Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 567 เป้าหมาย
บทที่ 567 เป้าหมาย
บทที่ 567 เป้าหมาย
“ไม่มีทาง! ฉันไม่เชื่อหรอก!” ซือเยี่ยจิ๋งตอบด้วยความมั่นใจ เธอรู้ดีว่าอุปกรณ์ของสวมใส่ของเซียวเฟิงแต่ละชิ้นนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน หากเซียวเฟิงยกพวกมันให้เธอล่ะก็ เธอจะต้องสามารถกลายเป็นผู้ไร้เทียมทานได้แน่ ๆ ไม่มีทางที่เซียวเฟิงมือเปล่าจะสามารถสู้เธอได้อย่างแน่นอน
“ถ้าหากเธอไม่เชื่อ เรามาพนันกันดีไหม?” มุมปากของเซียวเฟิงยกขึ้นเล็กน้อยขณะพูดออกไปเช่นนั้น
“ได้เลย! นายจะเอาอะไรมาเดิมพันล่ะ?” โดนยั่วยุเช่นนี้ ไม่มีทางที่ซือเยี่ยจิ๋งจะไม่เลือดร้อน เธอเป็นถึงมือสังหารแห่งฮัวเซีย รวมไปถึงเป็น ในผู้เล่นระดับสูงที่ครองอันดับผู้เล่นอยู่เสมอ ด้อยกว่าผู้เล่นระดับพระเจ้าเพียงแค่ขั้นเท่านั้น ดังนั้นแล้วเธอจึงไม่ใช่มือใหม่!
ด้วยอุปกรณ์ของเซียวเฟิงแล้ว เธอมั่นใจมากว่าเธอจะเอาชนะเขาได้!
คราวนี้เซียวเฟิงไม่ได้พูดตอบอะไร เขาเพียงแค่ชี้ไปยังริมฝีปากของซือเยี่ยจิ๋งด้วยสีหน้าที่แฝงไปด้วยความชั่วร้ายเท่านั้น
“นะ…นายนี่มัน…”
แน่นอนว่าซือเยี่ยจิ๋งสามารถเข้าใจท่าทีนั้นได้ตั้งแต่แรก เธอรีบยกมือขึ้นปิดปากตนเองไว้ ตอนนี้เธออยู่กับเซียวเฟิงเพียงสองต่อสอง ดังนั้นเธอจึงไม่ได้สวมหน้ากากหรือชุดคลุมแต่อย่างใด และเพราะแบบนี้ มันเลยทำให้อีกฝ่ายสามารถสังเกตเห็นแก้มขาวนวลที่แดงระเรื่อขึ้นได้โดยง่าย แต่ถึงอย่างนั้นความเขินอายก็ยังแสดงออกให้เห็นผ่านดวงตาสวยของหญิงสาวอยู่ดี
“ละ…แล้วถ้านายแพ้ล่ะ!” ด้วยความที่เป็นคนดื้อดึง ซือเยี่ยจิ๋งไม่ปฏิเสธการเดิมพันของอีกฝ่ายอยู่แล้ว เพราะงั้นเธอจึงถามต่อ
“ถ้าฉันแพ้ แหวนอวกาศก็เป็นของเธอ”
“โอเค! งั้นมาเดิมพันกัน! แต่นายห้ามเรียกสัตว์เลี้ยงลงมาเด็ดขาดเลยนะ!”
