Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 560 งานเลี้ยง
บทที่ 560 งานเลี้ยง
บทที่ 560 งานเลี้ยง
“พี่หลิว! ขี้โกง!”
เฉียนโตวโตววิ่งพรวดออกมาจากห้องนอนของตน เธอโวยวายใส่หลิวเฉียงเหว่ยที่กำลังกอดซบกับเซียวเฟิงอยู่บนโซฟา
หลังจากที่กลับมาถึงห้อง สาว ๆ ต่างแยกนำเสื้อผ้าที่ให้เซียวเฟิงแบกกลับมาให้ไปยังห้องของแต่ละคน จะมีก็แต่หลิวเฉียงเหว่ยที่ไม่ได้สนใจเรื่องเสื้อผ้า เพราะแม้แต่ซางกวนซือเฟยก็ยังนำชุดไปลองใส่เลย
เซียวเฟิงรีบปล่อยมือออกจากหลิวเฉียงเหว่ยเมื่อได้ยินเสียงโวยวายนั้น แต่นั่นไม่ใช่เพราะเขากลัวว่าสาว ๆ จะโกรธหรือกระโจนเข้าใส่แต่อย่างใด หากแต่เพราะกลัวว่าเซียวหลิงที่กำลังลองชุดใหม่อยู่ภายในห้องจะโผล่ออกมาตอนที่เขาไม่ทันระวังตัว
“ท่านเซียว คิดว่าชุดสำหรับงานเลี้ยงของฉันเป็นยังไงบ้าง?” ซางกวนซือเฟยที่สวมชุดใหม่แล้วเดินออกมาจากห้อง เธอโพสท่าสุดเย้ายวนก่อนจะเอ่ยถาม
“ไม่เลว สวยมาก เซ็กซี่ไม่หยอก”
ชายหนุ่มพูดตามความจริงโดยไม่ลังเล ชุดเดรสยาวเปิดไหล่น่ะ เหมาะกับซางกวนซือเฟยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ด้วยรูปร่างและผิวกายที่งดงาม ไม่ว่าใครก็หลงเสน่ห์เธอได้ไม่ยาก
“แต่ฉันรู้สึกว่าสร้อยคอนี่ไม่เหมาะเลยแฮะ ท่านเซียว ออกไปช็อปปิ้งเพิ่มเติมช่วงบ่ายกันไหม?” หญิงสาวขยิบตาให้อีกฝ่ายด้วยความเชื้อเชิญ
“ฉันดื่มมามากพอสมควรเลย ตอนนี้เลยรู้สึกมึนหัวนิดหน่อย เพราะงั้นบ่ายนี้คงไม่ไปไหนแล้วล่ะ” ท่าทีของเซียวเฟิงดูอ่อนปวกเปียกลงเล็กน้อย เขาเตรียมเหตุผลนี้มาไว้นานแล้ว และนั่นเป็นเหตุผลที่เซียวเฟิงเลิกจิบพอเป็นพิธีเมื่อช่วงบ่ายด้วย เขาทำเพื่อตบตาสาว ๆ เหล่านี้
“เอ๊ พี่เซียวมึนหัวเหรอ? อยากจะได้ชาสักหน่อยมั้ย?” เฉียนโตวโตวรีบเข้าไปซบเขาบ้าง
“ไม่ต้อง ๆ ฉันแค่ต้องพักสักหน่อย เพราะงั้นถ้าพวกเธอจะไปช็อปปิงกันก็ตามสะดวกเลย” เซียวเฟิงรีบโบกมือลาแล้วเอนตัวลงบนโซฟา
การที่เซียวเฟิงเลือกที่จะไม่ไปนั้น มันก็ทำเอาสาว ๆ พากันบ่นอุบอิบ และท้ายสุด พวกเธอก็เลือกที่จะไม่ไปแล้วหันกลับไปเล่นเกมกันในช่วงบ่ายแทน
เซียวเฟิงเองก็ทำแบบเดียวกัน เขาไปเก็บเลเวลและเคลียร์กองมอนสเตอร์ที่ถาโถมตลอดช่วงบ่าย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ได้ค่าประสบการณ์มาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผลลัพธ์นี้ยังคงทำให้เขารู้สึกหมดแรงสู้อย่างช่วยไม่ได้ การเก็บเลเวลเพื่อพัฒนาจากเลเวล 69 เป็น 70 นั้นทำให้ความพยายามของเซียวเฟิงไหลหายไปเป็นน้ำ
เมื่อเวลา 6.30 นาฬิกาในช่วงเย็นมาถึง เขาก็ออฟไลน์ออกมาอีกครั้ง และการออฟไลน์นี้ก็เป็นผลมาจากหลิวเฉียงเหว่ยมากดปุ่มเรียกเขาด้วย ไม่เช่นนั้นเขาคงได้เก็บเลเวลจนลืมวันลืมคืนแน่ ๆ
“รีบเปลี่ยนชุดเร็ว งานเลี้ยงจะเริ่มในอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้าแล้ว!”
