่างของเขาดำดิ่งลงไปยังก้นทะเลสาปอย่างรวดเร็วเพราะไม่ได้มีทักษะว่ายน้ำอะไรติดตัวมาเลย หลอดแสดงความอึดอัดเริ่มลดลงแล้ว แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรนัก นั่นเพราะทะเลสาปแห่งนี้ไม่ได้ลึก หากเป็นทะเลคงจะเสี่ยงตายมากกว่านี้…
ที่ด้านใต้ทะเลสาปก็ยังคงเหมือนเดิมดังที่เซียวเฟิงเคยมาครั้งสุดท้าย มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย แม้แต่ร่องรอยของแผ่นหินสำหรับเคลื่อนย้ายก็ยังคงไว้ดังเดิมไม่มีผิดเพี้ยน แสดงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่นี่ไม่ได้มีใครลงมาแอบซ่อมแซมมันเลยจริง ๆ
คำพูดของอาร์คบิชอปเรนัลด์เกี่ยวกับแผ่นหินสำหรับเคลื่อนย้ายพวกนี้มันลอยกลับเข้ามาในหัวของเซียวเฟิงอีกรอบ เรื่องที่อีกฝ่ายบอกไว้ว่าแผ่นหินพวกนี้เป็นของโบราณและไม่ได้ใช้เพื่อเคลื่อนย้ายผู้คน หากแต่ใช้สำหรับเคลื่อนย้ายสิ่งของหรือสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่มีพลังแก่กล้าต่างหาก และบริเวณใกล้เคียงกับจุดที่มันปรากฏอยู่นี้ เทวรูปตรงหน้า ดูจะตรงกับเงื่อนไขที่สุดแล้ว
ยิ่งเข้าใกล้ก้นทะเลสาปมากขึ้นเท่าไหร่ ความรู้สึกกดดันก็เริ่มก่อตัวห้อมล้อมเซียวเฟิงไว้หนักแน่นขึ้นเท่านั้น ราวกับว่าชายหนุ่มกำลังถูกบางสิ่งบางอย่างที่อันตรายมาก ๆ จ้องมองอยู่ตลอดเวลา แต่เพราะก่อนหน้านี้เซียวเฟิงเคยรู้สึกแบบนี้มาแล้ว เพราะงั้นจึงไม่ได้สนใจมันและดิ่งลงสู้ใต้ทะเลสาปไปโดยตรง ที่นั่น…เทวรูปขนาดใหญ่ยังตั้งตระหง่านอยู่ในหลุมเช่นเดิม
มันเป็นรูปปั้นเทวรูปผู้ชายที่ตัวสูงแม้จะกำลังคุกเข่าอยู่ในหลุมที่ก้นทะเลสาป มือหนึ่งของมันยื่นออกไปเหนือหัวราวกับจะไขว่คว้านภาลัยเอาไว้ สีหน้าของมันแสดงให้เห็นถึงความไม่ยอมแพ้อย่างชัดเจน
ที่ด้านหลังเทวรูปมีปีกหลายคู่ที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยโคลนดำและพันธนาการไว้ราวกับไม่ให้ขยับไปไหน ดาบขนาดใหญ่เองก็ถูกโคลนดำเหล่านี้ห่อหุ้มไว้ด้วยเช่นกัน จะดูประหลาดตาหน่อยก็ตรงที่ดาบห่อโคลนเล่มนี้ ถูกปักลงที่กลางอกของเทวรูปและตรึงร่างนี้ไว้กับก้นทะเลสาป เสมือนว่ามันไม่ใช่รูปปั้นเสียอย่างนั้น แล้วถ้าหากมันไม่ใช่รูปปั้น…แสดงว่านี่มันคือการต่อสู้ที่รุนแรงมาก…
พลังงานปริศนาที่กระจายไปทั่วก้นทะเลสาปแห่งนี้คอยผลักให้เหล่าน้ำและตะกอนที่อยู่เบื้องล่างทะเลสาปลอยออกไปโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เทวรูปตนนี้ ยิ่งเดินเข้าใกล้ตัวรูปปั้นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงแรงผลักที่มากขึ้นเท่านั้น
แต่เพราะครั้งนี้เซียวเฟิงตั้งใจที่จะมาตรวจสอบเทวรูปตนนี้โดยเฉพาะ ดังนั้นเขาจะไม่ยอมถอยกลับเพียงเพราะแรงกดดันพวกนี้แน่ ๆ ย้ำจุดมุ่งหมายของตัวเองได้แล้วเซียวเฟิงก็มุ่งหน้าตรงเข้าไปยังจุดศูนย์กลางของแรงผลักเหล่านี้ต่อในทันที
ซู่ม!
