Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 396 อิทธิพล
บทที่ 396 อิทธิพล
บทที่ 396 อิทธิพล
“คุณหัวหน้าโรส!”
“คุณโรสครับ! ทัพเสริมของ NPC ยังมาไม่ถึงอีกเหรอครับ!? เหลืออีกสิบนาทีสงครามก็จะเริ่มแล้วนะครับ!”
หัวหน้ากิลด์ฟากใต้บางส่วนพากันมาที่ปราการ ณ ตอนนั้น นำโดยสกายที่มีสีหน้าไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ พวกเขารู้อยู่แล้วว่าสิ่งใดที่ควรจับตามองจริง ๆ ในการต่อสู้ครั้งนี้
“คุณหัวหน้าโรส ผมว่าเธอต้องคิดทบทวนข้อเสนอของผมให้ดีแล้วล่ะ ไม่งั้นแล้วผลลัพธ์ก็คงจะจบลงที่ความพ่ายแพ้ของเมืองแห่งความโศกเศร้าแน่ ๆ ถ้าเป็นแบบนั้น ความพยายามของกิลด์มิดซัมเมอร์จะสูญเปล่าหมดเลยนะ”
ชินห่าวยิ้มออกมาอีกครั้ง เขาพึงพอใจมาก ๆ ที่ได้เห็นหลิวเฉียงเหว่ยตกอยู่ใต้สถานการณ์ที่น่ากดดันเช่นนี้
“ไม่ต้องกังวล ทุก ๆ กิลด์ ได้โปรดทำหน้าที่ของตัวเองตามปกติด้วย ฉันติดต่อกับสัมพันธมิตรเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่ายังไง พวกเขาจะต้องมาช่วยเราปราบบอสจากทัพแห่งความมืดอย่างแน่นอน”
หลิวเฉียงเหว่ยเหลียวมองจืออี้ที่อยู่ด้านหลังสกายและพูดด้วยเสียงอ่อนโยน เธอไม่ได้สนใจชินห่าวที่อยู่ข้าง ๆ เลย
“โอเค นั่นเยี่ยมไปเลย ถ้างั้นพวกเราจะกลับไปล่ารางวัลภารกิจต่อก็แล้วกันครับ” เมื่อได้ยินเช่นนั้น หัวหน้ากิลด์ทั้งหลายก็แสดงท่าทีโล่งใจขึ้นมาทันที
“จริงเหรอ? ทำไมผมถึงได้ยินว่าทัพสัมพันธมิตรของ NPC ยังหลงทางอยู่ที่เดิม ๆ ในที่ห่างไกลอยู่ล่ะ? กิลด์มิดซัมเมอร์แน่ใจหรือเปล่าว่าติดต่อพวกเขาได้แล้ว?” ชินห่าวเริ่มปั่นประสาทคนเหล่านี้อีกครั้ง
“หา?” พลันเมื่อได้ยินข้อมูลที่โต้แย้งกัน สีหน้าของหัวหน้ากิลด์ที่เพิ่งจะดีขึ้นก็แสดงความประหลาดใจออกมาอีกครั้ง
“นายคือ ชินห่าว หัวหน้าจากกิลด์กางเขนเหล็กนี่?”
“หัวหน้าชินห่าวหมายถึงอะไร? การที่ทัพสัมพันธมิตรยังไม่มานี่เป็นเพราะกางเขนเหล็กของนายงั้นเหรอ?”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้าแห่งฟากตะวันตกคิดย่างกรายเข้ามายึดครองแผ่นดินฟากใต้ของเรา? นายไม่กลัวว่าตัวเองจะรับมือพวกเราไม่ได้แล้วตายเพราะความโลภของตัวเองบ้างหรือไง?”
