Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 556 เดินทางไปยังเมืองหลวง
บทที่ 556 เดินทางไปยังเมืองหลวง
บทที่ 556 เดินทางไปยังเมืองหลวง
เขตฮัวเซียมีชัยชนะเป็นอันดับ 1 ในสงครามระหว่างเขตแดนที่เพิ่งจบไป มันทำให้การเงินของเขตนี้มั่นคงขึ้นเยอะ
ดังนั้นนี่จึงเป็นเรื่องปกติหากทางการจะแบ่งงบมาให้สำหรับการจัดงานฉลองแก่บุคคลที่สร้างชัยชนะให้บ้านเมือง คราวน์ปรินซ์ที่รับผิดชอบเรื่องนี้จึงไม่พลาดโอกาสที่จะเชิญชวนผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน
สถานที่จัดงานปาร์ตี้ออฟไลน์นั้นตั้งอยู่ภายในเมืองหลวง ผู้ที่ได้รับเชิญทั้งหมดล้วนแต่เป็นเหล่าผู้มีอิทธิพลในเขตฮัวเซียที่ซึ่งพูดได้ว่า มีอิทธิพลที่จะสยบฮัวเซียทั้งเขตได้จริง ๆ
เมืองเฉิงไห่ตั้งอยู่ทางใต้ของเขตฮัวเซีย หากนับจากระยะทางแล้วก็ถือว่าค่อนข้างที่จะห่างไกลจากเมืองหลวงมากนัก แต่ถึงอย่างนั้น งานปาร์ตี้ครั้งนี้ก็ถือว่าควรค่าแก่การเดินทาง บางทีทุก ๆ คนเองก็อาจจะคิดเหมือนกัน พวกเขารู้ว่าจะได้พบกับอะไรบ้างในงานนี้ มันก็ยิ่งทำให้พวกเขาอยากจะเข้าร่วมให้ได้มากขึ้นไปอีก เว้นเสียแต่ผู้ที่ขัดข้องในการเดินทางจริง ๆ ก็จะส่งตัวแทนเข้าร่วมแทน
“งานจัดนานขนาดไหนนะ?” เซียวเฟิงเจอเสื้อผ้าของเขาแล้วหลังจากเดินหาอยู่นาน เขาหยิบมันขึ้นมาสวมระหว่างที่ถามรายละเอียดเพิ่มเติม
“สามวันนับตั้งแต่คำเชิญถูกส่งมา แต่เพราะนายปางตายไปหนึ่งวันเต็ม ตอนนี้เหลือแค่สองวันแล้ว” หลิวเฉียงเหว่ยตอบ
“ยังมีเวลาเหลือ ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ สงครามระหว่างเขตแดนทำเอาพวกเราเหนื่อยกันมาทั้งอาทิตย์ แถมมีเรื่องต่าง ๆ มากมายเกิดขึ้นอีก เพราะงั้นก็ถือโอกาสนี้ออกไปพักผ่อนให้สบายกันบ้างเถอะ” เซียวเฟิงพูดตอบ
“งั้นฉันจะจองตั๋วเครื่องบินเลยก็แล้วกัน แค่ห้าที่หรือเปล่า? จะว่าไป…พี่เซียวอยากจะพาเซียวหลิงกับเคอเค่อไปด้วยไหม? เพราะถ้าพวกเราไปแล้ว ที่นี่จะเหลือแค่สองสาวเองนะ” เฉียนโตวโตวรีบพูดขึ้นมา แต่พอนึกขึ้นได้อีกเรื่องหนึ่ง เธอก็หันไปถามเซียวเฟิงเพื่อความแน่ใจ
“เอาเป็นว่าไปถามพวกเธอก่อนละกันว่าอยากจะไปเที่ยวเล่นในเมืองกับพวกเราซักสองวันหรือเปล่า” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เซียวเฟิงก็ไม่ได้ตัดสินใจแทนทั้งสองสาวแต่อย่างใด
“งั้นเดี๋ยวฉันไปถามให้” ซือเยี่ยจิ๋งอาสาและหันหน้าเดินออกไปยังห้องของเซียวหลิง
