Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 435 ซือเยี่ยจิ๋ง ปะทะ เทพเจ้าสายฟ้า
บทที่ 435 ซือเยี่ยจิ๋ง ปะทะ เทพเจ้าสายฟ้า
บทที่ 435 ซือเยี่ยจิ๋ง ปะทะ เทพเจ้าสายฟ้า
“น่าเสียดายที่สกิลของนายยังช้าไปหน่อย ไม่งั้นแล้วละก็…คนที่แพ้อาจจะเป็นฉันก็ได้”
ถึงแม้ว่าไทแรนนี่จะยังคงยืนอยู่บนสนาม แต่สภาพของเขาก็ไม่ค่อยดีนัก มานาของตัวเองแทบจะหมดแล้ว ในขณะที่พลังชีวิตก็เหลือเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ไทแรนนี่มองไปยังซีเหมินชุยเสวียที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก่อนจะพูดช้า ๆ
“นายเคยได้ยินชื่อตระกูลซวนหยวนมาก่อนหรือเปล่า?” ซีเหมินชุยเสวียได้ตายไปแล้วในการแข่งขัน ร่างของเขารอเวลาที่จะสลายไปเมื่อระบบประกาศเท่านั้น แต่ทันใดนั้น จู่ ๆ เจ้าตัวก็พูดประโยคนั้นออกมา
“ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย” ไทแรนนี่ส่ายหน้าแล้วเดินจากไป เหลือก็แต่เพียงเซียวเฟิงที่อยู่ในเขตพักผ่อนที่เผอิญได้ยินคำพูดของซีเหมินชุยเสวียเท่านั้น ดวงตาของชายหนุ่มกระตุกเล็กน้อยก่อนจะหันมองไปยังไทแรนนี่
[ประกาศจากอีเวนต์! แมตช์แรกของรอบเฟ้นหา 4 อันดับสุดท้ายประจำอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ชิงชัยได้จบลงแล้ว! ขอแสดงความยินดีกับไทแรนนี่จากเขตฮัวเซียด้วยที่เป็นผู้ชนะในรอบนี้! ท่านได้เข้าสู่รอบสี่คนสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!]
เสียงประกาศจากระบบถูกกลบด้วยเสียงของผู้ชมจากทั่วทั้งเกาะชิงชัยที่กู่ร้องด้วยความตื่นเต้น โดยเฉพาะจากฝั่งของผู้เล่นนับแสนที่มาจากเขตฮัวเซีย พวกเขาต่างก็ดีใจกันเป็นบ้าเป็นหลัง
[แมตช์ที่ 2 ของอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ชิงชัย! ผู้เล่นไนท์คูนเนอร์ จากเขตฮัวเซีย! ปะทะ! เทพเจ้าสายฟ้า จากเขตอเมริกาเหนือ!]
พลันเมื่อประกาศเริ่มรอบใหม่ดังขึ้น เสียงเชียร์เสียงดีใจก็เงียบลงไปอีกรอบราวกับทุกคนได้หายไปจากเกาะแห่งนี้หมดแล้ว
นั่นเพราะการจับคู่ของรอบนี้ ผู้เล่นจากเขตฮัวเซียถูกเลือกให้มาต่อสู้อีกครั้งแล้ว แม้จะเป็นไนท์คูนเนอร์ แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นตัวการที่ทำให้ทุกคนเงียบลง แต่เป็นคู่ต่อสู้ของเธออย่างเทพเจ้าสายฟ้าต่างหาก!
เหตุการณ์นี้กลายเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ชมจากเขตฮัวเซียพากันเงียบสงัดไป ในรอบแปดคนสุดท้ายนี้มีผู้เล่นจากเขตฮัวเซียหลุดรอดมาได้ถึงแปดคน หากเป็นเช่นนั้นต่อ ก็จะมีผู้เล่นจากฮัวเซียอย่างน้อยสองคนได้เข้าสู่รอบไฟนอล และอันดับที่ 1 และ 2 ของอีเวนต์ครั้งนี้ก็จะต้องตกเป็นของเขตฮัวเซียอย่างแน่นอน!
ทว่าความชั่วร้ายของระบบที่เหมือนจะมองสิ่งที่ชาวฮัวเซียต้องการออกอย่างทะลุปรุโปร่งนั้นมันน่ากลัวเกินไป ไม่เพียงแต่ให้รอบแรก ผู้เล่นจากเขตฮัวเซียต้องมาเจอกันเอง แต่ในรอบที่สองมันยังจับให้ไนท์คูนเนอร์ต้องเจอกับเทพเจ้าสายฟ้าอีก!
