Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 375 องค์ลง
บทที่ 375 องค์ลง
บทที่ 375 องค์ลง
หลิวเฉียงเหว่ยเพิ่งจะกลับมาตอบสนองหลังจากตกใจกับฉากที่เซียวเฟิงเอาชนะฉิงเอ๋อได้ในพริบตา หลังจากได้ยินคำถามของเซียวเฟิง เธอก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ยืนนิ่งอย่างเย็นชาในขณะที่จ้องมองเซียวเฟิงจากมุมตาของเธอ
“พี่ลืมไปแล้วเหรอ? ก่อนที่พี่จะหายตัวไป ตระกูลของพวกเราได้จัดความสัมพันธ์เชื่อมตระกูลให้พี่ด้วย” จางเสี่ยวหยูเรียกความจำ
“ใช่ ฉันจำได้นิดหน่อย เดี๋ยว อย่าบอกนะว่าเป็นเธอ?” เซียวเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็เกิดปฏิกิริยาตอบสนอง เบิกตากว้างและชี้ไปที่หลิวเฉียงเหว่ย
“ใช่ เมื่อชิชูซูน้อยมาเยือน เธอพบว่าเสน่ห์พิเศษของพี่หลิวเหมาะกับพี่มาก ดังนั้นเธอจึงจัดการเชื่อมความสัมพันธ์นี้ให้กับพี่” จางเสี่ยวหยูพยักหน้า
เซียวเฟิงชะงัก เขาตกใจและสติหลุดลอยไปนาน เขามองไปที่หลิวเฉียงเหว่ยอย่างงุนงงแล้วมองไปที่จางเสี่ยวหยู
“ตระกูลที่เธอบอกคือตระกูลจาง? แล้วคนตายก็คือฉันเหรอ?” เซียวเฟิงมองไปที่หลิวเฉียงเหว่ยด้วยความงุนงง
“ฉันไม่รู้ว่าคนคนนั้นคือนาย จนกระทั่งไม่กี่วันก่อน” หลิวเฉียงเหว่ยไร้ความรู้สึก ไม่เห็นอารมณ์ใด ๆ จากใบหน้าของเธอ
“ตระกูลจางบังคับให้เธอเป็นเครื่องสังเวยที่มีชีวิตไม่ใช่หรือ?” เซียวเฟิงหันไปหาจางเสี่ยวหยูอีกครั้ง
“ชิชูซูน้อยเป็นผู้ทรงเกียรติ กิจการตระกูลที่เธอมอบหมายจะต้องดำเนินการตามนั้น แต่เนื่องจากพี่หายไป พวกเขาก็ทำได้แค่แต่งงานจำลองเท่านั้น พวกเขาไม่เคยคิดจะสังเวยชีวิต บางทีคนที่ส่งข้อความอาจทำพลาดและสื่อว่าเป็นการแต่งงานผี” จางเสี่ยวหยูอธิบาย
“อะไรนะ? หมายความว่าเธอเป็นคู่หมั้นของฉันจริง ๆ เหรอ?” เซียวเฟิงเกาหัวของเขา
หลิวเฉียงเหว่ยไม่ได้ตอบ สีหน้าของเธอเย็นชาไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ จางเสี่ยวหยูพยักหน้าเพื่อยืนยัน ฉิงเอ๋อมองหลิวเฉียงเหว่ย คิงคอง สาวน้ำแข็ง และสาวไฟที่ด้านหลังก็มองหลิวเฉียงเหว่ยเช่นกัน
หลังจากที่ หลิวเฉียงเหว่ยกลายเป็นคู่หมั้นของเซียวเฟิงแล้ว พวกเขาต้องจดจำผู้หญิงคนนี้…
“นายมีอะไรจะพูดไหม?” ในที่สุดหลิวเฉียงเหว่ยก็พูดพร้อมทำหน้าตายและถามเซียวเฟิง แต่มุมปากของเธออดไม่ได้ที่จะยกโค้งขึ้นเล็กน้อย