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันจะไปหาอะไรกินสักหน่อยก็แล้วกัน เรื่องตั๋วนั่นไว้เดี๋ยวถามเซียวหลิงแล้วค่อยจองก็ได้” จริง ๆ แล้วเซียวเฟิงแอบหิวอยู่นิดหน่อย ถึงแม้ว่าร่างกายของตัวเองจะแข็งแรงดีแล้ว แต่เขาจะเมินปัจจัยในการมีชีวิตอยู่ไม่ได้
เห็นได้ชัดเลยว่าเซียวหลิงดูคึกคักสุด ๆ เธอไม่พลาดโอกาสที่จะได้ไปเที่ยวอย่างแน่นอน เพราะงั้นก่อนที่เซียวเฟิงจะได้ทานอาหารคำที่สอง เด็กสาวก็กระโจนลงมาจากบันไดด้วยความตื่นเต้นที่แสดงออกผ่านสีหน้า
“เจ้าพี่บ้า พวกเราจะไปเที่ยวในเมืองหลวงกันเหรอ?” เธอเดินเท้าเปล่าลงมา ดวงตาสีฟ้าสวยนั้นกำลังเปี่ยมไปด้วยความหวัง
“พี่จะไปงานประชุมต่างหาก ไม่ได้ไปเที่ยว ที่นั่นคนค่อนข้างเยอะ ห้ามดื้อล่ะ ไม่งั้นจะไม่พาไปด้วยนะ” เซียวเฟิงพูดดักไว้ก่อน
“ฉันสัญญาว่าจะเชื่อฟังเจ้าทาสเป็นอย่างดีเลย!” เซียวหลิงยืดอกและลูบอกตนเองเพื่อให้คำมั่นสัญญา แต่ก็ใช่ว่าเธอจะเชื่อได้ขนนาดนั้น
“งั้นก็ไปจัดกระเป๋าซะ เพราะบางทีเธออาจจะต้องอยู่ที่เมืองหลวงสักสองวัน บอกให้เคอเค่อตามไปด้วยนะ” เซียวเฟิงพูดชี้นำขณะกลืนอาหารลงไปด้วย
“โอเค!” เด็กสาวรีบทะยานกลับขึ้นด้านบนไปอีกครั้ง
เมืองเฉิงไห่นั้นยังไม่ถือว่าเป็นเมืองที่เจริญแล้ว จากที่นี่ไปยังเมืองหลวงมีเที่ยวบินเพียงสองเที่ยวต่อหนึ่งวันเท่านั้น แล้วในวันนี้ก็เหลือแต่เที่ยวบินรอบเย็นเท่านั้นด้วย แล้วที่น่าโชคร้ายยิ่งกว่าคือเฉียนโตวโตวไม่สามารถจองตั๋วระดับเฟิร์สคลาสได้ทัน พวกเขาเหลือเพียงตั๋วคลาสประหยัดเท่านั้น
“แปลกจังแฮะ ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ช่วงเทศกาลแท้ ๆ แต่ทำไมตั๋วเฟิร์สคลาสถึงโดนจองหมดก่อนหน้าล่ะ?” เฉียนโตวโตวประหลาดใจขณะที่มองข้อมูลบนแท็บเล็ต
“บางทีอาจจะเป็นเพราะสงคราวระหว่างเขตแดนที่เพิ่งจบไปทำให้ผู้เล่นเหนื่อยล้ากันหรือเปล่า พวกเขาเลยพากันออกไปสูดอากาศนอกบ้านกันในช่วงนี้ เมื่อเช้าฉันว่าเห็นตั๋วเครื่องบินพากันขึ้นราคาอยู่นะ” ซือเยี่ยจิ๋งที่อยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นมา
“งั้นทำไมเธอไม่ติดต่อไปที่สายการบินแล้วเช่าเหมาลำไปเลยล่ะ?” หลิวเฉียงเหว่ยที่ตามเข้ามา พูดหลังจากที่เธอคิดไตร่ตรองแล้ว
“อ๊ะ จริงด้วย! ให้คราวน์ปรินซ์ส่งเครื่องบินมารับเลยก็ได้นี่นา! ยังไงเราก็มีเงินจ่ายกันอยู่แล้ว!” เฉียนโตวโตวเห็นด้วยอย่างไม่ลังเล
“มันจะต่างอะไรกับซื้อคลาสประหยัดน่ะ?” ตอนนั้นเอง เซียวเฟิงก็ชิงพูดขัดขึ้นมาก่อน
“มันจะเหมือนกันได้ยังไงเล่า!” ได้ยินเช่นนั้นเฉียนโตวโตวก็กรอกตามองใส่เซียวเฟิงทันที “มันไม่ใช่ว่าพวกเรารังเกียจหรือไม่อยากจะนั่งคลาสประหยัดหรอกนะ แต่เหตุผลหลักน่ะ มันคือตัวพี่เซียวต่างหาก!”
