Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 571 ไม่ผ่านเกณฑ์
บทที่ 571 ไม่ผ่านเกณฑ์
บทที่ 571 ไม่ผ่านเกณฑ์
“พี่ชายเป็นคนพิเศษ เพราะงั้นโนอาห์จึงมาเพื่อทดสอบพี่ชายด้วยตนเองไงล่ะ”
หากตัดเรื่องที่เธอเป็นปัญญาประดิษฐ์ไปแล้ว โนอาห์นั้นดูเหมือนเด็กสาวที่มาจากครอบครัวที่ยากจนมาก ๆ เสียมากกว่ากว่า ชุดที่เธอสวมนั้นหลวมโคร่ง แล้วไหนจะมีรอยขาดรอยฉีกเต็มไปหมดราวกับเธอถูกฉุดกระชากไปมาอีก ตุ๊กตาหมีที่เก่าซอมซ่อในมือเองก็ยิ่งทำให้เธอดูน่าสงสารมากขึ้นไปอีก แต่ถึงอย่างนั้นเด็กสาวก็ยังคงยิ้มให้เซียวเฟิงอยู่
หากเซียวเฟิงจำไม่ผิด โนอาห์คนนี้เป็นตัวตนที่สร้างขึ้นมาจากลูกสาวของเซี่ยเหอ และด้วยสถานะของเซี่ยเหอ โนอาห์ไม่ควรอยู่ในสภาพนี้ ไม่ว่าจะเป็นเซี่ยกวงเหว่ยที่มีฐานะเป็นถึงประธานบริษัท หรือเซี่ยเหอที่เป็นถึงเกมดีไซน์เนอร์ระดับชั้นแนวหน้า หากโนอาห์เป็นลูกสาวของเขาจริง ๆ ทำไมเธอถึงมาอยู่ในสภาพของเด็กสาวที่น่าสงสารเช่นนี้ได้กัน?
“เธอจะทดสอบยังไง?” ถึงแม้ว่าเซียวเฟิงจะสนใจความลึกลับของโนอาห์มากขนาดไหน แต่ในตอนนี้ สิ่งที่อยู่ภายในโถงนี้รวมถึงการสอบก็ทำให้เซียวเฟิงสนใจได้ไม่น้อยเลย
“วิธีการทดสอบนั้นง่ายมาก ๆ เลยค่ะพี่ชาย อย่างที่พี่เห็น รูปปั้นเหล่านี้สะท้อนความเป็นมนุษย์ของผู้เล่นแต่ละคน มีเพียงผู้ที่ผ่านเกณฑ์ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ เป็นผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นมนุษย์เท่านั้น ถึงจะสามารถผ่านการทดสอบนี้ได้” โนอาห์อธิบาย
“แสดงว่าการทดสอบนี้ไม่ได้ตั้งใจจะคัดเพียงแค่ค่าสถานะของผู้เล่นสินะ?” เซียวเฟิงพูดสรุปหลังจากเหลือบมองรูปปั้นรอบ ๆ ตัว
ภายในโถงนี้มีรูปปั้นอยู่ไม่น้อยกว่าสิบสองตน และทั้งหมดล้วนมีหน้าตาเป็นเซียวเฟิงทั้งสิ้น บนตัวของรูปปั้นเหล่านั้นต่างก็มีถ้อยคำถูกสลักเอาไว้ ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเนื้อหาการทดสอบของรูปปั้นแต่ละตัว และไม่มีตัวใดเลยที่จะกล่าวถึงค่าสถานะของผู้เล่น อย่างเช่น รูปปั้นที่อยู่ตรงกลางที่สุด มีข้อความว่า มนุษยธรรม หรือตัวอื่น ๆ ก็มีทั้ง ความฉลาด คุณธรรม รอบรู้ คุณภาพ ความรับผิดชอบ ความเพียรและอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ในบรรดาหัวข้อเหล่านั้นหากจะเรียกว่า เป็นการทดสอบธรรมชาติของมนุษย์ในแต่ละตัวบุคคล คงจะเข้าท่ากว่า
“ใช่แล้วค่ะ แท้จริงแล้ว การทดสอบนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแยกแยะข้อดีและข้อเสียของมนุษย์ พี่ชายเข้าใจถูกแล้วล่ะ” เด็กสาวพยักหน้าและยอมรับ
“แล้วการทดสอบของเธออ้างอิงจากอะไรล่ะ? รูปปั้นพวกนี้สามารถบอกได้มากขนาดนั้นเลยหรือไง?”