“มันไม่ใช่เรื่องของเธอ! รีบไปเตรียมมื้อเที่ยงกันเถอะ เธอไม่เห็นหรือไงว่าน้องสาวของฉันมาที่นี่น่ะ?” เซียวเฟิงเกาศีรษะด้วยอาการปวดหัวอย่างรุนแรง หลังจากที่ได้ยินคำถามของเธอ เขากล่าวอย่างไม่พอใจ
“ได้สิ”
หลิวเฉียงเหว่ยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง จากนั้นจึงหันหลังกลับเข้าไปในวิลล่า อย่างไรก็ตาม หลังจากหันหลังกลับมา มุมปากของเธอก็ยกขึ้นเล็กน้อย
“เข้ามาสิ หลังกินข้าวแล้วเรามาคุยกัน” เซียวเฟิงก็บอกกับจางเสี่ยวหยู
“อื้ม”
จางเสี่ยวหยูพยักหน้าและพาฉิงเอ๋อเข้าไปในวิลล่า ขณะที่เดินผ่านเซียวเฟิง ฉิงเอ๋อก็โค้งคำนับให้เซียวเฟิงเล็กน้อย จากนั้นก็เดินต่อไปโดยหลับตาลง
“คิงคองไปกับสาวน้ำแข็งและสาวไฟ เข้าสู่โลกของเกมและสร้างตัวซะ” เซียวเฟิงหันไปหาคิงคองและออกคำสั่ง
“ครับนายท่าน!” คิงคองพยักหน้าและตอบด้วยเสียงอู้อี้ต่ำ ๆ
“สาวน้ำแข็ง สาวไฟ โกสต์กลับไปฝั่งตะวันตกด้วยเหตุผลบางอย่าง พาพวกอยู่ในฮัวเซียและผู้คนของเฮลไปพัฒนาตัวเองในโลกของเกมก่อน ถ้ามีอะไรขาดหายไปก็บอกฉัน” เซียวเฟิงพูดกับสาวน้ำแข็งและสาวไฟ
“ค่ะ! คุณผู้หญิงช่วยเราไว้มาก ไม่มีอะไรขาดหายไป ทุกอย่างอยู่ในโรงแรม และเราก็ชอบโลกของเกมมากเช่นกันค่ะ” สาวน้ำแข็งพยักหน้า น้ำเสียงของเธอเย็นชา แต่นี่เป็นเพียงแค่บุคลิกของเธอ
“คุณผู้หญิง?” เซียวเฟิงชะงัก
“โรส…หัวหน้ากิลด์มิดซัมเมอร์ไงคะ” สาวน้ำแข็งและสาวไฟชำเลืองมองกัน เพื่อยืนยันว่าพวกเธอไม่ได้พูดอะไรผิดก่อนจะตอบ
“เวร… เรียกเธอว่าหัวหน้ากิลด์ดีกว่านะ” เซียวเฟิงเริ่มปวดหัวอีกครั้ง
“รับทราบ!” สาวน้ำแข็งตอบอย่างเย็นชา
“ท่านดาร์ค ท่านโกสต์วได้บอกไหมคะว่าเมื่อไหร่เธอจะกลับมา?” สาวไฟที่มีอารมณ์มากกว่า และถามหลังจากครุ่นคิดแล้ว
“ไม่ได้บอก” เซียวเฟิงส่ายหัว
“เข้าใจแล้วค่ะ จากนี้ไป สมาชิกของเฮลทั้งหมดจะติดตามนายท่านไปจนตาย!” สาวไฟพยักหน้าและพูดกับเซียวเฟิง
“ฉันจะไม่จำกัดอิสรภาพของพวกเธอหรอกนะ ถ้าใครจะไปก็บอกฉันได้ทุกเมื่อ รวมทั้งตัวเธอด้วย” เซียวเฟิงส่ายหัว
สาวน้ำแข็งและสาวไฟมองหน้ากันและไม่พูดอะไรอีก คิงคองก็เช่นกัน แต่เขามองที่เซียวเฟิงอย่างหนักแน่นมากขึ้นเพื่อแสดงความตั้งใจของเขา
“เอาล่ะ ตอนนี้พวกเธอไปได้แล้ว มีอย่างอื่นเหลือให้เธอทำอีก หลังจากซื้อหมวกเกมให้คิงคองแล้ว พวกเธอจะต้องพาคิงคองไปเก็บเลเวลด้วย เขายังมีเลเวล 0 อยู่” เซียวเฟิงโบกมือ
“รับทราบ!”
