Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 440 สัมภาษณ์
บทที่ 440 สัมภาษณ์
บทที่ 440 สัมภาษณ์
ผลัวะ!
-1!
เสียงของหมัดกระทบกับเนื้อและภาพของการทารุณกรรมยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง บนสนามประลองที่เสียหายนี้ ร่างของเทพเจ้าสายฟ้าเองก็ยังคงกระดอนไปมา คราวนี้หมัดนั้นกระแทกเข้าที่ท้องจนชายผมทองต้องงอตัวเป็นกุ้ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถตกถึงพื้นได้อยู่ดี
ผลัวะ!
-1!
ก่อนที่ร่างของเขาจะได้กระเด็นลอยไปไกล คู่ต่อสู้ที่มองไม่เห็นก็เตะเขาจากแผ่นหลังจนเขาแอ่นตัวกลับและกระเด็นกลับไปทิศเดิม เทพเจ้าสายฟ้าอ้าปากกว้างและสำรอกออกมา แต่มันไม่มีอะไรออกมาทั้งนั้น ถ้าหากนี่ไม่ใช่โลกของเกมล่ะก็ ป่านนี้เจ้าตัวคงจะอ้วกเป็นเลือดออกมาแล้วเพราะอวัยวะภายในได้รับความเสียหายจากการปะทะรุนแรงนั้น
ผลัวะ! ผลัวะ! ผลัวะ!
เพราะแบบนี้ แม้ร่างจะต้องถูกซัดกระเด็นกระดอนอยู่ในอากาศหลายต่อหลายครั้ง มันจึงไม่ทำให้เขาสามารถสำรอกอะไรออกมาได้ สภาพของเทพเจ้าสายฟ้านั้นดูเหมือนหุ่นเชิดที่ไร้ซึ่งสายใยยึดข้อ เขาถูกโจมตีเข้าที่ข้างหน้าที ข้างหลังทีสลับกันไปเรื่อย ๆ และทุกการโจมตีล้วนหนักหน่วง ครั้นจะพุ่งไปข้างหน้า เขาก็ถูกส่งตัวกลับไปด้านหลัง ราวกับโดนรั้งไว้กับเชือกที่มองไม่เห็น เป็นกระสอบทรายที่ไร้แรงต่อต้าน เขาไม่สามารถควบคุมร่างตนเองได้อีกต่อไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ทางเซียวเฟิงกลับไม่ได้มีทีท่าจะหยุดเลย ร่างของเขาที่โผล่ด้านหน้าทีด้านหลังทียังคงทำเช่นเดิมเหมือนกับในตอนแรก นอกจากเขาจะมุ่งเน้นไปที่การต่อยเทพเจ้าสายฟ้าแล้ว อีกสิ่งที่น่าเหลือเชื่อนั่นก็คือ ความเร็วของเซียวเฟิงนั้นเหมือนกับเขากำลังหายตัวไปมา ไม่ก็เทเลพอร์ตไปตรงนู้นทีตรงนี้ทีเลย!
ทุก ๆ หมัดที่ถูกปล่อยออกมานั้นไม่มีการออมแรง มันเปี่ยมไปด้วยความต้องการที่จะอัดเทพเจ้าสายฟ้าให้เละเหมือนซากเค้ก หากนี่เป็นโลกจริง ๆ ละก็ คนที่โดนเซียวเฟิงทรมานขนาดนี้ ป่านนี้คงได้มีกระอักเลือดตัวแตกเป็นก้อนเนื้อกันไปแล้ว เผลอ ๆ กระดูกเองก็อาจจะละเอียดไปพร้อมกับเนื้อแล้วด้วยก็ได้!
และด้วยความที่ตอนนี้มันยังเป็นโลกของเกม สิ่งที่เซียวเฟิงจึงไม่ได้ทำให้เทพเจ้าสายฟ้าตายได้ แต่ถึงอย่างนั้น ร่างกายในโลกจริงของเขาเองก็ยังเจ็บปวดจนไร้ซึ่งเรี่ยวแรงราวกับร่างจะแตกสลายเพราะความเสมือนจริงนี้ได้เช่นกัน นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกมมีระบบตัดการเชื่อมต่อเมื่อตรวจพบว่าร่างกายอยู่ในสภาวะอันตราย!
สิ่งที่เซียวเฟิงทำนั้น คือการอัดเทพเจ้าสายฟ้าด้วยพลังกายภาพของเขาล้วน ๆ ไม่พึ่งอาวุธใด ๆ
ผลัวะ!