แม้ทั้งหมดจะเป็นยอดฝีมือเหมือนกัน แต่มันก็ยังมีความห่างชั้นถูกแบ่งย่อยกันไว้อยู่ ไม่ว่าจะเป็น จักรพรรดิ ราชันย์ นักบุญและอื่น ๆ อีกมากมาย ชื่อเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคำนำหน้าเพื่อสรรเสริญเหล่าคนเก่งทั้งหลาย มีหลายคนที่มีฉายาซ้ำกัน ทว่ามีเพียง ‘เทพเจ้า’ เท่านั้น ที่จะมีเพียงแค่สองถึงสามคนเท่านั้นนับตั้งแต่เกมเปิดมา
อันดับแรกคงไม่พ้นอดีตอย่าง เซียวเฟิง ไม่มีใครสามารถก้าวข้ามเขาได้มาตั้งแต่ครั้งที่มิธเปิดให้บริการแล้ว เขาไม่เพียงแต่เป็นอันดับ 1 ในภาคตะวันออก แต่ยังถือเป็น ‘เทพเจ้า’ อันดับ 1 ในโลกแห่งเกมด้วย!
เทพเจ้าสายฟ้า หรือ เทพเจ้าอันดับ 2 เขาถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นเทพเจ้าหลังจากที่เซียวเฟิงหายตัวไป คนคนนี้เป็นที่รู้จักดีในภาคตะวันตก ครั้งหนึ่งที่ได้นั่งบัลลังก์เป็นเจ้าแห่งภาคตะวันตกแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้อีกเลย
และอันดับที่ 3 แห่งมิธ คือ ไนท์คูนเนอร์ ผู้เป็นอันดับ 1 คนใหม่แห่งเขตฮัวเซีย มันแอบมีข้อมูลรั่วออกมาว่าเขาคนนี้อาจจะสามารถเข้าขั้นเป็นอันดับ 1 ของเซิร์ฟเวอร์ได้แล้ว
อันที่จริง ผู้ชมจากฮัวเซียที่มีโอกาสได้เข้าร่วมในอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ชิงชัยครั้งนี้ ต่างก็แอบถกเถียงกันภายในใจอยู่ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน พวกเขาอยากจะให้เทพเจ้าสายฟ้าได้จับคู่ไปเจอกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์เสียมากกว่า เพราะพวกเขามั่นใจว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์จะสามารถกำจัดเทพเจ้าสายฟ้าได้แน่ ๆ และผู้เข้าแข่งขันจากเขตฮัวเซียทั้งสามคนก็จะมีสองที่ได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ
ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายด้วยความรู้ดีมากเกินไปของระบบ เพราะเพียงแค่ในรอบหาสี่คนสุดท้าย ผู้เล่นจากเขตฮัวเซียทั้งสามคนก็ต้องมาเจอศึกหนักกันเสียแล้ว ไม่ว่าจะเป็นซีเหมินชุยเสวียที่ปะทะกับไทแรนนี่ แล้วนี่แมตช์ที่สองก็ยังเป็นไนท์คูนเนอร์ปะทะกับเทพเจ้าสายฟ้าอีก เมื่อมันเป็นเช่นนี้จะไม่ให้พวกผู้ชมชาวฮัวเซียพากันเงียบได้อย่างไร?
“ระวังตัวให้ดีล่ะ”
แม้แต่เซียวเฟิงเองก็ยังแอบส่งข้อความให้ซือเยี่ยจิ๋ง เพราะเขารู้ดีว่าเทพเจ้าสายฟ้านั้นแข็งแกร่งขนาดไหน
“แค่นี้สบายมากน่า เดี๋ยวฉันจะทรมานหมอนั่นจนตายให้ดูเอง! จะทำลายความมั่นหน้าที่สั่งสมมาจนไม่เหลือชิ้นดีเลย!”