หลังจากที่เงียบไปพักหนึ่ง เซียวเฟิงก็มองไล่ไปตามรูปปั้นแต่ละตัวแล้วถามขึ้นมา
“แน่นอนว่าไม่ใช่อยู่แล้ว โนอาห์เป็นแค่ปัญญาประดิษฐ์ ไม่ใช่พระเจ้า จะไปมีความสามารถแบบนั้นได้ยังไงกัน? ผลลัพธ์ของการทดสอบนั้นจะอ้างอิงจากพฤติกรรมที่ผู้เล่นแต่ละคนแสดงออกมาตั้งแต่เข้ามาในโลกของเกมนู่นเลย” โนอาห์ตอบด้วยรอยยิ้ม
“นี่เธอคอยจับตามองผู้เล่นทุกคนอยู่งั้นเหรอ!?” เซียวเฟิงรู้สึกตกใจเล็กน้อย เขามองไปยังเด็กสาวตรงหน้าด้วยความกลัวที่ว่า มันจะไม่ใช่เพียงแค่ที่เธอพูด
ตัวตนของโนอาห์นั้นนับว่าลึกลับมาก ๆ รวมไปถึงความสามารถของเธอก็ยังไม่เป็นที่ปรากฏด้วย ยกตัวอย่างเช่น เมื่อตอนเซียวเฟิงกลับไปที่ฐานของเฮฟเว่นเพื่อถล่มที่นั่นในฐานะอดีตร่างทดลอง โนอาห์ก็ได้บุกเข้ามายังโลกแห่งจิตวิญญาณของเขาด้วย ดังนั้นย่อมเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่เขาจะไม่เชื่อว่าโนอาห์มีความสามารถแค่นี้
“พี่ชาย ฉันเป็นผู้สร้างโลกของมิธนะ เพราะงั้นฉันย่อมมีสิทธิ์ที่จะจับตามองโลกใบนี้อยู่แล้ว” นี่เป็นครั้งแรกเลยที่โนอาห์เปิดเผยสถานะของเธอ แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เซียวเฟิงคาดเดาไว้อยู่แล้ว
“งั้นก็เริ่มทดสอบเลยเถอะ” ในเมื่อตอนนี้เขามาอยู่ในหน้าของการทดสอบแล้ว เพราะงั้นเซียวเฟิงจึงไม่คิดจะเสียเวลาไปกับเรื่องอื่นอีก
“โอเค งั้นพี่ชายอยากจะเริ่มจากรูปปั้นตัวไหนก็ไปสัมผัสเบา ๆ ที่มันได้เลย” โนอาห์พูด
เซียวเฟิงไม่พูดอะไรให้มากความ หลังจากเข้าใจวิธีการทดสอบแล้ว เขาก็เดินตรงไปด้านหน้าและสัมผัสเข้ากับรูปปั้นที่มีข้อความ ‘ปัญญา’ สลักไว้ เพราะมันอยู่ใกล้เขาที่สุด
9! ผ่าน!
เกือบจะทันทีกับที่เซียวเฟิงสัมผัส รูปปั้นตัวดังกล่าวก็เปล่งแสงสว่างขึ้น มันแสดงออกถึงความมีชีวิตชีวาพร้อมกับแสดงคะแนนที่ได้รับไว้เหนือหัว
เขาอยู่ไปราว ๆ สองวินาทีและพิจารณาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ดูเหมือนว่าคะแนนจะมีทั้งหมด 10 แต้ม ดังนั้นถ้าจะผ่านก็คือ 6
แม้จะได้ 9 แต่เซียวเฟิงก็ยังไม่อยากจะคิดถึงเหตุผลในตอนนี้ เขาเลือกที่จะเดินไปสัมผัสรูปปั้นตัวต่อไปอย่างต่อเนื่อง
8! ผ่าน!
6! ผ่าน!
7! ผ่าน!
10! ผ่าน!
…
มีรูปปั้นทั้งหมดสิบแปดตัว ตลอดทางก่อนที่จะมาถึงหัวข้อ ‘มนุษยธรรม’ รูปปั้นทั้งสิบเจ็ดตัวนั้น เซียวเฟิงมีคะแนนผ่านเกณฑ์ทั้งหมดโดยไม่ต้องคาดหวังอะไร จะมีก็แค่หัวข้อคุณธรรมเท่านั้นที่ข้ามเส้นพอดี เขาพูดไม่ออกเล็กน้อยแต่เพราะตัวอื่น ๆ คะแนนสูงลิ่ว เซียวเฟิงจึงไม่ได้รู้สึกติดขัดอะไรนัก
เซียวเฟิงที่สามารถผ่านเกณฑ์รูปปั้นทั้งสิบเจ็ดตัวมาได้อย่างต่อเนื่องอยู่ในสภาวะที่ใจเย็นมาก ๆ ต่อให้หัวข้อ ‘มนุษยธรรม’ จะทำให้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่รู้สึกกังวลอะไร
ยังไงเสียโนอาห์ก็พูดไว้อยู่แล้วว่าผลลัพธ์ทั้งหมดจะถูกนำมารวมกันแล้วตีเป็นคะแนนเฉลี่ย เพราะงั้นต่อให้หัวข้อนี้เขาจะไม่ผ่าน มันก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับค่าเฉลี่ยมากมายอยู่แล้ว เมื่อคิดได้ดังนั้น เซียวเฟิงจึงยกมือขึ้นสัมผัสรูปปั้นตนนั้นอย่างไม่คิดอะไรมาก
แต่ทันใดนั้นเอง ความไม่ปกติก็เกิดขึ้น
แกร๊ก!
เสียงบางสิ่งบางอย่างกำลังแตกออก และมันดังมาจากรูปปั้นตรงหน้า รูปปั้นมนุษยธรรมไม่มีแสงเปล่งออกมาเหมือนตัวอื่น ๆ ที่เซียวเฟิงสัมผัส กลับกันมันยังมีรอยแตกร้าวจากจุดที่เขาสัมผัสไปด้วย รอยแตกดังกล่าวแยกกระจายไปหัวและเท้าของรูปปั้น ก่อนที่มันจะแสดงคะแนนขึ้นมาที่ด้านบน
-99! ไม่ผ่าน!
โพละ!
รูปปั้นหัวข้อมนุษยธรรมระเบิดออกกลายเป็นเศษหินเล็ก ๆ มากมายลงมากองอยู่กับพื้น ไม่เพียงเท่านั้น มันเหมือนเป็นผลลัพธ์ที่ส่งต่อถึงกัน รูปปั้นอีกสิบเจ็ดตัวที่แต่เดิมเคยเปล่งแสงสว่างบัดนี้ก็เกิดรอยร้าวและแตกออกเหมือน ๆ กันในคราเดียว เพียงชั่วพริบตา รูปปั้นทั้งหมดก็กลายเป็นกองหินพะเนินไปเรียบร้อยแล้ว
เซียวเฟิงมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความตกตะลึง เขาเงียบสงบยามที่ไล่สายตามองไปตามกองหินโดยไร้ซึ่งคำพูด
“พี่ชาย ดูเหมือนว่าพี่จะไม่ได้ตกใจอะไรขนาดนั้นสินะคะ” โนอาห์เดินเข้ามาสัมผัสหลังเซียวเฟิงเบา ๆ พร้อมกับยิ้มให้เขา
“หัวข้อสุดท้ายนั่น…ไร้เหตุผลสิ้นดี…” ดูเหมือนเซียวเฟิงจะกำลังคิดวนซ้ำในเรื่องนี้อยู่
“มนุษยธรรม…แท้จริงแล้วมันก็คือความไร้เหตุผลไม่ใช่เหรอคะ?”
ความคิดของเซียวเฟิงถูกขัดด้วยคำพูดของโนอาห์อีกครั้ง และมันก็ทำให้เขาเงียบไปพักหนึ่งเลย
“เพราะแบบนั้น ฉันก็เลยไม่ผ่านการทดสอบสินะ?” เซียวเฟิงเริ่มขมวดคิ้ว
“ใช่แล้วค่ะ แต่ผลลัพธ์ของการทดสอบนั้นไม่ได้ตายตัว เพราะงั้นพี่ชายสามารถมาทดสอบใหม่ได้ทุกวันเลยล่ะค่ะ บางทีพี่อาจจะผ่านในสักวันหนึ่ง” เด็กสาวย้ำเตือนด้วยรอยยิ้ม
“จุดประสงค์ที่เธอเอาวิธีมาใช้เพื่อแยกสิ่งที่ดีกับสิ่งที่ไม่ดีออกจากกันคืออะไร?” ทันใดนั้นเอง เซียวเฟิงก็หันไปสบตากับโนอาห์แล้วถาม
“พี่ชาย เหตุผลเดียวที่ทำให้โนอาห์มีตัวตนอยู่ ก็คือ การทำให้มนุษยชาติพัฒนาไปในทางที่ดีและคงอยู่สืบไปเท่านั้น” แววตาของโนอาห์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก ราวกับว่านี่เป็นสิ่งที่ถูกตั้งคำตอบไว้อยู่แล้ว
“แต่ถึงอย่างนั้น การที่เธอห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่ผ่านการทดสอบเข้าเกมเพียงเพราะเขาไม่ผ่าน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับการพัฒนามนุษยชาติให้ไปในทางที่ดีไม่ใช่เหรอ?” เซียวเฟิงขมวดคิ้วด้วยความสับสน
“นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้โครงการอาณาจักรแห่งทวยเทพถูกสร้างขึ้นค่ะ” โนอาห์ตอบด้วยรอยยิ้ม
“โครงการอาณาจักรแห่งทวยเทพ…แผนการอพยพ…ธรรมชาติคัดสรรค์!” และแล้วเซียวเฟิงก็ได้เข้าใจทันทีถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของโครงการอาณาจักรแห่งทวยเทพ “เธอคิดจะกำจัดคนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ทุกคนเพราะถือเป็นภัยคุกคามของการพัฒนามนุษย์ชาติงั้นเหรอ!?”
“พูดจริง ๆ เลยนะคะ นี่ไม่ใช่การกำจัด แต่ไหนแต่ไรโนอาห์ก็ไม่มีความสามารถอะไรที่ถือเป็นการทำร้ายมนุษย์ได้อยู่แล้ว สิ่งที่ทำก็เป็นเพียงการปล่อยให้พวกเขาอยู่ในที่ที่เหมาะสมกับพวกเขาแทนก็เท่านั้น” เธอโต้ตอบเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเข้าใจผิด ก่อนจะถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะเชิญชวนให้เซียวเฟิงเห็นด้วยความคิดของเธอ “พี่ชาย…กำลังพูดอะไรอยู่กันแน่คะ? พี่น่าจะเข้าใจโนอาห์มากกว่าใครไม่ใช่เหรอ? พี่ชายเอง…ก็เห็นด้วยกับสิ่งที่โนอาห์กำลังทำใช่ไหม?”
“งั้นในเมื่อเธอไม่ยอมให้ผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์เข้าไปสู่โลกของเกมได้ เธอจะโอนย้ายคนเหล่านี้รวมถึงฉันได้ยังไง?” เซียวเฟิงไม่สามารถปฏิเสธคำสัญญาที่อยู่ในใจเขาได้ ดังนั้นจึงต้องหันกลับมาถามเธออีกครั้ง
“อาณาจักรแห่งทวยเทพเริ่มที่จะบังคับโอนย้ายแล้วหลังจากเข้าสู่เฟสที่ 2 และในเฟสที่ 3 พวกเราจะเตรียมตัวเพื่อที่จะรองรับการบังคับโอนย้ายในปริมาณมาก ๆ ซึ่งรวมไปถึงผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ด้วยจนกว่าโครงการจะเสร็จสมบูรณ์” เธอไม่ได้ปิดบังอะไรทั้งสิ้น
“บังคับโอนย้ายเหรอ…เกณฑ์ผ่านของการทดสอบสำหรับผู้เล่นในตอนนี้คือเท่าไหร่?” เขาทวนคำพูดก่อนจะถามต่อไปอีก
“เกณฑ์ในการผ่านของโนอาห์นั้นค่อนข้างจะต่ำมาก ๆ เลย หากผู้เล่นที่เข้าร่วมการทดสอบมีค่าเฉลี่ยสูงกว่า 8 และไม่ต่ำกว่า 2 ก็จะถือว่าผ่านเกณฑ์ ค่าเฉลี่ยนี้ต่อให้เป็นเฟสที่ 3 ก็ไม่น่าจะเปลี่ยนไปมากนักหรอกค่ะ” โนอาห์ตอบ
“ถ้าอย่างงั้น ฉันเองก็จะโดนบังคับโอนย้ายไปด้วยเหรอ?” หลังจากได้ฟังแบบนั้น เซียวเฟิงก็เริ่มกลับมาคิดถึงตนเองใหม่
“โนอาห์เองก็ยังหวังจะให้พี่ชายผ่านการทดสอบนะคะ เพราะงั้นกลับมาทดสอบใหม่ทุก ๆ วันก็แล้วกันเนอะ” คำพูดของโนอาห์ทำให้เซียวเฟิงเงียบไป มันชัดเจนแล้วว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้อภิสิทธิ์พิเศษแต่อย่างใด
ในเมื่อเขาไม่ผ่านการทดสอบ เขาเองก็เป็นเพียงคนที่ไม่ผ่านเกณฑ์คนหนึ่งและจะไม่สามารถออนไลน์ได้ แถมยังถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ผู้ที่จะถูกบังคับโอนย้ายด้วย
เมื่อได้ข้อมูลที่ต้องการหมดแล้ว เซียวเฟิงก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ต่อไป เขาร่ำลาโนอาห์แล้วออกจากที่นั่นมา
เมื่อถอดหมวกเล่นเกมออกแล้ว เซียวเฟิงก็นอนอยู่บนเตียงและครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่เนิ่นนาน จากในใจเขา ความคิดของโนอาห์เป็นสิ่งที่เขาปฏิเสธไม่ได้ แม้ว่าโครงการอาณาจักรแห่งทวยเทพจะถือเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก ๆ ก็ตาม หากโครงการนี้สำเร็จ นั่นหมายถึงจะมีประชากรบนโลกปัจจุบันนี้ถูกปัดหายไปกว่า 20% เลยทีเดียว!
