Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 569 สถานะ
บทที่ 569 สถานะ
บทที่ 569 สถานะ
“อ๊าาาาา!!! น่าเบื่อจัง”
“ไม่มีอะไรทำเลย…”
หลิวเฉียงเหว่ยและคนอื่น ๆ ต่างก็กำลังนั่งกันอยู่บนโซฟา ท่ามกลางพวกเธอ ตัวหลิวเฉียงเหว่ยและซางกวนซือเฟยยังคงสง่างามในทุกท่วงท่าเสมอ
ในขณะที่ซือเยี่ยจิ๋งและเฉียนโตวโตวนั้น ในเวลานี้กลับดูมีท่าทีเหมือนลิงไม่ได้กล้วยเสียแล้ว พวกเธออยู่ไม่สุขและเปลี่ยนท่านั่งไปมาราวกับว่าบนโลกนี้ไม่มีอะไรให้ทำอีกต่อไป
“พี่เซียว พวกเราออกไปเที่ยวเล่นได้ไหม?” เฉียนโตวโตวเกยคางไปกับที่วางแขนของโซฟาขณะที่ร่างเล็กของเธอก็กำลังขยับดุ๊กดิ๊กไปมาเหมือนโลมาที่กำลังขอปลาจากคนเลี้ยงในสวนสัตว์
“เธอไม่ยุ่งเลยหรือไงน่ะ? หรือแค่ไม่มีอะไรทำเฉย ๆ?” ในตอนนี้เซียวเฟิงซึ่งกำลังยุ่งอยู่กับการหาข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับโลกของเกมที่ผ่านมาหลายวันนี้ ชายหนุ่มถามเธอกลับโดยไม่ได้เงยหน้ามองด้วยซ้ำ
วันนี้ก็เป็นวันที่ห้าเข้าไปแล้วที่โครงการอาณาจักรแห่งทวยเทพเริ่มดำเนินการ เช่นเดียวกันก็เป็นวันที่ห้าที่เกมปิดชั่วคราวด้วย มันทำเอาคนหลายพันล้านคนบนโลกว่างกันจนน่ากลัวเลยทีเดียว เพราะหลาย ๆ คนนั้นต่างก็เล่นและผูกพันกับเกมนี้จนยากที่จะแยกออกไปแล้ว ไม่ต้องคิดไปไหนไกล เราสามารถเห็นได้จากการที่บางคนเริ่มหันมาหารายได้จากเกมแทนนั่นแหละ
ถึงแม้ว่าส่วนอื่น ๆ ของเกม อย่างบัญชีของแต่ละคนที่ยังเชื่อมต่อกับธนาคารอยู่ นั่นก็ทำให้ระบบถอนเงินออกมายังคงใช้งานได้ปกติ แต่การที่พวกเขาไม่สามารถเข้าเล่นเกมได้นานถึงห้าวันต่อเนื่องกันเช่นนี้ ก็ทำให้ผู้เล่นเข้าสู่สภาวะห่อเหี่ยวกันมากมายเลยเหมือนกัน
โดยเฉพาะในประเทศเล็ก ๆ ที่มีทรัพยากรจำกัด มันก็ทำให้ผู้เล่นทั่วไปไม่มีทรัพยากรเพียงพอที่จะใช้ทำมาหากิน รวมไปถึงในบางพื้นที่ก็เริ่มเกิดการจราจลกันมากขึ้น และนี่เป็นเพียงวันที่ห้าที่เกมปิดให้บริการชั่วคราวเท่านั้น แถมมันยังเป็นแค่ขั้นแรกของโครงการอาณาจักรแห่งทวยเทพด้วย
ดังนั้นเรื่องนี้มันยังไม่จบ ไม่ต้องเดาให้ยากเลย หากเกมยังคงปิดปรับปรุงอยู่เช่นนี้ต่อไป ปัญหาสังคมในแต่ละประเทศทั่วโลกก็จะต้องเริ่มหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน
ในตอนนี้ โครงการอาณาจักรแห่งทวยเทพ ไม่เพียงแต่เป็นผลกระทบอันยิ่งใหญ่ต่อประชาชนทั่วไป แต่มันส่งผลกับทุกคนทั่วโลกเลย ทุกประเทศมีผู้ที่ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการอาณาจักรแห่งทวยเทพ และมันทำให้จำนวนผู้เข้าร่วมสูงขึ้น ๆ ทุกนาที การค้นหาร่างของผู้ที่ได้ตกลงเข้าร่วมโครงการและกลายเป็นร่างที่สมองตายในโลกแห่งความจริงในทุกประเทศ มันกลายเป็นงานอย่างหนึ่งไปเสียแล้ว
ภายในเขตฮัวเซีย แม้ว่าปัญหาสังคมเหล่านี้จะยังไม่เกิดขึ้นก็จริง แต่ด้วยความที่ทุกคนว่างกันไปหมด มันเลยทำให้ความว่างนั้นกลายเป็นตัวปัญหาแทน อย่างเช่น ภายในฟอรั่มเกม กลุ่มผู้เล่นมากมายเริ่มจะอยู่กันไม่สุข พวกเขาเริ่มออกมาเกรียน และดูเหมือนนี่จะไม่ใช่มือใหม่ด้วย
ใช่แล้ว ในเขตฮัวเซียนี้ มีพวกเกรียนมากมายรวมตัวกันอยู่ ที่ก่อนหน้าเซียวเฟิงไม่รู้ถึงเรื่องนี้เพราะเขาสนใจแต่เกมเท่านั้น ครั้งนี้เมื่อมีโอกาสเขาจึงได้เห็นกลุ่มคนอีกมากมายที่มีตัวตนอยู่ในฟอรั่มของเกม ไม่ว่าจะเป็นพวกป่วน เกรียนคีย์บอร์ด พวกที่ลืมสมองไว้ในท้องพ่อท้องแม่ซึ่งชายหนุ่มรู้สึกไม่สามารถสัมผัสได้ถึงสติปัญญาของพวกมันเลย พวกแฟนเดนตาย หรืออื่น ๆ อีกมากมายที่ทำให้ฟอรั่มปั่นป่วนมาก ๆ ในตอนนี้
ไม่ต้องพูดถึงนักข่าวที่มีชื่อเสียงเลย หลังจากที่ใช้เวลากว่าสองวันสองคืนไปกับการไล่อ่านข่าวแล้ว เซียวเฟิงก็พบว่าคนว่างเหล่านี้ต่างบ่นกันทุกเรื่องที่บ่นได้ ขนาดสกิลของอุปกรณ์สองชิ้นยังนำมาบ่นกันเลย
ทั้งหมดก็เป็นเพราะหลวงพ่อหยวน นั่นแหละที่ทำให้มีคนพรรค์พวกนี้มากขนาดนี้
เซียวเฟิงพยายามมองข้ามบรรยากาศไม่น่าอภิรมย์เหล่านี้ทิ้งไปเพื่อหาข้อมูลที่ตนเองต้องใช้ นั่นคือ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโครงการอาณาจักรแห่งทวยเทพ ในเมื่อมีคนเข้าร่วมโครงการแล้ว มันก็แสดงว่ามีคนที่ได้เข้าไปในโลกของเกมแล้ว พวกเขาจะต้องรู้ว่าตอนนี้โลกในเกมเป็นอย่างไรบ้าง
น่าเสียดายที่เวลาสี่วันที่ผ่านมานี้ เซียวเฟิงไม่ได้ข่าวคราวที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขาต้องการมาเลย เขาเชื่อเลยว่าจะต้องมีผู้เล่นอีกไม่น้อยที่เข้ามาในฟอรั่มด้วยจุดประสงค์เดียวกับเซียวเฟิง อย่างน้อย ๆ กิลด์ต่าง ๆ ในฮัวเซียก็น่าจะกำลังจับตามองอยู่
แต่จะบอกว่าไร้ผลเลยก็ไม่ได้ เพราะตอนนี้เซียวเฟิงกำลังจับตามองนักข่าวชื่อไม่ดังอยู่คนหนึ่ง ซึ่งนักข่าวคนนี้ได้บอกไว้ว่าเธอจะเข้าร่วมกับอาณาจักรแห่งทวยเทพวันนี้ และหลังจากเข้าไปในโลกของเกมได้แล้ว เธอจะทำการถ่ายทอดสดบรรยากาศภายในให้ทุกคนในฮัวเซียได้เห็นกัน