ทั้งสามคำนับพร้อมกัน แล้วกลับไปที่โรงแรมรีสอร์ทที่เนินเขา
ในที่สุดเขาก็จัดแจงเรื่องเฮลแล้ว เซียวเฟิงถูขมับของเขาและกลับไปที่วิลล่าพร้อมที่จะพบกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่กว่า เพราะยังมีปัญหาที่ใหญ่กว่ารอเขาอยู่ข้างใน มันทำให้เขาปวดหัวเพียงแค่คิดถึงมัน
“นะ… นายท่าน…”
“พี่เซียว! โว้ว! ในที่สุดพี่ก็กลับมา!”
เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น เขาก็เห็นเฉียนโตวโตวและคนอื่น ๆ กำลังเดินมาหาเขา หนิงเคอเค่อเรียกเขาด้วยความตื่นเต้นและประหม่า ในขณะที่เฉียนโตวโตวรีบวิ่งมาทางเซียวเฟิงทันที เหวี่ยงตัวเข้ามาในอ้อมแขนของเขาและร้องไห้แบบเกินจริง
ซือเยี่ยจิ๋งก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน แต่เมื่อเธอเดินไปหน้าเซียวเฟิง เธอบังคับตัวเองให้สงบลง จากนั้นเธอก็กัดริมฝีปากล่างของตัวเองเบา ๆ และมองไปที่เซียวเฟิงอย่างเงียบ ๆ
“โอเค ฉันกลับมาแล้ว อย่าเพิ่งวุ่นวาย ไปกินข้าวกันก่อน” เซียวเฟิงดันเฉียนโตวโตวออกและบอกกับทั้งสาม อย่างไรก็ตาม หลังจากมองไปรอบ ๆ เขาก็ไม่เห็นเซียวหลิง จากนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เซียวหลิงอยู่ไหน?”
“หา? เมื่อกี้เธอยังอยู่ตรงนี้อยู่เลย?” เฉียนโตวโตวมองไปทางด้านหลังอย่างสงสัย
“พอได้ยินว่านายกลับมา เซียวหลิงก็วิ่งกลับไปที่ห้องเลย” ซือเยี่ยจิ๋งกล่าว เธอก็เห็นเซียวหลิงขึ้นไปชั้นบน แต่ต่อมาเธอก็รู้สึกตื่นเต้นกับการกลับมาของเซียวเฟิงอย่างท่วมท้น
“อืม ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ” เซียวเฟิงเงียบไปครู่หนึ่งโดยไม่พูดอะไรมาก และพาพวกเขาไปที่ห้องอาหาร
ทว่า เมื่อเขามาถึงห้องอาหาร เขาพบว่าสถานการณ์ที่นี่ซับซ้อนกว่า จืออี้กับหลิวเฉียงเหว่ยกำลังนั่งอยู่ทั้งสองฝั่งของที่นั่งหลักและกำลังประชันสายตาของพวกเขา จางเสี่ยวหยูซ่อนตัวอยู่คนเดียวตรงที่นั่งสุดท้าย และแอบมองผู้หญิงสองคนที่กำลังทำสงครามเย็นกัน ขณะที่ฉิงเอ๋อยืนอยู่ข้างหลังจางเสี่ยวหยูโดยกำลังหลับตาเพื่อฟื้นตัว
“พวกเธอกำลังทำอะไรอยู่?”
