Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 554 เกินลิมิต
บทที่ 554 เกินลิมิต
บทที่ 554 เกินลิมิต
“แต่ก็อย่างที่ฉันบอกไปนั่นแหละ สกิลของเจ้าแห่งฮีลเลอร์มันน่าเหลือเชื่อเกินไปจริง ๆ เขาเพิ่งจะร่ายบัฟให้คนกว่าสิบล้านคนไปเองนะ มันจะไม่มีผลกระทบอะไรกับตัวเขาในภายหลังใช่ไหม?”
ไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนพูดประโยคนี้ขึ้นมา แต่มันก็ทำให้หลิวเฉียงเหว่ยถึงกับต้องหันกลับมาดู ภายในใจของเธอเริ่มฉุกคิดถึงเรื่องไม่ดีบางอย่างขึ้นมาได้
ทว่าเรื่องนี้กลับไม่ได้รับการพูดถึงต่อ เพราะหลังจากที่ความฮึกเหิมถูกปลุกกระตุ้นขึ้น ผู้เล่นเขตฮัวเซียในสนามรบก็เริ่มโต้กลับอีกฝ่ายอย่างบ้าระห่ำ!
“ฮ่า ๆๆ! ฆ่าพวกมันเลย! หรือถ้าฆ่ามันไม่ได้ก็ดันพวกมันถอยออกไปห่าง ๆ ตอนนี้ไม่มีใครมาหยุดพวกเราชาวฮัวเซียได้แล้วโว้ย!”
“นี่มัน…เหมือนพวกเราได้ชาร์จไฟเลย โดนชาร์จไฟด้วยกำลังวัตต์สูง ๆ จนพลังแฝงมันตื่นออกมาหมดแล้ว!”
จากมุมที่สูงที่สุดของสนามรบนั้น จะสามารถมองเห็นได้ชัดเลยว่า ทะเลสาบสีดำเบื้องล่างที่แต่เดิมส่วนสีแดงกำลังค่อย ๆ กลืนกินส่วนสีเขียวที่อยู่ตรงกลาง บัดนี้มันกลายเป็นส่วนสีเขียวที่อยู่ตรงกลางกำลังเริ่มรุกรานส่วนสีแดงที่อยู่รอบนอกราวกับนักล่าที่หิวกระหายกำลังล่าเหยื่อแล้ว!
การโต้กลับนี้ ใช้เวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้น!
ใช่แล้ว สนามรบที่จุคนไว้กว่าร้อยล้านคน ถูกสยบลงภายในเวลา 5 นาทีจริง ๆ!
มีผู้เล่นนักเวทจากฮัวเซีย สามารถร่ายสกิลทะเลเพลิงที่สามารถสร้างความเสียหายแบบเผาไหม้ติดต่อกันได้เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้พวกเขายังสามารถร่ายสกิลฝนดาวตกและพายุน้ำแข็งที่ทำความเสียหายเป็นวงกว้างได้อีกด้วย!