สภาพภายในห้องสวีตนั้น ทั้งหลิวเฉียงเหว่ยและสาว ๆ คนอื่นต่างก็กำลังวิ่งหน้าตั้งกันอยู่ ดูเหมือนว่าพวกเธอเองก็จะเพิ่งออฟไลน์กันได้ไม่นานเหมือนกัน แต่ไม่นานนั่นก็หมายถึงสายเสียแล้ว แน่นอนว่าคนที่รู้ตัวก่อนไม่น่าจะเป็นใครอื่นได้นอกจากหลิวเฉียงเหว่ย จากนั้นเธอก็วิ่งไปปลุกคนอื่นจนกระทั่งมาถึงเซียวเฟิง
เซียวเฟิงได้ชุดสูททางการมาจากการช็อปปิ้งเมื่อเช้าห้าถึงหกชุด ส่วนชุดสำหรับตอนเย็นนั้นเขาจัดเตรียมไว้ตั้งแต่กลับเข้าห้องแล้ว ดังนั้นใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีในการอาบน้ำและเปลี่ยนชุดก็เป็นอันเสร็จสิ้น จะเหลือก็แต่การที่ต้องมานั่งรอสาว ๆ ทั้งหลายแต่งตัวกันนั่นแหละ
ในตอนสุดท้าย ปัญหาของสาว ๆ ดูท่าจะเยอะกว่าที่เซียวเฟิงคิดไว้มาก พวกเธอวิ่งกันไปมาเหมือนกระต่ายหนีระเบิด กว่าจะแต่งตัวกันเข้าที่เข้าทางมันก็ 6.55 นาฬิกาเข้าไปแล้ว แถมนั่นยังไม่เสร็จด้วย เพราะเขายังสามารถได้ยินเสียงตะโกนถามหาเครื่องสำอางดังออกมาเป็นระยะ ๆ
“ถ้างั้นฉันจะลงไปก่อนก็แล้วกัน ไว้พวกเธอเสร็จแล้วก็ตามลงไปทีหลังนะ”
เขาขี้เกียจที่จะรอพวกเธอแล้ว ยังไงเสียก็ไม่มีใครคิดจะว่าอะไรพวกเธออยู่แล้วด้วยหากจะลงไปช้ากันสักหน่อย เพราะนี่น่ะ เป็นสิทธิ์พิเศษที่เหล่าสาวสวยจะพึงได้รับกัน ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะลงไปก่อนคนเดียว
สถานที่จัดงานเลี้ยงตามที่คราวน์ปรินซ์ได้บอกไว้ คือชั้น 3 ของโรงแรม ที่นี่เป็นบริเวณที่มีพื้นที่กว้างขวาง ที่ซึ่งสามารถรองรับคนได้หลายร้อยคนเลยหากจะจัดงานเลี้ยงหรือสัมมนาใด ๆ
“หู้ว!”