เซียวเฟิงเดินไปยังที่นั่งหลักและนั่งลง มองดูอาหารกลางวันที่อัดแน่นบนโต๊ะ แต่ก็ยังอารมณ์ไม่ดีและถามสาวสวยทั้งสองที่อยู่ทางซ้ายและขวาของเขา
“ไม่มีอะไร แต่ดูเหมือนว่าจะมีคนไม่ต้อนรับฉัน” จืออี้อ้าปากที่งดงามและได้รับบาดเจ็บของเธอ ขณะมองไปที่เซียวเฟิง
“วิลล่านี้เต็มแล้ว ฉันหวังว่าคนที่ไม่เกี่ยวข้องจะมีจิตสำนึกมากกว่านี้”
น้ำเสียงของหลิวเฉียงเหว่ยเย็นชา และแววตาของเธอก็แปลกไปเช่นกัน
ในเวลานี้เฉียนโตวโตวและซือเยี่ยจิ๋งก็เข้ามา จากนั้นก็นั่งข้าง ๆ ที่นั่งของหลิวเฉียงเหว่ยโดยไม่ลังเล และมองไปที่จืออี้อย่างเย็นชา
เห็นได้ชัดว่าจืออี้ที่เข้ามาในวิลล่าก่อนเซียวเฟิง ต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน
“พี่สาว วันนี้เป็นวันเกิดพี่ชายของฉัน ทำไมไม่กินข้าวก่อนล่ะ?” จางเสี่ยวหยูมองไปรอบ ๆ และรู้สึกถึงจิตสังหารที่อธิบายไม่ได้ ทำให้เธอกระซิบอย่างประหม่า
ทว่าทุกคนเมินคำพูดของเธอ ผู้หญิงสี่คนยังคงจ้องมอง ในขณะที่จืออี้ก็กำลังเผชิญหน้ากับผู้หญิงสามคนพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม แทนที่จะสะดุ้ง เธอกลับยิ้มอย่างมีนัยยะ ราวกับถือไพ่ที่เหนือกว่าอยู่
“พี่ชาย ทำไมพี่ไม่กลับบ้านและหลบซ่อนจากปัญหากับฉันล่ะ?” จางเสี่ยวหยูที่เห็นว่าไม่มีใครตอบเธอ ก็ลอบกลืนน้ำลายแล้วถามเซียวเฟิงอย่างระมัดระวังอีกครั้ง
“มันไม่ใช่เรื่องของเธอ ฉันบอกแล้วว่าฉันจะไม่กลับไป กินข้าวเสร็จแล้วก็ออกจากที่นี่ซะ” เซียวเฟิงกล่าวอย่างไม่อดทน
“อืม”
จางเสี่ยวหยูก้มหน้าลง ตอบด้วยเสียงต่ำและไม่พูดอะไรอีก
“จืออี้! เธอหมายความว่ายังไง?” เฉียนโตวโตวพูดครั้งแรกและถามตรง ๆ
“ก็ไม่ได้หมายความอะไรยังไงหรอก เพราะท่านเซียวทนไม่ได้ที่จะเห็นผู้หญิงอ่อนแออยู่คนเดียวและอยากเก็บฉันไว้…ใช่ไหม? ท่านเซียว?”
น้ำเสียงของจืออี้นั้นอ่อนโยน เธอหันไปหาเซียวเฟิงขณะที่กะพริบตาที่สวยงามเย้ายวนของเธอ และจ้องไปที่เขา
สามสายตาจากด้านซ้ายแทงที่เซียวเฟิงทันที ทำให้เซียวเฟิงอ้าปากของตัวเอง แต่ไม่สามารถพูดอะไรได้ เพราะเขามีแผนที่จะให้จืออี้อยู่ที่นี่
เนื่องจากจืออี้เป็นผู้หญิงของเขา ถ้าเขาปล่อยให้จืออี้อยู่คนเดียวข้างนอก เธอจะต่อต้านตระกูลซีเหมินได้อย่างไร?
“พี่เซียว! นี่มันหมายความว่ายังไง?” เฉียนโตวโตวถามด้วยความโกรธโดยหันหน้าไปทางเซียวเฟิง
“ฉันคิดว่า” เซียวเฟิงแตะจมูกของเขา “วิลล่านี้ก็ใหญ่มาก และน่าจะสามารถอยู่เพิ่มได้อีกหนึ่งคน”
ตึง!