“หรือว่าสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดภารกิจหลักในครั้งนี้ เกี่ยวข้องกับกิลด์กางเขนเหล็กงั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าพวกนายเองก็ทะเยอะทะยานเหมือนกันนะเนี่ย”
เหล่าหัวหน้ากิลด์ที่มารวมกันอยู่ในที่แห่งนี้ก็ไม่ใช่พวกที่ไม่เข้าใจสถานการณ์เช่นเดียวกัน พวกเขาสังเกตเห็นปัญหามากมายได้จากประโยคที่อีกฝ่ายพูดมาเพียงประโยคเดียว และประโยคนั้นก็ทำให้สายตาของเหล่าหัวหน้ากิลด์แห่งฟากใต้นี้ ต่างพากันมองชินห่าวด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร
นั่นเพราะเมืองแห่งความโศกเศร้านั้นเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ของพวกเขาทั้งหมด ในตอนนี้ เมืองนี้แทบจะเป็นฐานที่ตั้งที่แข็งแกร่งที่สุดของเหล่ากิลด์ในฟากใต้ไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีใครอยากให้เมืองแห่งความโศกเศร้าต้องมาประสบพบเจอปัญหาใด ๆ ทั้งสิ้น
“ผมคิดว่าหัวหน้ากิลด์อย่างพวกนายน่ะ ไปกังวลกับสถานการณ์ปัจจุบันจะดีกว่าเอาเวลามาถากถางกางเขนเหล็กของผมนะ อยากมีศึกสองทางหรือไงน่ะ? กางเขนเหล็กของผมไม่ใช่ลูกแมวที่จะยอมให้ทำอะไรก็ได้ใส่หรอกนะ” รอยยิ้มบนใบหน้าชินห่าวยังคงไม่จางหายไปไหน
“แก!?”
“ดูเหมือนว่ากางเขนเหล็กจะใจร้อนขึ้นหลังจากครอบครองฝั่งตะวันตกได้นะ ไม่งั้นคงไม่กล้าที่จะเข้ามาแผ่ขยายอำนาจในฟากใต้หรอก นายคิดว่าตัวเองไร้เทียมทานหรือยังไง?”
กลุ่มหัวหน้ากิลด์ฟากใต้แสดงให้เห็นชัดถึงความเยือกเย็น พวกเขายืนนิ่ง ณ จุดที่ตนปรากฏตัวและไม่ยอมให้อีกฝ่ายข่มเหงพวกตนได้
“ถ้าหากเจ้าแห่งฮีลเลอร์ยังอยู่ที่นี่ บางทีอาจจะไม่กล้ามีใครคิดเหลียวตามองมายังฟากใต้เลยก็ได้ ต่อให้เป็นไดนัสตี้ก็คงจะชั่งใจอยู่หลายรอบ ยังไงเสียคนคนนั้นก็แข็งแกร่งเกินไป แต่ตอนนี้เหรอ? ฮึ ผมว่าพวกนายกลับไปกังวลเรื่องสงครามเมืองที่จะเกิดขึ้นต่อไปดีแล้ว เพราะถ้าหากเมืองแห่งความโศกเศร้าพ่ายแพ้ ฟากใต้อาจจะแตกกระจายตามเมืองไปเลยก็ได้น้า…” ชินห่าวแสยะยิ้มด้วยความเหยียดหยาม
ความโกรธปะทุขึ้นในใจของเหล่าหัวหน้ากิลด์ฟากใต้ หากแต่ไม่มีใครกล้าที่จะพูดอะไรออกมา มันแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ชินห่าวพูดนั้นถูกต้อง และมันก็แทงใจดำพวกเขาเต็ม ๆ
ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่ได้ลงทุนไปกับเมืองแห่งความโศกเศร้ามากมายเท่ากิลด์มิดซัมเมอร์ แต่พวกเขาก็ถือเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญของเมืองอย่างแน่นอน