ทันทีที่เซียวเฟิงเปิดประตูเข้าไปภายในสถานที่จัดงาน เขาถึงกับต้องร้องอุทานออกมา ภาพตรงหน้าเขานั้นเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา งานเลี้ยงถูกจัดในธีมแบบตะวันตก ชั้นวางไวน์มากมายถูกนำวางรายล้อมโต๊ะสำหรับรับประทานอาหาร คลอด้วยเสียงดนตรีบรรเลงเบา ๆ เสริมบรรยากาศ ที่นี่มีคนอยู่แล้วราว ๆ ร้อยกว่าคน พวกเขาต่างก็กำลังเดินไปเดินมาและพูดคุยกันในชุดทางการ ผู้ชายจะสวมชุดสูทสุดเนี้ยบกัน ในส่วนของผู้หญิงจะสวมชุดเดรสสีเข้ม แต่ละคนล้วนมีแก้วไวน์ถือไว้ในมือ งานเลี้ยงนี้อยู่เหนือระดับคนธรรมดาไปแล้ว เพราะแขกหลาย ๆ คนที่อยู่ในงาน เซียวเฟิงเห็นหน้าเขามาก่อนแล้วในการประชุมเมื่อช่วงเที่ยงวันนี้ ผู้เข้าร่วมงานส่วนมากเป็นผู้ชาย บางคนก็มาคนเดียว บางคนก็มากับสาวของเขา ดังนั้นแม้คนใหญ่คนโตส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย แต่จำนวนประชากรระหว่างชายกับหญิงภายในงานก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก
แต่ก็ยังมีบางจำพวกที่ถือเป็นส่วนน้อยที่จะมากับคนในกิลด์ตนเอง อย่าง วอร์สปิริตฮอลล์เสี่ยวเถียน ผู้ที่นำน้องชายอย่าง วอร์สปิริตฮอลล์เสี่ยวเต๋ามาด้วย มันชัดเจนเลยว่าเสี่ยวเถียนนั้นกำลังทุกข์ระทมกับการที่คนอื่น ๆ มีสาว ๆ เคียงข้าง แววตาของเขาที่มองไปยังหญิงสาวที่มาเคียงคู่กับประธานกิลด์อื่นนั้นเต็มไปด้วยความอิจฉา “เจ้าแห่งฮีลเลอร์!?”
“เจ้าแห่งฮีลเลอร์อยู่ตรงนี้!”
“ฮะฮ่า! ในที่สุดฉันก็ได้เจอเจ้าแห่งฮีลเลอร์แล้ว!”
…
เซียวเฟิงมาปรากฏตัวที่หน้าทางเข้างานเลี้ยงได้ไม่ถึง 2 วินาที ทุกคนก็เริ่มตระหนักได้แล้วว่าเขาเป็นใคร และทันใดนั้น โถงงานเลี้ยงขนาดใหญ่ก็แทบจะเกิดแผ่นดินไหวขนาดย่อมขึ้นเมื่อผู้คนภายในงานต่างวิ่งกรูกันมารวมที่จุด ๆ เดียว
“พระเจ้า เจ้าแห่งฮีลเลอร์ช่างเป็นคนที่หล่อเหลาจริง ๆ!”
ท่ามกลางเหล่าคนใหญ่คนโตที่วิ่งกรูกันเข้ามานี้ มีประธานจากกิลด์เดอะวูล์ฟอย่าง ซิงเทียน รวมอยู่ด้วย เขาให้ความสนใจกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์มากที่สุด และเป็นฝ่ายที่เดินเข้าหาก่อนพร้อมกับใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผิดขณะกล่าวทักทาย
“เจ้าแห่งฮีลเลอร์ เมื่อครั้งที่ประชุมผู้นำกันฉันเป็นฝ่ายตาไม่ถึงเอง ฉันทำท่าทีไม่น่าเคารพต่อหน้านาย เพราะงั้นฉันจะลงโทษตัวเองด้วยการดื่มแก้วนี้! หวังว่าเรื่องทุกอย่างที่เราบาดหมางกันจะจบลงด้วยดี โอเคไหม?”