ซือเยี่ยจิ๋งตบโต๊ะอาหารอย่างกะทันหัน ทำให้เกิดเสียงดัง จากนั้นเธอก็พูดด้วยหน้าตายว่า “มีแมลงวันอยู่บนโต๊ะน่ะ”
“บนชั้นสองมีแค่ห้าห้องเท่านั้น และทุกห้องก็มีเจ้าของแล้ว” หลิวเฉียงเหว่ยกล่าว เสียงของเธอเย็นชาและไร้ตัวตน แต่ความหมายที่อยากขับไล่นั้นชัดเจน
“ก็ยังมีห้องน้ำบนชั้นสาม รวมถึงห้องอ่านหนังสือและห้องน้ำชาด้วย…” เซียวเฟิงลังเล
“พี่! ถ้ามีห้องจำนวนมากขนาดนั้น ฉันอยู่ด้วยได้ไหม?” จางเสี่ยวหยูขัดจังหวะเขาก่อนที่จะพูดจบ พร้อมมองเซียวเฟิงอย่างคาดหวัง
“อย่าพูดแทรก! รีบกินและไปให้พ้นหน้าฉันซะ!” เซียวเฟิงรู้สึกหงุดหงิดกับเธอและพูดด้วยความโกรธ
“ก็ได้” จางเสี่ยวหยูก้มหน้าลงอย่างเงียบ ๆ อีกครั้ง
“ฉันนอนห้องเดียวกับท่านเซียวได้นะ ฉันไม่คิดมากหรอก” ดวงตาของจืออี้เย้ายวนเมื่อมองที่เซียวเฟิงอย่างมีเสน่ห์
“แต่เราคิด!” เฉียนโตวโตวอุทาน พวกเธอไม่มีใครได้โอกาสนี้!
“ฮึ่ม! หญิงป่าข้างทางจะได้ใจไปหน่อยแล้ว! ข่าวลือที่ว่าเธอมีเสน่ห์และเย้ายวนนั้นนั่นดังมากเลยนะ ซึ่งฉันก็เคยคิดว่ามันเป็นข่าวลือลอย ๆ” ซือเยี่ยจิ๋งกล่าวอย่างเย็นชา
สีหน้าจืออี้เปลี่ยนไปเล็กน้อยทันที เธอไม่สนความคิดของคนอื่น แต่การพูดอย่างนั้นต่อหน้าเธอและเซียวเฟิงทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ
“พอได้แล้ว หุบปาก” เซียวเฟิงขมวดคิ้วและตะคอกอย่างไม่พอใจ
เมื่อได้ยินว่าน้ำเสียงของเซียวเฟิงโกรธ ผู้หญิงเหล่านี้ก็รู้สึกประหม่าทันที และหันไปหาเซียวเฟิงอย่างระมัดระวัง
“ฉันได้ตัดสินใจแล้ว ดังนั้นฉันจะไม่เปลี่ยนแปลงมัน พวกเธอมีแต่ต้องยอมรับมันและญาติดีกันเท่านั้น อย่าให้ฉันเห็นพวกเธอตีกันอีก” น้ำเสียงของเซียวเฟิงนั้นจริงจังมากโดยไม่มีความรู้สึกล้อเล่นปะปนเลย
ผู้หญิงสามคนเงียบและมองหน้ากัน โดยเฉพาะซือเยี่ยจิ๋ง เธอกัดริมฝีปากของตัวเองจนแทบเป็นแผล
“นั่งลงและกินซะ” เซียวเฟิงกล่าวอีกครั้ง ผู้หญิงหลายคนหยิบตะเกียบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และหนิงเคอเค่อซึ่งซ่อนตัวอยู่ข้าง ๆ ก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างประหม่าและนั่งลง
ฉิงเอ๋อลืมตาขึ้นและพบว่ามีเพียงเธอเท่านั้นที่ยืนอยู่ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเธอก็ไปนั่งลงด้วย
ทันใดนั้นโต๊ะอาหารก็เต็ม ที่นั่งหลักคือเซียวเฟิง ที่นั่งฝั่งตรงข้ามคือจางเสี่ยวหยู ด้านซ้ายคือหลิวเฉียงเหว่ย เฉียนโตวโตว ซือเยี่ยจิ๋ง และทางขวาคือจืออี้ หนิงเคอเค่อ และฉิงเอ๋อ