ในส่วนของคลาสที่ไม่ใช่นักเวทภายในหน่วยสำรวจ นักธนูยังคงมีไม้เด็ดอย่างฝนธนูที่สามารถยิงธนูออกไปทีละพันดอก หรือแม้แต่เหล่าคลาสนักรบเองที่ไม่มีสกิลโจมตีระยะไกลก็ยังสามารถใช้สกิลของเขากำจัดผู้เล่นฝั่งตรงข้ามได้ทีละสี่ถึงห้าคนเพียงการตวัดการโจมตีเพียงครั้งเดียว
เห็นได้ชัดเลยว่า ผู้เล่นของทางฝั่งอเมริกาเหนือที่มีมากกว่าพวกเขาถึงสิบเท่านั้นก็ไม่อาจเพียงพอต่อการฆ่าของผู้เล่นเขตฮัวเซียได้ แนวป้องกันที่แน่นหนาไปด้วยผู้เล่นเขตอเมริกาเหนือถูกทะลายลงตั้งแต่ 1 นาทีแรก ส่วนอีก 4 นาทีที่เหลือพวกเขาต่างก็กระจายกันไปเก็บซากผู้เล่นที่หนีออกมา ทำให้การต่อสู้เริ่มกระจายออกไป
เซียวเฟิงไม่ได้รอดูการต่อสู้นี้จนจบ หลังจากที่เขาเห็นแล้วว่ากลุ่มก้อนสีแดงที่อยู่เบื้องล่างแตกกระจายกันและทำให้พื้นที่นั้นถูกก้อนสีเขียวเข้ายึดครองแกน เขาก็สั่งใช้งานแหวนอวกาศแล้วออกจากที่นี่ทันที
เขามุ่งหน้าไปยังเส้นทางข้ามเขตแดนทั้งห้าของเขตอเมริกาเหนือเพื่อทิ้งตราอวกาศเอาไว้ในแต่ละจุด และหลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ภาพเหตุการณ์แบบเดียวกันก็เกิดขึ้นกับเส้นทางข้ามเขตแดนอีกสี่จุดที่เหลือของเขตอเมริกาเหนือ ถึงแม้ว่าการที่ไม่มีสถานพยาบาลแห่งทวยเทพ ณ เวลานั้น ๆ ด้วย มันจะทำให้บัฟของเซียวเฟิงพลังอ่อนลง แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก ผนวกกับสนามรบในจุดเหล่านี้ก็ไม่ใหญ่เหมือนกับจุดกลางเขต เพราะงั้นเพียงแค่บัฟเพียว ๆ ก็ทำให้ฝ่ายฮัวเซียมีชัยเหนือกว่าแล้ว
เมื่อสถานการณ์ที่ห้า เส้นทางข้ามเขตแดนของเขตอเมริกาเหนือลงตัวแล้ว เซียวเฟิงที่ลอยอยู่เหนือสนามรบภายใต้โหมดชูร่าไร้เทียมทานก็เริ่มได้รับผลกระทบหนักขึ้นมา ดวงตาของเขากลับเป็นสีปกติพร้อมกับเสียงอื้ออึงภายในหัว ภาพตรงหน้ามันมืดดับไป เขาสูญเสียสติไปและตกลงมาจากหลังของเสี่ยวเสวียทันที
[คำเตือน! ตรวจพบสถานะผิดปกติกับสติของผู้เล่น! ระบบบังคับให้ออฟไลน์ทันที!]
[คำเตือน!…]
[คำเตือน!…]
[สกิลที่สร้างเองของท่าน หยินและหยาง ถูกสั่งใช้งาน!]
เสียงของระบบดังขึ้นในหูของเซียวเฟิง แต่เซียวเฟิงในตอนนี้ไม่สามารถได้ยินมันได้เลย นี่เป็นครั้งแรกที่ตัวเองฝืนใช้พลังของตนจนกระทั่งหมดสติเช่นนี้ เพราะงั้นยามที่ชูร่าและไร้เทียมทานไม่มีพลังงานให้สูบอีกต่อไป อาการของเขาจึงเข้าขั้นโคม่าในทันที
เส้นทางข้ามเขตแดนที่ห้าของเขตอเมริกาเหนือสูญเสียด่านหน้ากันภายในเวลาครึ่งชั่วโมง ด้วยเวลาเพียงแค่นี้ แม้แต่คนจากหน่วยสำรวจเองยังงุนงง
ไม่ต้องพูดถึงฝ่ายประสานงานเบื้องบน พวกเขาล้วนแต่ตกตะลึงกันอยู่พักใหญ่เลยก่อนจะได้สติกลับมาและรีบส่งคำสั่งไปยังผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในแต่ละเส้นทางให้เริ่มทลายเขตอเมริกาเหนือได้เลย
ทว่าเมื่อพวกเขานึกถึงเซียวเฟิง ผู้ที่เป็นวีรบุรุษในสงครามครั้งนี้ พวกเขาก็ไม่รอช้าที่จะโทรไปแสดงความขอบคุณ แต่สิ่งที่ได้ตอบรับพวกเขากลับเป็นข้อความจากระบบเสียได้
[ไม่สามารถติดต่อปลายทางได้ในขณะนี้ เนื่องจากผู้เล่นที่อยู่ปลายทางถูกบังคับให้ออฟไลน์หลังจากระบบพิจารณาแล้วว่าเกิดสถานะผิดปกติขึ้นกับสภาพจิตใจของเขา]
ว่ายังไงนะ? เจ้าแห่งฮีลเลอร์ถูกบังคับให้ออฟไลน์เพราะสภาพจิตใจไม่ปกติ?