ทว่าเพียงแค่เดินเฉียดเข้าไปใกล้จุดศูนย์กลางของแรงผลัก แสงสว่างก็ปรากฏขึ้นมาห่อหุ้มบริเวณนั้นเอาไว้และผลักเซียวเฟิงให้กระเด็นออกโดยเร็ว
“เขตเวทมนตร์งั้นเหรอ?”
อาณาเขตเวทมนตร์เหล่านี้ไม่ใช่สิ่งใหม่สำหรับเซียวเฟิงสักเท่าไหร่ นั่นเพราะมหาปราสาทใต้พิภพทั้งเจ็ดชั้นเองก็มีสิ่งเหล่านี้อยู่เช่นกัน ไม่ว่าจะด้วยแสงหรือลักษณะ มันเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน
ด้วยพลังของอาณาเขตเวทมนตร์นี้เองที่ทำให้น้ำและก้นทะเลสาปถูกแยกออกจากกัน แทนที่ด้วยพื้นที่สุญญากาศเช่นนี้ ตัวเซียวเฟิงไม่สามารถสัมผัสอาณาเขตนี้ได้ เมื่อใดที่เขาสัมผัส ร่างของตัวเองก็จะถูกผลักออกมาด้วยพลังอันมหาศาล นี่มันไม่ต่างกับตอนที่เจอในปราสาทใต้พิภพจริง ๆ
“มันมีภารกิจที่ต้องทำก่อนถึงผนึกนี่จะสลายเหรอ? แล้วถ้าทำภารกิจนั้นเสร็จแล้ว เวิลด์บอสจะถูกกระตุ้นขึ้นมาด้วยหรือเปล่า?”
ข้อสันนิษฐานมากมายถูกตั้งขึ้นขณะที่เขาค่อย ๆ เดินสำรวจพื้นที่โดยรอบนี้ด้วยความระมัดระวัง จนกระทั่งที่อีกฝั่งหนึ่งของตราผนึก เขาก็เจอบางสิ่งบางอย่างเข้า
“นี่คือ…”
แม้ว่าผนึกนี้จะครอบคลุมบริเวณแถวนี้ไว้จนหมด แต่จุดที่เซียวเฟิงยืนอยู่ กลับมีบางสิ่งบางอย่างที่คล้ายรูกุญแจปรากฏให้เห็นอยู่
“เดี๋ยวก่อนนะ!?”
เขามองรูกุญแจนั้นแล้วเริ่มรู้สึกคลับคล้ายคลับคลามันขึ้นมาหลังเวลาผ่านไปสองสามนาที หัวคิ้วของเขาแทบจะชนกันหลังนึกอะไรขึ้นมาได้ เซียวเฟิงไม่รอช้าที่จะเปิดกระเป๋าของเขาออกมา จากนั้นก็รื้อค้นในช่องเก็บของภายในแหวนอวกาศแล้วหาต่อ
ในที่สุดเขาก็เจอไอเทมฝุ่นเขรอะชิ้นหนึ่งอยู่ที่มุมนั้น
กุญแจผนึก (ซ้าย)
เอกลักษณ์ : มีโอกาสดร็อปได้จากพาลาดินเกิดใหม่เท่านั้น
เอฟเฟกต์ : ปลดผนึกอาณาเขตเวทมนตร์
เซียวเฟิงได้สิ่งนี้มาจากเมื่อครั้งที่ยังอยู่ในหมู่บ้านเริ่มต้น และเก็บเลเวลอยู่ในดันเจี้ยนทั่ว ๆ ไป ตอนนั้นชายหนุ่มคิดว่าสิ่งนี้น่าจะมีประโยชน์ เพราะงั้นก็เลยเก็บมันเอาไว้ แต่ตลอดมาตัวเองก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะใช้มันกับอะไรจนแม้จะเปลี่ยนคลาสเป็นคลาสที่ 2 แล้วก็ตาม
นี่ไม่น่าจะใช่เรื่องบังเอิญแน่ ๆ เซียวเฟิงรีบนำกุญแจผนึก (ซ้าย) ดอกนั้นไปลองเทียบกับรูกุญแจของอาณาเขตเวทมนตร์ดูแล้วก็ต้องตกใจเมื่อมันเข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ!
เท่านี้ก็ชัดเจนแล้วว่ากุญแจนี่คือไอเทมที่ใช้สำหรับปลดผนึกอาณาเขตเวทมนตร์ตรงหน้านี้!