ซิงเทียนพูดแล้วยกแก้วขึ้นก่อนจะดื่มไวน์ในแก้วลงไปจนหมด
“ฉันไม่ได้สนใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนั้นมาตั้งแต่ต้นแล้ว” เซียวเฟิงส่ายหน้าและหยิบแก้วไวน์มาจากจุดที่เตรียมไว้ให้ก่อนจะดื่มลงไปจนหมดแก้วในครั้งเดียวเช่นกัน
“ฮ่า ๆๆ เจ้าแห่งฮีลเลอร์ช่างใจถึงจริง ๆ เสียดายที่พวกเรารู้จักกันช้าไป ไม่เช่นนั้นล่ะก็ กิลด์วูล์ฟของพวกเราคงได้กลายเป็นกัลยาณมิตรอย่างเหนียวแน่นของนายแน่ ๆ!” ซิงเทียนหัวเราะอย่างห้าวหาญแต่ในตอนท้าย เขาก็ได้แต่ถอนหายใจ
ประโยคที่เขาพูดออกมานั้นแทงใจดำคนหลายคนที่อยู่รอบ ๆ อิทธิพลของเจ้าแห่งฮีลเลอร์นั่นแข็งแกร่งกว่าสิ่งใด หากพวกเขามีโอกาสที่จะผูกมิตรกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์ได้ตั้งแต่ต้นเกม พวกเขามั่นใจว่าจะได้รับผลประโยชน์มากมายเกินกว่าจะจินตนาการได้อย่างแน่นอน ซึ่งมันน่าเสียดายตรงที่พวกเขาไม่อาจรู้อนาคตได้ตั้งแต่ตอนนั้นว่าเรื่องมันจะมาเป็นเช่นนี้ เพราะงั้นทุกคนที่รู้สึกเช่นนั้นจึงได้แต่ถอนหายใจ
“ถ้าจำไม่ผิด ชื่อในเกมของเธอคือ แคท หรือไม่ก็ คิทเท่น ใช่หรือเปล่า? นายพาเธอมาด้วยเหรอ?” เซียวเฟิงกวาดตามองแล้วก็สะดุดกับเด็กสาวหน้าตาน่ารักที่ดูแล้วจะเป็นเด็กนิสัยดีคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังซิงเทียน เขาเลยถามออกไป เพราะถ้าหากจำไม่ผิด เธอคนนี้น่าจะเป็น คิทเท่น ที่เขาเคยรู้จักเมื่อครั้งไปเยือนเขตของออร์ค
“ใช่แล้ว เธอเป็นหลานฉันนะ เพราะต้องมางานเลี้ยงเลยไม่รู้จะทำยังไงกับเธอดี ท้ายสุดเลยพาเธอมาด้วย” ซิงเทียนแสร้งทำเป็นปวดหัวในขณะที่ดวงตาของเขาแสดงให้เห็นถึงความเจ้าชู้อยู่ภายใน
สิ่งนี้ทำให้เซียวเฟิงได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ เขาไม่คาดคิดเลยว่าคิทเท่นจะเป็นหลานของซิงเทียนในโลกแห่งความจริง เขาจำได้ว่าฟ็อกซ์กับคิทเท่นนั้นดูเหมือนจะเป็นน้าหลานกัน ถ้างั้นก็แสดงว่าภายในกิลด์วูล์ฟนี้ เหล่าผู้บริหารระดับสูงก็น่าจะเป็นครอบครัวเดียวกันหมดเลย ไม่น่าแปลกใจจริง ๆ ที่เห็นกิลด์นี้สามัคคีกันได้ถึงเพียงนี้
“นายท่าน! ฉันคิดถึงนายท่านจังเลย!”
