Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 460 รีเฟรช
บทที่ 460 รีเฟรช
บทที่ 460 รีเฟรช
ตึง!
แมมมอธสงครามที่สูงราวตึกสามชั้น พุ่งเข้าหมายจะชนเซียวเฟิง ทว่าก่อนจะถึงตัวเขาเพียงหนึ่งก้าว มันก็หยุดความเร็วลงแล้วเหยียบเซียวเฟิงลงไปแทนด้วยเท้าขนาดใหญ่ของมันเอง!
-306!
บริเวณเหนือหัวเซียวเฟิงมีตัวเลขแสดงความเสียหายปรากฏขึ้นมา พร้อมกับหลอดพลังชีวิตที่ลดหายไปอย่างเห็นได้ชัด! ในขณะเดียวกันนั้น ภายในหัวของเขาก็ก้องกังวานไปด้วยเสียงอื้ออึงพร้อมติดสถานะงุนงงไปด้วย โชคยังดีที่ผลของชุดเกราะมังกรมันทำให้อาการนี้อยู่ไม่นานนัก
แต่เพียงเท่านั้นมันก็ทำให้เซียวเฟิงตกใจได้แล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะจ้องเขม็งไปยังแมมมอธสงครามตัวยักษ์ที่อยู่ตรงหน้า พลังป้องกันของเซียวเฟิงมันทะลุหลักพันขึ้นไปแล้ว ผนวกกับพลังในการลดความเสียหายของชุดเกราะมังกรและผลของสกิลกายาศักดิ์สิทธิ์อีก ด้วยสิ่งเหล่านี้แต่เซียวเฟิงก็ยังเสียพลังชีวิตไปกว่า 300 หน่วยได้เพียงแค่การกระทืบเมื่อครู่นี้! สิ่งนี้แสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่าพลังโจมตีของแมมมอธยักษ์สูงกว่า 2,000 หน่วยเสียอีก!
มันแข็งแกร่งกว่าบอสระดับทองทั่วไป บางทีน่าจะแข็งแกร่งพอ ๆ กับบอสระดับเทพเจ้าเลยก็ว่าได้!
“โฮกกกกกก!”
สงครามครั้งที่ 3 นี้เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ยามที่แมมมอธยักษ์เห็นว่าการกระทืบเมื่อครู่นี้ไม่สามารถทำให้เซียวเฟิงชะงักได้ มันก็คำรามออกมาเสียงดังพร้อมกับสะบัดงวงสะบัดงาปัดไล่ผู้เล่นกิลด์กางเขนเหล็กที่อยู่รอบ ๆ ตัวออกไป อสูรกายยักษ์ออกตัววิ่งเหมือนหัวรถจักรที่กำลังเร่งความเร็ว มันหมายจะพุ่งชนเซียวเฟิงให้เหมือนหอกเล่มโตก็มิปาน!
ถึงแม้ว่าเซียวเฟิงจะรู้อยู่แล้วว่าเจ้าช้างยักษ์ตัวนี้อันตราย แต่เพราะเขาติดอยู่ในวังวนผู้คนทำให้ไม่สามารถออกไปไหนได้ เขาเลยจำเป็นที่จะต้องกัดฟันเอาไว้แล้วคว้าเอาคทาขึ้นมาจับไว้ให้มั่นเพื่อจะหาวิธีบล็อกการโจมตีนี้ไปให้ได้
-271!
ทว่าผลลัพธ์ก็ยังคงล้มเหลว แววตาของชายหนุ่มมืดมนลงไป แขนทั้งสองข้างของเขาเหมือนกับโดนชนแรง ๆ ด้วยรถไฟเลย มันชาไปหมด แถมที่เหนือหัวเขาก็มีตัวเลขแสดงความเสียหายปรากฏขึ้นอีกแล้วด้วย!