ทางซือเยี่ยจิ๋งไม่ได้แสดงความรู้สึกว่าโดนกดดันอะไรออกมา กลับกันเธอเลือกที่จะแสดงท่าทีหยิ่งผยองและเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ออกมาแทนด้วย
ผู้เข้าแข่งขันในรอบที่ 2 ทั้งสองคนถูกเทเลพอร์ตเข้ามาในสนามประลอง ฝั่งหนึ่งคือ ซือเยี่ยจิ๋ง ที่สวมชุดคลุมสีดำสนิทปิดบังเรือนร่างที่ผอมเพรียวเอาไว้ ในมือของเธอถือมีดสั้นสองเล่มไว้ให้กระชับพร้อมที่จะต่อสู้
ส่วนอีกฟากหนึ่งก็คือ เทพเจ้าสายฟ้า ผู้ที่สวมชุดคลุมสีม่วง ในมือเองก็มีคทาที่ประกอบไปด้วยอเมทิสชิ้นโตให้เห็นสง่าตาอันเป็นเอกลักษณ์ เขาไม่เพียงแต่มีร่างกายที่สูงใหญ่ หากแต่ความเกรงขามที่ปล่อยออกมาเองก็ไม่ใช่เล่น ๆ ด้วยผมสีทองเป็นประกายและเคราที่หนาดก คนคนนี้มีความหล่อเหลาในแบบของตนเอง เป็นมนต์เสน่ห์ที่โดดเด่นที่หนุ่มชาวตะวันตกพึงมี
3…2…1…0! การต่อสู้ เริ่มต้นได้!
ทันทีที่การนับถอยหลังจบลง ซือเยี่ยจิ๋งก็เข้าสู่โหมดล่องหนเพื่อเข้าประชิดเทพเจ้าสายฟ้าทันที ทว่าทางฝั่งเทพเจ้าสายฟ้าไม่ได้ยืนเฉย ๆ เพราะทันทีที่ซือเยี่ยจิ๋งเปิดฉากล่องหน เขาก็เปิดฉากทางฝั่งของตนด้วยเช่นกัน
เปรี้ยง!
อัสนีบาตฟาดผ่านจากฟ้าที่ไร้ซึ่งเมฆฝน รูปร่าของมันเหมือนแขนขนาดใหญ่ที่พวยพุ่งลงมาจากฟากฟ้าลงไปที่ด้านหลังเทพเจ้าสายฟ้าอย่างรุนแรง สายฟ้าฟาดนั้นไม่เพียงแต่ทำให้พื้นสนามประลองกลายเป็นสีดำ แต่มันยังกระทบกับร่างของซือเยี่ยจิ๋งที่กำลังล่องหนและอ้อมเข้าไปด้านหลังอีกด้วย
โชคยังดีที่ซือเยี่ยจิ๋งก็ไม่ได้คิดว่าการล่องหนของตนจะเล็ดลอดจากการตรวจจับของเทพเจ้าสายฟ้าไปได้อยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลาซึ่งทำให้สามารถหลบสายฟ้าฟาดครั้งนี้ไปได้หวุดหวิด
อย่างไรก็ตาม นี่มันแค่เริ่มต้น หากคนอย่างระดับเทพเจ้าสายฟ้าคิดจะโจมตีแค่นี้จริง ๆ เขาคงจะไม่สามารถกลายเป็น ‘เทพเจ้า’ ที่ทุกคนเคารพนับถือกันได้แน่ ๆ
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!…
เปรี๊ยะ!
ไม่มีโอกาสได้พักหายใจ สายฟ้าฟาดแบบเดิมเริ่มกระหน่ำฟาดลงมาในบริเวณสนามประลองจนไม่เหลือเค้าโครงของความสงบเดิมที่เคยมีก่อนหน้าแม้แต่นิดเดียว ความถี่ของมันเริ่มมากขึ้นจนเหมือนว่าฝนกำลังจะตก แต่แท้จริงแล้วตัวมันนั่นเองที่ทำหน้าที่แทนเม็ดฝน สายฟ้าฟาดที่กระทบลงพื้นแล้วแตกกระจายออกกลายเป็นกระแสไฟฟ้าวิ่งไปทั่วเสมือนตาข่ายไฟฟ้า มันกักพื้นที่ของซือเยี่ยจิ๋งให้มีบริเวณแคบลง ๆ เรื่อย ๆ
แววตาของซือเยี่ยจิ๋งมองภาพตรงหน้าด้วยความหนักแน่น จากนั้นก็กระโดดถอยออกจากเทพเจ้าสายฟ้าสามช่วงตัวก่อนจะเริ่มเคลื่อนไปรอบ ๆ ตัวอีกฝ่ายด้วยความว่องไว ขณะเดียวกันก็หาโอกาสที่จะหลบการโจมตีของสายฟ้าฟาดเหล่านั้นไปด้วย
วิสัยทัศน์แห่งเทพเจ้าสายฟ้า!