ทันทีที่ข่าวนี้โผล่ขึ้นมา จากนักข่าวตัวน้อยที่ไร้ชื่อเสียง ก็กลายเป็นนักข่าวที่โด่งดังขึ้นมาทันที เธอถูกผลักดันขึ้นไปจนติดอันดับท็อป 10 ของนักข่าวเขตฮัวเซียในเวลาไม่นาน และส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเซียวเฟิงด้วย
ในตอนแรกที่เซียวเฟิงพบกระทู้ของเธอในฟอรั่มที่พูดเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งทวยเทพ รายละเอียดภายในต่าง ๆ รวมถึงการถ่ายทอดสดที่ว่านั้นทำให้เซียวเฟิงต้องตั้งใจอ่านจนจบ เขาตามไปยังหน้าถ่ายทอดสดของเธอเพื่อจะตามเรื่องต่อ และส่งของขวัญให้เป็นกำลังใจให้เธอ แต่ด้วยการปรากฏตัวและส่งของขวัญให้เธอนั้นเอง มันก็ทำให้คนอื่น ๆ ในห้องถ่ายทอดสดเห็น จากนั้นชื่อเสียงของนักข่าวสาวก็พุ่งกระฉูดขึ้นมาทันที
ใช่แล้วเธอคนนี้เป็นนักข่าวสาวที่ยังเด็กและหน้าตาสวย อิงจากที่เธอพูดไว้ในถ่ายทอดสด ตัวเธอไม่มีความสุขในชีวิตจริงนัก รวมถึงเธอไม่มีความกล้าที่จะไปถ่ายทอดสดในโลกจริง ๆ ด้วย ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกับโครงการอาณาจักรแห่งทวยเทพนี้
ถึงแม้ว่าตอนนี้โลกของเกมจะไม่สามารถเข้าไปเล่นได้ก็จริง แต่ระบบถ่ายทอดสดก็ยังสามารถใช้งานได้เหมือนเดิม มันทำให้ผู้เล่นที่เป็นนักข่าว สามารถถ่ายทอดสดได้แม้จะไม่ต้องเข้าไปในเกมก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น ชูเมิ่งอิ๋งที่ตอนนี้ก็จัดคอนเสิร์ตเดี่ยว ที่ซึ่งช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมการถ่ายทอดสดได้เป็นอย่างดี และด้วยความเบื่อหน่ายนี้ มันก็ทำให้มีผู้คนมากมายที่ไม่มีอะไรจะทำหันมาให้ความสนใจกับการถ่ายทอดสดนี้แทนด้วย แม้ว่าขณะเดียวกันจะมีผู้เล่นเกรียนคีย์บอร์ดเพิ่มขึ้นในฟอรั่มก็ตาม
นักข่าวสาวคนนี้มีชื่อในเกมว่า ชิงชิงจือจิน หลังจากที่ได้ชื่อเสียงของเซียวเฟิงช่วย เธอก็กลายมาเป็นนักข่าวที่โด่งดังในทันที ฉายาบุคคลอันดับ 1 ของทั่วทุกเซิร์ฟเวอร์นั้นไม่ใช่ตั้งกันเล่น ๆ เพราะหลังจากที่ทุกคนได้รู้ว่าเซียวหลิงเป็นน้องสาวใคร เธอก็ถูกยกย่องให้เป็นองค์หญิงแห่งชาติทันที
ในตอนนี้ก็เช่นกัน ทันทีที่เซียวเฟิงส่งของขวัญให้ชิงชิงจือจิน ไม่ว่าจะด้วยอารมณ์ไหนก็ตาม มันก็ทำให้นักข่าวสาวกลายเป็นที่โด่งดังเพราะการปรากฏตัวของเซียวเฟิงอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ถึงแม้ว่าเธอจะถูกลือไปต่าง ๆ นานาว่ามีสัมพันธ์บางอย่างกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์ ผู้คนต่างก็เข้ามารับชมการถ่ายทอดสดของเธอกันอย่างไม่ขาดสาย แน่นอนว่ามีอีกหลายคนที่เข้ามาดูเพราะสนใจอยากรู้ในรายละเอียดของอาณาจักรแห่งทวยเทพ เช่นนั้นแล้วตอนนี้ห้องถ่ายทอดสดของชิงชิงจือจินจึงกลายเป็นที่นิยมของทุกคนในเขตฮัวเซียไปในทันที แถมจำนวนผู้ชมยังมีมากพอ ๆ กับการถ่ายทอดสดของเหล่าท็อป 10 นักข่าวในฮัวเซียอีกด้วย
เซียวเฟิงที่รับชมการถ่ายทอดสดของเธออยู่นั้น จู่ ๆ เขาก็ได้รับข้อความส่วนตัวจากหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของถ่ายทอดสด เขาไม่มั่นใจว่ามันเกี่ยวข้องกับอาณาจักรแห่งทวยเทพหรือเปล่า แต่ระหว่างนั้นเสียงของเฉียนโตวโตวที่กำลังโวยวายก็เข้ามาแทรกทำให้เขาไม่ได้เปิดอ่านข้อความในทันที
เจ้าของร้านค้ามหาสมบัติตัวแสบกำลังหาแนวร่วมเพื่อโน้มน้าวเซียวเฟิงให้พาออกไปเที่ยวด้านนอกหลังจากความพยายามรอบแรกไม่สำเร็จ
“งานของร้านค้ามหาสมบัติทั้งหมดอยู่ในเกมหมดเลย แถมตอนนี้ในสตูดิโอก็ไม่มีงานอะไรให้ทำนอกจากไปจ่ายค่าจ้างด้วย ของทางพี่หลิวเป็นยังไงบ้าง?”
เฉียนโตวโตวเบ้ปากก่อนจะวางแล็ปท็อปลงไปข้าง ๆ แล้วหันไปถามหลิวเฉียงเหว่ยที่กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่กับคอมพิวเตอร์บนตักตนเอง
“การพัฒนาหลัก ๆ ของมิดซัมเมอร์กรุ๊ปนั้นย้ายไปอยู่ในโลกของเกมหมดแล้ว ตอนนี้ก็ไม่เหลืออะไรแล้วนอกจากการขาย ขนส่งแล้วก็บริการหลังการของอุปกรณ์ในเกมไปแล้วนิดหน่อย”
หลิวเฉียงเหว่ยเองก็ปิดคอมพิวเตอร์ไปหลังจากได้ยินคำถามของเด็กสาวด้วย เธอหันไปมองทางเซียวเฟิง และสายตานั้นก็ค่อนข้างจะมีจุดประสงค์ชัดเจน
“ฉันยังมีเวลาอีกครึ่งเดือนกว่ามหาวิทยาลัยจะเปิด เพราะงั้นตอนนี้ก็ว่างอยู่นะ” ซือเยี่ยจิ๋งเองก็เข้าแนวร่วมด้วย เธอดูจะเร่งเร้าชัดเจนที่สุดแล้ว
“ฉันเองก็ไม่มีอะไรทำเหมือนกัน แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่คนนิยมเที่ยวกัน ฉันว่าละแวกนี้คงไม่มีที่ไหนที่เหมาะจะเดินเล่นแล้วล่ะมั้ง” ซางกวนซือเฟยพูดพลางขยับสะโพกที่น่าเย้ายวนของเธอเล็กน้อย
สิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นเรื่องจริง ด้วยความหนาแน่นของประชากรในเขตฮัวเซีย ยามที่ทุกคนว่างจากการเล่นเกมกันเช่นนี้ สถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งสำหรับเล่นกีฬาต่าง ๆ ก็กลายเป็นที่นิยมขึ้นมาทันที