ตั้งแต่ที่เมืองโศกเศร้ากลายมาเป็นเมืองหลักที่อัดแน่นไปด้วยผู้คน มูลค่าทางเศรษฐกิจของเมืองก็สูงขึ้นจนไม่สามารถประเมินค่าได้ หากจะบอกว่าคนอื่น ๆ ไม่รู้สึกอิจฉาก็คงจะเป็นเรื่องโกหก แต่ด้วยเหตุผลที่พวกเขานั้นถือเป็นกิลด์พี่กิลด์น้องกัน ความสัมพันธ์ระหว่างกิลด์ที่ดีงามนี้ทำให้เหล่ากิลด์ในฟากใต้ต่างก็ช่วยกันลงทุนไปกับเมืองแห่งความโศกเศร้าแม้จะรู้ว่าตนเองไม่สามารถครอบครองเมืองทั้งหมดได้ก็ตาม
แต่ถ้าเกิดเมืองแห่งความโศกเศร้าเกิดพ่ายแพ้ขึ้นมาจริง ๆ คงจะไม่มีใครสูญเสียไปยิ่งกว่ากิลด์มิดซัมเมอร์ที่เป็นหัวใจสำคัญของเมืองหลักขนาดใหญ่นี้ แล้วยิ่งในฐานะที่เป็นเจ้าแห่งฟากใต้ การทำให้เมืองหลักที่เป็นศูนย์รวมของผู้คนต้องพังทลาย จะส่งผลกระทบต่อกิลด์เป็นวงกว้างในทุก ๆ ด้าน เห็นชัดสุดก็น่าจะค่าชดใช้ให้กับผู้ร่วมลงทุน ดังนั้นแล้วจึงไม่ต้องพูดถึงชื่อเสียงที่ตกฮวบเลย กิลด์มิดซัมเมอร์ได้หลุดจากการเป็นเจ้าแห่งฟากใต้แน่ ๆ
แล้วถ้าหากกิลด์มิดซัมเมอร์ล่มสลายตามเมืองแห่งความโศกเศร้าไป สัมพันธมิตรกิลด์ฟากใต้ที่ถูกรวบรวมสร้างขึ้นมา ก็จะแหลกสลายตามกันไปด้วย ถ้าหากเวลานั้นมาถึง ฟากใต้จะต้องตกอยู่ในความวุ่นวายอย่างแน่นอน ไม่เพียงแต่กิลด์ภายในฟากใต้จะแก่งแย่งกันเป็นเจ้าแล้ว เจ้าของพื้นที่อื่น ๆ ก็จะหมายปองฟากใต้ของพวกเขาไปด้วย มันเป็นเรื่องที่ร้ายแรงเกินกว่าจะยอมให้เกิดหรือจินตนาการมองหาจุดจบของเรื่องได้จริง ๆ
“ไม่ต้องเป็นห่วงไป หัวหน้าชินห่าว ฟากใต้เองก็ไม่ได้เปราะบางเหมือนอย่างที่นายคิดเช่นกัน” หลิวเฉียงเหว่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“จริงเหรอ? ถ้างั้นผมเองก็ขอดูหน่อยก็แล้วกันว่าคุณหัวหน้ากิลด์คนสวยจะจัดการกับเผ่าพันธุ์แห่งความมืดข้างหน้านั่นยังไง…”
น้ำเสียงของชินห่าวแสดงให้เห็นถึงความไม่แยแสบ้าง แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดจบ ที่แท่นเทเลพอร์ตบนป้อมปราการตรงหน้าเขาก็ปรากฏแสงสว่างขึ้น และทันใดนั้นกลุ่มของพาลาดินชุดเกราะสีเงินที่นำโดยเหล่าบิชอปชุดสีแดงหลายคนก็ปรากฏตัวออกมา
“ฉันกลับมาแล้ว! สายไปหรือเปล่านะ? เอ๋ ว่าแต่ ทำไมบนนี้คนเยอะจัง?”
เฉียนโตวโตวเองก็ออกมาจากแท่นเทเลพอร์ต ณ ตอนนั้นด้วย เธอเป็นคนแรกเลยที่กระโดดออกมาจากกลุ่มของทหารพาลาดินแล้วพูดกับหลิวเฉียงเหว่ย ทว่าเมื่อเห็นว่ารอบ ๆ ตัวสาวงามอันดับ 1 ของเขตเต็มไปด้วยผู้คน หญิงสาวก็รีบทำตัวสงบเสงี่ยมขึ้นมาทันที
“เจ้าของร้านค้ามหาสมบัติ เฉียนโตวโตวเหรอ?”
“นี่คือ… ทัพของ NPC สัมพันธมิตร?”