แต่โชคก็ไม่ได้ช่วยเขาซะทีเดียว เพราะเซียวเฟิงมีกุญแจเพียงฝั่งเดียว ถ้าหากยังหากุญแจของอีกฝั่งหนึ่งไม่เจอ ก็ยังใช้มันไม่ได้
“อย่าบอกนะว่าฉันจะต้องกลับไปที่หมู่บ้านเริ่มต้นแล้วฟาร์มเอาจากดันเจี้ยนนั้นน่ะ…”
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พลางจับคางตนเองไปด้วย ในเมื่อกุญแจฝั่งซ้ายดร็อปมาจากพาลาดินเกิดใหม่ แล้วในดันเจี้ยนนั้นก็มีสังฆราชเกิดใหม่อยู่ด้วยเหมือนกัน เป็นไปได้ไหมว่ากุญแจจะแยกกันอยู่ ดอกหนึ่งอยู่กับพาลาดินเกิดใหม่ ส่วนอีกดอกหนึ่งอยู่กับสังฆราชเกิดใหม่?
เมื่อคิดได้ดังนั้น เซียวเฟิงก็รีบออกจากก้นทะเลสาปนี้ไปทันที เพราะอยู่ต่อไปชายหนุ่มก็ไม่รู้จะทำยังไงกับอาณาเขตเวทมนตร์นี้อยู่ดี เบาะแสเดียวของตัวเองตอนนี้อยู่ที่หมู่บ้านเริ่มต้น หลังจากคิดทบทวนดีแล้ว เขาจึงตัดสินใจที่จะกลับไปยังหมู่บ้านเริ่มต้นก่อน ยังไงเสียวันนี้เขาก็ยังไม่ได้เข้าไปพิชิตดันเจี้ยนที่ไหน จึงยังสามารถลงดันเจี้ยนได้สองครั้งด้วยผลของแหวนแห่งชะตากรรม
“ฟู่!”
ทันทีที่ขึ้นมาจากทะเลสาป เซียวเฟิงก็หายใจเข้าเฮือกใหญ่ เขาหยิบเอาใบวาร์ปมาใช้เพื่อจะกลับไปยังเมืองเทียนหลงให้เร็วที่สุด จากนั้นก็ใช้จุดเทเลเพอร์ตภายในเมืองเทียนหลง เพื่อกลับไปยังเมืองเริ่มต้นอีกทีหนึ่ง
[ยินดีต้อนรับสู่ หมู่บ้านเริ่มต้นที่ 9191]
ยามเมื่อแสงสว่างสลายตัวไป ภาพตรงหน้าของเซียวเฟิงก็กลายเป็นหมู่บ้านที่เขาเข้ามาเห็นเป็นครั้งแรกเมื่อเข้ามายังโลกของเกมเรียบร้อยแล้ว
หมู่บ้านเริ่มต้นในวันนี้ แตกต่างกับเมื่อตอนที่เขายังเป็นมือใหม่มากยิ่งนัก ความครึกครื้นของผู้คนแทบจะไม่เหลือให้เห็นอยู่เลย คงจะเป็นเพราะผู้เล่นในช่วงนั้นส่วนใหญ่ต่างก็เริ่มจะวุ่นอยู่กับการเปลี่ยนคลาสที่ 2 กันหมดแล้ว มันจึงกลายเป็นเรื่องแปลกตาหากจะยังเห็นคนอยู่ในหมู่บ้านเริ่มต้นอยู่
ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าที่แห่งนี้จะกลายเป็นเมืองร้างเสียทีเดียว นั่นเพราะมันยังสามารถเห็นผู้เล่นสูงวัยเดินไปมาอยู่รอบ ๆ นี้ได้ ยังไงเสียบรรยากาศสิ่งแวดล้อมในเกมก็สวยงามยิ่งกว่าโลกจริง ๆ อยู่แล้ว ผู้เล่นบางส่วนจึงเลือกเอาช่วงบั้นปลายชีวิตของตนมาใช้ไปกับการชื่นชมความงดงามและเงียบสงบภายในหมู่บ้านเริ่มต้นนี้เพื่อเป็นการพักผ่อนแทน
นอกจากนี้ เซียวเฟิงยังสามารถพบเห็นผู้เล่นบางคนที่สวมชุดเริ่มต้นกำลังไล่ทำภารกิจอยู่ด้วย คนพวกนี้น่าจะเป็นคนที่เพิ่งเริ่มเล่นเกม ถึงแม้ว่ามิธจะถือเป็นเกมที่ยอดนิยมก็จริง แต่มันก็ไม่ได้ครอบคลุมไปเสียทุกอย่าง ยังมีผู้คนอีกมากมายที่ยังไม่ว่างหรือไม่มีเวลาที่จะเล่นในตอนแรก ๆ และเพิ่งมาเล่นในตอนนี้ให้เห็นอยู่ได้เรื่อย ๆ
เซียวเฟิงไม่ได้อ้อยอิ่งชมบรรยากาศที่นี่มากนัก ชายหนุ่มรีบเรียกเสี่ยวเสวียออกมาแล้วมุ่งหน้าสู่ดันเจี้ยนในแผนที่นี้ด้วยความเร็วสูงสุดทันที