-1!
ผลัวะ!
-2! คริติคอล
เกาะชิงชัยที่เคยเงียบสงัดนั้นยังคงร้างซึ่งเสียงผู้คนเช่นเดิม พวกเขาต่างมองฉากการทรมานนี้กันอย่างใจจดใจจ่อ เสียงเดียวที่พอจะให้ได้ยินได้นั้น มีเพียงเสียงของเนื้อกระทบหมัดที่รัวถี่เหมือนจังหวะกลองอยู่ภายในสนามประลองเท่านั้น
พวกเขาไม่สามารถนับได้เลยว่า เจ้าแห่งฮีลเลอร์นั้นต่อยเทพเจ้าสายฟ้าไปกี่หมัดแล้ว สิ่งเดียวที่รู้คือ พลังชีวิตของเทพเจ้าสายฟ้าที่มีมากกว่า 1,000 หน่วยนั้น ยามใดที่มันเริ่มลดต่ำลงจนเหลือเพียงหลัก 100 มันจะถูกเซียวเฟิงเติมเต็มให้ทันที ทำให้เขาไม่สามารถหลุดออกจากการวังวนของการทรมานเช่นนี้ได้!
ก่อนหน้านี้ภายในฟอรั่มของฮัวเซียยังคงแตกออกกันเป็นสองฝั่งอยู่ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เชียร์ให้เจ้าแห่งฮีลเลอร์อัดเทพเจ้าสายฟ้าไปแบบนั้น ผู้เล่นส่วนใหญ่ยังคงถกเถียงกันถึงสาเหตุที่ทำให้เจ้าแห่งฮีลเลอร์ตบะแตกขนาดนี้
ไม่นานนักหลังจากที่เรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างไนท์คูนเนอร์และเจ้าแห่งฮีลเลอร์ถูกโพสต์ลงไป ถ้อยคำที่กล่าวว่า เป็นคนรักกันแบบลับ ๆ และการล้างแค้นก็เปรียบเสมือนตัวเชื่อมสายสัมพันธ์ให้กับทุกคน ผู้เล่นชายมากมายนับไม่ถ้วนต่างกล่าวสรรเสริญชายที่ได้ชื่อว่ากำลังปกป้องผู้หญิงที่ตนรัก ในขณะเดียวกันทางฝั่งผู้เล่นหญิงเองก็เข้าใจดี พวกเธอคล้อยไหวไปตามเส้นเรื่องพร้อมหลั่งน้ำตาด้วยความรู้สึกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอิจฉาหรือซาบซึ้งก็ตาม สังเกตได้จากคอมเมนต์มากมายที่ปรากฏขึ้นมาต่อ ๆ กัน
[ประกาศจากระบบ! เวลาในการประลองของรอบรองชนะเลิศประจำอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ชิงชัยได้หมดลงแล้ว!]
[เนื่องจากไม่มีผู้เล่นฝ่ายไหนถูกกำจัด ผู้ชนะจึงต้องตัดสินเอาจากปริมาณพลังชีวิตที่ยังเหลือ ดังนั้นแล้ว ผู้ชนะในรอบนี้ได้แก่ xxx จากเขตฮันกึล! ยินดีด้วย ท่านได้ผ่านเข้าไปยังรอบไฟนอล!]
การประลองแต่ละแมตช์นั้นมีเวลาจำกัดไว้ เพื่อไม่ให้ผู้เล่นยืดเวลามากเกินไป ในรอบรองชนะเลิศเองก็มีสิ่งนั้นเช่นกัน เวลาของมันเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากแมตช์โปรโมชั่น แต่ก็ยังมีเพียง 10 นาทีเท่านั้นอยู่ดี ดังนั้นแล้วสำหรับการทรมานฝ่ายเดียวในรอบนี้น่ะ 10 นาทีจึงถือว่าเร็วมาก ๆ
แต่ถึงการประลองจะจบลงไปแล้ว การต่อสู้ระหว่างผู้เล่นระดับพระเจ้าและการมีชัยเหนือกว่าอยู่ฝ่ายเดียวจะต้องกลายเป็นเรื่องที่เล่าขานสืบต่อกันไปในหมู่ผู้เล่นอย่างแน่นอน และมันจะต้องถูกจารึกลงไปในประวัติศาสตร์ของมิธด้วย!