“พวกเธอมีกันสี่คน จำนวนคนขนาดนี้ตั้งโต๊ะเล่นไพ่กันไปสิ” เซียวเฟิงพูดลอย ๆ หลัก ๆ นั่นก็เพราะเขาไม่อยากจะออกไปไหน ณ ตอนนี้ เนื่องจากชิงชิงจือจินได้เริ่มถ่ายทอดสดแล้ว แถมยังมีข้อความส่วนตัวที่เธอส่งมานั่นอีก
เนื้อหาภายในถ่ายทอดสดนั้นไม่ได้มีอะไรน่าสนใจเป็นพิเศษ เธอเพียงแค่เล่าถึงประสบการณ์ของเธอที่เหมือนกับคนอื่นที่เลือกที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ ซึ่งตัวเธอนั้นไม่มีความอาลัยอาวรณ์ใด ๆ ในโลกนี้อีกแล้ว นอกจากนี้ก็มีเล่าถึงแผนการในอนาคตที่เธอตั้งใจจะทำ ไม่มั่นใจว่าคนที่เข้ามาดูนั้นมาเพราะเซียวเฟิงอยู่ในถ่ายทอดสดนี้ด้วยหรือมาเพราะอยากรู้ข้อมูลของอาณาจักรแห่งทวยเทพ แต่นั่นก็ทำให้การถ่ายทอดสดของชิงชิงจือจินร้อนแรงไปด้วยผู้ชมตลอดเวลาตั้งแต่เริ่ม
เซียวเฟิงเปิดข้อความส่วนตัวที่นักข่าวสาวส่งมาให้ระหว่างที่เธอกำลังถ่ายทอดสดอยู่ ทว่าเนื้อหาภายในข้อความส่วนตัวนั้นก็ทำให้เซียวเฟิงขมวดคิ้วขึ้นช้า ๆ เพราะข้อความที่ชิงชิงจือจินส่งมานั้น คือการนัดเจอเขาแบบออฟไลน์
จริง ๆ เซียวเฟิงก็ไม่ได้คิดมากอยู่แล้วหากต้องไปเจอเธอในโลกจริง ๆ หากนั้นเป็นการทำเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลของอาณาจักรแห่งทวยเทพจากปากของชิงชิงจือจิน แต่ปัญหามันอยู่ที่ตอนนี้เธอยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการอาณาจักรแห่งทวยเทพแต่อย่างใด ดังนั้นมันไม่มีทางเลยที่เธอจะรู้ข้อมูลที่เขาต้องการ เพราะแบบนี้เซียวเฟิงถึงได้ขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจความคิดของอีกฝ่าย ก็เลยยังไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
ขณะนั้นเอง เฉียนโตวโตวก็เริ่มทำตัวเป็นงูที่คอยก่อกวนมนุษย์มากยิ่งขึ้น เธออยากจะไปเที่ยวกับเซียวเฟิงในขณะที่ซือเยี่ยจิ๋งก็คิดเห็นเช่นเดียวกับเธอ เพราะงั้นการถูกงูร้ายทั้งสองตนเข้ามาเกาะแกะเช่นนี้ มันจึงค่อนข้างจะทำให้เซียวเฟิงที่กำลังคิดเรื่องชิงชิงจือจินถึงกับรู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมาเล็กน้อยเลย
“เจ้าพี่โง่! องค์หญิงเซียวหลิงจะเน่าตายอยู่ในห้องอยู่แล้ว! เมื่อไหร่เราจะออกไปเที่ยวกัน? การบ้านวันนี้ขององค์หญิงเองก็เสร็จแล้วด้วย!”