แต่เทพเจ้าสายฟ้าก็ไม่สนใจอะไรนัก เขาโบกคทาอเมทิสขึ้นไปบนฟากฟ้า และทันใดนั้นเมฆฝนก้อนใหญ่ก็เริ่มก่อตัวขึ้นมา ขนาดของมันนั้น ใหญ่พอ ๆ กับครึ่งหนึ่งของสนามประลองนี้เลย!
“นั่นมันสกิลคลาส 2 ของเทพเจ้าสายฟ้านี่!? ถ้าจำไม่ผิดมันเป็นสกิลที่มีระยะและความต่อเนื่องมากที่สุดในบรรดาสกิลคลาสทุกคลาสในเซิร์ฟเวอร์เลยมั้ง!? แบบนี้ท่านไนท์คูนเนอร์จะรับมือได้เหรอ?”
ผู้ชมเขตฮัวเซียคนหนึ่งทีเคยเห็นสกิลดังกล่าวนี้ผ่านวีดีโอพูดขึ้นมาด้วยความกังวล
ระหว่างนั้น เมฆฝนก้อนใหญ่นั้นก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
เปรี้ยง!
จากแต่เดิมที่มันเป็นเมฆฝนอึมครึมก้อนใหญ่ แต่ไม่นานนักมันก็กระหน่ำสายฟ้าฟาดลงมาอย่างต่อเนื่อง ทว่าตัวเมฆฝนนั้นก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะก้อนเล็กลง กลับกันมันกลับมืดครึ้มมากขึ้นเรื่อย ๆ พักหนึ่งหลังจากที่ห่าสายฟ้าฟาดกระหน่ำลงมาแล้ว บริเวณใจกลางของเมฆฝนก็แตกออกช้า ๆ เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายใน!
มันเป็นดวงตาขนาดใหญ่ กำลังค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา!
ดวงตาดวงนั้นดูเหมือนจริงมาก ๆ แต่มันเกิดจากเมฆฝน ด้วยขนาดที่ใหญ่โตของมันทำให้ทุกคนสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าภายในดวงตามีกระแสไฟฟ้าวิ่งไปมาอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่าดวงตานั้นกำลังข่มขู่ทุกคนที่ได้สบตามองอยู่ด้วยพลังที่อยู่เหนือสรรพสิ่งบนโลกทั้งปวง มันแสดงให้เห็นถึงความเยือกเย็นและเหี้ยมโหด ความเด็ดขาดและการทำลายล้าง!
เมื่อเทพเจ้าสายฟ้าโบกคทาอเมทิสอีกครั้ง ดวงตาแห่งเทพเจ้าสายฟ้าก็หันไปมองยังซือเยี่ยจิ๋งที่อยู่ภายในสนามประลองทันที!
ห่าสายฟ้าฟาดเหมือนน้ำตกพวยพุ่งลงมาจากเมฆฝนก้อนใหญ่ มันระยิบระยับด้วยแสงสว่างพราวตาจนแม้แต่ผู้ชมในอัฒจันทร์ยังต้องหรี่ตามอง
อสนีบาตพิฆาต!
อสรพิษสายฟ้าคืบคลาน!
มันเป็นการโจมตีที่น่ากลัวมาก ๆ เลยทีเดียว! เทพเจ้าสายฟ้าเปลี่ยนสายฟ้าเหล่านั้นให้กลายเป็นเวทมนตร์พื้นที่ สายฟ้าที่เกิดจากเมฆฝนสีดำนั้นพุ่งเข้าโจมตีใส่ซือเยี่ยจิ๋งราวกับปืนกล แม้เธอจะหลบได้ แต่สายฟ้าที่กระทบพื้นแล้วมันก็ไม่ได้สิ้นสุดลงแค่นั้น พวกมันเปลี่ยนสภาพไปเป็นสิ่งที่คล้ายกับหนวดกำลังเคลื่อนที่ไปมาบนพื้นสนามประลองจนไม่นานนักก็เต็มสนามไปหมด
ความเร็วของซือเยี่ยจิ๋งเพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด เธอพริ้วไหวประดุจดาร์กเอลฟ์แห่งพงไพรที่กำลังร่ายรำอยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยอสรพิษสายฟ้าเหล่านี้!
พลาด!
-12!
พลาด!