ในตอนจบของการประลอง ร่างของเทพเจ้าสายฟ้าหายไปจากสนามประลองทันที การต่อสู้ในครั้งนี้ทำให้ร่างกายและจิตใจของเขาเสียหายหนักมาก แต่เดิมแค่ใช้สกิลทะเลสายฟ้า ร่างกายเขาก็ต้องแบกรับภาระมาอยู่แล้ว นี่ยังต้องมาโดนเซียวเฟิงซัดเอา ๆ อีก มันเลยกลายเป็นว่าร่างกายของชายผมทองเสียหายเกินกว่าจะรักษาได้ในเร็ววันด้วย หมัดแต่ละหมัดที่ปะทะเข้ากับร่างกายเขาเสมือนว่าตนโดนรถที่วิ่งมาด้วยความเร็วชนอยู่ตลอดจนร่างเกือบสลาย แม้แต่ตัวเทพเจ้าสายฟ้าเองตอนนี้ก็เริ่มคิดแล้วว่า หากไม่ใช่ว่าโดนอัดในโลกของเกม ป่านนี้เขาอาจจะกลายเป็นเพียงก้อนเนื้อก้อนหนึ่งไปแล้วก็ได้!
ขนาดโดนซัดในโลกของเกม ร่างในโลกความจริงยังรู้สึกอ่อนล้าขนาดนี้ เขายังคงรู้สึกได้ชัดเจนเลยว่าร่างกายมันเหมือนจะระเบิดออกให้ได้ กระดูกทุกตารางนิ้วเหมือนมันได้แตกหักไปหมดแล้ว ร่างกายของตัวเองกำลังไม่ฟังคำสั่งเขาโดยสมบูรณ์ มันไม่ยอมขยับให้เขา ราวกับว่าถ้าขยับแม้แต่นิดเดียว เขาได้กระดูกแตกจริง ๆ แน่!
ดวงตาของเซียวเฟิงไร้ซึ่งการแยแสใด ๆ มันเปล่งแสงออกมาอ่อน ๆ ในขณะที่ทั่วร่างของเขากำลังถูกปกคลุมไว้ด้วยรังสีของความช่วยร้ายที่ทำให้ผู้พบเจอรู้สึกหนาวสั่นได้ สิ่งเหล่านี้วนเวียนอยู่กับตัวเซียวเฟิงจนกระทั่งการประลองจบลง มันถึงค่อย ๆ จางหายไปเอง
นัยน์ตาทั้งสองข้างที่สีต่างกันกลับมาเป็นสีปกติอีกครั้ง เช่นเดียวกับลมหายใจที่เริ่มสงบลงด้วย หลังจากที่เขาใจเย็นลงมาพักหนึ่งแล้ว เซียวเฟิงก็หายออกจากสนามประลองด้วยเช่นกัน เขาเทเลพอร์ตกลับไปยังเขตพักผ่อนเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว
มีคนเหลือเพียงสามคนเท่านั้นในเขตพักผ่อน ณ เวลานี้ นอกจากเซียวเฟิงแล้วก็มีไทแรนนี่และผู้เล่นจากเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อู่ม่า เมื่อตอนที่เซียวเฟิงเทเลพอร์ตกลับไปพวกเขาทั้งสองต่างก็พากันเงียบสงบและถอยออกจากเซียวเฟิงเล็กน้อย
[ประกาศจากอีเวนต์! แมตช์ที่ 2 ของรอบรองชนะเลิศประจำอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ชิงชัย ผู้เล่น ไทแรนนี่ จากเขตฮัวเซีย! ปะทะ! ผู้เล่น อู่ม่า จากเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้! การประลอง เริ่มได้!]
ทั้งสองถูกส่งตัวขึ้นไปยังสนามประลองที่พักเสียหายนั้น เหลือเพียงเซียวเฟิงไว้เพียงคนเดียวในเขตพักผ่อน เขาค่อย ๆ หาที่นั่งเพื่อพักหายใจช้า ๆ ในแววตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเหนื่อยล้าแอบแฝงไว้อยู่
ความไร้เทียมทานเป็นความสามารถที่สามารถใช้ได้เต็มที่เพียง 10 นาทีเท่านั้น เมื่อถึงลิมิตของมัน ร่างกายและจิตใจของเซียวเฟิงจะต้องรับภาระหนักมาก ๆ ความเสียหายที่เกิดจากพลังอันยิ่งใหญ่นี้รุนแรงระดับที่มีโอกาสจะทำให้ร่างกายไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติได้แฝงอยู่ด้วย
ทว่านี่ยังไม่ใช่เวลาที่เซียวเฟิงจะมาพักผ่อน แม้จะเหนื่อยล้าแค่ไหน แต่ประสาทสัมผัสของชายหนุ่มก็ยังฉับไว เซียวเฟิงรับรู้ได้ถึงการมาของนักข่าวคนหนึ่งที่ใบหน้าชุ่มไปด้วยเหงื่อ ซึ่งเธอคนนั้นก็คือ ชิวเย่ว่านเฟิง
“ทะ…ท่านเจ้าแห่งฮีลเลอร์ค๊า คือ…เอ่อ…ฉันจะขอรบกวนถามคำถามสักนิดได้ไหมคะ?”