ที่เส้นทางข้ามเขตแดนจุดกลางเขตอเมริกาเหนือ กลุ่มของเหล่าแม่ทัพกำลังรวมตัวกันที่จุดนี้ แม้ว่าก่อนหน้าพวกเขาจะกำลังพูดคุยกันสลับกับหัวเราะด้วยความยินดี แต่พอสิ้นเสียงจากระบบลง สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป แต่เดิมพวกเขาอยากจะชวนเจ้าแห่งฮีลเลอร์มาพูดคุยและแสดงความยินดีด้วยกัน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว
“ฉันบอกไปแล้วใช่ไหม…ว่าสกิลการใช้ของเจ้าแห่งฮีลเลอร์ดูร้ายแรงเกินไป…มันจะไม่เป็นอะไรทีหลังเหรอ…” ใครสักคนพูดด้วยเสียงที่สั่นเทา
ใบหน้าสวยดั่งเม็ดหยกของหลิวเฉียงเหว่ยซีดเผือดลงไปทันที และเธอเองก็ออฟไลน์ออกไปโดยที่ยังอยู่ในเขตอเมริกาเหนืออย่างไม่ลังเลด้วย
“เซียวเฟิง!”
“พี่เซียว!”
สี่สาวพุ่งเข้าไปยังห้องของเซียวเฟิงพร้อม ๆ กันโดยไม่ได้นัดหมาย ทั้งนี้หลิวเฉียงเหว่ยรู้ถึงการออฟไลน์ของสาว ๆ คนอื่นก่อนหน้าแล้วเมื่อตอนที่เธอออฟไลน์ก่อน และไม่ว่าจะเป็นเฉียนโตวโตว ซือเยี่ยจิ๋งหรือซางกวน ซือเฟย พวกเธอทุกคนต่างก็รีบมุ่งหน้าไปยังเตียงของเซียวเฟิงกันให้เร็วที่สุดโดยไม่ได้เปลี่ยนชุดนอนที่สวมกันอยู่เลย
“พะ…พวกเธอ…มานี่เร็ว…พี่เขา…พี่…”
ทันทีที่ทั้งสี่เปิดประตูเข้ามา พวกเธอก็พบว่าเซียวหลิงที่อยู่ในห้องนั้นเองก็อยู่ในสภาพกังวลไม่ต่างกัน เธอยืนอยู่ข้างเตียงของเซียวเฟิงพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนล้าและร้องห่มร้องไห้ไปด้วย แววตาที่หมดทางช่วยหันมองทั้งสี่สาวนั้นเต็มไปด้วยน้ำตาเอ่อล้น
“พี่เซียว เกิดอะไรขึ้นกับพี่เซียวน่ะ?” เฉียนโตวโตวรีบถามขึ้นด้วยความใจร้อน
“ทำไมในห้องนี้มันร้อนจังเนี่ย!”