เพราะเฉียนโตวโตวเอาแต่เก็บตัวอยู่กับการพัฒนาเมืองแห่งความโศกเศร้าทั้งวี่ทั้งวัน หัวหน้ากิลด์บางคนที่อยู่ในกลุ่มนี้จึงไม่คุ้นหน้าคุ้นตากับเธอเสียเท่าไหร่
แต่อันที่จริงพวกเขาต่างก็พอจะรู้จักบุคลิกที่ร่าเริงเช่นนี้ของเธอกันอยู่แล้ว จะมีก็แต่ผู้เล่นทั่วไปเท่านั้นแหละที่ยังไม่รู้ พวกผู้เล่นธรรมดาจะมองว่าเจ้าของร้านค้ามหาสมบัติที่เป็น 1 ใน 10 อันดับเทพธิดาในเขตฮัวเซียนั้นจะเข้าถึงยากกว่านี้ แต่นั่นก็แค่ความคิด เพราะในความเป็นจริง เหล่าหัวหน้ากิลด์ที่ต้องต่อรองเรื่องสินค้าต่าง ๆ กับเฉียนโตวโตวในทุก ๆ วันนั้นต่างก็ปวดหัวกับเธอกันทั้งหมด นั่นเพราะเด็กสาวคนนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอยังอ่อนวัยมาก ๆ กระนั้นแล้วกลับฉลาดเป็นกรด และถ้าหากพวกเขาไม่ใช่สัมพันธมิตรฟากใต้แล้วล่ะก็ เธอคงจะไม่มีทางยอมอ่อนข้อให้แน่ ๆ พวกเขาไม่แม้แต่จะได้รับเหรียญทองเพิ่มเติมจากมือเด็กสาวคนนี้แน่นอน
แต่ตอนนี้ เมื่อเทียบกันแล้ว พวกเขาดูจะสนใจกลุ่มของ NPC ที่อยู่ด้านหลังเธอเสียมากกว่า
ทหารพาลาดินจำนวนสิบสองคน! กับสี่บิชอปในชุดสีแดง! พวกเขาเหล่านี้ทั้งหมดเป็นบอส!
“ระดับต่ำสุดเป็นบอสทั่วไปเลเวล 50 หัวหน้าพาลาดิน!”
“นี่มันกลุ่มของหัวหน้าพาลาดิน! แล้วก็บิชอปถึงสี่คนเลยด้วย! พวกเขาทั้งหมดเป็นบอสระดับเทพเจ้าเลเวล 50!”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของชินห่าวแล้ว เหล่าหัวหน้ากิลด์ฟากใต้ที่กำลังกระวนกระวายอยู่ในตอนแรกก็โล่งใจกันขึ้นมา พวกเขาหันไปมองกลุ่มของบอส NPC ที่มาจากวิหารแห่งแสงราวกับผู้มาโปรดจากแดนไกล
“ปะ…เป็นไปได้ยังไงกัน! ทำไมทัพสัมพันธมิตร…เดี๋ยวก่อนสิ… นี่ดูเหมือนจะไม่ใช่ทัพของ NPC ที่ภารกิจขอไว้? แล้วพวกนี้มาจากไหน? โชคดีที่มีจำนวนไม่มาก ท้ายสุดแล้วผลลัพธ์ก็คงจะเหมือนเดิม อย่าลืมสิว่าทัพแห่งความมืดยังมีบอสระดับตำนานอยู่ด้วยนะ”
อารมณ์ของชินห่าวเปลี่ยนไปมาหลังจากที่พินิจพิเคราะห์กลุ่ม NPC ที่มานี้ดี ๆ แล้ว เขารู้สึกโล่งใจขึ้นมานิดหน่อย
“ไคเซอร์ ต่อจากนี้เจ้าต้องเชื่อฟังวิธีของข้าในการสู้กับทัพแห่งความมืด เนื่องจากข้าเป็นอาร์คบิชอป เข้าใจไหม?”