ชิวเย่ว่านเฟิงลังเลแล้วลังเลอีกตั้งแต่เข้ามาในเขตพักผ่อนนี้ เธอกลืนน้ำลายหลายอึกลงคอก่อนจะทำใจให้มั่นแล้วเอ่ยถามเซียวเฟิงออกไปอย่างระมัดระวัง
สาบานต่อหน้าไฟเลยว่าตัวเธอนั้นไม่ได้อยากจะเข้ามาที่นี่ตอนนี้เลย นั่นเพราะเมื่อไม่ถึงนาทีก่อนหน้านี้เซียวเฟิงก็เพิ่งจะสติแตกบนสนามประลองไป มันเลยทำให้เธอน่ะกลัวเจ้าแห่งฮีลเลอร์คนนี้แบบสุด ๆ แค่ยืนใกล้ ๆ ยังไม่กล้า เพราะงั้นไม่ต้องพูดถึงการสัมภาษณ์ก็รู้แล้วว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นอย่างไร
แต่ที่ท้ายสุดเธอจำเป็นต้องเข้ามาทำเช่นนี้ก็เพราะว่าโดนบีบบังคับจนไม่สามารถหาทางอื่นได้ เนื่องจากเธอเป็นนักข่าวเพียงคนเดียวในเขตฮัวเซียที่ได้ตั๋วทองมาในอีเวนต์นี้ ดังนั้นเธอจึงเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถเข้ามาถ่ายทอดสดการประลอง รวมถึงทำการสัมภาษณ์ผู้เข้าแข่งขันบนเกาะแห่งนี้ได้ด้วย
ณ เวลานี้ผู้ชมถ่ายทอดสดของชิวเย่ว่านเฟิงนั้นทะลุสิบล้านคนเข้าไปแล้ว มันเข้าใกล้หลักร้อยล้านคนเข้าไปทุกที ทั้งหมดนี้ก็มาจากการที่พวกเขาพากันเข้ามาดูเซียวเฟิงที่ลงสนามประลองไปเมื่อครู่เนี่ยแหละ
พวกเขาทุกคนที่เป็นผู้ชมในถ่ายทอดสดต่างคะยั้นคะยอให้นักข่าวสาวรีบเข้าไปตามหาสิ่งที่พวกเขาต้องการจนตัวเธอเองรู้สึกอึดอัด ผู้ชมทุกคนกำลังให้ความสนใจกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์ จุดประสงค์ของพวกเขาที่เข้ามาชมถ่ายทอดสดของเธอนั้นไม่ใช่เป็นเพราะเธอเลย แต่เป็นเพราะพวกเขาอยากให้เธอเข้าไปสัมภาษณ์เซียวเฟิงล้วน ๆ!