ทันใดนั้น ร่างที่ไม่ได้สนใจสถานการณ์โดยรอบก็ทะยานเข้าใส่เซียวเฟิง ด้วยเสียงที่ดังและท่าทีที่ดูเหมือนม้าดีดกัญชา เขาไม่สามารถเป็นใครอื่นได้นอกจากหานเฟิง และแน่นอนว่าเขายังคงไม่เป็นที่ชื่นชมจากคนรอบด้านนัก เห็นได้จากผู้คนที่รู้ว่าเขาเป็นใครต่างก็เริ่มถอยออกห่างเมื่อเห็นหานเฟิงเข้ามาใกล้
“นายท่าน เมื่อตอนที่ถูกระบบบังคับออฟไลน์ไปตอนวันสุดท้ายของสงครามระหว่างเขตแดนนั่นเกิดอะไรขึ้นกับนายท่านเหรอ? ฉันจะโทรถามแล้วแต่ระบบบอกว่านายท่านสภาพจิตใจไม่ปกติก็เลยต้องถูกดีดออกจากระบบ” ในเมื่อคนอื่นไม่สนใจหานเฟิง หานเฟิงก็ไม่สนใจคนอื่นเช่นกัน เขาเข้ามาถามเซียวเฟิงตรง ๆ เลยด้วยความเป็นห่วง
“จริงด้วยสิ เจ้าแห่งฮีลเลอร์ ตอนนั้นพวกเราคิดว่านายประสบอุบัติเหตุกัน แต่พอมาคุย ๆ กันแล้วก็คิดว่าน่าจะเป็นเพราะนายฝืนใช้สกิลหนัก ๆ พวกนั้นมากกว่า ตอนนี้ยังรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวอยู่ไหม?” หลังจากที่หานเฟิงพูดถึงเรื่องนี้ เหล่าคนใหญ่คนโตคนอื่นที่ห้อมล้อมเซียวเฟิงอยู่ก็เริ่มพากันถามไล่ ๆ กัน
“ฉันไม่เป็นไร หายดีแล้ว แต่ก็ขอทางหน่อยนะ พอดีว่ามีคนที่ยังต้องไปทักทายน่ะ” เซียวเฟิงไม่อยากจะจมอยู่กับหัวข้อการสนทนานี้ให้นานกว่านี้แต่อย่างใด เพราะเขารู้ว่ามีใครบางคนอยากจะใช้โอกาสนี้ในการสร้างบุญคุณอยู่ ดังนั้นหลังจากดื่มไวน์หมดไปอีกแก้วหนึ่งแล้ว เขาก็โบกมือแล้วปลีกตัวออกมา
“เจ้าแห่งฮีลเลอร์ จืออี้ยังไม่ลงมาเหรอ?”
ตอนแรกเซียวเฟิงว่าจะเอาเวลาไปหาดูว่ามีใครมาจากตระกูลโบราณบ้าง อย่างซางกวนอาโอเชินอะไรทำนองนี้ แต่เขาก็ถูกเสี่ยวเทียนทักไว้เสียก่อนจะได้เจอเป้าหมาย ชายคนนั้นถามเซียวเฟิงด้วยเสียงที่แผ่วเบา
“พวกเธอยังอยู่ด้านบนน่ะ อ้อ จริงสิ จืออี้อยู่กับพวกนายมาก็ตั้งนาน พอจะรู้จักตัวตนของเธอบ้างหรือเปล่า?” เมื่อนึกขึ้นได้ว่าซางกวนซือเฟยก็เป็นหนึ่งในผู้ที่มาจากตระกูลโบราณเหมือนกัน เซียวเฟิงจึงถามกลับไปอย่างไม่รอช้า
“เรื่องที่เธอมาจากตระกูลชั้นสูงน่ะเหรอ? นั่นต้องรู้อยู่แล้ว พูดตามตรงเลยนะ ตั้งแต่ที่ป้าของฉันแต่งเข้าตระกูลชั้นสูงนั้น พวกเราสองตระกูลก็เหมือนเครือญาติกันไปเลย แล้วหลังจากที่จืออี้หนีออกจากตระกูล ผู้หลักผู้ใหญ่ก็กำชับฉันให้คอยดูแลเธอให้ดีด้วย” เสี่ยวเทียนอธิบาย “แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดไปว่าพวกเราหมายจะฮุบจืออี้ไว้นะ เธอน่ะแก่กว่าพวกเรารุ่นนึงเลย ฉันเองก็ไม่นิยมสาวใหญ่สักเท่าไหร่ด้วย”