เหล่า NPC ที่ปรากฏตัวพวกนี้ไม่ได้ยืนเงียบ ๆ แต่อย่างใด ท่ามกลางพวกเขา อาร์คบิชอปเรนัลด์แสดงความสูงส่งโดยการเชิดหน้าจนจมูกแทบจะชี้ฟ้า เขาพูดกับบิชอปไคเซอร์ที่อยู่ข้าง ๆ แสดงให้เห็นถึงสถานนะที่สูงกว่า
“เข้าใจแล้ว ข้าเข้าใจดีท่านอาร์คบิชอปเรนัลด์” บิชอปไคเซอร์ตอบกลับเขาอย่างทั่ว ๆ ไปแล้วกันไปมองหนี่อู๋ที่อยู่ข้าง ๆ เขาแทน “บิชอปหนี่อู๋ ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้พบเจ้าอีกครั้ง”
“นั่นสินะ นี่มันก็ตั้งพันปีแล้ว เจ้าไม่ได้ตายไปในสงครามศักดิ์สิทธิ์ด้วยเหรอเนี่ย?” ชายสูงวัยตัวเตี้ยอย่างหนี่อู๋บ่นพึมพำ เขาดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจในตัวบิชอปไคเซอร์ที่ไม่ได้โต้ตอบอะไรนอกจากยิ้มให้เขาเสียเท่าไหร่
NPC ที่ทำหน้าที่นำทัพภาคีพาลาดินคือ กัปตันโบลตัน เขาปรากฏตัวออกมาจากวงเวทเคลื่อนย้ายและมองไปรอบ ๆ เมื่อเขาพบหลิวเฉียงเหว่ย กัปตันไฟแรงผู้นี้ก็รีบเดินเข้าไปหาเธอทันที
“สวัสดี ท่านรองเจ้าเมือง” กัปตันโบลตันแสดงการเคารพแบบพาลาดินให้กับหลิวเฉียงเหว่ย เขารู้จักเธออยู่แล้วตั้งแต่เมื่อครั้งสมรภูมิจู่โจมเมืองแห่งความโศกเศร้าแถมเซียวเฟิงก็ยังพาเธอไปแนะนำให้เขารู้จักอีก
“สวัสดีค่ะ กัปตันโบลตัน” หลิวเฉียงเหว่ยทักทายกลับด้วยความสุภาพ เธอเองก็คุ้นเคยกับเขาดีในระดับหนึ่ง
“ท่านพอจะทราบหรือไม่ว่าตอนนี้ท่านอาร์คบิชอปอยู่ที่ไหน? ท่านเทพธิดาแห่งแสงตามหาเขาจนทั่วแล้ว แต่ก็ไม่มีข่าวคราวอะไรเลย” กัปตันโบลตันไม่รอช้าที่จะเข้าประเด็นถามไปตรง ๆ
“ท่านหมายถึงเซียว…ขอโทษค่ะ ฉันเองก็ไม่ได้ยินข่าวคราวของเขามาพักใหญ่ ๆ แล้วเหมือนกัน ถ้ายังไงหากเขาปรากฏตัวอีกรอบ ฉันจะรีบไปที่วิหารแห่งแสงในเมืองเทียนหลงแล้วแจ้งให้ท่านโบลตันทราบใดทันทีเลย”
หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อกัปตันโบลตันเข้ามาพูดเรื่องเซียวเฟิงกับเธอ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ต้องกล่าวขอโทษขอโพยไป เพราะเธอเองก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เซียวเฟิงจะกลับมา
ขณะเดียวกัน หลิวเฉียงเหว่ยก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ก่อนหน้านี้เธอเผลอประเมินอิทธิพลของเซียวเฟิงต่ำไปเสียแล้ว บอสระดับสูงเหล่านี้มายังเมืองนี้ด้วยตัวพวกเขาเองโดยที่เธอไม่ได้ไปขอ แถมพวกเขายังมาเพื่อถามหาเซียวเฟิงอีก
“ขอบคุณท่านมาก ๆ ท่านรองเจ้าเมือง” กัปตันโบลตันกล่าวขอบคุณหลิวเฉียงเหว่ย ซึ่งในขณะเดียวกันนั้น เขาก็มอบสิ่งที่ขอไว้ให้เป็นภารกิจลับกับเธอด้วยความใจกว้าง
ภาพที่บอสระดับสูงกำลังคุยกับหลิวเฉียงเหว่ยนั้น ทำให้เหล่าหัวหน้ากิลด์ฟากใต้ที่อยู่ใกล้ ๆ ต่างพากันสนใจมาก ๆ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะแอบฟังว่าทั้งสองกำลังคุยอะไรกันอยู่
“เทพธิดาแห่งแสงงั้นเหรอ? เธอคนนั้นเป็นบอสระดับไหนกันน่ะ?”