พลาด!
-17!
-23!
…
แม้ว่าจะดูเหมือนการร่ายรำนั้นเป็นไปได้ด้วยดี แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ตอบโจทย์มากที่สุด เพราะยังมีอีกหลายจุดที่กระแสไฟฟ้าบนพื้นเหล่านั้นสามารถสร้างความเสียหายแก่ซือเยี่ยจิ๋งได้ เธอจำเป็นต้องเลือกที่จะหลบสายฟ้าฟาดซึ่งทำความเสียหายได้รุนแรงกว่าอสรพิษสายฟ้าบนพื้น
อย่างที่เห็น เธอเลือกถูก เพราะด้วยพลังของชุดเกราะมังกรที่สวมอยู่นี้ มันทำให้อสรพิษสายฟ้าทำอะไรเธอแทบจะไม่ได้เลย ช่างเป็นชุดเกราะที่น่ากลัวจริง ๆ
แต่ถึงอย่างนั้น ซือเยี่ยจิ๋งก็ยังสูญเสียพลังชีวิตไปมากถึงหนึ่งในสามของพลังชีวิตทั้งหมดอยู่ดี ตัวเลขแสดงความเสียหายที่แม้จะน้อยนิดนั้นมันกระจายไปทั่วร่างของเธอจนเหมือนร่างนั้นกำลังถูกปกคลุมไว้ด้วยกลุ่มควันสีแดงที่น่าเวทนาเลย
เหนือสิ่งอื่นใด นอกจากความเสียหายที่สร้างได้อย่างต่อเนื่องแล้ว มันคือ การที่สกิลของเทพเจ้าสายฟ้านี้ดูจะไม่มีทีท่าจะหยุดลงเลย รวมไปถึงมานาของเขาเองก็แทบจะไม่ลดเลยด้วย! ถ้าเป็นแบบนี้แผนที่จะดึงเวลาเพื่อให้สกิลเหล่านี้ผลาญมานาของผู้ใช้จนหมดที่ซือเยี่ยจิ๋งวางไว้คงไม่สามารถใช้การได้แน่ ๆ
นักฆ่าสาวกัดฟันแน่น สถานการณ์บีบบังคับให้เธอเหลือหนทางเพียงเส้นเดียวแล้ว นั่นคือการ มุ่งหน้าเข้าไปปะทะกับเทพเจ้าสายฟ้าโดยตรง! เธอหลบหลีกสายฟ้านับร้อยพันเส้นที่ฟาดลงมาจากเมฆครึ้มก่อนจะทะยานเข้าใส่ศัตรูอย่างไม่ลังเล!
จู่โจมจากด้านหลัง!
เมื่อเข้าระยะสกิลได้ ซือเยี่ยจิ๋งก็สั่งใช้สกิลอย่างไม่รีรอ เธอปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของเทพเจ้าสายฟ้าในชั่วพริบตา ขณะเดียวกันมีดสั้นทั้งสองเล่มก็เปล่งแสงขึ้นในจังหวะที่แทงเข้าหลังคอของเป้าหมายอย่างรวดเร็ว!
วิ้ง!
การตอบสนองของเทพเจ้าสายฟ้านั้นรวดเร็วยิ่งกว่า ทันทีที่ซือเยี่ยจิ๋งมาปรากฏตัวที่ด้านหลังเขา ร่างของชายหนุ่มก็กลายเป็นเส้นสายฟ้าสีเหลืองทองและเทเลพอร์ตตนเองไปอยู่ไกลจากเธอเสียแล้ว ทำให้การโจมตีจากด้านหลังไม่เป็นผลสำเร็จ!
เงามืดสู่ชีวิต!
จู่โจม!
ใช่ว่าซือเยี่ยจิ๋งจะหวังพึ่งการโจมตีด้วยสกิลเพียงสกิลเดียว เธอนั้นถือได้ว่าควรค่าแก่การถูกชมเชยแล้ว เพราะวินาทีที่คิดจะใช้การจู่โจมจากด้านหลัง หญิงสาวก็สร้างร่างแยกเงาเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว
เมื่อเทพเจ้าสายฟ้าถอยออกนอกระยะสกิลจู่โจมจากด้านหลัง เธอเองก็สลับร่างกับร่างแยกเขาที่สร้างไว้ก่อนหน้าด้วย ทำให้ตนเองสามารถหลบอสนีบาตที่ฟาดลงมาจากเหนือหัวได้อย่างเฉียดฉิว!