“ใช่แล้ว ท่านเซียว นายควรจะตระหนักถึงฐานะของตัวเองที่เป็นถึงบุคคลอันดับ 1 ในโลกของเกมได้แล้วนะ พวกเราสาว ๆ ที่แม้จะงามเหมือนนางฟ้าน่ะ ไม่ได้รังเกียจที่จะต้องอยู่กับคนเยอะ ๆ หรอก แต่จะปล่อยให้นายมาอยู่กับบรรยากาศแบบนี้ไม่ได้” ซางกวน ซือเฟยพูดเสริม
ส่วนหลิวเฉียงเหว่ยไม่ได้พูดอะไร แต่มันก็ชัดเจนแล้วว่าเธอไม่อยากจะนั่งคลาสประหยัดเพราะมันไม่สมฐานะตัวเธอเอง
จริง ๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เว่อร์เกินนัก เพราะคนหนึ่งเป็นถึงเจ้าแห่งฮีลเลอร์ อีกคนหนึ่งก็เป็นหัวหน้ากิลด์อันดับ 2 ของเขตฮัวเซีย ส่วนอีกคนก็เป็นเจ้าของหอการค้าอันดับ 1 ขืนถูกพบว่าพากันมานั่งเครื่องบินคลาสประหยัดกันเช่นนี้ คงจะได้มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างแปลก ๆ ผุดขึ้นมาแน่ ๆ
“งั้นอยากทำอะไรก็ทำ อย่าให้ฉันไปช้าเชียว ไม่งั้นพวกเราจะต้องติดอยู่ที่เมืองเฉิงไห่อีกหนึ่งวันฟรี ๆ ” เซียวเฟิงส่ายหน้า เขารู้สึกขี้เกียจเกินกว่าจะเถียงกับคนเหล่านั้นและเลือกที่จะหันไปทานอาหารต่อเพื่อเพิ่มพลังงานให้ตนเอง
“โอเค เรียบร้อยแล้ว! ไปกันเถอะ!”
ไม่มีการลังเลใด ๆ หลังจากที่ทุกคนจัดกระเป๋าโดยมีหมวกเล่นเกมของแต่ละคนถูกพกไปด้วยเรียบร้อยแล้ว เฉียนโตวโตวที่เดินตามหลิวเฉียงเหว่ยมาด้านหลังก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ไปกันเถอะ!”
เซียวเฟิงที่ขณะนั้นกำลังนั่งเล่นไพ่อยู่กับเซียวหลิงและซือเยี่ยจิ๋งฆ่าเวลา ซึ่งเขากำลังจะแพ้พอดี เพราะงั้นการมาของทั้งสองสาวเสมือนพระเจ้าที่เข้ามาช่วยชีวิตเขาไว้จากความพ่ายแพ้ครั้งนี้
“หนอยแน่! เจ้าพี่บ้า!” เซียวหลิงผู้ที่กำลังมีไพ่บนมือดีสุด ๆ ถึงกับอุทานออกมาด้วยความโมโหทันที
“เธอยังอยากจะไปอยู่หรือเปล่า? ถ้าจะไปก็รีบเก็บของได้แล้ว” เซียวเฟิงพูดด้วยใบหน้าไม่แยแสว่าอีกคนจะรู้สึกอย่างไร
ชัดเจนเลยว่าเรื่องนี้ทำให้เซียวหลิงต้องยอม เธอทิ้งไพ่แล้วรีบวิ่งขึ้นไปด้านบนเพื่อเก็บข้าวของของเธอทันที
“หน้าไม่อาย” ซือเยี่ยจิ๋งเองก็มีไพ่ที่ดีอยู่บนมือเช่นกัน เธอได้แต่มองเซียวเฟิงด้วยแววตาไร้อารมณ์
“แล้วเธอไม่คิดจะไปเก็บของด้วยหรือไง? มันจะเหนียวเนื้อเหนียวตัวเอานะ” เขาหรี่ตามองไปยังผู้ที่พูดแขวะเขาอีกคน
“ฮึ่ม!”
ซือเยี่ยจิ๋งเข้าใจว่าเซียวเฟิงกำลังพูดถึงอะไร ใบหน้าของเธอแดงก่ำไม่เว้นแม้แต่ใบหู หญิงสาวรีบวิ่งขึ้นชั้นบนไปหลังหายใจกระฟัดกระเฟียด เธอไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงเซียวเฟิงในยามนี้แบบสุด ๆ
เที่ยวบินของพวกเขาจะออกบินตอนทุ่ม และจะถึงสนามบินปลายทางราว ๆ 11 โมงของอีกวัน ด้วยความที่กลุ่มของเซียวเฟิงมีคนมากถึงเจ็ดคน เขาเลยต้องจองรถของโรงแรมคันใหญ่ให้มารับที่สนามบินด้วย
และในเมื่อที่คฤหาสน์ไม่มีใครอยู่ ณ ตอนนี้ ทำให้คนที่ต้องคอยดูแลสถานที่แห่งนี้เสมือนได้รับวันหยุดพักผ่อนไปช่วงหนึ่ง แต่ถึงอย่างงั้น ภารกิจคอยดูแลคฤหาสน์ก็ยังต้องมีคนมาแทน เพียงแค่อาจจะมีคนมาคอยสอดส่องดูความเรียบร้อยให้เป็นระยะเท่านั้น
ระหว่างที่ดูเที่ยวบินมากมายบินออกไป เวลาก็เริ่มเข้าใกล้ไฟลท์บินของเซียวเฟิงแล้ว เพราะงั้นหลังจากทานข้าวเย็นกันที่สนามบินเสร็จแล้ว พวกเขาก็รีบไปขึ้นเครื่องในเวลา 6 โมงเย็น ซึ่งพอเข้าไปในเครื่องบินได้แล้ว เซียวเฟิงก็เดินตามหลิวเฉียงเหว่ยไปยังส่วนที่นั่งของเฟิร์สคลาสตามระเบียบ
“ผู้โดยสารคะ! ขอโทษด้วยนะคะ ส่วนของที่นั่งคลาสประหยัดจะอยู่ฝั่งตรงข้ามนะคะ ตอนนี้ที่นั่งเฟิร์สเองก็ถูกจองหมดแล้วด้วย”
ทว่าก่อนที่พวกเขาจะได้เข้าไปถึงส่วนของที่นั่งเฟิร์สคลาส หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม เธอคนนี้สวมชุดแอร์โฮสเตสและแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางหนาเตอะ แววตาอันเฉียบคมของเธอเหลือบมองหลิวเฉียงเหว่ยผู้งดงามด้วยความตกใจเล็กน้อยแฝงด้วยความอิจฉาในความงาม