และถึงจะรู้เช่นนั้น เซียวเฟิงก็ยังรู้สึกว่าสิ่งที่โนอาห์ต้องการจะทำนั้นไม่ได้ผิดอะไร ในแง่ของผลลัพธ์ มันถือว่าช่วยลดปัญหาพื้นฐานอย่างเรื่องทรัพยากรที่กำลังขาดแคลนได้เป็นอย่างดี แถมมันยังช่วยลดจำนวนผู้ที่ขาดความเป็นมนุษย์ในสังคมลงไปได้เยอะมาก ๆ เนื่องจากคนเหล่านี้ก็ถือเป็นปัญหาในการพัฒนาสังคมมนุษย์ที่มีคุณภาพเช่นกัน หากสามารถนำคนเหล่านี้ออกจากการขัดขวางการพัฒนาได้ มันจะเป็นผลดีกับการพัฒนามนุษยชาติอย่างมากเลยทีเดียว
แต่ถึงอย่างงั้น มันก็น่าหนักใจตรงที่ เซียวเฟิงก็ดันหลุดไปอยู่ในกลุ่มเดียวกับบุคคลที่ขาดความเป็นมนุษย์ไปด้วย ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ได้ตกใจหรือปฏิเสธความจริงนี้ แต่มันก็ยากที่จะให้ตัวเองยอมรับการตัดสิน
การบังคับโอนย้ายงั้นเหรอ? ถึงมันจะไม่ได้ฟังดูเป็นการบีบบังคับหรือคุกคามเซียวเฟิงก็จริง แต่กว่าจะถึงขั้นนั้น การที่เซียวเฟิงไม่สามารถเข้าเกมได้ดูจะเป็นปัญหามากกว่าเสียอีก
นอกจากนี้ การเปิดเผยข้อมูลอัปเดตในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เซียวเฟิงที่ได้รับผลกระทบหนักเพียงคนเดียว ดูจากในฟอรั่มแล้ว ทุกคนเองก็น่าจะตกใจไม่ต่างกันนัก
เพียงแค่ชั่วข้ามขึ้น ฟอรั่มในทุกเขตก็เต็มไปด้วยผู้ที่ออกมาบ่น ด้วยจำนวนที่มากมาย จะบอกว่าพวกเขามีมากเหมือนกลุ่มคนก็ไม่เกินไปนัก ดู ๆ แล้วน่าจะราว ๆ 20% ของผู้เล่นทั้งหมดได้เลย ถ้าหากพวกเขาไม่ผ่านการทดสอบ จะสามารถอธิบายได้ง่าย ๆ ว่าพวกเขาไม่ผ่านเกณฑ์ความเป็นมนุษย์ก็ยังได้ ผู้เล่นเหล่านี้ถูกตีความเป็นภัยคุกคาม หรือเรียกด้วยภาษาสมัยใหม่ง่าย ๆ ว่า พวกท็อกซิก!
ไม่เพียงเท่านั้น นอกจากผู้ที่เข้ารับการทดสอบแล้ว เซียวเฟิงยังได้ยินข่าวด้วยรัฐบาลทั่วโลกกำลังเจอปัญหาใหญ่กันอีกครั้ง นั่นคือ ภายในชั่วข้ามคืน มีโรงพยาบาลและเรือนจำมากมายจากทุกมุมโลกประสบปัญหาแบบเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยร้ายแรงหรือนักโทษอุกฉกรรจ์ล้วนพากันสมองตายกันหมด ซึ่งมันเป็นอาการเดียวกับผู้ที่ตัดสินใจเข้าร่วมกับอาณาจักรแห่งทวยเทพเลย ที่สำคัญที่สุด มีคนไปพบว่าคนเหล่านี้ปรากฏตัวอยู่ในมิธด้วย!