หากตอนนี้เธอมีผู้ชมเพียงหลักแสนคนล่ะก็ แน่นอนว่าเธอคงจะต้องปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิดมากเลยแน่ ๆ หลังจากที่ได้เห็นเจ้าแห่งฮีลเลอร์แสดงความโกรธเกรี้ยวออกมาขนาดนั้น เธอไม่มีทางเอาตัวเองเข้าไปเผชิญหน้ากับเขาหรอก ทว่าผู้ชมทั้งหลายสิบล้านคนนั้นกลับไม่ยอมและบีบบังคับให้เธอไปสัมภาษณ์ให้ได้
เธอกล้าที่จะปฏิเสธและทำส่วนในสิ่งที่ผู้ชมหลักหมื่นขอมา ต่อให้คนเหล่านั้นจะเป็นแฟนคลับตัวยงในแชนแนลของเธอก็ตาม หากสิ่งที่ขอมันยากเกินไป ยกตัวอย่างเช่น คำขอที่ให้มาสัมภาษณ์เซียวเฟิงตอนนี้ เธอยอมที่จะเสียผู้ชมหลักหมื่นคนนี้ไปหากไม่ทำตามแล้วพวกเขาจะหัวเสียกับเธอ อย่างน้อย ๆ เธอก็ยังมีความสุขที่สามารถรักษาชีวิตตัวเองไว้ได้
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ผู้ชมหลักสิบล้านคนต่างก็ขอมาในสิ่งเดียวกัน พวกเขากำลังขอให้เธอไปสัมภาษณ์เซียวเฟิง ยังไม่นับรวมบางคนที่ส่งข้อความส่วนตัวมาข่มขู่เธออีกด้วยว่าถ้าหากเธอไม่ยอมทำตามที่ขอแล้ว เขาจะมาฆ่าเธอจนกว่าจะกลับไปยังหมู่บ้านเริ่มต้นเลย หากมันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ละก็ โลกแห่งเกมจะกลายเป็นนรกสำหรับเธอทันที
ต่อให้ไม่ต้องเป็นพระเจ้าก็สามารถรู้ได้ว่าการโดนคนทั้งสิบกว่าล้านคนพากันรุมข่มขู่มันน่ากลัวขนาดไหน แล้วทุกท่านต้องไม่ลืมด้วยว่าในบรรดาหลักสิบล้านคนนี้ มีผู้เล่นระดับสูง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้ากิลด์ใหญ่หรืออาจจะเป็นผู้เล่นระดับยอดฝีมือที่ไม่ได้ขึ้นประลองรวมอยู่ด้วยก็ได้ ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาทั้งหมดพูดมันไม่ได้เกินจริงเลย เพราะแบบนี้ ไม่ว่าจะทางไหนเธอก็ตาย แต่อย่างน้อยทางนี้ก็ยังคาดหวังไว่ได้บ้าง
การเอาชีวิตไปเสี่ยงกับใครอีกเกือบร้อยล้านคนนั้นไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลย เพราะชิวเย่ว่านเฟิงรู้ดี ว่าคนพวกนี้สามารถหาชื่อจริง ๆ ของเธอเองรวมถึงหาตัวเธอในโลกจริงได้ไม่ยากนัก และเมื่อไหร่ที่พวกเขาหาเธอเจอ เมื่อนั้นปัญหาได้เกิดขึ้นมาแน่ ๆ!
เช่นนั้นแล้วการที่ได้ยอดผู้ชมสูงเป็นพันเท่าเช่นนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับเธอเลย กลับกันมันกลายเป็นว่าเธอต้องแบกรับความกดดันและความกลัวไว้มากขึ้น
แฟนคลับเหล่านี้…น่ากลัวเกินกว่าจะเล่นด้วยได้! เพราะถ้าเธอพลาดทำอะไรไม่เข้าท่าล่ะก็ ชีวิตทั้งในเกมและนอกเกมของเธอคงได้ถึงกาลอวสานจริง ๆ
ดังนั้น เมื่อทั้งสองทางล้วนมีความตายเป็นเดิมพัน ชิวเย่ว่านเฟิงจึงตัดสินใจที่จะเลือกเผชิญหน้ากับเจ้าแห่งฮีลเลอร์แทนดีกว่า ไม่ว่าคนคนนี้จะอันตรายระดับไหนก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ไม่เท่ากับผู้ชมในถ่ายทอดสดหรอก!
เพราะถ้าหากเจ้าแห่งฮีลเลอร์ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ด้วยความหงุดหงิด เต็มที่เธอก็จะถูกฆ่าและออกจากอีเวนต์ไป ไม่น่ากลัวเหมือนพวกที่ข่มขู่ว่าจะฆ่าเธอจนกว่าเธอจะได้กลับไปเกิดในหมู่บ้านเริ่มต้นเลยสักนิด!
“สัมภาษณ์เหรอ? ได้สิ ถามมาได้เลย”
เซียวเฟิงเหลียวมองไปยังชิวเย่ว่านเฟิง เขาจำเธอได้เนื่องจากวีรกรรมล่าสุดที่เธอได้ทำไว้มันตราตรึงใจเขานิดหน่อย
เมื่อครั้งที่เซียวเฟิงต้องเจอกับพาลาดินแห่งการรักษาในรอบน็อกเอาต์นั้น เขากลายเป็นเป้าหมายของผู้ชมที่เป็นแฟนคลับของพาลาดินแห่งการรักษา เนื่องจากวิธีการต่อสู้ของตัวเขาเอง แต่ด้วยปฏิภาณไหวพริบของชิวเย่ว่านเฟิงที่ตอบสนองฉับไวและเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาภายในการถ่ายทอดสดไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เรื่องคำครหาทั้งหลายของผู้ชมพูดใส่เซียวเฟิงมันพลอยหายไปด้วย ดังนั้นเซียวเฟิงจึงชื่นชมนักข่าวคนนี้ ในความที่เธอเป็นคนฉลาด และในสังคมเช่นนี้ คนฉลาดเช่นเธอก็หาได้ยากมากด้วย
“ถ้างั้น ท่านเจ้าแห่งฮีลเลอร์คะ ฉันขอถามถึงเหตุผลที่คุณเกรี้ยวกราดและดิบเถื่อนขณะที่โจมตีเทพเจ้าสายฟ้าได้ไหมคะ? มันมีอะไรเกี่ยวข้องกับท่านไนท์คูนเนอร์ไหม?”