“ไม่หรอก ฉันควรจะขอบคุณพวกนายที่ช่วยดูแลเธอมาตลอด” เซียวเฟิงไม่ได้ว่าอะไร กลับกันเขายังกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกด้วย
“เจ้าแห่งฮีลเลอร์ก็สุภาพเกินไป ซางกวนอาโอเชินเคยคุยกับฉัน หมอนั่นบอกว่านายคือคนที่แข็งแกร่งพอที่จะช่วยจืออี้ได้ ดังนั้นฉันควรจะดีใจที่จืออี้ได้พบกับนาย พวกผู้อาวุโสตระกูลฉันหลังจากรู้เรื่องของนายแล้ว พวกเขาเองก็ยิ้มแก้มปริกันไปหลายวันเหมือนกัน” เสี่ยวเทียนตอบกลับและถอนหายใจ
“พวกนั้นมากันแล้วล่ะ”
เซียวเฟิงเตรียมจะพูดอะไรสักอย่าง ทว่าตอนนั้นจู่ ๆ ทั่วทั้งงานเลี้ยงก็พากันเงียบสงัดกันราวกับโดนปิดเสียงไว้ ทุกคนต่างหันมองไปยังทางเข้าอย่างพร้อมเพรียงกัน รวมถึงสีหน้าท่าทางของพวกเขาก็ดูตกตะลึงสุด ๆ ด้วย เห็นเช่นนั้นเซียวเฟิงเลยอดไม่ได้ที่จะหันไปดูเหมือนกับคนอื่น ๆ และเขาก็ได้พบ ว่าต้นเหตุของความเงียบสงัดนั้น คือหลิวเฉียงเหว่ยและสาว ๆ คนอื่นที่เพิ่งจะแต่งตัวเสร็จนั่นเอง
แม้ว่าพวกเธอจะมากันสายนิดหน่อย แต่หลิวเฉียงเหว่ยก็กลายเป็นเป้าสายตาของผู้ที่มาก่อนได้ทันทีที่ปรากฏตัว แม้แต่เซียวเฟิงที่เห็นพวกเธออยู่ทุกวันก็ยังต้องยอมรับในความงดงามของพวกเธอหลังจากที่ยอมปล่อยให้แต่งตัวกันอย่างจัดเต็ม ถึงจะดูไม่เข้ากับเขาแต่เซียวเฟิงก็อดคิดไม่ได้ว่า พวกเธอช่างสวยเสียเหลือเกิน
ยามที่ทั้งสี่เข้ามาในงานแล้ว สาว ๆ คนอื่นที่มาก่อนก็ถูกมองข้ามกันหมดเลย นี่ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะพวกเธอล้วนก็อยู่ในอันดับเทพธิดากันแทบทั้งสิ้น แม้จะอยู่ภายใต้ชุดเดรสตัวสวยที่มีมูลค่า แต่มนต์เสน่ห์ของแต่ละคนก็ไม่ได้เลือนลางลงแต่อย่างใด สาวงาม เอลฟ์สาว ไม่ว่าจะคำไหนก็ไม่สามารถพรรณาความงดงามที่เปล่งประกายออกมา ณ เวลานี้ได้เลย แล้วยิ่งการที่สาว ๆ แต่ละคนมีความงดงามกันคนละแบบ คราวที่พวกเธอเดินด้วยกัน มันก็สร้างมิติความงามที่โฉบไปมาจนทุกสายตาไม่อาจละมองอย่างอื่นได้ สมแล้วที่พวกเธอควรได้รับคำชื่นชม
แม้แต่เซียวหลิงและหนิงเคอเค่อ เด็กสาวทั้งสองเองก็ถูกจับแต่งตัวอย่างประณีตมาด้วย พวกเธอทั้งสองไม่ต่างอะไรกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย ราวกับนางฟ้านางสวรรค์ที่ลงมาเยี่ยมเยียนโลกมนุษย์