ทันใดนั้น เซียวหลิงก็เดินเท้าเปล่าลงมาจากชั้นบน สภาพของเธอเหมือนดั่งที่เธอพูดไว้จริง ๆ ว่าจะเน่าตายอยู่ในห้องแล้ว ผมสีบลอนด์ทองที่ยุ่งเหยิงนั้นช่วยเป็นพยานได้ดีว่าอีกไม่นานเธอจะเน่าตายแน่ ๆ
“โอเค แล้วเธออยากไปไหนล่ะ? แต่ไม่ว่าจะที่ไหน ก็ไปเปลี่ยนชุดก่อน” ได้ยินเช่นนั้น เซียวเฟิงก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วตอบรับเธอในทันที
“โอเค! ยัยทาสวัวนม มาหวีผมให้องค์หญิงเซียวหลิงที!” นัยน์ตาสีฟ้าครามของเซียวหลิงเล็กหลี่ลงในทันทีด้วยความตื่นเต้น เด็กสาวพุ่งทะยานกลับขึ้นไปด้านบนอีกครั้งพร้อมกับตะโกนออกมาด้วย
เฉียนโตวโตวและซือเยี่ยจิ๋งที่อยู่บนโซฟาหันมอมงหน้ากันเองก่อนจะหันมองไปยังเซียวเฟิง แม้แต่หลิวเฉียงเหว่ยกับซางกวนซือเฟยเองก็ยังต้องหันไปมองเซียวเฟิงด้วยความประหลาดใจ เพราะเมื่อครู่นี้พวกเธอเพิ่งจะได้เห็นว่าเฉียนโตวโตวโดนเซียวเฟิงปฏิเสธไป แต่พอเซียวหลิงพูดเท่านั้น เซียวเฟิงกลับยอมแต่โดยดี
“พวกเธอเองก็ไปเปลี่ยนชุดซะ ไม่อยากออกไปเที่ยวเล่นหรือไง?” ชายหนุ่มลุกขึ้นพร้อมกับปิดแล็ปท็อปของตน เขาพูดขณะเดินนำขึ้นไปชั้นบนก่อน
“รู้สึกกันไหมว่าพักนี้พี่เซียวดูจะโอ๋เซียวหลิงมากเป็นพิเศษ?” เฉียนโตวโตวถามขึ้นด้วยเสียงเบาหลังจากเซียวเฟิงเดินลับสายตาหายขึ้นไปแล้ว
“ฉันเองก็รู้สึกว่าหลายวันมานี้ ตั้งแต่กลับจากเมืองหลวง ตานั่นก็เหมือนคุณลุงที่คอยเอาใจเด็กสาวไปแล้ว” ซือเยี่ยจิ๋งก็รู้สึกแบบเดียวกัน
“เด็ก ๆ ท่านเซียวก็รักน้องสาวของเขามาตลอดอยู่แล้ว ไม่ต้องคิดมากหรอก” ซางกวนซือเฟยพูดกลบความคิดแปลก ๆ ในหัวของสองสาวขึ้นมาเสียก่อน
“ไปได้แล้ว กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า อย่างน้อย ๆ ตอนนี้พวกเราก็ได้โอกาสออกไปเที่ยวเล่นแล้วนะ” หลิวเฉียงเหว่ยที่ไม่ได้ออกความเห็นอะไรกับเรื่องนี้พูดแล้วลุกขึ้นนำ
“ค่า ๆ ฉันคงต้องไปขอบคุณเซียวหลิงสินะเนี่ย” เมื่อได้ข้อสรุปดังนั้น เฉียนโตวโตวก็กระโดดเหมือนลูกบอลออกจากโซฟาไป
ถึงแม้ว่าเมืองเฉิงไห่จะมีคำว่า “ทะเล (海 ไห่)” อยู่ในชื่อก็จริง แต่เมืองนี้ก็เป็นผืนดินล้วน ๆ ไม่มีส่วนไหนติดทะเล จะมีก็แต่แม่น้ำกว้างที่ผ่านเข้ามากลางเมืองเท่านั้น ดังนั้นให้ลืมเรื่องวิวทะเลไปได้เลย
เซียวเฟิงและสาว ๆ อาบน้ำและแต่งตัวกันค่อนข้างเร็ว บางทีอาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างก็กำลังตื่นเต้นจากการที่อยู่บ้านโดยที่ไม่มีอะไรให้ทำกันมาตลอดหลายวัน แต่เพราะแบบนั้น การจะออกไปเที่ยวครั้งนี้จึงต้องใช้เวลาตัดสินใจร่วมกันอีกพักใหญ่ ๆ
ท้ายที่สุดทั้งหมดก็ตัดสินใจที่จะไปยังจุดชมวิวขนาดใหญ่ในเมืองเฉิงไห่แทน ยังไงเสียในช่วงเวลาที่แสนวิเศษนี้ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีคนหนาแน่นเหมือนกันหมด
ถ้าหากจะไม่มั่นใจว่าถ้าไปแล้วจะมีที่ให้เที่ยวหรือเปล่า ดังนั้นก็ขอให้มั่นใจว่า ถ้าไม่มีที่ให้เที่ยวอย่างน้อย ๆ ก็เดินทางสะดวก