นักฆ่าสาวตั้งสติให้มั่น และแน่นอนว่าเธอไม่ใช่คนประมาท เธอยังจำได้แม่นว่าสัตว์เลี้ยงของเซียวเฟิงนั้นมีสกิลที่สามารถถล่มคนเป็นกองทัพได้ ดังนั้นเธอจึงรีบตั้งกฎขึ้นมาไว้ก่อน
“ตามนั้น” สีหน้าของเซียวเฟิงไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แม้ว่าในใจเขาอยากจะหัวเราะขนาดไหนก็ตาม
ซือเยี่ยจิ๋งมองท่าทีของเซียวเฟิง แล้วเริ่มลังเลกับการตัดสินใจของตนเองไปครู่หนึ่ง แต่เพราะเธอยังคงถูกความเดือดดาลเข้าครอบงำ ดังนั้นหญิงสาวจึงรีบเปลี่ยนอุปกรณ์ทุกอย่างในตัวทันที
เซียวเฟิงไม่ได้คิดจะเล่นลูกไม้ใด ๆ เขาส่งชุดเกราะมังกรและชุดบาปแรกเริ่มให้แก่ซือเยี่ยจิ๋ง เหลือไว้เพียงอาวุธอย่างค้อนศักดิ์สิทธิ์ ชิ้นเดียว
“เธอคงไม่เอาอาวุธของฉันไปด้วยหรอกใช่ไหม? ฉันต้องใช้อาวุธอย่างน้อยหนึ่งชิ้นเพื่อเจาะของเธอน่ะ”
เซียวเฟิงหยั่งเชิง เพราะถ้าซือเยี่ยจิ๋งใจยักษ์ขนาดไม่ยอมให้ใช้แม้แต่ค้อนศักดิ์สิทธิ์ ชายหนุ่มก็คงจะทำอะไรเธอไม่ได้มากเหมือนกัน เพราะตัวเองรู้ดีถึงความสามารถของชุดเกราะมังกรและชุดบาปแรกเริ่ม หากไม่มีอาวุธระดับอาร์ติแฟกต์ล่ะก็ การจะโจมตีทะลุพลังป้องกันของชุดทั้งสองนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ยังไงเสีย ภายในโลกของเกม ข้อมูลก็ยังเป็นสิ่งที่เหนือทุกอย่าง ไม่ว่าเซียวเฟิงจะเก่งระดับเทพแค่ไหน แต่ข้อมูลก็ยังเหนือกว่าเขาอยู่ดี
“ฉันใช้อาวุธนั่นไม่ได้”
มีดสั้นทั้งสองเล่มของซือเยี่ยจิ๋งนั้นเป็นอาวุธระดับเทพเจ้าและอาร์ติแฟกต์ พวกมันทั้งคู่ถูกตีบวกเสริมมาจนอยู่ในระดับ +5 ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้มันถือว่าน่ากลัวมากเลยทีเดียว ทว่าอาวุธของเซียวเฟิงนั้นกลับน่ากลัวยิ่งกว่า เพราะมันถูกตีบวกเสริมจนอยู่ในระดับ +10 หากไม่ติดว่าอาชีพของเธอไม่สามารถใช้อาวุธประเภทนั้นได้ บางทีเธอเองก็อาจจะริบอาวุธเขามาด้วย
แม้ว่าเธอจะอยากบอกเซียวเฟิงว่าให้วางอาวุธซะ แต่เมื่อคิดถึงนักบวชที่ต้องสู้กับนักฆ่าที่สวมชุดเกราะระดับอาร์ติแฟกต์ด้วยมือเปล่าแล้ว มันก็ค่อนข้างจะเอาเปรียบเกินไปไม่น้อยเลย
“งั้นเธอจะเริ่มเมื่อไหร่ก็ได้” เซียวเฟิงหันมองค่าสถานะของเขาที่ยังเหลือค่าจิตวิญญาณอยู่กว่า 700 แต้ม จากนั้นเขาก็ร่ายสกิลการคืนชีพศักดิ์สิทธิ์ให้แก่ซือเยี่ยจิ๋งก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม
“รอแปปนึง ฉันขอดูระดับพลังก่อน” ซือเยี่ยจิ๋งไม่ได้รีบเปิดฉากเข้าทันที เธอเลือกที่จะเปิดอันดับพลังขึ้นมาดู เพราะเธออยากรู้ว่าอุปกรณ์ของเซียวเฟิงช่วยเพิ่มค่าพลังให้เธอได้มากขนาดไหน
“หือ? 160,000 เลยเหรอ? ในที่สุดเธอก็สามารถมีพลังทะลุแสนได้แล้วเหรอเนี่ย เข้าใกล้ความเป็นผู้เล่นระดับพระเจ้ามากขึ้นแล้วนะ หรือฉันควรจะชมอุปกรณ์ที่ฉันให้เธอยืมดี?” เมื่อเห็นอีกฝ่ายเปิดอันดับพลัง เซียวเฟิงก็เปิดอันดับพลังขึ้นมาดูด้วยเช่นกัน เขากล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เพราะด้วยชุดอุปกรณ์ที่ให้เธอไป มันทำให้ซือเยี่ยจิ๋งเข้าใกล้การเป็นผู้เล่นระดับพระเจ้าได้จริง ๆ เธอติดอันดับ 5 ในอันดับพลังโจมตีรวมทุกเซิร์ฟเวอร์เลย ซึ่งถือได้ว่าตัวซือเยี่ยจิ๋งเองก็มีศักยภาพที่น่ายกย่อง
เขาไม่ได้เข้ามาตรวจดูในอันดับพลังโจมตีรวมทุกเซิร์ฟเวอร์พักใหญ่ ๆ แล้ว เลยไม่รู้ว่าตอนนี้ทั่วทั้งโลกแข็งแกร่งกันไปถึงขนาดไหน เพราะงั้นระหว่างที่รอซือเยี่ยจิ๋งเริ่ม เซียวเฟิงจึงไล่หาอันดับตนเองไปด้วย
ท่ามกลางเหล่าผู้เล่นทั่วโลก เทพเจ้าสายฟ้าครองอันดับ 1 อยู่ด้วยพลังโจมตี 240,000 หน่วย ในขณะที่เซียวเฟิงที่ซึ่งสูญเสียพลังจากชุดเกราะและเครื่องประดับไปมีพลังโจมตี 220,000 หน่วย มากเป็นอันดับ 2 ส่วนอันดับ 3 เป็นซีเหมินชุยเสวียที่มีพลังโจมตี 210,000 หน่วย
หลังจากที่เขาทำลายขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์ได้ ก็ดูเหมือนว่าตัวเองจะพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย เซียวเฟิงค่อนข้างสงสัยว่าเป็นเพราะการที่เขาทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บนักเมื่อครั้งสู้กันบริเวณลานฝึกตระกูลจางหรือเปล่า ซีเหมินชุยเสวียเลยแข็งแกร่งขึ้นมาได้
อันดับที่ 4 เป็นไทแรนนี่ด้วยพลังโจมตี 180,000 หน่วย แบบนี้ดูเหมือนว่าซีเหมินชุยเสวียจะก้าวนำเขามาหน่อยนึงแล้ว และปิดท้ายด้วยซือเยี่ยจิ๋งในอันดับที่ 5 กับพลังโจมตี 160,000 หน่วย อันที่จริงถัดมาจากเธอก็ยังมีอีกหลายคนที่พลังไล่ ๆ กัน พวกเขาล้วนเป็นผู้เล่นที่มีพลังโจมตีเกิน 100,000 หน่วย แต่ก็ไม่สูงเท่าซือเยี่ยจิ๋ง
และสิ่งนี้มันแสดงให้เห็นว่าชุดอุปกรณ์ของเซียวเฟิงนั้น แข็งแกร่งจนน่ากลัวจริง ๆ เพราะมันสามารถผลักดันผู้เล่นระดับหัวแถวให้ก้าวขึ้นมาเทียบเท่าผู้เล่นระดับพระเจ้าได้เลย!