“หนอยแน่ะ! อย่าคิดว่าจะยอมให้ทำฝ่ายเดียวนะเว้ย…”
เซียวเฟิงสบถในลำคอ เขาร่ายค้อนแห่งการพิพากษาขึ้นมาแล้วทุบกลับลงไปที่กลุ่มผู้เล่นที่อยู่รอบ ๆ ตัว สร้างความเสียหายหลายหมื่นจากการทุบ ในขณะเดียวกันมันก็ช่วยฟื้นพลังชีวิตกว่า 500 หน่วยที่หายไปจากการโดนโจมตีจากแมมมอธยักษ์กลับมา จากนั้นเซียวเฟิงก็หันไปร่ายถ้อยคำแห่งเงาช้างยักษ์เจ้าปัญหา มันไม่มีวิธีไหนที่จะโจมตีแล้วได้ผลดีกับบอสระดับสูงเช่นนี้ได้เท่ากับถ้อยคำแห่งเงาแล้ว!
-51,232!
-51,232!
-51,232!
…
ทันใดนั้นเอง พลังชีวิตปริมาณมหาศาลของแมมมอธสงครามก็ลดลงไป และมันยังคงลดเรื่องอย่างต่อเนื่องในอัตราที่ค่อนข้างสูงถึง 50,000 หน่วยต่อวินาที แต่เพราะมันมีพลังชีวิตมากถึง 8 หน่วย ความเสียหายเพียงเท่านี้จึงไม่ทำให้เซียวเฟิงรู้สึกหายใจสะดวกมากขึ้นแม้แต่น้อย
ใช่แล้ว…พลังชีวิตของแมมมอธสงครามตัวนี้ มันสูงกว่า 10 ล้านหน่วยเสียอีก!
ถ้อยคำแห่งเงาสามารถทำความเสียหายได้เพียง 0.5% ต่อวินาทีเท่านั้นเพราะอีกฝ่ายไม่ใช่เผ่าพันธุ์แห่งความมืด รวมถึงไม่ใช่อันเดดด้วย ดังนั้นมันจึงสร้างความเสียหายแก่แมมมอธสงครามได้เพียง 50,000 กว่าหน่วยต่อวินาทีดังที่เห็น
ในตอนแรก จากการคำนวณระยะเวลาของถ้อยคำแห่งเงาที่ใช้ค่าสปิริตทหารด้วย 10 ก็จะได้ราว ๆ 75 วินาที มันควรจะทำให้ช้างยักษ์เสียพลังชีวิตไปกว่า 30% แล้วแท้ ๆ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นมันจะถือเป็นการดีต่อสถานการณ์ฝั่งเซียวเฟิงมาก ๆ ทว่าจากผลลัพธ์ที่ออกมา มันก็เห็นได้ชัดแล้วว่า แมมมอธสงครามตัวนี้ มีสกิลต่อต้านค่าสถานะเชิงลบอยู่ ดังนั้นถ้อยคำแห่งเงาจึงแสดงผลบนตัวมันได้เพียง 10 วินาทีเท่านั้น! และด้วย 10 วินาทีนี้ มันเลยทำให้แมมมอธสงครามเสียพลังชีวิตไปเพียง 5% สเกลตัวเลขก็ยังสูงกว่า 10 ล้านหน่วยเหมือนเดิม!
“นี่มันอะไรกันน่ะ…”
มองไปยังหลอดพลังชีวิตของช้างศึกเจ้าปัญหา เซียวเฟิงก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที บอสตัวนี้มันยากที่จะต่อกรด้วยมาก เพราะมันไม่ใช่เผ่าพันธุ์แห่งความมืด แถมสถานะของมันก็ยังเป็นอะไรที่สูงเกินกว่าเขาคนเดียวจะรับมือได้อีก ช่างไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย!
“เธอดูถ่ายทอดสดสถานการณ์ฝั่งฉันอยู่หรือเปล่า? ช่วยดูทีว่าไอ้แมมมอธยักษ์ตัวนี้ทำอะไรกับมันได้บ้าง!”