“พวกเราเนี่ยแหละ คือคนจองชั้นเฟิร์สคลาสไว้” หลิวเฉียงเหว่ยหยุดไปครู่หนึ่งและพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นซึ่งเป็นโทนเสียงปกติของเธอ
“นี่ล้อกันเล่นหรือเปล่าคะเนี่ย? ได้โปรด อย่าสร้างความวุ่นวายที่นี่เลยค่ะ ผู้ที่จองชั้นเฟิร์สคลาสของเครื่องบินลำนี้เป็นนายน้อยของสายการบินเรา เป็นคนเดียวที่สามารถสั่งได้ว่าเครื่องจะขึ้นเร็วหรือช้าได้เพียงแค่เอ่ยปากพูด…”
“งั้นก็เรียกโจวเทียนห่าวออกมา” หลิวเฉียงเหว่ยไม่อยากจะเสียเวลากับเธอคนนี้มากนัก แม้ว่าจะเป็นการขัดคำพูดอีกฝ่าย แต่น้ำเสียงของเธอก็ยังเยือกเย็นอยู่
“คุณผู้โดยสาร…คะ…คุณเป็นใครกันแน่? ทำไมถึงรู้ชื่อนายน้อยของพวกเราด้วย?” แอร์โฮสเตสวัยกลางคนชะงักขึ้นมาทันทีหลังเห็นว่าหลิวเฉียงเหว่ยพูดชื่อนายน้อยที่เธอกำลังอวดอ้างเมื่อครู่ถูกต้อง
“เกิดอะไรขึ้นที่ด้านนอกน่ะ?” คำถามดังขึ้นมาจากด้านหลังพร้อมกับการปรากฏตัวของคนคนหนึ่งที่เดินออกมาจากชั้นเฟิร์สคลาส เขาคนนั้นมองมายังกลุ่มของเซียวเฟิง ก่อนที่จะขยี้ตาแล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มยินดีพร้อมกับกล่าวทักทายอย่างสุภาพ
“โอ้! ยินดีต้อนรับครับท่านเจ้าแห่งฮีลเลอร์ คุณเฉียนโตวโตว จักรพรรดินีแห่งการสังหาร จืออี้ แล้วก็องค์หญิงตัวน้อยทั้งสองคน คุณเองคงเป็นหัวหน้าเฉียงเหว่ยสินะครับ? ผมไม่คาดคิดเลยว่าตัวจริงคุณจะสวยขนาดนี้ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ผมดีใจจนแทบจะคุมตัวเองไม่อยู่เลย”
ชายวัยกลางคนที่สุภาพมาก ๆ กล่าวทักทายเซียวเฟิงและคนอื่น ๆ ด้วยรอยยิ้มที่ไม่สามารถปกปิดความตื่นเต้นได้
“เทพสงครามของดูมส์เดย์ลีกงั้นเหรอ?” เซียวเฟิงที่เพ่งมองหน้าอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่งเริ่มรู้สึกคุ้นขึ้นมา คนคนนี้คือ เทพสงคราม ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวหน้าของกิลด์ดูมส์เดย์ลีก
ก่อนหน้านี้เขามักจะเห็นคนคนนี้คอยติดตามหัวหน้ากิลด์อย่างลอว์ก็อตอยู่ตลอด ดังนั้นเซียวเฟิงค่อนข้างจะคุ้นเคยใบหน้านี้มาก ๆ เลย
“นายน้อยโจว…คนพวกนี้…” แอร์โอสเตสวัยกลางคนหันมามองหน้าผู้เป็นนายก่อนจะถามเทพสงครามด้วยเสียงเบา
“พวกเขาเป็นแขกพิเศษของตระกูลโจวตง เร็วเข้า ไปเตรียมเครื่องดื่มได้แล้ว” เทพสงครามกระซิบตอบ
“ขะ…เข้าใจแล้วค่ะ! ถ้างั้นฉันขอตัวก่อน…” เธอรีบก้มหน้าลงต่ำและไม่กล้ามองหน้าหลิวเฉียงเหว่ยอีกครั้ง แอร์โอสเตสวัยกลางคนรีบโค้งตัวและออกจากบรรยากาศนี้ไปทันที
“มาเถอะ เข้ามาข้างในก่อน! ท่านหัวหน้ารอพวกคุณมาถึงกันนานแล้ว!” หลังจากที่แอร์โฮสเตสเดินพ้นสายตาไปแล้ว เทพสงครามก็เชิญทุกคนเข้าไปยังที่นั่งเฟิร์สคลาสกัน
“หือ? ลอว์ก็อดเองก็อยู่บนเครื่องนี้เหรอ?” เซียวเฟิงตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง เขาเหลือบมองหนิงเคอเค่อที่อยู่ด้านหลังแล้วกระซิบกับเทพสงครามเบา ๆ
“อ้อ ท่านลอว์ก็อดไม่อยู่ที่นี่หรอกครับ เจ้าแห่งฮีลเลอร์อยากเจอตัวเขาเหรอ?” เทพสงครามรีบโดยโดยพลัน
“อ้อ ดีแล้…เอ้ย! เปล่า ไม่มีอะไร ๆ”
เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนกล่าวหาว่าไปลักพาตัวลูกสาวชาวบ้านมาไว้กับตัว ยามที่เซียวเฟิงรู้ว่าลอว์ก็อดไม่อยู่บนเครื่องด้วย เขาก็ถอนหายใจและโบกไม้โบกมือปัดว่าไม่มีอะไร
ดูเหมือนว่าเทพสงครามเองจะไม่รู้จักหนิงเคอเค่อ ในขณะที่หนิงเคอเค่อก็ไม่รู้จักคนอื่น ๆ ในกิลด์ดูมส์เดย์ลีกเหมือนกัน อย่างน้อย ๆ การเดินทางครั้งนี้ก็น่าจะไม่มีอะไรแล้วล่ะ
เทพสงคราม หรือ นายน้อยโจว ที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ หลังจากที่ได้รับข่าวเรื่องการมาของเจ้าแห่งฮีลเลอร์ เขาก็หวังจะได้ต้อนรับด้วยตนเอง คนคนนี้สุภาพกับเซียวเฟิงและหลิวเฉียงเหว่ยมาก ยังไงก็ตาม ดูมส์เดย์ลีกในตอนนี้ กลายเป็น มือขวาที่แข็งแกร่งของมิดซัมเมอร์ไปเสียแล้ว
“ผมไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์กับหัวหน้าเฉียงเหว่ยเองก็จะเดินทางมาวันนี้ด้วย น่าประทับใจจริง ๆ ที่พวกเราจะได้เดินทางด้วยกันเช่นนี้” โจวเทียนห่าวโบกมือเรียกบริกรภายในเครื่องเพื่อให้นำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้เซียวเฟิงและคนอื่น ๆ ด้วยรอยยิ้ม
“ฉันเองก็ไม่คิดว่าหัวหน้ากิลด์ดูมส์เดย์ลีกส์จะเป็นครอบครัวนักธุรกิจรายใหญ่แบบนี้ แถมยังเป็นเจ้าของกิจการสายการบินในเมืองเฉิงไห่อีกด้วย” เฉียนโตวโตวตาเป็นประกายไปกับไวน์มากมาย เธอพูดด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความดีใจสุด ๆ
“คุณเฉียนจะชมผมมากไปแล้วครับ ลำพังเพียงธุรกิจที่ตระกูลเล็ก ๆ อย่างพวกผมครอบครองอยู่นั้น ไม่สามารถเทียบเท่าอุตสาหกรรมนับพันที่คุณครอบครองอยู่ได้เลยนะ” เทพสงครามรีบกล่าวกลับไปด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ
แต่นั่นก็เป็นเรื่องจริง ไม่ว่าจะเป็นในโลกใบไหน หากจะถามว่ามีหญิงคนใดในเขตฮัวเซียที่ร่ำรวยมหาศาลบ้าง ร้านค้ามหาสมบัติก็คงจะถูกใช้เป็นหลักฐานการยืนยันให้เฉียนโตวโตวได้
ใช่แล้ว เธอคือผู้หญิงที่รวยเป็นอันดับ 1 ของเขตฮัวเซีย เธอเป็นมหาเศรษฐีนีที่ไม่มีใครในฮัวเซียสามารถล้มเธอได้คนหนึ่งเลย!
ถึงแม้ว่าการที่ได้พบกับเทพสงครามแบบออฟไลน์เช่นนี้ พวกเขาก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากมายนัก ยังไงเสียงานปาร์ตี้ที่จัดขึ้น ณ เมืองหลวง ก็ยังมีเวลาให้พวกเขาได้คุยกันอีกถมเถ
เพราะงั้นหลังจากที่กล่าวทักทายกันพอเป็นพิธีแล้ว ก่อนเครื่องบินจะเทคออฟ ทุกคนก็กลับไปนั่งที่ของพวกตนให้เรียบร้อยและสวมหมวกเล่นเกมเพื่อออนไลน์ไปตาม ๆ กัน
ส่วนเซียวเฟิงที่แม้จะสวมหมวกเล่นเกมแล้วและปรารถนาที่จะได้เข้าไปตรวจดูโลกของเกมว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากที่เขาหลับเป็นตายไปวันหนึ่งเต็ม ๆ แต่เขาก็เลือกที่จะหาอะไรกินและดื่มนู่นดื่มนี่เพิ่มเติมเพื่อให้ร่างกายมีพลังงานเหลือกินเหลือใช้ไว้ก่อนจากนั้นถึงค่อยลุกไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวและกลับมาเพื่อที่จะออนไลน์ตามคนอื่นไปอีกที
“เคอเค่อ เธอกลัวการบินเหรอ?”
แต่ก่อนที่เขาจะได้กลับมานั่งที่เดิม เซียวเฟิงก็สังเกตเห็นหนิงเคอเค่อที่กำลังนั่งสั่นอยู่บนที่นั่ง มันทำให้เขาเลิกสนใจหมวกเล่นเกมก่อนและหันมาดูแลเธอแทน เด็กสาวหันมองออกไปนอกหน้าต่างขณะที่เครื่องบินกำลังทะยานเข้าสู่น่านฟ้ากว้าง
“นะ…นี่เป็นการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกของฉันเลยค่ะ…”
เธอคนนี้ยังคงขี้กลัวเหมือนเดิมไม่ว่าจะมาอยู่กับพวกเซียวเฟิงนานขนาดไหนแล้วก็ตาม บุคลิกการเป็นกระต่ายตื่นตูมของเธอก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด
“สวมหมวกของเธอแล้วเล่นเกมเถอะ เธอจะได้ไม่ต้องกลัว ตื่นมาอีกทีพรุ่งนี้พวกเราก็จะถึงปลายทางกันแล้ว” เซียวเฟิงยื่นมือไปปิดหน้าต่างฝั่งหนิงเคอเค่อก่อนจะพูดกับเธอ
“เอ่อ…อืม นายท่านคะ…ฉันขอไปนั่งข้าง ๆ นายท่านได้ไหม?” หนิงเคอเค่อพยักหน้ารับคำแนะนำ เธอแอบมองเซียวเฟิงก่อนจะถามด้วยความระแวดระวัง
“ฮะ ๆๆ ได้สิ” เขายื่นมือไปลูบหัวของเด็กสาวและหัวเราะ ยังไงเสียชั้นเฟิร์สคลาสนี้ก็กว้างขวางในขณะที่มีจำนวนคนเพียงน้อยนิดอยู่แล้ว เพราะงั้นที่นั่งน่ะ มีเหลือเฟือ พวกเธออยากจะนั่งที่ว่างตรงไหนก็ได้