“ฮึ่ม! มันต้องเป็นเพราะพลังโจมตีของสัตว์เลี้ยงของนายด้วยแน่ ๆ! เพราะงั้นก็เตรียมตัวพ่ายแพ้ได้เลย!” สายตาของซือเยี่ยจิ๋งเหลือบไปเห็นว่าเซียวเฟิงยังเหลือพลังโจมตีสูงถึง 200,000 หน่วย มันเลยทำให้เธออดที่จะฮึกเหิมไม่ได้
“เข้ามาเลยสิ” เซียวเฟิงแสดงท่าทีสงบ
“ระวังตัวให้ดีล่ะ!” ซือเยี่ยจิ๋งปิดหน้าต่างอันดับพลังและกล่าวเตือนเซียวเฟิงก่อนจะเข้าสู่โหมดล่องหน
การบุกของนักฆ่าสาวในรอบนี้หนักหน่วงและรวดเร็วกว่าทุกครั้ง เพราะจากการสู้กันเมื่อครั้งก่อน ๆ มันทำให้เธอรู้ว่าเซียวเฟิงนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน ดังนั้นเธอจึงตั้งใจจะไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้เซียวเฟิงตั้งตัวทั้งสิ้น
มังกรคำราม มังกรขย้ำ ความโหดร้ายแห่งมังกร มังกรย่ำบาทา ทุกสกิลที่ชุดอาร์ติแฟกต์นี้มีถูกร่ายออกมาพร้อมกันในครั้งเดียวเพื่อให้การโจมตีในจังหวะเดียวนั้นเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด!
น่าเสียดายที่เซียวเฟิงยังเร็วกว่าเธอมาก เขาเริ่มจากถอยห่างและร่ายบัฟให้ตนเอง ไม่ว่าจะเป็น ค่ายกลคุ้มกันศักดิ์สิทธิ์ พำนักแห่งทวยเทพ และการอวยชัยแห่งพลังศักดิ์สิทธิ์สามสกิลบัพที่แข็งแกร่งได้ถูกร่ายใส่ร่างเซียวเฟิงเองพร้อม ๆ กัน มันทำให้ท่ามกลางเงามืด เซียวเฟิงกลับสว่างไสวราวกับเป็นดวงไฟด้วยตนเองก็มิปาน
สกิลควบคุมทั้งสองสกิล ไม่ว่าจะเป็นมังกรคำรามหรือความโหดร้ายแห่งมังกรล้วนแต่ไม่สามารถทำอะไรเซียวเฟิงได้ ผลการตรึงร่างกายนั้นแสดงอาการได้เพียง 0.1 วินาทีเท่านั้น แต่นั่นก็มากพอที่จะให้ซือเยี่ยจิ๋งพุ่งเข้ามาในระยะโจมตีของเธอได้แล้ว
ตอนนั้นเอง มีดสั้นมากมายก็พุ่งเข้าหาเซียวเฟิง ซือเยี่ยจิ๋งเหมือนจะรู้ผลลัพธ์ของการโจมตีครั้งก่อนอยู่แล้ว และเธอจงใจที่จะใช้มันเป็นตัวล่อ มีดที่พุ่งไปมาบนอากาศนั้นเสมือนอยู่ในสุญญากาศ มันลอยตัวอิสระในขณะเดียวกันก็พุ่งโจมตีได้อย่างน่าอัศจรรย์ด้วย เพียงชั่วพริบตาเดียว การโจมตีอีกมากมายก็เกิดขึ้นรอบตัวเซียวเฟิงพร้อม ๆ กัน
เซียวเฟิงกระชับด้ามค้อนศักดิ์สิทธิ์ไว้แน่น ก่อนจะเริ่มใช้มันโต้ตอบ ด้วยความที่ค้อนด้ามนี้มีลักษณะเหมือนเคียวเล่มยาว ยามที่เขาเริ่มควงมันอย่างรวดเร็ว มันจะดูเหมือนใบพัดลมที่มีแกนหมุนเป็นมือของเซียวเฟิงเอง เซียวเฟิงใช้กระบวนท่านี้หมุนเหวี่ยงค้อนไปรอบตัวเพื่อรับการโจมตีที่เข้ามาจากซือเยี่ยจิ๋งทั้งหมด!
พลาด!
พลาด!
ป้องกันไว้ได้!
ป้องกันไว้ได้!
ป้องกันไว้ได้!
โจมตีไม่เข้า!
…
นี่เป็นการต่อสู้มือเปล่าที่แท้จริง เพราะนอกจากจะเหวี่ยงค้อนศักดิ์สิทธิ์ไปมาแล้ว เซียวเฟิงก็ไม่ได้ใช้สกิลอื่นช่วยเลย เว้นเสียแต่สกิลบัฟเพื่อเพิ่มค่าสถานะของตนเองเท่านั้น เพราะอุปกรณ์ที่อยู่บนตัวซือเยี่ยจิ๋งนั้นมีสถานะสูงเสียดฟ้า หากเซียวเฟิงไปบัฟให้ตนเอง มันคงจะเป็นเรื่องยากเกินไปที่จะสู้กับเธอ
นอกจากนี้ก็มีสกิลที่ไว้ใช้เพิ่มพลังชีวิตด้วยอีกนิดหน่อย ทั้งนี้ก็เพราะว่าชุดเกราะมังกรนั้นมีความสามารถในการสะท้อนความเสียหาย เซียวเฟิงอาจจะพ่ายแพ้ได้จากการโจมตีเธอเรื่อย ๆ ซึ่งเขาไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นแน่ ๆ
ซือเยี่ยจิ๋งไม่ท้อถอยแม้ว่าจะเริ่มตระหนักได้ถึงความต่างชั้นของฝีมือแล้ว เพราะในตอนนี้ เธอแข็งแกร่งในจุดที่ไม่เคยแข็งแกร่งมาก่อนตั้งแต่เข้าสู่โลกของเกมมา
หากตีเป็นเปอร์เซ็นต์ ซือเยี่ยจิ๋งตอนนี้ แข็งแกร่งกว่าเธอตอนปกติถึง 120% เลยทีเดียว! และทั้งหมดนี่ก็เพียงเพราะเธออยากจะเอาชนะเซียวเฟิงให้ได้เท่านั้น!
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์มันก็ไม่ต่างจากครั้งอื่น
หากไม่ใช่ว่าเซียวเฟิงได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์ไปแล้ว บางทีตอนนี้เขาอาจจะต้องใช้ชูร่าไร้เทียมทานเพื่อสู้กับซือเยี่ยจิ๋งที่ได้รับพลังระดับพระเจ้ามาก็ได้ แต่เพราะตอนนี้เซียวเฟิงก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์ไปแล้ว ดังนั้นภายใน 10 นาทีก่อนที่สกิลการคืนชีพศักดิ์สิทธิ์บนตัวซือเยี่ยจิ๋งจะหมดไป เขาก็สามารถกำจัดเธอได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
“รู้สึกยังไงบ้าง?”
เมื่อเห็นร่างของซือเยี่ยจิ๋งลุกขึ้นมาอีกครั้งด้วยผลของสกิลการคืนชีพศักดิ์สิทธิ์ เซียวเฟิงก็เก็บค้อนศักดิ์สิทธิ์ของตนไปไว้ด้านหลังแล้วเอ่ยถาม
“ฉันพยายามสุดตัวแล้ว นายต่างหากที่น่ากลัวเกินไป! นายมันไม่ใช่มนุษย์แล้ว!” ซือเยี่ยจิ๋งไม่ได้รู้สึกสิ้นหวังอะไรนัก เธอเพียงถอนหายใจเบา ๆ
“ฉันพูดถึงเธอรู้สึกยังไงเกี่ยวกับคืนนี้” เซียวเฟิงสัมผัสนิ้วลงไปบนริมฝีปากสีชมพูหวานของซือเยี่ยจิ๋งเบา ๆ พร้อมยิ้มอย่างชั่วร้าย
“หนอยแน่!”