นักข่าวสาวไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์จะพูดดีกับเธอถึงเพียงนี้ เพราะงั้นเธอจึงรีบสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อไล่ความกลัวแล้วถามออกไปทันที
“แน่นอน” เซียวเฟิงพยักหน้าและยิ้ม
“เอ่อ…ท่านเจ้าแห่งฮีลเลอร์…รู้จักกับท่านไนท์คูนเนอร์มานานมาแล้วสินะคะ?”
เธอพยายามขัดเกลาคำพูดของเธอขณะที่ถาม หลังจากที่อ่านคอมเมนต์ต่าง ๆ ในถ่ายทอดสดของตนแล้ว มันเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ เลยที่จะนำคำถามของผู้ชมมาถามโดยที่ไม่ให้มันกระทบกระทั่งจิตใจของทั้งผู้ถามและผู้ตอบคำถาม
“พวกเรารู้จักกันมานานแล้ว ตั้งแต่วันแรกที่เกิดนี้เปิดให้บริการเลย แล้วก็ฉันกับเธอคนนั้นเองก็มีความสัมพันธ์ต่อกันดีมาก ๆ ด้วย” ชายหนุ่มยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม และมันเป็นเรื่องจริง
“แค่ก! ถะ…ถ้างั้นท่านเจ้าแห่งฮีลเลอร์ก็ต้องรู้อยู่แล้วสิคะว่าท่านไนท์คูนเนอร์เป็นผู้หญิงที่สวยมาก?”
คำตอบที่ได้จากอีกฝ่ายนั้น ทำเอาชิวเย่ว่านเฟิงตกใจเอามาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการที่เจ้าแห่งฮีลเลอร์พูดด้วยตนเองว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและไนท์คูนเนอร์นั้นดีมาก ผิดกับข่าวลือแปลก ๆ ก่อนหน้านี้ แล้วไหนจะเรื่องที่ทั้งสองรู้จักกันมาเนิ่นนานแล้วอีก มันทำให้ตอนนี้บรรยากาศในถ่ายทอดสดนั้นต่างวุ่นวายไปหมดแล้ว ทุกคนตื่นเต้นและอยู่ไม่สุข แม้แต่ชิวเย่ว่านเฟิงยังอดที่จะไอค่อกแค่กด้วยความตกใจไม่ได้ก่อนจะถามออกไปเช่นนั้น
“แน่นอนอยู่แล้ว” เซียวเฟิงพยักหน้า
หลังจากได้รับความกระจ่างในหลาย ๆ ข้อสงสัยจากเซียวเฟิง ชิวเย่ว่านเฟิงก็เริ่มรู้สึกได้ว่าตนกำลังถามคำถามไร้สาระออกมาอยู่ ในเมื่อเจ้าแห่งฮีลเลอร์ตอบมาหมดแล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์หรือเรื่องสาเหตุที่โกรธ รวมถึงช่วยยืนยันแล้วว่าไนท์คูนเนอร์เป็นผู้หญิงจริง ๆ หญิงสาวรีบหันกลับไปอ่านคอมเมนต์ในถ่ายทอดสดก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา
ข้อความขู่ฆ่าเธอมันหายไปหมดแล้ว ดังนั้นตอนนี้เธอสามารถเปลี่ยนหัวข้อที่จะถามได้ เพราะเธอเองก็ยังกลัวว่าถ้ายังถามเรื่องพวกนี้ลึกไปเรื่อย ๆ มันอาจจะกลายเป็นการก้าวล้ำความเป็นส่วนตัวของผู้ให้สัมภาษณ์มากเกินไป และเธอจะกลับไปอยู่ในจุดที่ท้าความตายอีกครั้งแทน