หลังจากที่พวกเขาได้ยินชื่อของเทพธิดาแห่งแสง สีหน้าของทุกคนก็แอบประหลาดใจไปพร้อม ๆ กัน นั่นเพราะชื่อของเทพธิดานั้นฟังดูน่าทึ่งมาก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้จักเธอ แต่ก็สามารถรับรู้ได้ว่าเธอจะต้องเป็นบอสผู้ยิ่งใหญ่แน่ ๆ จากบทสนทนาที่ได้ยินคร่าว ๆ นั้น
สิ่งนี้เกิดขึ้นกับกิลด์มิดซัมเมอร์ที่เห็นภาพนี้อยู่ไกล ๆ ด้วยเช่นกัน เมื่อพวกเขาเห็นหลิวเฉียงเหว่ยและ NPC ระดับสูงพูดคุยกัน พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจและรับรู้ได้ทันทีว่านี่จะต้องเป็นพลังที่อยู่เบื้องหลังที่ซึ่งมีเพียงหลิวเฉียงเหว่ยเท่านั้นที่สามารถแตะต้องได้
ทว่านี่กลับทำให้มิดซัมเมอร์ลีฟรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยเลย นั่นเพราะเขารู้อยู่แล้วว่านี่เป็นสิ่งที่ได้มาจากเจ้าแห่งฮีลเลอร์ รวมไปถึงอุปกรณ์ของไนท์คูนเนอร์แห่งกิลด์มิดซัมเมอร์ที่อยู่ในอันดับ 1 ของอันดับอุปกรณ์ ซึ่งเคยเป็นของเจ้าแห่งฮีลเลอร์มาก่อน ในตอนนี้เจ้าแห่งฮีลเลอร์หายตัวไป แต่การกระทำของหลิวเฉียงเหว่ยนั้นราวกับว่าเธอได้สืบทอดเจตจำนงของเจ้าแห่งฮีลเลอร์มาแล้วเสียอย่างงั้น
ถ้าหากนี่เป็นการสืบทอดจริง ๆ มันก็โอเค เพราะในใจของลีฟนั้น เขายังคงมองว่าหลิวเฉียงเหว่ยต้องเสียสละหลายสิ่งมาก ๆ ดังนั้นการได้รับสิ่งเหล่านี้ตอบแทนถือว่าคุ้มค่าแล้ว ทว่าอีกใจหนึ่งเขาก็รู้ดีถึงนิสัยของหลิวเฉียงเหว่ยที่เป็นคนที่มีความทะเยอะทะยานสูงคนหนึ่ง ซึ่งสิ่งนี้มันทำให้เขาแอบเผลอคิดไปว่า ถ้าหากหลิวเฉียงเหว่ยไม่ได้รับสิ่งเหล่านี้เป็นมรดกสืบทอด แต่เป็นการช่วงชิงมาล่ะ…นี่มันจะกลายเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก! เพราะมันจะชี้ให้เห็นทันทีว่าการหายตัวไปของเจ้าแห่งฮีลเลอร์นั้นเกี่ยวข้องกับหลิวเฉียงเหว่ยเต็ม ๆ!