ขณะเดียวกันนั้นเอง พวกเธอทั้งหมดก็เริ่มรับรู้ถึงความผิดปกติของอุณหภูมิในห้องของเซียวเฟิงด้วย ดวงไฟสีเขียวบนแอร์นั้นแสดงให้เห็นชัดเจนว่ามันยังคงพยายามทำความเย็นให้ห้องนี้อยู่ แต่ถึงอย่างนั้นอุณหภูมิภายในห้องของเซียวเฟิงก็ยังไม่ต่างอะไรกับเตาอบลมร้อนอยู่ดี
“ท่านเซียว…”
ซางกวน ซือเฟยมองไปยังร่างของเซียวเฟิงที่นอนอยู่บนเตียงโดยที่ยังสวมหมวกเล่นเกมอยู่ เธอตัดสินใจเปิดผ้าห่มของเขาออกก่อนจะต้องสำลักคำพูดนั้นไว้ในลำคอตนเอง
ไม่เพียงแต่เธอเท่านั้น เพราะแม้แต่คนอื่น ๆ รวมถึงหลิวเฉียงเหว่ยเองก็ต้องผงะไปตาม ๆ กัน นั่นเพราะร่างกายของเซียวเฟิงตอนนี้ ไม่ต่างอะไรกับคนที่เพิ่งไปแช่น้ำร้อนมาเลย มันไม่ใช่แค่ท่วมไปด้วยเหงื่อจนร่างกายชุ่มชื้น แต่ผ้าห่มเองก็พลอยชื้นไปด้วย แถมตอนนี้ร่างกายของเขาก็ยังคงปล่อยความร้อนออกมาเรื่อย ๆ อีก ไม่ต่างอะไรกับน้ำที่กำลังเดือดในหม้อเลย
“ทำไมพี่เซียวถึงเป็นแบบนี้ล่ะ? พี่เซียว เกิดอะไรขึ้นกับพี่กันแน่!”
แววตาของเฉียนโตวโตวแดงก่ำเหมือนคนจะร้องไห้ เธอกังวลและอยากจะปลุกเซียวเฟิงให้ตื่น
“อย่าเพิ่งขยับตัวเขานะ! ดูเหมือนท่านเซียวกำลังอยู่ในอาการโคม่า”
ซางกวน ซือเฟยรีบห้ามอีกฝ่ายไว้ก่อน เธอรีบเขยิบเข้าไปใกล้เขาและแนบหูลงไปที่อกของเซียวเฟิงเพื่อฟังเสียงหัวใจขณะเดียวกันก็บีบข้อมือเขาไว้เพื่อตรวจดูชีพจรด้วย
“พี่เฉียงเหว่ย…พวกเราทำอะไรได้บ้าง…กับเจ้าบ้านั่น…เซียวเฟิงจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
ซือเยี่ยจิ๋งกุมมือตนเองไว้แน่น เธอเองก็กังวลไม่แพ้คนอื่น ๆ เหมือนกันตอนนี้
“ไม่ต้องกังวล รอให้ซือเฟยดูอาการเขาก่อน” หัวใจของหลิวเฉียงเหว่ยตอนนี้เองก็เต้นแรงมาก ๆ เช่นกัน เธอกังวลแต่ก็ฝืนตัวเองให้ใจเย็น
“ลมหายใจเสถียรดี น่าจะไม่ใช่ปัญหาหนักอะไรมาก แต่ที่อาการโคม่าแบบนี้น่าจะเป็นเพราะเขาฝืนสังขารตัวเองมากไป ท่านเซียวทำอะไรลงไปน่ะ…”
ครู่หนึ่ง ซือเฟยก็ลุกขึ้นและถามขณะที่ตัวเธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกไปด้วย
ในฐานะนักบวช แม้ว่าเธอจะเลเวลถึง 50 แล้ว แต่เธอก็ไม่ได้ตามไปยังแนวหน้าพร้อม ๆ กับหน่วยสำรวจเหมือนกับคนอื่น ๆ ซือเฟยเลือกที่จะอยู่ชายแดนเขตฮัวเซียเพื่อที่จะระวังภัย เพราะงั้นเธอเลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างที่เขตอเมริกาเหนือ