ความเร็วของสกิลจู่โจมนั้นไม่ได้เร็วเฉกเช่นสกิลจู่โจมจากด้านหลัง รวมไปถึงการที่เธอเปลี่ยนไปอยู่ในสภาพเงานี้เองก็ไม่ได้ตัดการรับรู้ได้สมบูรณ์เท่าการเทเลพอร์ตของสกิลจู่โจมจากด้านหลังด้วย
เพราะแบบนี้ มันเลยทำให้เทพเจ้าสายฟ้ารับรู้ได้ว่าซือเยี่ยจิ๋งอยู่ตรงไหน เขาใช้อเมทิสบนคทาเคาะลงไปที่พื้นข้างเท้าตนเองอย่างรุนแรง และทันใดนั้นเอง…
เปรี๊ยะ!
คลื่นวงแหวนอัสนีที่มีจุดศูนย์กลางเป็นตัวเทพเจ้าสายฟ้าเองก็ระเบิดออกเป็นวงกว้างรอบตัว ทำให้ซือเยี่ยจิ๋งที่แม้จะอยู่ในสภาพเงาไม่สามารถหลบพ้น เธอโดนคลื่นสายฟ้านี้เข้าเต็ม ๆ จนกระเด็นลอยออกไป!
-108!
ด้วยความแข็งแกร่งอันมหาศาลของชุดเกราะมังกร มันทำให้ซือเยี่ยจิ๋งมีพลังชีวิตเกือบจะแตะหลักพันเข้าไปแล้ว รวมไปถึงพลังป้องกันเองก็สูงมากด้วยเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้น การโจมตีของเทพเจ้าสายฟ้าก็ยังสร้างความเสียหายให้เธอได้กว่า 100 หน่วยอยู่ดี
ระหว่างที่ร่างของซือเยี่ยจิ๋งกำลังลอยอยู่กลางอากาศนั้นเอง สายฟ้าฟาดเส้นใหญ่อีกเส้นหนึ่งก็ฟาดลงมาใส่เธอเต็ม ๆ พร้อมสร้างความเสียหายเกือบ 200 หน่วยด้วย!
เปรี้ยง!
-193!
ทันทีที่ร่างตกถึงพื้น ซือเยี่ยจิ๋งก็รีบม้วนตัวและถอยให้ออกห่างอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมันยังมีสายฟ้าฟาดอีกหลายเส้นที่พุ่งตามเธอลงมาจนเธอต้องถอยไปจนถึงขอบสนามประลอง แววตาที่จริงจังของเธอจ้องมองไปยังเทพเจ้าสายฟ้าที่อยู่ท่ามกลางสายฟ้าฟาดเหล่านั้นโดยไม่สนใจเมฆฝนที่ปกคลุมวิสัยทัศน์แห่งเทพเจ้าสายฟ้าเอาไว้แม้แต่นิดเดียว
ในตอนนี้พลังชีวิตของซือเยี่ยจิ๋งเหลือไม่ถึงครึ่งแล้ว รอบ ๆ ตัวของเธอก็ปกคลุมได้ด้วยกลุ่มควันสีฟ้าที่เกิดจากการโดนสายฟ้าฟาดลงมาด้วย
เห็นได้ชัดเลยว่าซือเยี่ยจิ๋งกำลังเสียเปรียบอย่างหนักเพราะอีกฝ่ายไม่สูญเสียอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นพลังชีวิต หรือมานา รวมถึงวิสัยทัศน์แห่งเทพเจ้าสายฟ้าเองก็ยังไม่หมดฤทธิ์อีก มันยังคงจ้องมองมายังเธอที่กำลังถอยออกห่าง เพียงแค่ไม่ได้ส่งสายฟ้าฟาดมาไล่ตามแล้วราวกับรู้ดีว่าในระยะนั้นเธอไม่สามารถโจมตีเขาได้เสียอย่างงั้น
สถานการณ์ตอนนี้มันย่ำแย่สุด ๆ!
เพียงแค่ได้ปะทะกันในเวลาสั้น ๆ มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าความแข็งแกร่งของทั้งสองมันห่างชั้นกันขนาดไหน!
ยิ่งเห็นท่าทีที่สงบนิ่งของเทพเจ้าสายฟ้าด้วย มันก็ยิ่งชัดเจนไปอีกว่า เขายังไม่ได้เอาจริงเลยด้วยซ้ำ!