ชายวัยกลางคนผู้นี้รู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาได้ทันทีโดยไม่มีเหตุผล เขารีบส่ายหน้าและไม่กล้าที่จะคิดเรื่องนี้ต่ออีก
“เอาล่ะ พวกเราจะเริ่มจากการที่ให้เจ้าเลิกอวดเบ่งเสียก่อน เรนัลด์ ดูไปที่ด้านนอกเมืองนั่นสิ สถานการณ์มันดูไม่ดีเลยนะ” บิชอปไคเซอร์ปรามอาร์คบิชอปเรนัลด์ไว้ก่อนขณะมองไปยังทุ่งกว้างด้านนอกเมืองที่เป็นที่ตั้งของทัพหน้าของทัพแห่งความมืด
“ทำไมน่ะ? เดี๋ยวสิ! หรือว่านั่น…ลิชคิงงั้นเหรอ!? นี่เจ้านั่นคืนชีพแล้วจริง ๆ เหรอเนี่ย! แสดงว่าต่อให้เป็นทัพหน้า แต่นี่ก็เป็นทัพหลักของมันด้วยสินะ!” เมื่ออาร์คบิชอปเรนัลด์มองตาม เขาก็ต้องตกใจและทำอะไรไม่ถูกกับสิ่งที่เห็นเลย
“กองทัพอันเดดพวกนี้ถูกลิชคิงนำมาด้วยตัวมันเอง! แต่ทำไมทัพสัมพันธมิตรแห่งแสงถึงยังไม่มาช่วยป้องกันอีกล่ะ? ข้าจำได้ว่านครศักดิ์สิทธิ์ส่งหัวหน้าผู้พิพากษากิโลมาแล้วนี่?” บิชอปไคเซอร์ได้แต่พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้าแค่ได้ยินมาว่าท่านอาร์คบิชอปต้องการให้ข้าช่วย ข้าถึงได้มาหาเจ้า น่าแปลกใจที่ไม่เห็นท่านหัวหน้ากิโลกับทัพแห่งแสงเลย”
ทั้งสองบิชอปได้แต่มองไปยังด้านนอกสลับกับด้านในเมืองแห่งความโศกเศร้าด้วยความสงสัยที่ยังไม่เห็นร่องรอยของทัพแห่งแสงที่ควรจะปรากฏตัวแล้วเลย
“เรนัลด์ เจ้ากลับไปยังนครศักดิ์สิทธิ์ตอนนี้เลย ข้าไม่อยากจะทำร้ายเพื่อนเก่าของข้าที่นี่” บิชอปไคเซอร์พูด
“ข้าเองก็ไม่อยากเหมือนกันแหละน่า ถ้ายังไงเดี๋ยวจะกลับไปตอนนี้เลย” นี่มันเกี่ยวพันถึงชีวิต ดังนั้นอาร์คบิชอปเรนัลด์จึงไม่อยากจะหยอกเย้าอีกฝ่าย เขาหันหน้ากลับและหายไปในวงแหวนเคลื่อนย้ายทันที
“ฮึ! ต่อให้หา NPC ระดับสูงมาได้บ้าง แต่มีกันแค่นี้จะป้องกันการโจมตีของบอสจากทัพแห่งความมืดได้หรือไง? สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ก็ยังเป็นเหมือนเดิม มองก็รู้แล้วไม่ใช่หรือไงว่า ไม่มีทางเลยที่ NPC เพียงเท่านี้จะสามารถป้องกันบอสระดับตำนานได้? ดูสิบิชอปพวกนั้นหายไปแล้ว น่าสนใจจริง ๆ แสดงให้ผมเห็นหน่อยสิว่าพวกเธอมีอะไรดี!”
ชินห่าวถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ยินบทสนทนาที่เกิดขึ้นและมองภาพตรงหน้าด้วยความเหยียดหยาม
ในตอนนั้นเอง การนับถอยหลังสิบนาทีได้จบลงแล้ว และการโจมตีจากทัพหน้าของทัพแห่งความมืดก็โถมเข้าใส่ในทันที แต่เพราะทางฝั่งผู้เล่นเองก็ดูจะไม่ได้อยากรออะไรอยู่แล้ว ดังนั้นจึงกลายเป็นว่าคลื่นฝูงชนขนาดใหญ่สองลูกได้เคลื่อนที่เข้าปะทะกันทันทีเมื่อสัญญาณนับถอยหลังหมดไป!
ตู้ม!