“เขา…เอ่อ…เขาร่ายบัฟให้ทุกคนในสนามรบ…” หลังจากที่ได้ฟังถ้อยคำของซางกวน ซือเฟยแล้ว หลิวเฉียงเหว่ยเองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน จากนั้นเธอถึงได้พูดด้วยเสียงเบา
“ทุกคนเลยเหรอ?” ซางกวน ซือเฟยทวนคำพูด
“มีผู้เล่นเขตฮัวเซียเกือบห้าสิบล้านคนในเขตอเมริกาเหนือ กระจายตัวไปอยู่ตามเส้นทางข้ามเขตแดนทุกจุดของเขตนั้น…และเขาร่ายบัฟให้ทุกคน มากกว่าหนึ่งครั้ง” ซือเยี่ยจิ๋งพูดขยายความแทนหลังจากเงียบมานาน
“แสดงว่าเขาร่ายบัฟให้ผู้เล่นกว่าห้าสิบล้านคนแล้วนะ…” ได้ยินเช่นนั้น ซางกวน ซือเฟยเองก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออกเช่นกัน แววตาสวยเหลือบมองเซียวเฟิงที่เหงื่อท่วมไปทั้งตัวโดยที่คิดไม่ตกว่าควรจะทำอย่างไรดี
“เราควรจะทำยังไงดีตอนนี้? พาพี่เซียวไปโรงพยาบาลเหรอ? ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะโทรไป 120 ให้ตอนนี้เลย!” เฉียนโตวโตวพูดตัดตอน เธอเตรียมจะกลับไปห้องของตนอีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อน พาท่านเซียวไปโรงพยาบาลก็ไม่ช่วยอะไรหรอก ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษา แต่ฉันก็เคยได้ยินเรื่องของท่านเซียวมาบ้างเมื่อตอนฉันยังเด็ก ร่างกายของเขาไม่เหมือนคนทั่วไป พวกเราทำได้แค่รอจนกว่าความร้อนในร่างกายของเขาจะสลายไปจนหมดและเหงื่อหยุดไหลเท่านั้น เขาถึงจะฟื้นขึ้นมาเอง” ซางกวน ซือเฟยสอดมือของตนเข้าไปใต้เสื้อของเซียวเฟิงและสัมผัสผิวเขาเบา ๆ ขณะเดียวกันก็ห้ามเฉียนโตวโตวเอาไว้ด้วย
“ถ้างั้นตอนนี้พวกเราควรทำยังไงดีล่ะ?” ซือเยี่ยจิ๋งถาม
“ชดเชยน้ำที่เสียไปให้เขาก่อน เธอพอจะมีพวกกลูโคสเก็บไว้บ้างไหม? ถ้าไม่มีก็ใช้เกลือละลายในน้ำอุ่นก็ได้” ซางกวน ซือเฟยพูด “แล้วก็ ที่นอนของท่านเซียวเปียกไปหมดแล้ว จิ๋งจิ๋ง เธอแข็งแรงที่สุดในบรรดาสาว ๆ ตอนนี้ เพราะงั้นมาช่วยฉันที พาท่านเซียวไปที่ห้องของฉันก่อน”
“เซียวหลิง กลับไปที่ห้องของเธอแล้วพักผ่อนก่อนได้เลย ไม่ต้องเป็นห่วง เซียวเฟิงจะไม่เป็นอะไร”