เซียวเฟิงคิดหาลู่ทางที่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตนนี้ไปให้ได้ก่อนจะตัดสินใจกดโทรหาหลิวเฉียงเหว่ยอย่างรวดเร็ว เขาถามคำถามออกไปก่อนที่จะรู้ว่าเธอจะรับสายหรือไม่เสียอีก เพราะสิ่งหนึ่งที่เซียวเฟิงมั่นใจ ก็คือหลิวเฉียงเหว่ยจะต้องรับสายเขาในทันทีอย่างแน่นอน
“นั่นน่าจะเป็นสัตว์เทพพิทักษ์ของกิลด์กางเขนเหล็กนะ” และมันก็จริง สิ้นสุดคำถามเซียวเฟิง หลิวเฉียงเหว่ยก็ตอบกลับมาทันที
“สัตว์เทพพิทักษ์ของกิลด์เหรอ? มันคืออะไรน่ะ?” เซียวเฟิงรับการโจมตีจากแมมมอธยักษ์อีกครั้ง ก่อนจะมองปริมาณพลังชีวิตที่เสียไปเหนือหัวและถามกลับด้วยความประหลาดใจ
เขาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับสัตว์เทพพิทักษ์ประจำกิลด์เช่นนี้จริง ๆ หรือบางสิ่งบางอย่างที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาในโลกของเกมเมื่อหนึ่งเดือนก่อนก็ยังไม่รู้
“มันเป็นระบบสำหรับป้องกันตัวเมืองที่จะปลดล็อกก็ต่อเมื่อแคมป์กิลด์นั้น ๆ ถูกพัฒนาเป็นเมืองหลักน่ะ ค่อนข้างจะแข็งแกร่งมาก ๆ เลย ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็พลังชีวิตที่เยอะมาก ๆ พลังชีวิตของสัตว์เทพพิทักษ์ประจำกิลด์นั้นจะอิงตามจำนวนสมาชิกกิลด์ผู้เป็นเจ้าของ มิดซัมเมอร์เองก็มีตัวนึงเหมือนกันแต่ไม่ใช่แมมมอธ สัตว์เทพพิทักษ์พวกนี้จะต่างกันออกไปตามแต่ละกิลด์ รวมถึงสกิลของพวกมันก็จะต่างกันออกไปตามภารกิจกิลด์ที่รับกันอีกด้วย” หลิวเฉียงเหว่ยอธิบาย
“แล้วของพวกนี้มันมีจุดอ่อนหรือเปล่า?” เซียวเฟิงทำความเข้าใจแล้วถามต่อ สิ่งนี้คือสิ่งที่เขาตั้งใจจะถามจริง ๆ เพราะตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกว่าตนเองจะไม่สามารถรับมือแมมมอธยักษ์ตนนี้ได้ ด้วยพลังโจมตีที่สูงกว่า 2,000 หน่วยต่อครั้ง แล้วไหนจะยังมีพลังชีวิตระดับ 10 ล้านอีก พูดได้เลยว่าต่อให้เซียวเฟิงจะสามารถล้มมันได้โดยใช้เวลาเป็นตัวช่วย มันก็คงจะทำให้เซียวเฟิงเหนื่อยจนตายเลยเหมือนกัน เพราะธาตุของมันนั้นเป็นธาตุชีวิต แน่นอนว่าโฮลี่ไลท์แทบจะไม่สร้างความเสียหายแก่มันเลย ทางเดียวที่จะเอาชนะได้ ก็คือต้องหวังพึ่งถ้อยคำแห่งเงาเท่านั้น!
ทว่าถ้อยคำแห่งเงาก็มีปัญหาตรงที่มันใช้เวลาคูลดาวน์นานถึง 3 นาที อันที่จริงเวลาคูลดาวน์นั้นก็ไม่ได้น่าห่วงสักเท่าไหร่ ปัญหามันอยู่ที่ ทุกครั้งที่ใช้ มันลดพลังชีวิตของแมมมอธสงครามตัวนี้ได้แค่ 5% เท่านั้น หากเซียวเฟิงคิดจะพึ่งพาสกิลนี้จนกว่าจะชนะจริง ๆ เขาจะต้องใช้เวลานานขนาดไหนกันนะ?
“สัตว์เทพพิทักษ์ประจำกิลด์นั้น เป็นเกราะป้องกันเมืองที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วสำหรับกิลด์ที่ยกระดับเป็นเมืองหลักได้ ตัวสัตว์เหล่านี้ไม่มีจุดอ่อนในแง่การป้องกันเลย แต่ถ้าเรื่องข้อจำกัดก็น่าจะพอมีอยู่บ้าง อันดับแรก มันออกนอกเมืองหลักที่ปลุกมันขึ้นมาไม่ได้ แล้วก็อันดับที่สองเมื่อไหร่ที่โถงหลักถูกทำลาย มันจะหายไปเอง” หลิวเฉียงเหว่ยครุ่นคิดแล้วตอบกลับไป
“ฉันจะคิดซะว่าเธอไม่ได้พูดอะไรออกมาก็แล้วกัน! เสี่ยวไป๋!” เซียวเฟิงวางสายไปด้วยความอารมณ์เสีย เขาหันไปหาเสี่ยวไป๋ด้วยความคิดบางอย่าง ยังไงเสียระดับของเสี่ยวไป๋ก็สูงถึงระดับตำนานไปแล้ว บางทีเธออาจจะสามารถจัดการกับสัตว์เทพพิทักษ์ประจำกิลด์ตนนี้ได้
“ฮื่อ!”
ทางด้านเสี่ยวไป๋นั้น เธอกำลังวุ่นอยู่กับการถล่มฝูงชน ดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มโตบนมือฟาดฟันศัตรูด้วยไฟสวรรค์ครั้งแล้วครั้งเล่า และทุกครั้งที่เธอฟาดฟัน ผู้เล่นก็ถูกฆ่าตายราวกับผักปลา แต่เพราะกิลด์กางเขนเหล็กนี้อุดมไปด้วยผู้เล่น ดังนั้นแม้จะกำจัดไปเท่าไหร่ มันก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลยแม้แต่น้อย เมื่อกลุ่มหนึ่งตายไป อีกกลุ่มหนึ่งก็จะเข้ามาเติมช่องว่างนั้นทันที
พลันเมื่อได้ยินเซียวเฟิงเรียก เสี่ยวไป๋ก็หันขวับพร้อมทั้งสยายปีกทั้งหกออกกว้าง ทะยานขึ้นฟ้าแล้วไปโผล่เหนือหัวเซียวเฟิงทันใด
“เสี่ยวไป๋! จัดการมันซะ!”
เซียวเฟิงรีบชี้ไปทางแมมมอธสงครามตรงหน้าแล้วออกคำสั่ง สิ้นเสียงนั้นร่างของเซียวเฟิงก็โดนเป้าหมายเข้าโจมตีอีกครั้ง นี่ถือเป็นครั้งที่สามแล้วที่เขาต้องสูญเสียพลังโจมตีทีละปริมาณมาก ๆ จากการโจมตีหนึ่งครั้ง และมันทำให้เขาจำเป็นที่จะต้องร่ายโฮลี่ไลท์ใส่ตนเองเพื่อเพิ่มพลังชีวิต!
ยามที่ประมวลผลคำสั่งเสร็จ เสี่ยวไป๋ก็กระพือปีกแล้วพุ่งเข้าใส่เป้าหมายของเซียวเฟิงพร้อมกับดาบเล่มยักษ์ ทว่าด้วยความสูงของเธอผนวกเข้ากับความใหญ่ของดาบศักดิ์สิทธิ์แล้ว มันทำให้เธอโจมตีได้ถึงแค่ระดับต้นขาของมันเท่านั้น!
ฉัวะ!
ด้วยเสียงที่เหมือนเนื้อถูกฟาดฟัน ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่อาบด้วยเพลิงสวรรค์สามารถผ่าเข้าไปที่เนื้อต้นขาของแมมมอธยักษ์ได้สำเร็จ!
-2,988!
เลขแสดงความเสียหายจากการโจมตีนั้นมันชัดเจนว่าสูงกว่าการโจมตีหลาย ๆ ครั้งของเซียวเฟิงมัดรวมกันไว้เสียอีก ซึ่งความเสียหายที่เซียวเฟิงทำได้นั้น อยู่แค่ราว ๆ 1,000 หน่วยเท่านั้น
กระนั้นมันก็ยังไม่เพียงพอ ด้วยตัวแปรเดิม ดูท่าว่าแม้แต่เสี่ยวไป๋เองก็ไม่สามารถรับมือแมมมอธศึกตนนี้ได้เช่นกัน!
มันไม่มีทางอื่นแล้ว ในเมื่อสิ่งมีชีวิตตรงหน้านี้ไม่มีจุดอ่อนจริง ๆ เขาคงทำได้เพียงยอมรับที่จะกลับไปใช้แผนล่อซื้อเวลาคูลดาวน์ให้สกิลถ้อยคำแห่งเงา แม้ว่าเวลาคูลดาวน์รวม ๆ ของถ้อยคำแห่งเงาทั้ง 20 ครั้งจะใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมง แต่เซียวเฟิงก็ทำใจที่สงครามครั้งนี้อาจจะต้องยืดเยื้อไว้ตั้งแต่ประกาศสงครามครั้งที่ 3 แล้ว เขารู้ดีว่าความทนทานของโถงกลางเมืองน่ะไม่ใช่เล่น ๆ เลย
สงครามครั้งนี้มันยืดเยื้อตั้งแต่ต้นแล้ว และเขาจะแสดงให้โลกแห่งเกมต้องสะพรึง ถึงความสามารถของนักบวชที่ไม่มีใครคาดคิด
ภายใต้ศักยภาพของสองพลังการฟื้นฟูที่ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นสกิลดูดเลือดหรือสกิลรักษาตนเอง เซียวเฟิงสามารถยืนหยัดรับการโจมตีอันหนักหน่วงของแมมมอธยักษ์รวมถึงยืนสู้ปะทะกับคลื่นสกิลอันนับไม่ถ้วนจากผู้เล่นได้ราวกับเขาเป็นบัคของเกม มันทำให้ผู้ชมทุกคนที่กำลังติดตามดูเขาอยู่นั้นได้แต่อ้ำอึ้งพูดอะไรกันไม่ออก
ชินห่าวที่อยู่ด้านบนกำแพงเมืองเองก็ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะเขาได้แต่มองเหล่าสมาชิกกิลด์กางเขนเหล็กทั้งสิบล้านคนควบคู่กับสัตว์เทพพิทักษ์กิลด์ที่ถูกอัญเชิญออกมาเข้าต่อสู้ห้ำหั่นกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์เพียงคนเดียว หนำซ้ำยังเอาไม่ลงเสียด้วย!
นี่เป็นครั้งแรกเลยจริง ๆ ที่เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความน่ากลัวของพลังที่แท้จริงของผู้ที่เป็นอันดับ 1 ของโลกใบนี้!
แต่ภายใต้ความตกใจนั้น ก็ใช่ว่าแผนการยืดเวลาของเซียวเฟิงจะไม่มีใครรู้ ชินห่าวรู้ดีว่าการที่สงครามยืดเยื้อนี้ก็เป็นหนึ่งในความตั้งใจของเซียวเฟิงด้วย แม้ว่าการต่อสู้จะดุเดือดถึงเพียงใด แต่เส้นทางการเดินของเจ้าแห่งฮีลเลอร์ก็ชัดเจนมาก ๆ ไม่ว่าเขาจะเคลื่อนที่ช้าขนาดไหน แต่ปลายทางของเขาก็คือโถงหลักเมืองอย่างแน่นอน!
ผู้เล่นจำนวนมากมายไม่สามารถสกัดกั้นเซียวเฟิงจากการค่อย ๆ เคลื่อนที่ไปด้านหน้าได้ พวกเขาเป็นได้เต็มที่ก็แค่อุปสรรคที่รอให้ฟันฝ่า แต่สิ่งที่ทำให้ชินห่าววิตกกังวลหนักนั้นอยู่ที่สัตว์เทพพิทักษ์ประจำกิลด์ต่างหาก นอกจากมันจะไม่สามารถจัดการเจ้าแห่งฮีลเลอร์ได้แล้ว มันยังเป็นฝ่ายเสียพลังชีวิตไปจนเกือบจะถึงครึ่งหนึ่งแล้วด้วย!
“ท่านหัวหน้าครับ! กำลังคนของพวกเราจะกลายเป็นซากมนุษย์มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะครับ! เจ้าแห่งฮีลเลอร์แค่ใช้ค้อนสีทองนั่นหวด คนของเราก็ตายเป็นผักปลากันแล้ว! แล้วตอนนี้เขาเหลือระยะทางอีกไม่ถึง 20 เมตรก็จะถึงโถกหลักเมืองแล้วด้วย!”
“สัตว์เทพพิทักษ์ของกิลด์เราสร้างความเสียหายให้กับเขาได้ก็จริง แต่เพราะเจ้าแห่งฮีลเลอร์มีสกิลดูดเลือด เพราะงั้นไม่ว่าเขาจะเสียเลือดไปมากเท่าไหร่ มันก็ไม่สะทกสะท้านเลย! ทำไมเราไม่ลองเอาคนของเราออกเพื่อไม่ให้เขาใช้สกิลดูดเลือดได้ดูล่ะครับ?”
“ต่อให้เราโถมคนเข้าไปมากกว่านี้ เจ้าแห่งฮีลเลอร์จะฮีลตัวเองไม่หยุด! พวกเราหยุดการดูดเลือดของเขาไม่ได้ แต่ป้องกันไม่ให้เขาใช้มันได้นะครับ! อย่างน้อย ๆ เราอาจจะล่อเขาออกมาได้ด้วยหากเขาจำเป็นต้องดูดเลือดจริง ๆ!”
“ใช่แล้วครับ! จากที่ผมสังเกตมา เจ้าแห่งฮีลเลอร์มีคลาสเป็นนักบวช นอกจากสกิลดูดเลือดที่มาจากไหนไม่รู้แล้ว ผมก็ไม่คิดว่าเขาจะมีสกิลฟื้นพลังชีวิตสกิลอื่นอีกครับ!”
“ในเมื่อเราไม่สามารถหยุดเขาได้ด้วยจำนวนคน เราก็ใช้วิธีอื่นแทน! ยังไงซะพลังชีวิตของโถงหลักเมืองก็ไม่ใช่น้อย ๆ! เราปล่อยให้เขาเข้าไปโจมตีโถงหลักเมือง จากนั้นก็ปล่อยให้สัตว์เทพพิทักษ์เข้าไปจัดการเขา ด้วยพลังโจมตีอันมหาศาลของมัน กับการที่เจ้าแห่งฮีลเลอร์ไม่มีตัวช่วยดูดเลือด มันจะต้องกำจัดเขาไปได้แน่ ๆ!”
“ฉันเห็นด้วย! ยุทธวิธีโถมทะเลมนุษย์ใช้กับเจ้าแห่งฮีลเลอร์ไม่ได้ผล! อีกอย่างเขายังมียูนิคอร์นแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นอีกด้วย!”
“แต่ฉันยังเห็นด้วยกับวิธีการใช้ศพผู้เล่นขวางทางถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะยังไงเสียเจ้าแห่งฮีลเลอร์ก็ต้องเสียเวลาเดินหลบอยู่ดี!”
“ฉันปฏิเสธ เราใช้กลวิธีนี้มาภายในกิลด์อย่างเนิ่นนานแล้ว และมันได้ผลมาเสมอ เพราะงั้นเราจะไม่ยอมสูญเสียอัตลักษณ์พวกนี้ไปแน่! คิดถึงหน้าทุกคนในกิลด์กางเขนเหล็กไว้ด้วยสิ!”
“แต่ถ้าเราแพ้ในสงครามครั้งนี้ พวกเราจะไม่มีกระทั่งเมืองหลักเลยนะ! บางทีอาจจะเสียตำแหน่งเจ้าผู้ปกครองเลยก็ได้! แบบนั้นแล้วเราจะมาห่วงหน้ากิลด์อะไรอีกล่ะห๊ะ!?”
กลุ่มของสมาชิกกิลด์กางเขนเหล็กเริ่มจะพูดคุยเพื่อหาทางจัดการเจ้าแห่งฮีลเลอร์ด้วยตัวพวกเขาเองแล้ว แต่กระนั้นแล้วพวกเขาก็ไม่มีเวลาปรึกษาแผนการณ์ใหม่กันมากนัก เพราะทันใดนั้นเอง จู่ ๆ เซียวเฟิงก็พบเจอกับเรื่องที่ไม่คาดฝันด้วยเช่นกัน!
ค้อนแห่งการพิพากษา!
ค้อนสีทองอร่ามตาทุบลงไปกลางผู้คนที่เข้ามาขวางเขาจากด้านหน้า พร้อมกับดูดเอาพลังชีวิตคืนกลับมาฟื้นให้ตนเอง เขาใช้จังหวะที่คนกำลังเข้ามาเต็มนั้นขยับตัวเข้าไปใกล้โถงหลักเมืองมากขึ้นเรื่อย ๆ
อวยพรอาวุธ!
อวยพรความกล้า!
อวยพรชีวิต!
อวยพรคุ้มกัน!
ปัดเป่า!
หอกศักดิ์สิทธิ์!
ขับไล่!
เซียวเฟิงหยิบเอาขวดน้ำยาเพิ่มมานาขึ้นมากระดกพร้อมกับร่ายสกิลที่คูลดาวน์เสร็จแล้วออกไปอย่างต่อเนื่อง ไม่เว้นแม้แต่สกิลฮีลตนเอง นั่นเพราะชายหนุ่มพยายามทำให้เงื่อนไขสกิลของต่างหู การตื่นของความรอบรู้ ให้ทำงานโดยหวังว่ามันจะช่วยรีเฟรชคูลดาวน์สกิลที่สามารถใช้โจมตีได้สักสกิล
อันที่จริงก่อนหน้านี้สกิลของต่างหูคู่นี้ก็ทำงานมาบ่อยครั้งแล้วท่ามกลางความวุ่นวายในสนามรบ แต่ส่วนใหญ่สกิลที่ถูกรีเฟรชคูลดาวน์ใหม่นั้นล้วนแต่เป็นสกิลบัฟหมดเลย สิ่งเดียวที่ดีที่สุดเท่าที่พบเจอมาก็คือ การรีเฟรชสกิลค้อนแห่งการพิพากษา ทว่ามันกลับไม่รีเฟรชสกิลถ้อยคำแห่งเงาให้เสียที
อย่างไรก็ตาม แม้จุดประสงค์เดิมของเซียวเฟิงคือการใช้ถ้อยคำแห่งเงาในการจัดการกับแมมมอธยักษ์ เขาก็ต้องผงะหลังได้ยินเสียงระบบแจ้งเตือน
[สกิลของต่างหู การตื่นแห่งความรอบรู้ ทำงาน สกิลหอกศักดิ์สิทธิ์ลองกินัสของท่าน ได้รับการรีเฟรชคูลดาวน์!]