ใบหน้าสวยเจือด้วยสีแดงก่อนที่เจ้าตัวจะพ่นลมหายใจกระฟัดกระเฟียดออกมา เธอไม่ตอบคำถามนั้นและเลือกที่จะส่งอุปกรณ์ทุกอย่างคืนเซียวเฟิงแทน
“คราวนี้เธอก็รู้ถึงความห่างระหว่างพลังของเธอกับผู้เล่นระดับพระเจ้าแล้วสินะ” เซียวเฟิงถามขึ้นมาขณะสวมอุปกรณ์กลับไปดังเดิม
“ก็แค่ความห่างระหว่างฉันกับนายเท่านั้นแหละน่า นายน่ะมันตัวประหลาดเกินไป หากเป็นผู้เล่นระดับพระเจ้าคนอื่น ฉันจะต้องชนะพวกเขาได้อยู่แล้ว”
ซือเยี่ยจิ๋งยังคงมั่นใจในเรื่องนี้ เธอมองว่าการที่พลังของเธอที่ได้เห็นเมื่อครู่นี้เข้าถึงระดับพระเจ้าแล้วจริง ๆ เพียงแต่เพราะว่าคู่ต่อสู้ของเธอเป็นเซียวเฟิงต่างหาก เธอเลยพ่ายแพ้
ในฐานะที่อีกฝ่ายเป็นถึงอันดับ 1 ของทุกเซิร์ฟเวอร์ ซือเยี่ยจิ๋งจึงรู้สึกว่า หากตั้งเป้าหมายที่จะโค่นล้มเขานั้นคงจะเป็นการฝันหวานมากเกินไป ดังนั้นเธอจึงคิดว่าหากไปตั้งเป้าหมายที่คนอื่นแทนมันคงจะง่ายกว่านี้
“ยังมีอีกหลายคนที่เธอเอาชนะไม่ได้ ไม่ใช่เพียงแค่ฉัน อย่างน้อยเธอก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซีเหมินชุยเสวีย” ชายหนุ่มส่ายหน้าระหว่างพูดเตือน
“ไม่มีทาง! ก่อนหน้านี้ฉันก็เคยใช้อุปกรณ์ของนายเอาชนะหมอนั่นมาแล้ว!” ทันทีทันใด ซือเยี่ยจิ๋งเถียงอย่างไม่ต้องคิด
“นั่นมันก็แค่เมื่อก่อน ตอนนี้คนคนนั้นแข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว และในอนาคตหากวันไหนฉันหายไปจากฮัวเซีย เขาจะกลายเป็นคนที่ไร้เทียมทานแทน” เซียวเฟิงพูดต่อหลังส่ายหัวไปแล้ว ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ “อ้อ จริงสิ นี่ยังไม่รวมผู้เล่นใหม่ที่เพิ่งเข้าเกมมานะ เพราะงั้นอย่าเพิ่งลำพองตัวเองไป อนาคตมันไม่แน่ไม่นอนหรอก”
“นายเพิ่งจะบอกไปว่าคนคนนั้นแข็งแกร่งมาก ๆ ไปเอง ทำไมนายถึงมาห่วงผู้เล่นใหม่ที่เพิ่งเข้าเกมด้วยล่ะ?” ได้ยินเช่นนั้น ซือเยี่ยจิ๋งก็ถามด้วยความประหลาดใจ
“เธอรู้ถึงการมีอยู่ของตระกูลโบราณอยู่แล้ว เพราะงั้นเธอลองคิดดูนะ ว่าถ้าเกิดคนพวกนั้นเบื่อโลกที่อยู่ปัจจุบันและเลือกที่จะเข้ามาอยู่ในโลกของเกม ด้วยความที่พวกเขาเป็นพวกเหนือมนุษย์อยู่แล้ว ถ้ามาอยู่ในเกมไม่คิดเหรอว่าพวกเขาจะเก่งขนาดไหน?” เซียวเฟิงอธิบาย