หลิวเฉียงเหว่ยปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของเซียวหลิงด้วยนิ้วมือที่เรียวสวยเหมือนรูปปั้น จากนั้นก็พูดปลอบเด็กสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เซียวหลิงเองก็เชื่อฟังเธอเป็นอย่างดี หลังจากที่เด็กสาวมองเซียวเฟิงด้วยแววตาเป็นห่วงแล้ว เธอก็เดินกลับห้องตนเองไปแม้จะดูไม่อยากก็ตาม แต่ก็เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าเธอไม่สามารถทำอะไรในสถานการณ์เช่นนี้ได้จึงต้องยอมเพื่อไม่ให้ตนเองกลายเป็นภาระแทน
หลังจากที่พาเซียวเฟิงมาวางลงบนเตียงที่ปูด้วยผ้าสีม่วงของซางกวน ซือเฟยแล้ว เธอก็จัดการถอดเสื้อผ้าที่ชุ่มฉ่ำของเขาออกก่อน โชคยังดีที่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สาว ๆ ได้เห็นร่างอันเปลือยเปล่าของอีกฝ่าย ดังนั้นพวกเธอจึงไม่ได้มีอาการเขินอายอะไรกัน
และผู้ที่เดินไปถอดหมวกเล่นเกมให้เซียวเฟิงก็คือหลิวเฉียงเหว่ย พลันเมื่อเธอได้เห็นใบหน้าที่กำลังหลับใหลของเขา หัวใจของเธอมันก็จมดิ่งลงไปอีกครั้ง
เพราะใบหน้าของเซียวเฟิงในตอนนี้ดูแก่ลงไปมาก ผิวของเขาดูหมองคล้ำและเต็มไปด้วยรอยย่น แม้แต่ริมฝีปากของเขาเองก็แตกระแหงด้วย
“ต่อไป แบ่งงานกัน คนหนึ่งไปหาผ้าชุบน้ำมาคอยเช็ดตามเนื้อตามตัวให้ท่านเซียว ส่วนอีกคนไปหาผ้าเช็ดตัวแห้ง ๆ มาคอยซับผมของเขาให้แห้ง” ซางกวน ซือเฟยพูดงานที่ต้องทำขึ้นมา และเป็นเฉียนโตวโตวกับซือเยี่ยจิ๋งที่รีบรับหน้าที่นี้ไป
“แล้วฉันทำอะไรได้บ้าง?”
หลิวเฉียงเหว่ยถามขึ้นมาหลังจากที่วางหมวกเล่นเกมของเซียวเฟิงลงแล้ว
“เธอมาตรงนี้ แล้วก็คอยป้อนน้ำท่านเซียวไว้ เคอเค่อ เอาน้ำมาห้องนี้จ้ะ เจ้านายของเธออยู่ห้องของฉัน” ซางกวน ซือเฟยตะโกนเรียกตามหลังเคอเค่อที่ซึ่งเดินถือน้ำผ่านประตูห้องเธอไป
“เอ่อ…ฉันเจอน้ำแค่สองขวดเองค่ะ…” เคอเค่อหายใจหอบเหนื่อยเล็กน้อยขณะเดียวเข้ามา เธอมองเซียวเฟิงที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้ากังวล ภายในใจลึก ๆ เองก็กำลังโทษตนเองอยู่ด้วย
“แค่นี้ก็พอแล้ว เธอกลับไปนอนเถอะ เจ้านายของเธอจะไม่เป็นอะไร” เหมือนซางกวน ซือเฟยจะรู้ว่าเด็กสาวคิดอะไรอยู่ เพราะงั้นเธอเลยลูบหัวอีกฝ่ายเบา ๆ อันที่จริงความกังวลของหนิงเคอเค่อนั้นมันก็ปรากฏชัดผ่านแววตาของเธออยู่แล้ว
หนิงเคอเค่อตื่นเต็มตาหลังจากที่สาว ๆ ทั้งบ้านพากันเดินไปมา หลังจากที่เธอรู้ว่าเซียวเฟิงอาการโคม่า เธอก็รู้สึกกังวลและอยู่ไม่สุขขึ้้นมาทันที โชคยังดีที่ซางกวน ซือเฟยส่งเธอไปหากลูโคสกับน้ำมาก่อนที่เธอจะเตลิด มันเลยทำให้เธอใจเย็นลงมากแล้ว