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทุกคนในโถงงานเลี้ยงถึงได้พากันเงียบไปหมดเหลือไว้เพียงเสียงบรรเลงคลอสร้างบรรยากาศให้ได้ยิน พวกเขามัวแต่ตกตะลึงกันจนลืมพูดไปเลย
“ฉันว่าในชีวิตฉันเองก็ผ่านผู้หญิงมามากมายนับไม่ถ้วนแล้วนะ แต่ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าวันนี้จะมีผู้หญิงที่สวยเกินกว่าจะจินตนาการได้อยู่ด้วย นั่นวอร์สปิริตฮอลล์จืออี้ใช่ไหม? ส่วนนั้นก็จักรพรรดินีแห่งการสังหาร นั่นประธานตำหนักขุมทรัพย์ที่ว่าร่ำรวยมาก ๆ แล้วคนที่สวยที่สุดคนนั้นล่ะ? ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่ามีผู้หญิงที่สมบูรณ์ที่สุดเช่นนี้อยู่ในโลกด้วย!”
“ถ้าจักรพรรดินีแห่งการสังหารอยู่ที่นี่ งั้นคนคนนั้นก็น่าจะเป็นประธานเฉียงเหว่ยแห่งมิดซัมเมอร์กิลด์แล้วล่ะ เธอไม่เคยแสดงใบหน้าที่แท้จริงให้ดูในเกมเลย ฉันเองก็ไม่คิดว่าเธอจะสวยขนาดนี้ อันดับ 1 น่ะเหมาะสมกับเธอที่สุดแล้ว!”
“อ๊าา! ฉันรู้สึกได้เลยว่าหัวใจของฉันกำลังไม่ฟังคำสั่ง! นี่เหรอคืออาการของรักแรกพบ!?”
“นายลืม ๆ เรื่องรักแรกพบนั่นไปจะดีกว่านะ ต่อให้ไม่เห็นแก่องค์หญิงตัวน้อยที่มากับพวกเธอด้วย ก็ช่วยอย่าเอาตัวไปเสี่ยงกับคดีฆาตรกรรมสิ นายก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าเธอน่าจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์ ขืนถ้านายไม่หยุดปากพล่อยนะ ฉันไม่ไปงานศพจริง ๆ ด้วย!”
“องค์หญิงน้อยเองก็น่ารัก! เธอเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้ธีมเทพนิยายเลย ฉันว่าถ้าเธอโตขึ้น หนุ่ม ๆ ในประเทศเราน่าจะหมายปองเธอราวกับจะก่อสงครามกลางเมืองกันให้ได้แน่ ๆ”
“นี่แกเองก็หาเรื่องตายด้วยเหรอ! เงียบนะ! อย่าให้เจ้าแห่งฮีลเลอร์ได้ยินเรื่องที่พูดเมื่อกี้เชียว!”
ความเงียบงันในงานเลี้ยงอยู่ได้เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น หลังจากนั้นเสียงอุทานและเสียงกล่าวชื่นชมต่าง ๆ นานาก็ดังขึ้นกลบเสียงบรรเลงดนตรีจนหมด ไม่ต้องสงสัยเลย พวกเขาทั้งหมดกำลังสะพรึงกับความงดงามของหลิวเฉียงเหว่ยและคนอื่น ๆ
หลังจากที่หลิวเฉียงเหว่ยและสาว ๆ เข้ามาถึงงานแล้ว พวกเธอก็กวาดสายตามองไปรอบ ๆ จนกระทั่งเจอเซียวเฟิง พวกเธอก็ไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปหาเขาทันที